ถ้ำเหมืองของตระกูลกู้ยังขุดไม่พบ พระชายาก็ขุดได้เยอะขนาดนี้ก่อนแล้วงั้นหรือ?ถ้าหากไม่ได้เห็นด้วยตาตนเอง ก็คงจะไม่เชื่อเลยสักนิดนายท่านรองกู้จ้องมองอย่างตื่นตะลึง ตกตะลึงอยู่ครู่ใหญ่ ถึงได้สติกลับคืนมา “พระชายาจะดวงดีเกินไปแล้วกระมัง?”เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินดังนั้น ก็รู้สึกน่าขันยิ่งนักดวง?“ดวงไม่ดีไม่ใช่เหตุผลที่จะเบี้ยวหนี้ การเดิมพันของพวกเรายังคงดำเนินต่อไป”“...”สีหน้าของนายท่านรองกู้หมองคล้ำให้ตายเถอะ!เขาอยู่ต่อไปไม่ไหวแล้ว ใบหน้าแก่ชราเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม สะบัดแขนเสื้อแล้วเดินจากไป กลับไปที่ค่ายของตนเอง เมื่อเห็นบรรดาคนงานพวกนั้นนอนหลับสบาย กำลังส่งเสียงกรน ก็กระทืบเท้าด้วยความโมโห“กี่โมงกี่ยามแล้ว ยังนอนหลับกันอยู่ได้! ตื่นมาทำงานได้แล้ว!”เหนื่อยมาทั้งวัน คนงานที่กำลังนอนหลับอย่างสุขสบาย “?”ฟ้ายังไม่สว่างเลย?แต่ว่า นายท่านรองกู้ที่ระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขาจึงต้องรีบลุกขึ้น แบกพลั่ว แบกจอบและเครื่องมืออื่น ๆ ออกเดินทางทันที เพื่อเข้าไปขุดถ้ำเหมืองการขุด ดำเนินไปตลอดทั้งคืนจนกระทั่งยามฟ้าสาง นอกจากขุดได้เหล็กจำนวนน้อยนิดแล้ว ก็ไม่ได้อย่างอื่นอีก
จากนั้นขบวนก็เคลื่อนทัพทันที ระยะห่างจากที่นี่ออกไปสี่ลี้ ฉู่เชียนหลีก็เจอภูเขาอีกลูกหนึ่ง คนนับร้อยลงมือพร้อมกัน มีทั้งตัก มีทั้งขุด คนมากกำลังเยอะกำลังดำเนินการไปอย่างรวดเร็วในเวลาเดียวกัน ทางด้านนายท่านรองกู้ก็กำลังขุดอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ขุดไปจนกระทั่งตอนบ่าย ทยอยขุดเหล็กอันบางเบาออกมาได้จำนวนหนึ่ง แต่ปริมาณค่อนข้างน้อย เมื่อนำมารวมกันยังบรรจุได้ไม่เต็มกล่องนายท่านรองกู้กลัดกลุ้มใจ หันหน้าไปด่าหน่วยสำรวจ“ครั้งนี้พวกเจ้าเป็นอะไรไป ตาบอดแล้วหรือไง? ถึงได้หาตำแหน่งได้ไม่แม่นยำ?”ผลลัพธ์อันน้อยนิดแค่นี้ น่าขายหน้าเสียจริงคนของหน่วยสำรวจก้มหน้า ไม่กล้าโต้เถียง“ท่านพ่อ การสำรวจนี้เดิมทีก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ผิดพลาดไปบ้างก็เป็นเรื่องปกติ อีกอย่าง ในถ้ำนี้ก็มีเหล็กอยู่ แม้จะค่อนข้างน้อยเท่านั้น” กู้ชิงชิงกล่าวเดินมาถึงตรงหน้าก้อนหิน ก็หยิบเหล็กดิบที่หนักอึ้งก้อนหนึ่งขึ้นมา ลองชั่ง กล่าว“ถึงแม้ว่าเหล็กจะน้อย แต่ชนะพระชายาอ๋องเฉินก็พอ ออกจากตระกูลกู้ของพวกเราไป เกรงว่านางขุดภูเขาสิบลูกก็ไม่เจอเหล็ก”นายท่านรองกู้ขมวดคิ้วรีบขุดถ้ำเหมือง เกือบจะลืมติดตามข่าวคราวทางด้านนั้น
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเช่นกัน พวกคนงานขุดภูเขาแร่ลูกนี้อยู่สี่ชั่วยามกว่า ๆ แต่ข้างในมีความผิดปกติมากมาย ข้าทำงานมาหลายปี ไม่เคยเห็นเรื่องที่ผิดปกติเช่นนี้มาก่อนเลย ถึงขนาดนี้ที่ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดทั่วไปได้”เฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว สีหน้าหนักใจนายท่านรองกู้โบกมือ “อ๋องเฉินอย่าเพิ่งร้อนใจ ภายในภูเขาเต็มไปด้วยวิญญาณธรรมชาติ ห่างไกลจากความวุ่นวายของมนุษย์ ก็เหมือนว่าได้กลายเป็นวิญญาณ มีปรากฏการณ์มากมายที่ไม่สามารถอธิบายได้”“โชคดีที่ตระกูลกู้ของพวกเรามีความรู้ และประสบการณ์มากมาย ข้าขอเข้าไปดูในถ้ำก่อน แล้วค่อยว่ากันก็ยังไม่สาย”เขาอยากจะเข้าไปดูท่าทางอันน่าเวทนาของฉู่เชียนหลีอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้วตอนเช้ายังมีท่าทีที่ลำพองใจ มั่นใจในตัวเองขนาดนี้ ตอนนี้ก็เป็นการตบหน้าตัวเองแล้วอยากจะลองถามนางดูว่า เจ็บหน้าหรือไม่?เฟิงเย่เสวียนถอนหายใจเบา ๆ “ก็ดี ก็ดี...หัวหน้าตระกูลกู้ เชิญ”เขาสาวเท้า เดินไปข้างหน้า นายท่านรองกู้กับกู้ชิงชิงตามข้างหลังไปติด ๆเมื่อเข้าไปภายในถ้ำเหมือง บรรยากาศหนาวเย็นกดดันนายท่านรองกู้พลางเดิน พลางกล่าวปลอบใจ “อ๋องเฉินอย่ากังวลใจจนเกินไป เม
นายท่านรองกู้ “...”กู้ชิงชิง “...”จู่ ๆก็อยากจะบีบคอฉู่เชียนหลีเสียให้ตาย...นี่มันเห็นผีที่ไหนกัน? เห็นชัด ๆว่ามาที่นี่เพื่อโอ้อวด!“อาจจะเป็นเพราะพวกเราดวงดีก็ได้นะ” น้ำเสียงเบา ๆของเฟิงเย่เสวียนดังขึ้น “เมื่อครู่หัวหน้าตระกูลกู้กล่าวว่า เขาขุดแร่มาหลายปี มีเรื่องแปลกประหลาดอะไรที่ไม่เคยเห็นบ้าง? การขุดภูเขาแร่สองลูกติดต่อกันแบบนี้ ก็เป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ”“ใช่หรือไม่ หัวหน้าตระกูลกู้?”สีหน้าของนายท่านรองกู้เขียวคล้ำ มีเลือดคำหนึ่งอยู่ในลำคอ คายออกมาไม่ได้ กลืนลงไปก็ไม่ได้ เกือบจะทำให้ตนเองสำลักตาย“อาเฉิน ข้าคิดว่าข้าโดนของแล้ว เหตุใดดวงของข้าถึงได้ดีขนาดนี้นะ? ข้ามันก็แค่คนไร้ประโยชน์ที่ไม่มีความสามารถคนหนึ่งนี่!” ฉู่เชียนหลีเอามือกุมทรวงอก ส่ายหน้ากล่าว“เชียนหลี ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าว่าตัวเองแบบนี้” เฟิงเย่เสวียนจับมือเล็กของนางเอาไว้ “ดวงดีก็คือความสามารถอย่างหนึ่ง คนอื่นอยากได้ก็ร้องขอไม่ได้”“แต่ข้าแค่ขุดไปตามอำเภอใจเท่านั้น แค่ลองเสี่ยงดวงดู ข้าจะไปเก่งกว่าตระกูลกู้ได้อย่างไรกัน?”“เชียนหลีอย่าคิดเช่นนี้ เมื่อเช้าหัวหน้าตระกูลกู้พูดแล้วว่า ถือเป็นการตัดสินแพ้ชนะ คิดว
แบ่งผลตัดสินแพ้ชนะแล้ว โดยปล่อยให้คนในวังขุดแร่อยู่ที่นี่ ฉู่เชียนหลีและคนอื่น ๆ ยกขบวนกลับเมืองหลวงเดิมพันของทั้งสองฝ่ายแพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวง ตอนกลับถึงเมืองหลวง เมื่อบรรดาชาวบ้านเห็น ก็ยิ่งวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุดหย่อนในวังหลวงฝ่าบาทได้รับข่าวคราวอย่างละเอียด ดีใจจนมารอรับทั้งสองฝ่ายอยู่ในอุทยานหลวง“ภรรยาเจ้าเจ็ด หัวหน้าตระกูลกู้ กลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือฮ่า ๆ!” ฝ่าบาทเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ท่าทางภาคภูมิ อย่าถามว่าอารมณ์ดีมากขนาดไหนเลยนายท่านรองกู้ใบหน้าอึมครึม ดูแย่มากหลังจากเสร็จสิ้นพิธี ทุกคนนั่งลง“ผลงานของพวกเจ้าเรารู้แล้ว ช่างเป็นคนที่มีพรสวรรค์และฝีมือจริง ๆ แต่ละรุ่นแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆฮ่า ๆ ๆ! หัวหน้าตระกูลกู้เจ้าว่าใช่หรือไม่? ฮ่า ๆ ๆ!”นายท่านรองกู้สีหน้าหมองหม่นขึ้นเรื่อย ๆฝ่าบาทดีใจเป็นอย่างยิ่ง สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีด้วยความพึงพอใจมากแค่ไหน ภาคภูมิใจมากแค่ไหนหลายร้อยปีมานี้ ราชวงศ์พึ่งพาตระกูลกู้มาโดยตลอด ถึงได้มีแหล่งที่มาของเหล็กดิบได้อย่างมั่นคง ตอนนี้ดีแล้ว ตนมั่นใจในเทคนิคการสำรวจ ควบคุมกิจการเหล็กของราชวงศ์อยู่ในมือ ก็ไม่กลัวการควบคุมจากตระกู
นี่…ฮ่องเต้ก็เอ่ยปากแล้ว ฉู่เชียนหลียังจะไม่ตอบตกลงหรือ?การขุดเหมืองเป็นงานใช้กำลัง และนางก็ไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยนัก ของสิ่งนี้อยู่ในมือก็ไม่ได้ใช้ ตรงกันข้ามสามารถอุทิศให้บ้านเมือง มอบให้ฮ่องเต้ ยังสามารถช่วยเฟิงเย่เสวียนทำผลงานด้วย เป็นประโยชน์ต่อการแข่งขันเพื่อขึ้นครองราชย์ในวันข้างหน้านางเพิ่งจะพยักหน้า เฟิงเย่เสวียนที่อยู่ข้างกาย“จะให้ท่านก็ได้ แต่หม่อมฉันมีเงื่อนไขหนึ่งข้อ”นาง “?”คุยเงื่อนไขกับฮ่องเต้?ฮ่องเต้ตะลึงงันก่อน จากนั้นก็หัวเราะ “เจ้าเด็กนี่ เจ้านี่มันไม่ยอมขาดทุนแม้แต่น้อยจริงๆ มีเงื่อนไขอะไร พูดมาเถอะ”“หากสามารถให้ได้ เราก็ให้ ถ้าหากให้ไม่ได้ เราค่อยลองคิดหาวิธี”เฟิงเย่เสวียนกวาดมองท้องฉู่เชียนหลีแวบหนึ่ง เขากล่าว“ชื่อของลูก หม่อมฉันเป็นคนตั้ง”ฮ่องเต้ “?”หรือชื่อที่เขาตั้งมันไม่เพราะ?“เจ้าเจ็ด เจ้าพูดเช่นนี้มันทำร้ายจิตใจเราไปหน่อยแล้ว เพื่อที่จะตั้งสองชื่อนี้ เราเปิดอ่านตำราโบราณ พจนานุกรมชื่อ หนังสือโบราณ หนังสือฮวงจุ้ย และหนังสือทำนายดวงมากมาย ชื่อนี้เรียกได้ว่าเป็นการรวบรวมแก่นแท้ของฟ้าดิน และความรุ่งโรจน์ของสุริยาจันทราเข้าด้วยกัน เป็นชื
จวนอ๋องเฉินทั้งสองกลับมา หลิงเชียนอี้ได้รับข่าว ก็รีบวิ่งมาหาทันที“น้าสะใภ้ คิดไม่ถึงว่าท่านจะชนะตระกูลกู้! โอ้สวรรค์! ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านคือแบบอย่างของข้า!”พุ่งพรวดเข้ามาด้วยความตื่นเต้น ก็จะมอบกอดอันอบอุ่นให้ฉู่เชียนหลี แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนคั่นออกไปอย่างรังเกียจหลิงเชียนอี้เบะปากทีหนึ่ง แววตาเผยให้เห็นความไม่พอใจ“ข้าตื่นเต้นมาก กอดหน่อยสิ เหตุใดท่านน้าจึงขี้งกเช่นนี้ ทำเหมือนเป็นเด็กผู้หญิงไปได้”หลายวันมานี้ ทั้งเมืองหลวงมีการถกเถียง ล้วนบอกว่าพระชายาอ๋องเฉินจะแพ้ผลปรากฏว่ากลับทำให้ทุกคนตกใจจนอ้าปากค้างเฟิงเย่เสวียนยกเปลือกตา มองไปทางอวิ๋นอิงที่อยู่ข้างๆ แล้วกวักมือ “เจ้ามานี่”อวิ๋นอิงตะลึงงันไปครู่หนึ่ง มองไปทางฉู่เชียนหลีโดยไม่รู้ตัว“ทำอะไร?” หลิงเชียนอี้ถาม“ข้าเห็นว่านางหน้าตางดงาม อยากลองกอดดูเสียหน่อย”“...”หลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกทันที รีบปล่อยมือ กอดภรรยาของตนเองแน่น“ก็แค่กอดเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไรเสียหน่อย เจ้าจะขี้งกเกินไปแล้วกระมัง?” เฟิงเย่เสวียนคืนคำพูดนี้กลับไปให้หลิงเชียนอี้อย่างแผ่วเบาหลิงเชียนอี้พูดอะไรไม่ออกแล้ว “...”
เฟิงเย่เสวียนรังเกียจ “เหตุใดทำเหมือนไม่เคยเจอเห็นผู้หญิง?”“ก็ข้าไม่เคยเจอ จะทำไมล่ะ!” เถียงอย่างเด็กทรพี อุ้มภรรยาที่ยังไม่ได้แต่งเข้าจวนไว้ ไม่ต้องพูดถึงว่าทะนุถนอมเพียงใดทำเอาอวิ๋นอิงเขินอายมากฉู่เชียนหลียิ้มแล้วยิ้มอีก มองดูบัตรเชิญฉบับนั้น รอยยิ้มหายไป“กลัวแต่ว่าตระกูลกู้จะไม่ยอมง่ายๆ”ตอนที่อยู่เขาอวี้หลง นายท่านรองกู้นั่นสามารถทำแม้แต่เรื่องขโมยแร่ยามวิกาล ไม่ใช่คนซื่อตรงอะไร เขายินยอมยกเลิกสัญญาแต่งงานจริงหรือ?“ท่านโหวน้อยอย่าประมาท คืนพรุ่งนี้ไปบ้านตระกูลกู้ ข้าส่งคนไปปกป้องเจ้า”ในใจหลิงเชียนอี้มีแต่อวิ๋นอิง และรวมถึงเรื่องแต่งงาน จะมีเวลาไปสนใจแผนของตระกูลกู้เสียที่ไหน?จับมือของอวิ๋นอิง มองนางอย่างจริงจัง กล่าวทีละคำ“อวิ๋นอิง พรุ่งนี้หลังพวกเรากลับจากบ้านตระกูลกู้ ข้าก็พาเจ้ากลับบ้าน กลับจวนโหวติ้งกว๋อ ไปพบพ่อแม่ข้า ดีหรือไม่?”พลันอวิ๋นอิงแน่นหน้าอก ดูอึดอัดเล็กน้อย สายตามองไปทางฉู่เชียนหลีเหมือนขอความช่วยเหลือต่อให้เป็นคนนิสัยโผงผาง แต่เวลาเผชิญหน้ากับเรื่องเช่นนี้ ก็คือกระต่ายน้อยที่ไม่มีประสบการณ์ดีๆ นี่เองฉู่เชียนหลียิ้ม บอกใบ้ให้นางสบายใจได้ก่อนห
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท