“ขอเพียงแค่ฉู่เชียนหลีไม่มีลูก ลูกชายของพวกเราก็จะเป็นพระราชนัดดาองค์โต ท่านถึงจะมีโอกาสขึ้นครองราชย์! ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อท่านอ๋อง!”“ของที่ข้าอยากได้ ต้องใช้มือของผู้หญิงตั้งแต่เมื่อใด?” เฟิงเจิ้งหลีบีบลำคอของนางแน่น นิ้วมือทั้งทางบีบแรงขึ้น“โดยเฉพาะเจ้า!”พวกคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!เรื่องที่ทำแดงขึ้น ฉู่เชียนหลีจึงคิดว่าเป็นฝีมือของเขา ถึงขั้นตัดขาดกับเขา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวเพียงคนเดียวเขาให้ความสำคัญกับฉู่เชียนหลีมากที่สุด การถูกฉู่เจียวเจียวผลักออกไปไกลเขาจะอดกลั้นความโมโหนี้เอาไว้ได้อย่างไร?เมื่อมองหน้าของฉู่เจียวเจียว เขาก็นึกถึงท่าทางที่เฉยชาและเด็ดเดี่ยวของฉู่เชียนหลีขึ้นมา เพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มอกก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ระบายออกมาโดยที่ไม่มีการสะกดกลั้นเอาไว้เลยแม้แต่น้อย“ตอนนั้น ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็เอาแต่ใช้ประโยชน์จากนิสัยใจอ่อนของท่านแม่ข้า มาควบคุมข้า บีบให้ข้าทิ้งหน้าที่ที่ค่ายลาดตระเวน จำต้องอยู่ที่เรือน ตอนนี้ เจ้ายังมาสอดมือเรื่องของข้ากับฉู่เชียนหลี ท่านแม่จากไปแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าใครจะปกป้องเจ้าได้!”ทันทีที่น้ำเสีย
ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับมาถึงจวนอ๋องเฉิน ก็ได้เป็นเวลาพลบค่ำแล้วภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เรื่องที่นางเดิมพันกับตระกูลกู้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนไปในทิศทางเดียวกันมากพระชายาอ๋องเฉินจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยนางกลับมาถึงในจวน คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้าสะใภ้ เหตุใดท่านจึงเดิมพันกับตระกูลนั่นได้ละ? ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือไร! หน่วยสำรวจของตระกูลกู้แม้แต่ราชวงศ์ยังยอมรับ ไม่มีใครสามารถเทียบกับพวกเขาได้ติดเลย!” หลิงเชียนอี้ร้อนใจมาก“พระชายา เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้? ทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการขว้างไข่ใส่ก้อนหิน ท่านไม่มีทางเอาชนะได้...”อวิ๋นอิงเป็นกังวล“พระชายา ท่าน...เฮ้อ...” พ่อบ้านชราไม่ได้เอ่ยวาจา แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแทนการเดิมพันครั้งนี้ พระชายาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอนฝีมือการสำรวจของตระกูลกู้ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้น หน่วยสำรวจมีประสบการณ์ที่ถ่ายทอดกันมาหลายร้อยปี ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา กล่าว “มนุษย์ไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบเดิมได้ตลอดไป บางครั้ง การท้าทายที่เป็นไปไม่ได้ ก็มีคว
ฉู่เชียนหลีเป็นคนที่เข้าข้าง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ นางจะต้องปกป้องคนของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเยว่เอ๋อร์ที่ร่วมเป็นร่วมตายร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางมาแต่ว่า สำหรับเฟิงเย่เสวียน หานอิ๋งที่ติดตามเขามาเป็นเวลาสิบห้าปี ยิ่งกว่าเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายเฟิงเย่เสวียนเห็นแก่หน้าของนาง รู้สึกลำบากใจที่จะลงโทษคนของนาง ถึงได้ลงโทษหานอิ๋งแต่สีหน้าที่ลำพองใจของเยว่เอ๋อร์นี้...ท่ามกลางความคลุมเครือ นางรู้สึกว่าเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปแล้วกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไปทันใดนั้น ฉู่เชียนหลีก็เอ่ยปาก“พ่อบ้าน”“พระชายา เชิญรับสั่ง” พ่อบ้านก้าวมาข้างหน้า“เจ้าไปตักถั่วออกมาสองชั่ง เทลงไปในขี้เถ้า ใช้ให้คนไปจับตาดูเอาไว้ เมื่อใดที่เยว่เอ๋อร์เลือกออกมาได้หมดเมื่อไหร่ ค่อยให้ไปนอนตอนนั้น”“พระชายา!?” ดวงตาทั้งสองข้างของเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีถั่วสองชั่ง!อย่าว่าแต่ถั่วไปคลุกอยู่ในขี้เถ้าเลยว่า จะหายากขนาดไหน ประกอบกับตอนนี้เป็นตอนกลางคืน สายตาไม่ดี ตาอาจจะบอดเอาได้ ถั่วสองชั่งนี้มากพอที่จะทำให้นางต้องเก็บทั้งคืนนางไม่ได้ทำผิดอะไร เหตุใดถึงต้องโดนลงโทษ?นางไม่ยอม!“พระ
เฟิงเย่เสวียนไม่ออกความเห็น“การอยู่ร่วมกันกับคนไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับวิธีการ ถ้าหากนางมีสติปัญญา จะต้องเข้าใจความลำบากใจของเจ้า”การเลือกเมล็ดถั่วจากขี้เถ้า เป็นการฝึกความอดทนของคนที่ดีที่สุดในเวลาเดียวกัน วิธีการนี้ทำให้คนจิตใจสงบ ทำให้คนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ได้ครุ่นคิดเงียบ ๆ จะทำให้สุขุมเยือกเย็นขึ้นฉู่เชียนหลีพลิกตัว ยื่นหัวออกไปมองความมืดมิดยามราตรีด้านนอก ในดวงตามีความกังวลนางทำใจลงโทษเยว่เอ๋อร์ได้จริง ๆเสียที่ไหนกัน แต่ว่าแค่อยากจะระงับอารมณ์ของนางเท่านั้นเอง“วันพรุ่งนี้ตระกูลกู้จะไปขุดแร่ที่เทือกเขาอวี้หลง ข้าได้เรียกกำลังคนฝีมือมือดีมา วันพรุ่งนี้พวกเราก็จะไปด้วยเช่นกัน” เฟิงเย่เสวียนกล่าว“ดี”“รีบพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ” เขาห่มผ้าให้นางเรียบร้อย ก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น“วันนี้ไปจวนอ๋องหลี เรื่องทางนั้นจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?”“ก็ตามนั้นเถอะ...”ฉู่เชียนหลีไม่อยากจะเอ่ยถึงหัวข้อนี้สักเท่าไหร่ พึมพำสองสามคำ แล้วก็ผละตัวออก แสร้งทำเป็นว่าจะนอนผลปรากฏว่า พลิกตัวไปมาอยู่หนึ่งชั่วยาม ก็นอนไม่หลับภายในใจยังมีเรื่องบางอย่าง ทำให้หล
เมื่อครู่นี้เยว่เอ๋อร์ไม่มีทางพูดจาแบบนี้ ยิ่งไม่มีทางมีท่าทีที่เป็นธรรมชาติแบบนี้นางก็ยังเป็นนาง ใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ในระหว่างช่วงกลางวันและกลางคืน ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย...เยว่เอ๋อร์เผชิญกับสายตาที่ไม่พอใจนั้นของฉู่เชียนหลี ก็ตกตะลึงทันที“พระชายา!”ถึงได้สังเกตได้ว่าตนเองพูดผิดไปแล้ว“พระชายา ขออภัย เมื่อครู่นี้ข้าใจร้อนปากไวไปถึงได้พูดจาเช่นนั้น! ข้าไม่ได้มีเจตนา เป็นเพราะหานอิ๋งเยาะหยันท่าน ข้าถึงได้ร้อนใจจนพูดแบบนั้นออกไป...”นางจับมือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวอธิบาย“ข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดก็ตามใส่ร้ายท่าน ดูถูกเหยียดหยามท่าน ถึงได้พูดจารุนแรงไปหน่อย พระชายา ไม่ว่าข้าจะทำอะไร ล้วนเป็นเพราะหวังดีกับท่าน!”หานอิ๋งใส่ร้ายพระชายา นางไม่ชอบหานอิ๋งคนอื่นพุ่งเป้ามาที่พระชายา นางก็จะโต้เถียงและตอบโต้เช่นเดียวกันตั้งแต่ต้นจนจบ นางคิดแค่เพียงว่าจะปกป้องพระชายา หัวใจอุทิศให้พระชายาฉู่เชียนหลีจ้องมองนาง อ้าปากอย่างเงียบเชียบ กลายเป็นเสียงถอนหายใจเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่ลูบหลังมือของเยว่เอ๋อร์เบา ๆเยว่เอ๋อร์ยังไงก็คือเยว่เอ๋อร์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเมื่อครู
“พระชายาอ๋องเฉินอยากจะแย่งตำแหน่งฮูหยินท่านโหวน้อยของข้า ย่อมจะต้องลงมือบางอย่าง แต่ว่า ตอนนั้นถ้าท่านแพ้ อย่าได้อาศัยที่กำลังตั้งครรภ์เชื้อพระวงศ์ ก็อย่าร้องไห้โวยวายเล่นลูกไม้ ไม่อยากยอมรับ ใช้อำนาจคุกคามข้าละ”กู้ชิงชิงยิ้มใบหน้าเล็กที่ขาวสะอาดหมดจดที่เรียบร้อยนั้นดูดีขึ้นมาทันที แต่คำพูดที่พูดออกมากลับไม่น่าฟัง“นิสัยของคุณหนูกู้หยิ่งผยองเช่นนี้ ถ้าหากแพ้แล้ว คงจะไม่คิดไม่ตกแล้วก็จะแขวนคอตายหรอกใช่หรือไม่” คำพูดประโยคหนึ่งของเฟิงเย่เสวียนลอยมาเจ้าซิถึงต้องแขวนคอตาย!ทั้งครอบครัวเจ้าสิถึงต้องแขวนคอตาย!ฉู่เชียนหลี ท่านเถียงไม่ชนะข้า ก็เลยให้อ๋องเฉินหนุนหลัง สุดท้ายแล้ว ท่านก็ต้องอาศัยอ๋องเฉินมิใช่หรือไร?ในสายตาของกู้ชิงชิงมีความเหยียดหยามปรากฏขึ้นแวบหนึ่ง กล่าว“ว่ากันตามฝีมือการสำรวจ ตระกูลกู้ของพวกเราเป็นอันดับสอง ก็ไม่มีใครกล้าเป็นอันดับหนึ่งตระกูลกู้ของนางพัฒนามาหลายร้อยปี เทคนิคและความลับที่สืบทอดมาตั้งแต่บรรพบุรุษ การตกผลึกแห่งสติปัญญาของบรรพบุรุษ ผู้ใดจะเทียบได้?พึ่งพาแค่ฉู่เชียนหลีงั้นหรือ?ช่างเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆผมยาว แต่ความรู้สั้น
กู้ชิงชิงปั้นหน้าไม่อยู่แล้ว ค้อนฉู่เชียนหลีอย่างดุร้ายแวบหนึ่ง และกลับไปนั่งบนหลังม้าอีกครั้งด้วยความโมโห ไม่มีอารมณ์จะทะเลาะด้วย สีหน้าอึมครึม เดินไปที่ข้างหน้าสุดคนเดียว“ลูกสาวสุดที่รัก~~” นายท่านรองกู้รีบไปโอ๋ลูกสาวคนของตระกูลกู้เดิมตามด้านหลัง สองกองทัพที่ยิ่งใหญ่ออกเดินทางพร้อมกันจิ่งอี้กับจางเฟยเดินตามมาด้วย ยังมีคนของสำนักอู๋จี๋อีกหลายคน“นี่” จางเฟยหนีบที่ท้องของม้าแน่น เดินตามไปที่ด้านข้างจิ่งอี้ ใช้ศอกกระแทกเขาทีหนึ่ง ท่าทางลับ ๆล่อ ๆ“จิ่งอี้ เจ้ารู้หรือไม่ การเดิมพันของคุณหนูกับตระกูลกู้ อันที่จริงน่ะ ไม่ใช่เพื่ออะไรอย่างอื่นเลย แต่เพื่ออวิ๋นอิงสาวใช้ของนาง”จิ่งอี้ชะงักไปเล็กน้อย“ข้าได้ข่าวว่า อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยชอบกันและกัน แต่ว่ากู้ชิงชิงกับท่านโหวน้อยมีสัญญามั่นหมายกัน คุณหนูเพื่อทำให้อวิ๋นอิงสมปรารถนาแล้ว ถึงได้เดิมพันกับตระกูลกู้” จางเฟยกล่าวด้วยความสนใจเป็นอย่างยิ่ง ท่าทางนินทานั้น เหมือนกับผู้หญิงจิ่งอี้หลุบตาลงเล็กน้อยเพื่อทำให้สาวใช้สมปรารถนา ไม่ลังเลที่จะทำสงครามใหญ่ คุณหนูปฏิบัติตัวกับสาวใช้ของตนเองดีมากจริง ๆอวิ๋นอิงกับหลิงเชียนอี้...เมื่
กู้ชิงชิงกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้าจะต้องแต่งงานกับเจ้าโหวน้อยให้ได้ ท่านให้อวิ๋นอิงนั่นเตรียมตัวให้ดี มาเป็นสาวใช้คอยล้างเท้าให้ข้า”“ข้ากับเจ้าโหวน้อยเป็นสามีภรรยาที่รักกันมาก รักกันยืนยาว แต่นางทำได้แค่คุกเข่าอยู่ด้านหน้าเตียง คอยปรนนิบัติพวกเรา ภาพนี้แค่ลองคิดดูก็ทำให้หัวใจข้าฮึกเหิม ข้ารู้สึกอดรนทนไม่ไหวแล้วนะ”นางเลียริมฝีปากเบา ๆ ความชั่วร้ายเอ่อล้นออกมาจากดวงตา“เจ้ายังเข้าไม่ได้แม้แต่ประตูของจวนโหวติ้งกว๋อ ก็ฝันหวานไปก่อนแล้วหรือ?” ฉู่เชียนหลีเงยหน้าจ้องมองความมืดยามราตรี “ก็ใช่ ดึกแล้ว ได้เวลานอนแล้ว”“ท่านเอาชนะตระกูลกู้ไม่ได้หรอก คนที่ฝันหวานคือเจ้า”“อย่างไรเสียก็ดีกว่าที่เจ้าที่ฝันว่าตนเองได้เป็นฮูหยินของเจ้าโหวน้อย โดยปกติแล้วล้วนเป็นเรื่องที่ไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง ถึงได้เอาแต่ปรารถนาอยู่ในความฝันเท่านั้น”“ท่าน!”กู้ชิงชิงโมโหเล็กน้อย พบว่าฝีปากของฉู่เชียนหลีคนนี้ร้ายกาจจริง ๆ นางเถียงไม่ชนะสีหน้าสงบลง “พระชายาอ๋องเฉินนอกจากจะปากกล้าแล้ว ก็ไม่มีตรงไหนที่ข้อดีแล้ว”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้ว เอาคืนนางด้วยประโยคนี้อย่างไม่เปลี่ยนแปลง“เจ้าก็เหมือนกันไม่ใช่หรือ?”“ข้าด
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท