รอยยิ้มของหานเฟิงแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าทันที นิ้วมือก็ค่อยๆ เย็นลงทีละนิด… “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว แต่ไม่ใช่ท่าน” เยว่เอ๋อร์กล่าวปฏิเสธ“ใคร?” หานเฟิงไม่ยอมแพ้ “เยว่เอ๋อร์ ข้าชอบเจ้ามากจริงๆ นะ พวกเราร่วมทำงานกันในจวนอ๋องเฉินหนึ่งปีกว่า ทุกย่างก้าวของเจ้ามักจะดึงดูดสายตาข้า และชักจูงหัวใจข้าเสมอ ข้าจริงจังนะ”“เยว่เอ๋อร์ เมื่อก่อนข้าไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพูดคำพูดเช่นนี้ ข้าอาจจะโง่เขลาพูดได้ไม่ดี แต่เจ้าเชื่อข้านะ…”“ขอโทษ”เยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วนางไม่อยากฟังอีกแม้แต่คำเดียวคนที่นางชอบคือจิ่งอี้“ใต้เท้าหานเฟิง ขอบคุณความรักดีๆ ของท่าน แต่พวกเราไม่เหมาะสม ขอให้ท่านออกเดินทางอย่างราบรื่น และกลับมาพร้อมกับชัยชนะ” นางหมุนกายก็ไปแล้ว“เยว่เอ๋อร์!”หานเฟิงร้อนใจจนรีบคว้าข้อมือนางไว้“ปล่อย!”“เยว่เอ๋อร์ ให้โอกาสข้าสักครั้ง…”“หานเฟิง นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” นอกเรือนหานเฟิง หานอิ๋งได้ยินเสียงจึงเดินมา เมื่อเห็นหานเฟิงจับมือหานอิ๋ง นางตะลึงงันทันที“พวกเจ้า…”หานเฟิงกับเยว่เอ๋อร์…ดูจากสถานการณ์ เยว่เอ๋อร์ไม่ชอบหานเฟิง หานเฟิงเป็นฝ่ายตามจีบหานอิ๋งขมวดคิ้วทันที น้อง
บนเก้าอี้หลักเฟิงเจิ้งหลีพลิกดูเอกสารในมือ ชุดผาวสีขาวเผยให้เห็นรูปร่างที่ผอมบางของเขา หลุบตาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองไม่เห็นกลุ่มคนข้างๆ ที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประจบประแจงพลิกดูสองสามหน้าผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะปิดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้นตอนในวันเซ่นไหว้บรรพชนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ”“ขอรับ ขอรับๆ อ๋องหลีโปรดวางใจ พวกเราจะจับตาดูอย่างเต็มที่ ไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน!”นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้มอบภารกิจสำคัญเช่นนี้ให้เฟิงเจิ้งหลี เมื่อเทียบกับบอกว่ามอบ ไม่สู้บอกว่าเฟิงเจิ้งหลีเอาชีวิตแลกมาดีกว่าเขาจะต้องทำให้ดีพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ได้ด้อยกว่าเฟิงเย่เสวียนสิ้นสุดเรื่องนี้ ขุนนางทั้งกลุ่มจากไปพร้อมกัน และยังคุยกันว่า“ท่านได้ข่าวหรือยัง พระชายาอ๋องเฉินได้เดิมพันกับตระกูลกู้ แข่งกันสำรวจเหมือง”“อะไรนะ? พระชายาอ๋องเฉินคงไม่ได้บ้าไปแล้วกระมัง? ใครสามารถเทียบกับหน่วยสำรวจของตระกูลกู้?”“นางบอกว่านาง”“? ตั้งครรภ์จนสมองพังไปแล้ว?”เฟิงเจิ้งหลีได้ยินเศษเสี้ยวของคำพูด เงยหน้าขึ้นมองไป เหมือน
เมื่อสิ้นเสียง บรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมาทันที รอยยิ้มบนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีแข็งเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “หมาย หมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีมองเขาตรงๆ “ต้องให้ข้าพูดออกมาตรงๆ เลยหรือ? เจ้าเคยทำอะไร หรือในใจเจ้าไม่รู้?”บางครั้ง การพูดตรงเกินไป มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายกระอักกระอ่วนแววตาเฟิงเจิ้งหลีขรึมลงความหมายของนางคือ นางรู้เรื่องคนร้ายที่ผลักเยาเอ๋อร์ตกบันไดก็คือเขาแล้ว?เขาทำงานสะอาดรัดกุม ไม่ทิ้งหลักฐาน นางจะรู้ได้อย่างไร?นางไม่มีทางรู้นางน่าจะกำลังหยั่งเชิงเขา อยากหลอกให้เขาพูดคำจริงสีหน้าเฟิงเจิ้งหลียังคงสงสัย กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “พระชายาหมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยเข้าใจ?”เขามักจะใช้ใบหน้าที่อบอุ่นและไม่มีพิษภัยหลอกทุกคนเสมอ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็คิดว่าเขาไร้เดียงสา ชาติกำเนิดน่าสังเวช คู่ควรที่จะเห็นใจแต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมด ล้วนเป็นของปลอม“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ” ฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าคิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน”นางหยิบขวดดินเผาสีน้ำตาลออกมาหนึ่งใบ วางลงบนโต๊ะ “ของของเจ้า คืนให้เจ้า”ขวดใบเล็กที่ใส่น้ำมันหล่อลื
เฟิงเจิ้งหลีรีบเดินตามไป คว้าข้อมือของนางเอาไว้ “ฉู่เชียนหลี เจ้าเชื่อข้า ฆ่าสังหารเยาเอ๋อร์แล้ว ข้ายอมรับผิด แต่หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้านั้นจริงใจ!”เขาได้แสดงความในใจออกมา เพื่อให้นางเห็น หรือว่านางยังไม่เชื่ออีกอย่างนั้นหรือ?“ปล่อยมือ!” ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว“เจ้าอย่าไป!”เฟิงเจิ้งหลีร้องขอด้วยเสียงโศกเศร้า “เจ้าอย่าใช้สายตาที่ห่างเหินเช่นนี้มองข้า ข้ามีด้านที่เลวร้ายจริง แต่ข้าทำเพื่อปกป้องตนเอง ข้าพยายามมีชีวิตอยู่ ก็เพราะอยากจะนำสิ่งที่ดีที่สุดของตนเองแสดงออกมาให้เจ้าได้เห็น”“บัดนี้ ท่านแม่ข้าจากไปแล้ว ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความคิดเพียงอย่างเดียวของข้าก็คือเจ้า...”ฉู่เชียนหลีบิดข้อมือของตนเอง ออกแรงชักมือกลับ“ท่านเพื่อปกป้องตนเองแล้ว ไม่ลังเลที่จะทำร้ายข้า ยังพูดว่าทำทุกอย่างเพื่อข้าอีก ท่านอ๋องหลี ไมตรีจิตนี้ของท่านช่างหนักหนาเหลือเกิน ข้ารับไม่ไหว!”กำลังจะเดินไปก็เห็นชายหนุ่มกำลังจะตามมาอีก ก็ใช้กำลังภายใน สะบัดแขนเสื้อเพื่อผลักเขาออกไปทันที แล้วสาวเท้ายาวเดินจากไป“ฉู่เชียนหลี! ฉู่...โอ๊ย!”แผลเก่าบริเวณหน้าอกของเฟิงเจิ้งหลีอาการกำเริบ สีหน้าซีดขาว เจ็บจนเดินโซเ
“ขอเพียงแค่ฉู่เชียนหลีไม่มีลูก ลูกชายของพวกเราก็จะเป็นพระราชนัดดาองค์โต ท่านถึงจะมีโอกาสขึ้นครองราชย์! ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อท่านอ๋อง!”“ของที่ข้าอยากได้ ต้องใช้มือของผู้หญิงตั้งแต่เมื่อใด?” เฟิงเจิ้งหลีบีบลำคอของนางแน่น นิ้วมือทั้งทางบีบแรงขึ้น“โดยเฉพาะเจ้า!”พวกคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!เรื่องที่ทำแดงขึ้น ฉู่เชียนหลีจึงคิดว่าเป็นฝีมือของเขา ถึงขั้นตัดขาดกับเขา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวเพียงคนเดียวเขาให้ความสำคัญกับฉู่เชียนหลีมากที่สุด การถูกฉู่เจียวเจียวผลักออกไปไกลเขาจะอดกลั้นความโมโหนี้เอาไว้ได้อย่างไร?เมื่อมองหน้าของฉู่เจียวเจียว เขาก็นึกถึงท่าทางที่เฉยชาและเด็ดเดี่ยวของฉู่เชียนหลีขึ้นมา เพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มอกก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ระบายออกมาโดยที่ไม่มีการสะกดกลั้นเอาไว้เลยแม้แต่น้อย“ตอนนั้น ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็เอาแต่ใช้ประโยชน์จากนิสัยใจอ่อนของท่านแม่ข้า มาควบคุมข้า บีบให้ข้าทิ้งหน้าที่ที่ค่ายลาดตระเวน จำต้องอยู่ที่เรือน ตอนนี้ เจ้ายังมาสอดมือเรื่องของข้ากับฉู่เชียนหลี ท่านแม่จากไปแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าใครจะปกป้องเจ้าได้!”ทันทีที่น้ำเสีย
ตอนที่ฉู่เชียนหลีกลับมาถึงจวนอ๋องเฉิน ก็ได้เป็นเวลาพลบค่ำแล้วภายในเวลาไม่ถึงครึ่งวัน เรื่องที่นางเดิมพันกับตระกูลกู้ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองหลวงแล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ของทุกคนไปในทิศทางเดียวกันมากพระชายาอ๋องเฉินจะต้องพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัยนางกลับมาถึงในจวน คนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาต้อนรับด้วยความเป็นห่วง“ท่านน้าสะใภ้ เหตุใดท่านจึงเดิมพันกับตระกูลนั่นได้ละ? ท่านเลอะเลือนไปแล้วหรือไร! หน่วยสำรวจของตระกูลกู้แม้แต่ราชวงศ์ยังยอมรับ ไม่มีใครสามารถเทียบกับพวกเขาได้ติดเลย!” หลิงเชียนอี้ร้อนใจมาก“พระชายา เหตุใดท่านจึงทำเช่นนี้? ทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากการขว้างไข่ใส่ก้อนหิน ท่านไม่มีทางเอาชนะได้...”อวิ๋นอิงเป็นกังวล“พระชายา ท่าน...เฮ้อ...” พ่อบ้านชราไม่ได้เอ่ยวาจา แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาแทนการเดิมพันครั้งนี้ พระชายาจะต้องพ่ายแพ้แน่นอนฝีมือการสำรวจของตระกูลกู้ เป็นที่เลื่องลือไปทั่วแคว้น หน่วยสำรวจมีประสบการณ์ที่ถ่ายทอดกันมาหลายร้อยปี ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้เฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามา กล่าว “มนุษย์ไม่สามารถดำเนินชีวิตแบบเดิมได้ตลอดไป บางครั้ง การท้าทายที่เป็นไปไม่ได้ ก็มีคว
ฉู่เชียนหลีเป็นคนที่เข้าข้าง ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ นางจะต้องปกป้องคนของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะเยว่เอ๋อร์ที่ร่วมเป็นร่วมตายร่วมทุกข์ร่วมสุขกับนางมาแต่ว่า สำหรับเฟิงเย่เสวียน หานอิ๋งที่ติดตามเขามาเป็นเวลาสิบห้าปี ยิ่งกว่าเป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายเฟิงเย่เสวียนเห็นแก่หน้าของนาง รู้สึกลำบากใจที่จะลงโทษคนของนาง ถึงได้ลงโทษหานอิ๋งแต่สีหน้าที่ลำพองใจของเยว่เอ๋อร์นี้...ท่ามกลางความคลุมเครือ นางรู้สึกว่าเยว่เอ๋อร์เปลี่ยนไปแล้วกลายเป็นคนแปลกหน้า ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนอีกต่อไปทันใดนั้น ฉู่เชียนหลีก็เอ่ยปาก“พ่อบ้าน”“พระชายา เชิญรับสั่ง” พ่อบ้านก้าวมาข้างหน้า“เจ้าไปตักถั่วออกมาสองชั่ง เทลงไปในขี้เถ้า ใช้ให้คนไปจับตาดูเอาไว้ เมื่อใดที่เยว่เอ๋อร์เลือกออกมาได้หมดเมื่อไหร่ ค่อยให้ไปนอนตอนนั้น”“พระชายา!?” ดวงตาทั้งสองข้างของเยว่เอ๋อร์เบิกกว้างทันทีถั่วสองชั่ง!อย่าว่าแต่ถั่วไปคลุกอยู่ในขี้เถ้าเลยว่า จะหายากขนาดไหน ประกอบกับตอนนี้เป็นตอนกลางคืน สายตาไม่ดี ตาอาจจะบอดเอาได้ ถั่วสองชั่งนี้มากพอที่จะทำให้นางต้องเก็บทั้งคืนนางไม่ได้ทำผิดอะไร เหตุใดถึงต้องโดนลงโทษ?นางไม่ยอม!“พระ
เฟิงเย่เสวียนไม่ออกความเห็น“การอยู่ร่วมกันกับคนไม่ใช่เรื่องง่าย ฝ่าบาททรงให้ความสำคัญกับวิธีการ ถ้าหากนางมีสติปัญญา จะต้องเข้าใจความลำบากใจของเจ้า”การเลือกเมล็ดถั่วจากขี้เถ้า เป็นการฝึกความอดทนของคนที่ดีที่สุดในเวลาเดียวกัน วิธีการนี้ทำให้คนจิตใจสงบ ทำให้คนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบ ได้ครุ่นคิดเงียบ ๆ จะทำให้สุขุมเยือกเย็นขึ้นฉู่เชียนหลีพลิกตัว ยื่นหัวออกไปมองความมืดมิดยามราตรีด้านนอก ในดวงตามีความกังวลนางทำใจลงโทษเยว่เอ๋อร์ได้จริง ๆเสียที่ไหนกัน แต่ว่าแค่อยากจะระงับอารมณ์ของนางเท่านั้นเอง“วันพรุ่งนี้ตระกูลกู้จะไปขุดแร่ที่เทือกเขาอวี้หลง ข้าได้เรียกกำลังคนฝีมือมือดีมา วันพรุ่งนี้พวกเราก็จะไปด้วยเช่นกัน” เฟิงเย่เสวียนกล่าว“ดี”“รีบพักผ่อน นอนหลับให้เพียงพอ” เขาห่มผ้าให้นางเรียบร้อย ก็กอดนางเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น“วันนี้ไปจวนอ๋องหลี เรื่องทางนั้นจัดการเป็นอย่างไรบ้าง?”“ก็ตามนั้นเถอะ...”ฉู่เชียนหลีไม่อยากจะเอ่ยถึงหัวข้อนี้สักเท่าไหร่ พึมพำสองสามคำ แล้วก็ผละตัวออก แสร้งทำเป็นว่าจะนอนผลปรากฏว่า พลิกตัวไปมาอยู่หนึ่งชั่วยาม ก็นอนไม่หลับภายในใจยังมีเรื่องบางอย่าง ทำให้หล