โบราณว่าไว้ ท้องกลมเป็นเด็กผู้ชาย ท้องแหลมเป็นเด็กผู้หญิงตอนที่นางท้องหลิงเชียนอี้ ท้องก็กลมเช่นนั้น คลอดออกมามีเก้าชั่งแปดเหลียง[1] หนักเหมือนหมูตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีลูบท้อง คาดว่าตนเองท้องหมูตัวหนึ่งเฟิงเย่เสวียนเกิดปีหมู ปีนี้ก็เป็นปีหมู ท้องเจ้าหมูน้อย ดังนั้นท้องจึงโตเช่นนั้น อ้วนเช่นนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ฝ่าบาทน่าจะตั้งชื่อให้แล้วกระมัง” องค์หญิงใหญ่กล่าว“ที่รัก เจ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนไม่ได้พูดเลย” ด้านข้าง โหวติ้งกว๋อที่โยกแขนปลอบลูกสาว ยกเปลือกตาขึ้น “หลายปีมานี้ ฝ่าบาทอยากได้หลานชาย รอจนผมหงอกแล้ว มีหรือที่จะยังไม่ได้ตั้งชื่อ?”ชื่อตั้งไว้นานแล้วเพียงแต่…ฉู่เชียนหลีไม่ค่อยอยากพูดเจตนาของฮ่องเต้คือ เด็กชื่อเจี้ยนกว๋อ…เฟิงเจิ้นเจี้ยนกว๋อ แค่กๆ!เม้มปาก กระแอมเสียงเบา “ยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย เรื่องตั้งชื่อไม่รีบร้อน รอคลอดแล้วค่อยตั้งชื่อก็ยังไม่สาย”“โอ๊ย” จู่ๆ องค์หญิงใหญ่ก็ตบศีรษะ “ลืมบอกเจ้าไปว่า นี่เป็นครรภ์แรกของเจ้า ไม่มีประสบการณ์แน่นอน แม้ยังไม่คลอด แต่มีหลายอย่างที่ต้องเตรียมไว้ก่อน”“ข้าบอกเจ้า”นางจับมือฉู่
ฉู่เชียนหลีนั่งสักพัก ตอนที่เตรียมตัวจากไป บังเอิญมีคนรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่าตระกูลกู้มาแล้วเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะที่หยาบกร้านของผู้ชายดังมาจากข้างนอก“น้องหลิง น้องสะใภ้ ช่วงนี้สบายดีนะ ฮ่าๆๆ!”หัวหน้าตระกูลกู้ นายท่านรองกู้ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ ไหล่กว้างเอวกลม ร่างกายที่สูงใหญ่ แบกท้องที่กลมเล็กน้อย มีโหนกแก้มบนใบหน้า หัวเราะได้กว้างขวางและเสียงดัง ท่าทางนั้นเหมือนกับคนเถื่อนของจริงข้างกาย กู้ชิงชิงลูกสาวเพียงคนเดียวที่ตามมาด้วยยิ้มทักทาย“ท่านลุง ท่านป้า”กู้ชิงชิงเหมือนกับพ่อ เสียงที่พูดเรียบง่ายเป็นกันเอง เป็นคนตรงๆโหวติ้งกว๋อลุกขึ้นยืน อุ้มลูกสาวให้แม่นมพาไปนอน นี่จึงจะสั่งให้คนรับใช้ชงชาเตรียมขนมหวาน“ลมอะไรพัดพี่กู้มา รีบเชิญนั่ง”นายท่านรองนั่งลงอย่างเด็ดเดี่ยว เห็นฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างๆ หรี่ตาลง“พระชายาอ๋องเฉินก็อยู่ด้วยหรือ”ฉู่เชียนหลีทักทายด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านรองกู้”ท่านรองกู้โบกมือ กล่าวเหมือนตกใจ “โอ๊ย คนในยุทธภพเรียกข้าเช่นนี้ ข้าไม่ได้คิดอะไร แต่พระชายาอ๋องเฉินท่านสถานะสูงศักดิ์ ข้ารับไม่ไหวจริงๆ ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวกู้ก็พอ”ฉู่เชียนหลี “...”
กู้ชิงชิงยิ้มแย้ม รอยยิ้มบนใบหน้าเล็กที่ขาวเรียวดูสดใสและงดงามนัก แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแสบแก้วหู แหลมคมและไม่น่าฟังอย่างยิ่งเดิมทีฉู่เชียนหลีเห็นแก่หน้าองค์หญิงใหญ่ ไม่อยากทะเลาะ มันจะทำให้องค์หญิงใหญ่ติดอยู่ตรง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแต่ตระกูลกู้กลับไม่ยอมละเว้น ต่อให้นางนิสัยดีเพียงใด ก็ทนไม่ไหวแล้ว“ต่ำต้อย?”อวิ๋นอิงเป็นสาวใช้ ก็สมควรเป็นคนต่ำต้อย?เหอะฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา ชักมือของตนเองออก มองดูท่าทางที่ยิ้มแย้มดั่งดอกไม้ของกู้ชิงชิง เมื่อเทียบกับความแตกต่างของสถานะ มีจิตใจที่ย่ำแย่ จึงจะเป็นคนต่ำต้อยของจริงกระมัง“อวิ๋นอิงต่ำไม่ต่ำ ข้าไม่รู้ แต่ว่าเท่าที่ข้ารู้มา ท่านโหวน้อยไม่ชอบคุณหนูกู้กระมัง?”สายตาที่เย็นชาและเฉียบคมของนางกวาดมองกู้ชิงชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า“สำหรับคนคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบเจ้า คุณหนูกู้กลับเสนอหน้าโดยที่คนอื่นไม่สนใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงคนที่ต่ำคือใครกันแน่?”“เจ้า!”สีหน้ากู้ชิงชิงเปลี่ยนทันทีเกิดในตระกูลขุนนางอาวุธ ในฐานะที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ นางถูกตามใจตั้งแต่เด็ก เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน เคยถูกคนต่อว่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อ
คูเมืองนอกเมืองหลวง ข้างท่าเรือ มีเรือมากมายจอดอยู่ บางคนแบกกระสอบทราย บางคนขนของ บางคนพายเรือ บางคนขายของ…ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตนเอง“เรือของตระกูลกู้ถึงแล้ว!”เรือสีดำขนาดใหญ่ลำหนึ่งจอดเทียบฝั่ง ทิ้งสมอเรือ หลังจอดนิ่ง พ่อค้ากลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันเข้าไป“ข้าเอาสองลัง!”“นี่เป็นของที่ข้าจองไว้ จองไว้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว ข้าเอาสามลัง!”“อย่าเบียด อย่าเบียดกัน…”คนงานของตระกูลกู้ขนลังที่ทั้งหนักและใหญ่มาวางซ้อนกันที่ท่าเรือ ข้างในล้วนเป็นอาวุธต่างๆ ที่ทำจากเหล็ก และยังมีเหล็กดิบที่ไม่ผ่านการแปรรูปเหล่าพ่อค้าแย่งกันซื้อ ช่างตีเหล็กก็มาเบียดกันอยู่ที่นี่เจ้าเบียดข้า ข้าเบียดเจ้า ชายที่ดูเหมือนเป็นผู้ดูแลคนหนึ่งโมโหแล้ว“เบียดอะไรนักหนา!”เขาผลักคนที่ชนโดนตนเองออกไปอย่างหงุดหงิด “ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังดูบัญชีหาประวัติอยู่? รีบไปเกิดใหม่เช่นนี้เลยหรือ ข้าไม่ขายให้เจ้าแล้ว!”ปัง…พ่อค้าที่ล้มไม่ระวังกระแทกโดนลังจนหัวแตกสิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การทำแผล แต่เป็นขอโทษนายบัญชีคนนั้นอย่างนอบน้อม“ขอโทษ ขอโทษ ข้าไม่ระวังชนโดนท่าน ขอโทษ…”“ไสหัวไป!”นายบัญชีผลักเขาอย่า
จวนอ๋องเฉินในสวนดอกไม้ ตรงชั้นลอยชมวิวข้างสระน้ำ สาวใช้คนหนึ่งมือล้วงแขนเสื้อ ก้มหน้าต่ำ เดินมาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับกวาดมองโดยรอบอย่างระมัดระวังเมื่อมั่นใจว่าโดยรอบไม่มีคน นางจึงจะล้วงขวดดินเผาขนาดเล็กใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อนางใช้แปรงจุ่มน้ำมันหล่อลื่นที่เป็นสีเหลืองใส แล้วทาลงบนบันไดอย่างรวดเร็ว…เรือนหานเฟิงอวิ๋นอิงกำลังกวาดพื้น หลิงเชียนอี้เดินตามอยู่ข้างหลังนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว และยังพูดเป็นระยะ“เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”“เจ้ากระหายหรือไม่?”“หรือไม่ให้ข้ากวาด?”“ข้านวดไหล่ให้เจ้าดีหรือไม่?”เหมือนกับแมลงวันตัวหนึ่งตอนที่ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา เห็นทั้งสองคน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสองพ่อลูกตระกูลกู้ที่อยู่จวนโหวติ้งกว๋อก่อนหน้านี้…ถ้าหากพวกเขาอยากอยู่ด้วยกัน เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกลนางไม่ยุ่งความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากทั้งสองมีวาสนาต่อกัน ย่อมสามารถอยู่ด้วยกัน“น้าสะใภ้ กลับมาแล้วหรือ!”หลิงเชียนอี้ทักทายอย่างร่าเริง แก้มอวิ๋นอิงแดงเล็กน้อย ภาพที่ตัวติดกันนี้ถูกพระชายาเห็นเข้า เขินอายเล็กน้อยฉู่เชียนหลีแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก “น้าชายเจ้าล่ะ?”
น้ำมันหล่อลื่นนี่ทาอยู่บนบันได สีเหลืองอ่อนกลมกลืนกับบันได ยากจะมองเห็นชัดเจนแต่นางได้กลิ่นแล้วนี่เพิ่งทาได้ไม่นานตั้งแต่ตั้งครรภ์ คนที่อยากทำร้ายนางทั้งต่อหน้าและลับหลังมีเยอะเหมือนมด นางระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาเมื่อครู่ ถ้าหากนางเหยียบลงไป เท้าลื่นและร่างกายล้มหงายไปข้างหลัง กลิ้งตกจากบันไดแน่นอน จากตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ ยังสามารถรักษาลูกที่อยู่ในท้องไว้ได้หรือ?แววตาฉู่เชียนหลีเย็นชาลงทันที “ใครก็ได้!”พ่อบ้านเดินมา หลังจากรู้เรื่องน้ำมันหล่อลื่น ตกใจจนตัวสั่น เกือบยืนไม่มั่นคง รีบนำเรื่องนี้ไปบอกท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบทันทีสาวใช้ที่ใช้แขนเสื้อปิดหน้าสะอึกสะอื้นก็ตะลึงงันเช่นกัน ทั้งๆ ที่จะเหยียบลงไปแล้ว เหตุใดจู่ๆ ก็หยุด? ถ้าหากทำภารกิจไม่สำเร็จ ต่อไปคิดจะลงมือก็ยากแล้ว!ทันใดนั้น สายตาคู่หนึ่งมองมานางเพิ่งเงยหน้า ก็ประสานสายตากับพระชายาอ๋องเฉิน พลันหัวใจสั่นสะท้าน เกือบไม่สามารถรักษาสีหน้าบนใบหน้าจนความแตก หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ตั้งสติได้ รีบแสร้งสะอื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจฉู่เชียนหลีจับราว เดินทีละก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไป“พวกเจ้าทะเลาะอะไรกัน?” นางกวาดมองสาว
ตอนนี้หลิงเชียนอี้ไม่สามารถออกห่างจากอวิ๋นอิง ทุกคนคุ้นชินแล้ว มองบนทีหนึ่ง ไม่อยากคุยต่อ ถ้าหากคุยต่อ หลิงเชียนอี้ก็คึก สามารถพูดเป็นครึ่งชั่วยามมองข้ามท่านโหวน้อยในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งจวน ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์ ห้องนอนของทุกคน ตู้เสื้อผ้า ห้องครัว ห้องปีกข้าง ห้องเก็บของ…แม้แต่พุ่มดอกไม้ก็รื้อค้นพ่อบ้านมารายงานผลลัพธ์“ท่านอ๋อง ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนแล้ว ไม่พบอะไรน่าสงสัยขอรับ”เฟิงเย่เสวียนโกรธทันที “ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!”จวนอ๋องได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด ที่แจ้งมีทหารยามเฝ้า ที่มืดมีองครักษ์ลับตรวจตรา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามา คนร้ายที่ทาน้ำมันหล่อลื่นต้องเป็นคนของจวนอ๋องเท่านั้นหาคนร้ายจากในกลุ่มคนที่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกหรือ?“ข้ายังไม่ได้ลงโทษที่พวกเจ้าละเลยหน้าที่ของการปกป้องพระชายาเลย ตอนนี้แม้แต่คนคนเดียวก็หาไม่เจอ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร”“ท่านอ๋องใจเย็นๆ ขอรับ!” พ่อบ้านตกใจจนรีบคุกเข่าลงคนอื่นก็คุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว“ท่านอ๋อง บ่าวไร้ประโยชน์ บ่าวจะไปตรวจสอบอีกรอบเดี๋ยวนี้!”เขาพาค
“ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!” พ่อบ้านโกรธแล้วไม่น่าแปลกใจที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนอ๋องแล้ว ก็ไม่เจอตัวคนร้าย ที่แท้คนร้ายใช้อุบายหนีออกจากจวนนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะจู่ๆ พระชายาก็นึกขึ้นได้ เกรงว่าคนร้ายนี่หนีรอดไปแล้ว!เสียวอู่ตกใจจนทนไม่ไหวแล้ว ร้องขอความเมตตาทันที“บ่าวหลงผิดไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต พระชายาโปรดไว้ชีวิต! โปรดไว้ชีวิต!”นางโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแรงและเสียงดัง“บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”เฟิงเย่เสวียนยกเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง ก้มมองนางที่อยู่ข้างเท้า สายตาที่น่ากลัวนั่นเหมือนกำลังมองศพศพหนึ่งไว้ชีวิต?ถ้าหากเขาละเว้นนาง แล้วใครจะมาละเว้นชีวิตลูกที่ยังไม่เกิดของเขา?“ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?” น้ำเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น ทำเอาเสียวอู่กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร และเอาแต่อ้อนวอนร้องขอชีวิต“บ่าวเลอะเลือน หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต!”นางไม่กล้าพูดหากพูดแล้ว พระชายาอ๋องหลีไม่ละเว้นนางแน่ นางมีแต่ต้องตายสถานเดียวเฟิงเย่เสวียนไม่มีความอดทนที่จะฟังนางพูดไร้สาระ กล่าวโดยตรง “ใครก็ได้ ลากออกไป ทัณฑ์เลาะกระดูก!”