ตอนนี้หลิงเชียนอี้ไม่สามารถออกห่างจากอวิ๋นอิง ทุกคนคุ้นชินแล้ว มองบนทีหนึ่ง ไม่อยากคุยต่อ ถ้าหากคุยต่อ หลิงเชียนอี้ก็คึก สามารถพูดเป็นครึ่งชั่วยามมองข้ามท่านโหวน้อยในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งจวน ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์ ห้องนอนของทุกคน ตู้เสื้อผ้า ห้องครัว ห้องปีกข้าง ห้องเก็บของ…แม้แต่พุ่มดอกไม้ก็รื้อค้นพ่อบ้านมารายงานผลลัพธ์“ท่านอ๋อง ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนแล้ว ไม่พบอะไรน่าสงสัยขอรับ”เฟิงเย่เสวียนโกรธทันที “ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!”จวนอ๋องได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด ที่แจ้งมีทหารยามเฝ้า ที่มืดมีองครักษ์ลับตรวจตรา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามา คนร้ายที่ทาน้ำมันหล่อลื่นต้องเป็นคนของจวนอ๋องเท่านั้นหาคนร้ายจากในกลุ่มคนที่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกหรือ?“ข้ายังไม่ได้ลงโทษที่พวกเจ้าละเลยหน้าที่ของการปกป้องพระชายาเลย ตอนนี้แม้แต่คนคนเดียวก็หาไม่เจอ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร”“ท่านอ๋องใจเย็นๆ ขอรับ!” พ่อบ้านตกใจจนรีบคุกเข่าลงคนอื่นก็คุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว“ท่านอ๋อง บ่าวไร้ประโยชน์ บ่าวจะไปตรวจสอบอีกรอบเดี๋ยวนี้!”เขาพาค
“ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!” พ่อบ้านโกรธแล้วไม่น่าแปลกใจที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนอ๋องแล้ว ก็ไม่เจอตัวคนร้าย ที่แท้คนร้ายใช้อุบายหนีออกจากจวนนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะจู่ๆ พระชายาก็นึกขึ้นได้ เกรงว่าคนร้ายนี่หนีรอดไปแล้ว!เสียวอู่ตกใจจนทนไม่ไหวแล้ว ร้องขอความเมตตาทันที“บ่าวหลงผิดไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต พระชายาโปรดไว้ชีวิต! โปรดไว้ชีวิต!”นางโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแรงและเสียงดัง“บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”เฟิงเย่เสวียนยกเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง ก้มมองนางที่อยู่ข้างเท้า สายตาที่น่ากลัวนั่นเหมือนกำลังมองศพศพหนึ่งไว้ชีวิต?ถ้าหากเขาละเว้นนาง แล้วใครจะมาละเว้นชีวิตลูกที่ยังไม่เกิดของเขา?“ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?” น้ำเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น ทำเอาเสียวอู่กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร และเอาแต่อ้อนวอนร้องขอชีวิต“บ่าวเลอะเลือน หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต!”นางไม่กล้าพูดหากพูดแล้ว พระชายาอ๋องหลีไม่ละเว้นนางแน่ นางมีแต่ต้องตายสถานเดียวเฟิงเย่เสวียนไม่มีความอดทนที่จะฟังนางพูดไร้สาระ กล่าวโดยตรง “ใครก็ได้ ลากออกไป ทัณฑ์เลาะกระดูก!”
รถม้าของจวนอ๋องจอดที่หน้าประตูวัง เฟิงเย่เสวียนรอบนรถม้า ส่วนฉู่เชียนหลีเดินตามกงกงคนนั้นเข้าวังตอนที่ใกล้จะถึงห้องทรงอักษร กลับพบกับท่านรองกู้แล้ว“โอ้ นี่พระชายาอ๋องเฉินไม่ใช่หรือ?” ท่านรองกู้ก็ประหลาดใจเช่นกันตอนเช้า พวกเขาเจอกันที่จวนโหวติ้งกว๋อ แยกย้ายกันอย่างไม่สบอารมณ์ตอนบ่าย ก็มาเจอกันในวังหลวงแล้วนี่เป็นวันที่ซวยที่สุด…ในรอบสี่สิบปีของเขาฉู่เชียนหลีกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นคนกว้างขวาง ในความเป็นจริงจริตจะก้าน พูดจาสอดเสียด นางไม่อยากคุยกับเขามาก เดินไปทางห้องทรงอักษรขันทีรายงานฮ่องเต้เพิ่งตรวจฎีกาเสร็จ กำลังพักผ่อน เห็นทั้งสองคนมาด้วยกัน จึงลุกขึ้นยืน “หัวหน้าตระกูลกู้ เมียเจ้าเจ็ด เหตุใดพวกเจ้ามาด้วยกัน?”“เจอกันข้างนอกเพคะ” ฉู่เชียนหลีตอบไปประโยคหนึ่ง แล้วถอนสายบัวคำนับ“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ อย่าให้ความสำคัญกับพิธีรีตองที่มีก็เหมือนไม่มีพวกนี้เลย ใครก็ได้ เชิญนั่ง”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”ฉู่เชียนหลีนั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้าง รอนายท่านรองกับฮ่องเต้คุยกันก่อนฮ่องเต้สั่งให้คนยกน้ำชามาให้ฉู่เชียนหลี จึงจะกล่าวกับท่านรองกู้ “หัวหน้าตระกูลกู้ก
เขาขำจนจะตายแล้ว!ตระกูลผ่านการทดลองหลายร้อยปี พบกับความล้มเหลวและอุปสรรคครั้งนับไม่ถ้วน จึงจะสามารถปลูกฝังหน่วยสำรวจที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ ทักษะนี้แม้แต่ราชวงศ์ก็อยากได้ตามหลักแล้ว ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้ซื้อขายเหล็กกันเอง แต่ราชวงศ์ไม่มีทักษะสำรวจที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องร่วมมือกับตระกูลกู้การขุดเหมืองนั้นง่าย แต่ที่ยากคือการสำรวจเมื่อไรที่คาดการณ์ผิด ก็เท่ากับขุดภูเขาลูกนี้โดยเปล่าประโยชน์ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากตระกูลกู้อาศัยทักษะด้านนี้กินข้าวโดยเฉพาะ ฉู่เชียนหลีกลับบอกว่า ‘พวกเราขุดเอง’ โดยตรง เป็นผู้หญิงที่ไม่มีวิสัยทัศน์จริงๆ พูดจาไม่ต้องผ่านสมองฮ่องเต้ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างกระอักกระอ่วน“เมียเจ้าเจ็ด การขุดภูเขาหนึ่งลูกเผาผลาญกำลังคน ทรัพยากร เงินกับเวลามากเกิดไป และไม่ใช่ว่าจะสามารถขุดภูเขาทุกลูกได้ตามใจชอบ”แผ่นดินแคว้นตงหลิงกว้างใหญ่เช่นนั้น ภูเขามากมายเช่นนั้น รายได้ทุกปีของท้องพระคลังจำเป็นต้องเลี้ยงทหาร เลี้ยงขุนนาง และยังต้องจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งไม่มีเงินสนับสนุนหน่วยงานไปขุดเหมืองมากเช่นนั้นท่านรองกู้กล่าวอย่างยอกย้อน“พระชายาอ๋
ท่านรองกู้หัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจคนที่ไม่รู้ คิดว่าเขาเป็นชายร่างใหญ่ที่ใจกว้างและตรงไปตรงมาเสียอีกในความเป็นจริง พูดจาเสียดสี ไม่น่าฟังอย่างยิ่งฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรง “ท่านรองกู้อยู่มาครึ่งชีวิต หรือไม่เคยได้ยินคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน? พูดมั่นใจเกินไป ระวังถูกตบหน้า”เพิ่งพูดจบ ท่านรองกู้ก็ยิ่งหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสานมากขึ้นแล้ว“ฮ่าๆ! ฮ่าๆๆ!”คนเก่ง เขาเคยเจอไม่น้อยคนมีความสามารถ ยิ่งเคยเจอเยอะแยะ“ข้าท่องยุทธภพหลายปี คนเช่นไรที่ไม่เคยเจอ? เรื่องแปลกอะไรที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น? นึกถึงปีนั้น สมัยที่ข้าเลียเลือดบนคมดาบ พระชายาอ๋องเฉินท่านยังไม่เกิดเลย มันถึงคราวที่เด็กน้อยคนหนึ่ง ต้องมาสั่งสอนข้าตั้งแต่เมื่อไรแล้ว?”ฮึ่ม!เขายิ้มอย่างเย็นชาอ้วนดีจริงๆ!สีหน้าของฮ่องเต้ดูไม่ดีนัก ฉู่เชียนหลีพูดจาโอ้อวด ผู้อื่นหัวเราะเยาะ ฉู่เชียนหลีเสียหน้า หน้าที่เสียเป็นของราชวงศ์วันนี้ฉู่เชียนหลีเป็นอะไร?ปกติสุขุมหนักแน่นมาก เหตุใดวันนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?คนอื่นก็มองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกันสีหน้าฉู่เชียนหลีเรียบเฉย เอ่ยปากอย่างเฉยเมย “ในเมื่อท
ท่านรองกู้อารมณ์ดี เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะฮ่องเต้มองไปทางฉู่เชียนหลี ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “เมียเจ้าเจ็ด นี่เจ้า…ต่อให้เราเรียกบุคคลมีความสามารถของทั้งแคว้นมา ก็สู้ทักษะการสำรวจของตระกูลกู้ไม่ได้”ไม่มีโอกาสชนะเลยเฮ้อหลายวันนี้ อ๋องเฉินทำตัวทรพีอวดดีก็ช่างเถอะ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็กลายเป็นคนวู่วามไปแล้วหรือเป็นเพราะเขามอบเรื่องเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนให้อ๋องหลีทำ สามีภรรยาคู่นี้เปลี่ยนวิธีเอาคืนเขา?ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างสงบ “เสด็จพ่อ ตระกูลกู้ยอมมอบกิจการเหล็กให้ข้าสองส่วน ท่านเตรียมตัวรับช่วงต่อเถอะ เมื่อมีกิจการเหล็กสองส่วนนี้ ตระกูลกู้ของเขาจะไม่สามารถอวดดีอีกแน่นอน”ฮ่องเต้ “...”เต๋อฝู “...”ขันทีทุกคน “...”พูดเหมือนกับว่าเจ้าชนะตระกูลกู้แล้ว?มนุษย์ มีความมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่มั่นใจเกินเหตุ ก็คือคนโง่ที่รู้จักแต่พูดจาโอ้อวดเฮ้อฮ่องเต้ถอนหายใจอีกครั้งเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาโมโหจนลงโทษไปนานแล้ว แต่ในท้องฉู่เชียนหลีมีพระนัดดา เขาจะนิ่งดูดายก็ไม่ได้“เมียเจ้าเจ็ด เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้เราไปทำเอง ส่วนเรื่องเดิมพัน ถึงเวลามีเราออกหน้า ตระกู
หัวข้อสนทนานี้ไม่มีผลลัพธ์ออกจากวังบนรถม้า เฟิงเย่เสวียนรอนางตลอด มองเห็นฉู่เชียนหลีเดินมาแต่ไกล รีบเดินเข้าไปหาทันที แล้วประคองร่างกายที่หนักๆ ของนางขึ้นรถม้า“เสด็จพ่อหาเจ้ามีเรื่องอะไร?”ฉู่เชียนหลีพูดการเดิมพันระหว่างนางกับตระกูลกู้ออกมาเฟิงเย่เสวียนชะงักโดยตรง “เชียนหลีมีโอกาสชนะแล้ว?”คนอื่นได้ยินเรื่องนี้ ล้วนแต่สงสัย ถากถาง คิดว่าผลแพ้ชนะรู้กันอยู่แล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนอาศัยความเข้าใจที่มีต่อนาง รู้ว่านางจะไม่ทำสิ่งที่ไม่มั่นใจง่ายๆ แน่นอนฉู่เชียนหลีไม่กล้าพูดอย่างเต็มปาก“ห้าส่วน”เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ช่วยได้บ้างขอรับ?”นางมีห้าส่วน เขาเพิ่มให้อีกห้าส่วน ก็ไม่เท่ากับมีความมั่นใจสิบส่วนแล้วหรือ?ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด “ข้าเห็นเสด็จพ่ออนุมัติฎีกาให้ตระกูลกู้ ในเร็วๆ นี้ตระกูลกู้น่าจะขุดเหมืองอีกแล้ว พวกเราก็เตรียมคนสักกลุ่ม ไปพร้อมกับตระกูลกู้เลย”รวบรวมกำลังคน เครื่องมือ ระเบิด รถขนส่ง เชือก พลั่วเหล็ก ท่อนไม้…เตรียมเรื่องต่างๆ“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” เฟิงเย่เสวียนกล่าว “ข้าพอรู้จักคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่บ้าง แม้เทียบกับหน่วยสำรวจของ
หานเฟิงจัดระเบียบกองทัพเสร็จ เข้าวังไปขอราชโองการ เตรียมเคลื่อนทัพแต่ก่อนออกเดินทาง เขาขี่ม้าเร็ว แวะกลับไปที่จวนอ๋องเฉินอย่างรวดเร็วภายในเรือนหานเฟิงเยว่เอ๋อร์นั่งยองๆ หน้ารังสุนัขขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ ตักน้ำมาหนึ่งกะละมัง ในมือถือผ้าเช็ดหน้า กำลังเช็ดขนให้เจ้าดำน้อยขนสีขาวหิมะทั้งตัว ทั้งยาวทั้งสะอาด ไม่เพียงต้องทำความสะอาดเป็นประจำ ยังต้องหวีขนให้ทุกวันเป็นหมาป่าชั้นเลิศตัวหนึ่ง“ยกอุ้งเท้าขึ้น”“สวรรค์ เจ้าใช้อุ้งเท้าฝังขี้อีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ห้ามใช้อุ้มเท้ากลบขี้ ห้ามใช้! เจ้านี่มันจริงๆ เลย…”“เจ้าไม่รักษาความสะอาดเลย!”“ข้าไม่เคยเห็นหมาป่าที่เลอะเทอะอย่างเจ้ามาก่อน…”บราๆเยว่เอ๋อร์พลางทำความสะอาดให้มัน พลางบ่นพึมพำไปด้วยเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ในรังอย่างเกียจคร้าน เปลือกตาห้อยตกลงมา งีบหลับอย่างสะลึมสะลือ เพลิดเพลินกับการบริการของเยว่เอ๋อร์อย่างสบาย สำหรับคำบ่นของนาง เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา ไม่สนใจนาง“เจ้าฟังข้าพูดหรือไม่?” เยว่เอ๋อร์ดึงหูของมันเจ้าดำน้อยสะบัดหู หลังจากนั้นก็หมุนตัว เชิดก้นใส่เยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ “...”นอกเรือน เสียงหัวเราะสายห