ท่านรองกู้อารมณ์ดี เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะฮ่องเต้มองไปทางฉู่เชียนหลี ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “เมียเจ้าเจ็ด นี่เจ้า…ต่อให้เราเรียกบุคคลมีความสามารถของทั้งแคว้นมา ก็สู้ทักษะการสำรวจของตระกูลกู้ไม่ได้”ไม่มีโอกาสชนะเลยเฮ้อหลายวันนี้ อ๋องเฉินทำตัวทรพีอวดดีก็ช่างเถอะ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็กลายเป็นคนวู่วามไปแล้วหรือเป็นเพราะเขามอบเรื่องเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนให้อ๋องหลีทำ สามีภรรยาคู่นี้เปลี่ยนวิธีเอาคืนเขา?ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างสงบ “เสด็จพ่อ ตระกูลกู้ยอมมอบกิจการเหล็กให้ข้าสองส่วน ท่านเตรียมตัวรับช่วงต่อเถอะ เมื่อมีกิจการเหล็กสองส่วนนี้ ตระกูลกู้ของเขาจะไม่สามารถอวดดีอีกแน่นอน”ฮ่องเต้ “...”เต๋อฝู “...”ขันทีทุกคน “...”พูดเหมือนกับว่าเจ้าชนะตระกูลกู้แล้ว?มนุษย์ มีความมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่มั่นใจเกินเหตุ ก็คือคนโง่ที่รู้จักแต่พูดจาโอ้อวดเฮ้อฮ่องเต้ถอนหายใจอีกครั้งเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาโมโหจนลงโทษไปนานแล้ว แต่ในท้องฉู่เชียนหลีมีพระนัดดา เขาจะนิ่งดูดายก็ไม่ได้“เมียเจ้าเจ็ด เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้เราไปทำเอง ส่วนเรื่องเดิมพัน ถึงเวลามีเราออกหน้า ตระกู
หัวข้อสนทนานี้ไม่มีผลลัพธ์ออกจากวังบนรถม้า เฟิงเย่เสวียนรอนางตลอด มองเห็นฉู่เชียนหลีเดินมาแต่ไกล รีบเดินเข้าไปหาทันที แล้วประคองร่างกายที่หนักๆ ของนางขึ้นรถม้า“เสด็จพ่อหาเจ้ามีเรื่องอะไร?”ฉู่เชียนหลีพูดการเดิมพันระหว่างนางกับตระกูลกู้ออกมาเฟิงเย่เสวียนชะงักโดยตรง “เชียนหลีมีโอกาสชนะแล้ว?”คนอื่นได้ยินเรื่องนี้ ล้วนแต่สงสัย ถากถาง คิดว่าผลแพ้ชนะรู้กันอยู่แล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนอาศัยความเข้าใจที่มีต่อนาง รู้ว่านางจะไม่ทำสิ่งที่ไม่มั่นใจง่ายๆ แน่นอนฉู่เชียนหลีไม่กล้าพูดอย่างเต็มปาก“ห้าส่วน”เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ช่วยได้บ้างขอรับ?”นางมีห้าส่วน เขาเพิ่มให้อีกห้าส่วน ก็ไม่เท่ากับมีความมั่นใจสิบส่วนแล้วหรือ?ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด “ข้าเห็นเสด็จพ่ออนุมัติฎีกาให้ตระกูลกู้ ในเร็วๆ นี้ตระกูลกู้น่าจะขุดเหมืองอีกแล้ว พวกเราก็เตรียมคนสักกลุ่ม ไปพร้อมกับตระกูลกู้เลย”รวบรวมกำลังคน เครื่องมือ ระเบิด รถขนส่ง เชือก พลั่วเหล็ก ท่อนไม้…เตรียมเรื่องต่างๆ“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” เฟิงเย่เสวียนกล่าว “ข้าพอรู้จักคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่บ้าง แม้เทียบกับหน่วยสำรวจของ
หานเฟิงจัดระเบียบกองทัพเสร็จ เข้าวังไปขอราชโองการ เตรียมเคลื่อนทัพแต่ก่อนออกเดินทาง เขาขี่ม้าเร็ว แวะกลับไปที่จวนอ๋องเฉินอย่างรวดเร็วภายในเรือนหานเฟิงเยว่เอ๋อร์นั่งยองๆ หน้ารังสุนัขขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ ตักน้ำมาหนึ่งกะละมัง ในมือถือผ้าเช็ดหน้า กำลังเช็ดขนให้เจ้าดำน้อยขนสีขาวหิมะทั้งตัว ทั้งยาวทั้งสะอาด ไม่เพียงต้องทำความสะอาดเป็นประจำ ยังต้องหวีขนให้ทุกวันเป็นหมาป่าชั้นเลิศตัวหนึ่ง“ยกอุ้งเท้าขึ้น”“สวรรค์ เจ้าใช้อุ้งเท้าฝังขี้อีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ห้ามใช้อุ้มเท้ากลบขี้ ห้ามใช้! เจ้านี่มันจริงๆ เลย…”“เจ้าไม่รักษาความสะอาดเลย!”“ข้าไม่เคยเห็นหมาป่าที่เลอะเทอะอย่างเจ้ามาก่อน…”บราๆเยว่เอ๋อร์พลางทำความสะอาดให้มัน พลางบ่นพึมพำไปด้วยเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ในรังอย่างเกียจคร้าน เปลือกตาห้อยตกลงมา งีบหลับอย่างสะลึมสะลือ เพลิดเพลินกับการบริการของเยว่เอ๋อร์อย่างสบาย สำหรับคำบ่นของนาง เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา ไม่สนใจนาง“เจ้าฟังข้าพูดหรือไม่?” เยว่เอ๋อร์ดึงหูของมันเจ้าดำน้อยสะบัดหู หลังจากนั้นก็หมุนตัว เชิดก้นใส่เยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ “...”นอกเรือน เสียงหัวเราะสายห
รอยยิ้มของหานเฟิงแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าทันที นิ้วมือก็ค่อยๆ เย็นลงทีละนิด… “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว แต่ไม่ใช่ท่าน” เยว่เอ๋อร์กล่าวปฏิเสธ“ใคร?” หานเฟิงไม่ยอมแพ้ “เยว่เอ๋อร์ ข้าชอบเจ้ามากจริงๆ นะ พวกเราร่วมทำงานกันในจวนอ๋องเฉินหนึ่งปีกว่า ทุกย่างก้าวของเจ้ามักจะดึงดูดสายตาข้า และชักจูงหัวใจข้าเสมอ ข้าจริงจังนะ”“เยว่เอ๋อร์ เมื่อก่อนข้าไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพูดคำพูดเช่นนี้ ข้าอาจจะโง่เขลาพูดได้ไม่ดี แต่เจ้าเชื่อข้านะ…”“ขอโทษ”เยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วนางไม่อยากฟังอีกแม้แต่คำเดียวคนที่นางชอบคือจิ่งอี้“ใต้เท้าหานเฟิง ขอบคุณความรักดีๆ ของท่าน แต่พวกเราไม่เหมาะสม ขอให้ท่านออกเดินทางอย่างราบรื่น และกลับมาพร้อมกับชัยชนะ” นางหมุนกายก็ไปแล้ว“เยว่เอ๋อร์!”หานเฟิงร้อนใจจนรีบคว้าข้อมือนางไว้“ปล่อย!”“เยว่เอ๋อร์ ให้โอกาสข้าสักครั้ง…”“หานเฟิง นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” นอกเรือนหานเฟิง หานอิ๋งได้ยินเสียงจึงเดินมา เมื่อเห็นหานเฟิงจับมือหานอิ๋ง นางตะลึงงันทันที“พวกเจ้า…”หานเฟิงกับเยว่เอ๋อร์…ดูจากสถานการณ์ เยว่เอ๋อร์ไม่ชอบหานเฟิง หานเฟิงเป็นฝ่ายตามจีบหานอิ๋งขมวดคิ้วทันที น้อง
บนเก้าอี้หลักเฟิงเจิ้งหลีพลิกดูเอกสารในมือ ชุดผาวสีขาวเผยให้เห็นรูปร่างที่ผอมบางของเขา หลุบตาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองไม่เห็นกลุ่มคนข้างๆ ที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประจบประแจงพลิกดูสองสามหน้าผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะปิดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้นตอนในวันเซ่นไหว้บรรพชนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ”“ขอรับ ขอรับๆ อ๋องหลีโปรดวางใจ พวกเราจะจับตาดูอย่างเต็มที่ ไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน!”นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้มอบภารกิจสำคัญเช่นนี้ให้เฟิงเจิ้งหลี เมื่อเทียบกับบอกว่ามอบ ไม่สู้บอกว่าเฟิงเจิ้งหลีเอาชีวิตแลกมาดีกว่าเขาจะต้องทำให้ดีพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ได้ด้อยกว่าเฟิงเย่เสวียนสิ้นสุดเรื่องนี้ ขุนนางทั้งกลุ่มจากไปพร้อมกัน และยังคุยกันว่า“ท่านได้ข่าวหรือยัง พระชายาอ๋องเฉินได้เดิมพันกับตระกูลกู้ แข่งกันสำรวจเหมือง”“อะไรนะ? พระชายาอ๋องเฉินคงไม่ได้บ้าไปแล้วกระมัง? ใครสามารถเทียบกับหน่วยสำรวจของตระกูลกู้?”“นางบอกว่านาง”“? ตั้งครรภ์จนสมองพังไปแล้ว?”เฟิงเจิ้งหลีได้ยินเศษเสี้ยวของคำพูด เงยหน้าขึ้นมองไป เหมือน
เมื่อสิ้นเสียง บรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมาทันที รอยยิ้มบนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีแข็งเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “หมาย หมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีมองเขาตรงๆ “ต้องให้ข้าพูดออกมาตรงๆ เลยหรือ? เจ้าเคยทำอะไร หรือในใจเจ้าไม่รู้?”บางครั้ง การพูดตรงเกินไป มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายกระอักกระอ่วนแววตาเฟิงเจิ้งหลีขรึมลงความหมายของนางคือ นางรู้เรื่องคนร้ายที่ผลักเยาเอ๋อร์ตกบันไดก็คือเขาแล้ว?เขาทำงานสะอาดรัดกุม ไม่ทิ้งหลักฐาน นางจะรู้ได้อย่างไร?นางไม่มีทางรู้นางน่าจะกำลังหยั่งเชิงเขา อยากหลอกให้เขาพูดคำจริงสีหน้าเฟิงเจิ้งหลียังคงสงสัย กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “พระชายาหมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยเข้าใจ?”เขามักจะใช้ใบหน้าที่อบอุ่นและไม่มีพิษภัยหลอกทุกคนเสมอ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็คิดว่าเขาไร้เดียงสา ชาติกำเนิดน่าสังเวช คู่ควรที่จะเห็นใจแต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมด ล้วนเป็นของปลอม“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ” ฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าคิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน”นางหยิบขวดดินเผาสีน้ำตาลออกมาหนึ่งใบ วางลงบนโต๊ะ “ของของเจ้า คืนให้เจ้า”ขวดใบเล็กที่ใส่น้ำมันหล่อลื
เฟิงเจิ้งหลีรีบเดินตามไป คว้าข้อมือของนางเอาไว้ “ฉู่เชียนหลี เจ้าเชื่อข้า ฆ่าสังหารเยาเอ๋อร์แล้ว ข้ายอมรับผิด แต่หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้านั้นจริงใจ!”เขาได้แสดงความในใจออกมา เพื่อให้นางเห็น หรือว่านางยังไม่เชื่ออีกอย่างนั้นหรือ?“ปล่อยมือ!” ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว“เจ้าอย่าไป!”เฟิงเจิ้งหลีร้องขอด้วยเสียงโศกเศร้า “เจ้าอย่าใช้สายตาที่ห่างเหินเช่นนี้มองข้า ข้ามีด้านที่เลวร้ายจริง แต่ข้าทำเพื่อปกป้องตนเอง ข้าพยายามมีชีวิตอยู่ ก็เพราะอยากจะนำสิ่งที่ดีที่สุดของตนเองแสดงออกมาให้เจ้าได้เห็น”“บัดนี้ ท่านแม่ข้าจากไปแล้ว ข้าไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ความคิดเพียงอย่างเดียวของข้าก็คือเจ้า...”ฉู่เชียนหลีบิดข้อมือของตนเอง ออกแรงชักมือกลับ“ท่านเพื่อปกป้องตนเองแล้ว ไม่ลังเลที่จะทำร้ายข้า ยังพูดว่าทำทุกอย่างเพื่อข้าอีก ท่านอ๋องหลี ไมตรีจิตนี้ของท่านช่างหนักหนาเหลือเกิน ข้ารับไม่ไหว!”กำลังจะเดินไปก็เห็นชายหนุ่มกำลังจะตามมาอีก ก็ใช้กำลังภายใน สะบัดแขนเสื้อเพื่อผลักเขาออกไปทันที แล้วสาวเท้ายาวเดินจากไป“ฉู่เชียนหลี! ฉู่...โอ๊ย!”แผลเก่าบริเวณหน้าอกของเฟิงเจิ้งหลีอาการกำเริบ สีหน้าซีดขาว เจ็บจนเดินโซเ
“ขอเพียงแค่ฉู่เชียนหลีไม่มีลูก ลูกชายของพวกเราก็จะเป็นพระราชนัดดาองค์โต ท่านถึงจะมีโอกาสขึ้นครองราชย์! ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อท่านอ๋อง!”“ของที่ข้าอยากได้ ต้องใช้มือของผู้หญิงตั้งแต่เมื่อใด?” เฟิงเจิ้งหลีบีบลำคอของนางแน่น นิ้วมือทั้งทางบีบแรงขึ้น“โดยเฉพาะเจ้า!”พวกคนที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้าน!เรื่องที่ทำแดงขึ้น ฉู่เชียนหลีจึงคิดว่าเป็นฝีมือของเขา ถึงขั้นตัดขาดกับเขา เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวเพียงคนเดียวเขาให้ความสำคัญกับฉู่เชียนหลีมากที่สุด การถูกฉู่เจียวเจียวผลักออกไปไกลเขาจะอดกลั้นความโมโหนี้เอาไว้ได้อย่างไร?เมื่อมองหน้าของฉู่เจียวเจียว เขาก็นึกถึงท่าทางที่เฉยชาและเด็ดเดี่ยวของฉู่เชียนหลีขึ้นมา เพลิงโทสะที่สุมอยู่เต็มอกก็พลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ระบายออกมาโดยที่ไม่มีการสะกดกลั้นเอาไว้เลยแม้แต่น้อย“ตอนนั้น ตอนที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ เจ้าก็เอาแต่ใช้ประโยชน์จากนิสัยใจอ่อนของท่านแม่ข้า มาควบคุมข้า บีบให้ข้าทิ้งหน้าที่ที่ค่ายลาดตระเวน จำต้องอยู่ที่เรือน ตอนนี้ เจ้ายังมาสอดมือเรื่องของข้ากับฉู่เชียนหลี ท่านแม่จากไปแล้ว ข้าอยากรู้นักว่าใครจะปกป้องเจ้าได้!”ทันทีที่น้ำเสีย
จวินลั่วยวนหลั่งน้ำตาเหมือนสายฝน ร้องไห้จนใจแทบสลาย กรีดร้องจนเสียงแหบแล้ว“อ๊ะ!”สีหน้าที่เศร้าโศกเกินจะบรรยายด้วยคำพูดภายในห้อง หมอ องครักษ์ และคนรับใช้เห็นแล้ว ต่างก็ตื้นตันจนตาแดงแล้วองค์หญิงช่างน่าสงสารจริงๆองค์หญิงรักฮองเฮาจริงๆ!ฮองเฮาเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ใจกว้าง เหตุใดต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้?เฮ้อ!“รักษานาง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ก็ต้องรักษานางให้หายดี! ไม่เช่นนั้น ข้าก็เอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า!” จวินชิงอวี่ตวาดเสียงเบา ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะคลั่งแล้วหมอตกใจจนหน้าซีด“องค์ชายสามโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”“ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยยังไม่ดีพอ โปรดไว้ชีวิต…”“ข้าให้เจ้ารักษา!”จวินชิงอวี่คว้าคอเสื้อของเขา จ้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าเตียง “รักษา!”หมอสั่นไปทั้งร่าง ริมฝีปากก็กำลังสั่น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกมือขึ้นรักษาด้วยอาการสั่นเทา…วันนี้ ต่อให้ฮัวถวอกลับชาติมาเกิด ก็รักษากล่องเสียงของฮองเฮาไม่ได้เกรงว่าเขา…ไม่รอดแล้ว“เสด็จแม่…เสด็จแม่! ต้องรักษาหายแน่นอน ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ!”จวินลั่วยวนจับมือฮองเฮาแน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นเ
ฮองเฮาหนานยวนเบิกตากว้าง ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงในลำคอ หลังจากกระอักเลือด ก็ล้มลงกับพื้น เจ็บจนหมดสติ“เสด็จแม่!”“หมอ!”“ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”ทันใดนั้น ทั้งศาลาพักม้าเริ่มวุ่นวาย คนที่วิ่งก็วิ่ง คนที่ตะโกนก็ตะโกน คนที่หาคนก็หาคน ทุกคนล้วนประหม่าและตื่นตระหนกจวินชิงอวี่รู้ว่าปลากะพงขาวจานนี้มีพิษ เขาโกรธมาก“พ่อครัวอยู่ไหน!”“ทุกคนที่เคยเข้าใกล้ปลาตัวนี้ เรียกมาให้หมด!”ถึงขั้นกล้าวางยาพิษภายใต้จมูกของเขา มีเช่นนี้ที่ไหนกัน!ไม่นาน เด็กรับใช้สีผิวเข้มคนหนึ่งก็ถูกกระชากออกมา เขาก็คือคนตัดฟืนคนนั้นเขาแสร้งทำเป็นดิ้นรนก่อน หลังจากนั้น ‘สารภาพความจริง’ ภายใต้สถานการณ์ยอมจำนนต่อหลักฐาน“ใช่! ข้าเป็นคนทำเอง!”“พวกเจ้ากล้าทำร้ายพระชายา พวกเจ้าสมควรตาย! ใครก็ตามที่ทำร้ายพระชายาล้วนต้องตาย!”พระชายาที่เขาพูดถึง ย่อมหมายถึงฉู่เชียนหลีจวินชิงอวี่นับว่าเข้าใจแล้วฉู่เชียนหลี!เขาก็แค่เอามีดแทงฉู่เชียนหลีทีเดียว ฉู่เชียนหลีถึงขั้นอยากฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวนางผู้หญิงอำมหิต!เขาตะคอกด้วยความโกรธ “ใครก็ได้! ไปเชิญพระชายาอ๋องเฉินกับอ๋องเฉินมา ถ้าหากเสด็จแม่เป็นอะ
ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยคนตัดฟืนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างกระสับกระส่าย ห่อไหล่ สีหน้าตื่นตระหนก เดิมทีเขาควรถูกโบยจนตาย กลับถูกช่วยเอาไว้และพามาที่นี่ เขาที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ รู้สึกประหม่ามากหลังจากนั้นหนึ่งเค่อจวินลั่วยวนมาแล้ว“เจ้าก็คือคนที่จะฆ่าลูกของฉู่เชียนหลี?”คนตัดฟืนเห็นผู้มาแต่งกายหรูหรา คนรับใช้รายล้อม กลัวจนตัวสั่น“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…ข้าก็ถูกบีบบังคับ…”“ไม่ต้องกลัว” จวินลั่วยวนปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเล็กที่งดงามดูอ่อนโยนไร้พิษสง “ข้ากับฉู่เชียนหลีเป็นศัตรูกัน เจ้าอยากทำร้ายนาง ก็คือกำลังช่วยข้า ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”เมื่อคนตัดฟืนได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกประหลาดใจมากที่แท้กำลังช่วยเขา!“ใครให้เจ้าทำร้ายฝาแฝดคู่นั้น?” จวินลั่วยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อคนตัดฟืนได้ยิน ประหม่าจนจิกแขนเสื้อแล้วคลายออกเป็นระยะ เขาพยายามกลืนน้ำลายแล้วกล่าว“ข้า…ข้าไม่รู้…”จวินลั่วยวนเหลือบมองเขาด้วยท่าทางจะยิ้มไม่ยิ้ม“ข้าช่วยเจ้าไว้ ให้โอกาสเจ้า ทางที่ดีคิดให้ดีก่อนตอบ ถ้าหากเจ้าอยากตาย ข้าไม่ถือสาที่จะส่งเจ้ากลับไป”โบยจนตายไม่ง่ายเลยที่คนตัดฟืนจะรอดมาได้ เขาย่อมไม่กล้
หลายวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบฉู่เชียนหลีพักฟื้นอยู่แต่ในจวน ไม่ได้ออกไปที่ไหนเลย เมื่อเห็นว่าอาการบาดเจ็บดีขึ้น นางกับอวิ๋นอิงนัดเวลา พรุ่งนี้จะลองไปดูที่สนามรบหน่อยหลายวันนี้ นางคิดเรื่องในวันนั้นตลอด‘ล้วนเป็นเพราะเจ้า อ๋องเฉินกับฮ่องเต้หลีถึงได้สู้กัน!’“เจ้ามันตัวหายนะ คืนชีวิตลูกชายข้ามา!”‘ข้ามีลูกชายแค่คนเดียว เขาเพิ่งอายุสิบหกปีเอง…’หัวใจของนางเหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอกที่หนาทึบ ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก ทันใดนั้น นางรู้สึกเหมือนมีภาระอันหนักอึ้งตกลงมาทับที่ไหล่“พระชายา อาหารเสริมของนายน้อยทั้งสองท่านทำเสร็จแล้ว จะป้อนตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?” เสียวอู่ถือถาดเดินเข้ามาฉู่เชียนหลีหวนคืนสติ “ข้าเอง”“เจ้าค่ะ”เสียวอู่เดินเข้ามา โน้มกายส่งถาดให้ฉู่เชียนหลีหยิบชามขึ้นมา เป็นข้าวฟ่างต้มที่ปรุงด้วยถั่วแดง แครอท มันเทศ เนื้อแดง นำทั้งหมดมาต้มจนนิ่ม เหมาะกับเด็กอายุหนึ่งขวบ“แม่…”“แม่!”เว่ยซีกับจื่อเยี่ยจับโต๊ะ เท้าน้อยๆ ทรงตัวได้แล้ว สามารถจับกำแพงหรือเสาวิ่งเล่นในห้องแล้วเมื่อเห็นอาหาร เด็กทั้งสองเดินเข้ามาด้วยความดีใจฉู่เชียนหลีนั่งลง “นั่ง”“อืม!”เด็กทั้งสองนั่
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ