เขาขำจนจะตายแล้ว!ตระกูลผ่านการทดลองหลายร้อยปี พบกับความล้มเหลวและอุปสรรคครั้งนับไม่ถ้วน จึงจะสามารถปลูกฝังหน่วยสำรวจที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ ทักษะนี้แม้แต่ราชวงศ์ก็อยากได้ตามหลักแล้ว ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้ซื้อขายเหล็กกันเอง แต่ราชวงศ์ไม่มีทักษะสำรวจที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องร่วมมือกับตระกูลกู้การขุดเหมืองนั้นง่าย แต่ที่ยากคือการสำรวจเมื่อไรที่คาดการณ์ผิด ก็เท่ากับขุดภูเขาลูกนี้โดยเปล่าประโยชน์ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากตระกูลกู้อาศัยทักษะด้านนี้กินข้าวโดยเฉพาะ ฉู่เชียนหลีกลับบอกว่า ‘พวกเราขุดเอง’ โดยตรง เป็นผู้หญิงที่ไม่มีวิสัยทัศน์จริงๆ พูดจาไม่ต้องผ่านสมองฮ่องเต้ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างกระอักกระอ่วน“เมียเจ้าเจ็ด การขุดภูเขาหนึ่งลูกเผาผลาญกำลังคน ทรัพยากร เงินกับเวลามากเกิดไป และไม่ใช่ว่าจะสามารถขุดภูเขาทุกลูกได้ตามใจชอบ”แผ่นดินแคว้นตงหลิงกว้างใหญ่เช่นนั้น ภูเขามากมายเช่นนั้น รายได้ทุกปีของท้องพระคลังจำเป็นต้องเลี้ยงทหาร เลี้ยงขุนนาง และยังต้องจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งไม่มีเงินสนับสนุนหน่วยงานไปขุดเหมืองมากเช่นนั้นท่านรองกู้กล่าวอย่างยอกย้อน“พระชายาอ๋
ท่านรองกู้หัวเราะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจคนที่ไม่รู้ คิดว่าเขาเป็นชายร่างใหญ่ที่ใจกว้างและตรงไปตรงมาเสียอีกในความเป็นจริง พูดจาเสียดสี ไม่น่าฟังอย่างยิ่งฉู่เชียนหลีนั่งตัวตรง “ท่านรองกู้อยู่มาครึ่งชีวิต หรือไม่เคยได้ยินคำว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน? พูดมั่นใจเกินไป ระวังถูกตบหน้า”เพิ่งพูดจบ ท่านรองกู้ก็ยิ่งหัวเราะอย่างกำเริบเสิบสานมากขึ้นแล้ว“ฮ่าๆ! ฮ่าๆๆ!”คนเก่ง เขาเคยเจอไม่น้อยคนมีความสามารถ ยิ่งเคยเจอเยอะแยะ“ข้าท่องยุทธภพหลายปี คนเช่นไรที่ไม่เคยเจอ? เรื่องแปลกอะไรที่ไม่เคยพบไม่เคยเห็น? นึกถึงปีนั้น สมัยที่ข้าเลียเลือดบนคมดาบ พระชายาอ๋องเฉินท่านยังไม่เกิดเลย มันถึงคราวที่เด็กน้อยคนหนึ่ง ต้องมาสั่งสอนข้าตั้งแต่เมื่อไรแล้ว?”ฮึ่ม!เขายิ้มอย่างเย็นชาอ้วนดีจริงๆ!สีหน้าของฮ่องเต้ดูไม่ดีนัก ฉู่เชียนหลีพูดจาโอ้อวด ผู้อื่นหัวเราะเยาะ ฉู่เชียนหลีเสียหน้า หน้าที่เสียเป็นของราชวงศ์วันนี้ฉู่เชียนหลีเป็นอะไร?ปกติสุขุมหนักแน่นมาก เหตุใดวันนี้ราวกับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?คนอื่นก็มองฉู่เชียนหลีด้วยสายตาแปลกๆ เช่นกันสีหน้าฉู่เชียนหลีเรียบเฉย เอ่ยปากอย่างเฉยเมย “ในเมื่อท
ท่านรองกู้อารมณ์ดี เดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะฮ่องเต้มองไปทางฉู่เชียนหลี ในดวงตาเต็มไปด้วยความกังวล “เมียเจ้าเจ็ด นี่เจ้า…ต่อให้เราเรียกบุคคลมีความสามารถของทั้งแคว้นมา ก็สู้ทักษะการสำรวจของตระกูลกู้ไม่ได้”ไม่มีโอกาสชนะเลยเฮ้อหลายวันนี้ อ๋องเฉินทำตัวทรพีอวดดีก็ช่างเถอะ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็กลายเป็นคนวู่วามไปแล้วหรือเป็นเพราะเขามอบเรื่องเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนให้อ๋องหลีทำ สามีภรรยาคู่นี้เปลี่ยนวิธีเอาคืนเขา?ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างสงบ “เสด็จพ่อ ตระกูลกู้ยอมมอบกิจการเหล็กให้ข้าสองส่วน ท่านเตรียมตัวรับช่วงต่อเถอะ เมื่อมีกิจการเหล็กสองส่วนนี้ ตระกูลกู้ของเขาจะไม่สามารถอวดดีอีกแน่นอน”ฮ่องเต้ “...”เต๋อฝู “...”ขันทีทุกคน “...”พูดเหมือนกับว่าเจ้าชนะตระกูลกู้แล้ว?มนุษย์ มีความมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่มั่นใจเกินเหตุ ก็คือคนโง่ที่รู้จักแต่พูดจาโอ้อวดเฮ้อฮ่องเต้ถอนหายใจอีกครั้งเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาโมโหจนลงโทษไปนานแล้ว แต่ในท้องฉู่เชียนหลีมีพระนัดดา เขาจะนิ่งดูดายก็ไม่ได้“เมียเจ้าเจ็ด เรื่องนี้เจ้าไม่ต้องยุ่งแล้ว ให้เราไปทำเอง ส่วนเรื่องเดิมพัน ถึงเวลามีเราออกหน้า ตระกู
หัวข้อสนทนานี้ไม่มีผลลัพธ์ออกจากวังบนรถม้า เฟิงเย่เสวียนรอนางตลอด มองเห็นฉู่เชียนหลีเดินมาแต่ไกล รีบเดินเข้าไปหาทันที แล้วประคองร่างกายที่หนักๆ ของนางขึ้นรถม้า“เสด็จพ่อหาเจ้ามีเรื่องอะไร?”ฉู่เชียนหลีพูดการเดิมพันระหว่างนางกับตระกูลกู้ออกมาเฟิงเย่เสวียนชะงักโดยตรง “เชียนหลีมีโอกาสชนะแล้ว?”คนอื่นได้ยินเรื่องนี้ ล้วนแต่สงสัย ถากถาง คิดว่าผลแพ้ชนะรู้กันอยู่แล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนอาศัยความเข้าใจที่มีต่อนาง รู้ว่านางจะไม่ทำสิ่งที่ไม่มั่นใจง่ายๆ แน่นอนฉู่เชียนหลีไม่กล้าพูดอย่างเต็มปาก“ห้าส่วน”เฟิงเย่เสวียนเลิกคิ้ว “ไม่ทราบว่ามีอะไรที่ช่วยได้บ้างขอรับ?”นางมีห้าส่วน เขาเพิ่มให้อีกห้าส่วน ก็ไม่เท่ากับมีความมั่นใจสิบส่วนแล้วหรือ?ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด “ข้าเห็นเสด็จพ่ออนุมัติฎีกาให้ตระกูลกู้ ในเร็วๆ นี้ตระกูลกู้น่าจะขุดเหมืองอีกแล้ว พวกเราก็เตรียมคนสักกลุ่ม ไปพร้อมกับตระกูลกู้เลย”รวบรวมกำลังคน เครื่องมือ ระเบิด รถขนส่ง เชือก พลั่วเหล็ก ท่อนไม้…เตรียมเรื่องต่างๆ“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง” เฟิงเย่เสวียนกล่าว “ข้าพอรู้จักคนที่เชี่ยวชาญด้านนี้อยู่บ้าง แม้เทียบกับหน่วยสำรวจของ
หานเฟิงจัดระเบียบกองทัพเสร็จ เข้าวังไปขอราชโองการ เตรียมเคลื่อนทัพแต่ก่อนออกเดินทาง เขาขี่ม้าเร็ว แวะกลับไปที่จวนอ๋องเฉินอย่างรวดเร็วภายในเรือนหานเฟิงเยว่เอ๋อร์นั่งยองๆ หน้ารังสุนัขขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้ ตักน้ำมาหนึ่งกะละมัง ในมือถือผ้าเช็ดหน้า กำลังเช็ดขนให้เจ้าดำน้อยขนสีขาวหิมะทั้งตัว ทั้งยาวทั้งสะอาด ไม่เพียงต้องทำความสะอาดเป็นประจำ ยังต้องหวีขนให้ทุกวันเป็นหมาป่าชั้นเลิศตัวหนึ่ง“ยกอุ้งเท้าขึ้น”“สวรรค์ เจ้าใช้อุ้งเท้าฝังขี้อีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าบอกเจ้ากี่รอบแล้ว ห้ามใช้อุ้มเท้ากลบขี้ ห้ามใช้! เจ้านี่มันจริงๆ เลย…”“เจ้าไม่รักษาความสะอาดเลย!”“ข้าไม่เคยเห็นหมาป่าที่เลอะเทอะอย่างเจ้ามาก่อน…”บราๆเยว่เอ๋อร์พลางทำความสะอาดให้มัน พลางบ่นพึมพำไปด้วยเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ในรังอย่างเกียจคร้าน เปลือกตาห้อยตกลงมา งีบหลับอย่างสะลึมสะลือ เพลิดเพลินกับการบริการของเยว่เอ๋อร์อย่างสบาย สำหรับคำบ่นของนาง เข้าหูซ้าย ทะลุหูขวา ไม่สนใจนาง“เจ้าฟังข้าพูดหรือไม่?” เยว่เอ๋อร์ดึงหูของมันเจ้าดำน้อยสะบัดหู หลังจากนั้นก็หมุนตัว เชิดก้นใส่เยว่เอ๋อร์เยว่เอ๋อร์ “...”นอกเรือน เสียงหัวเราะสายห
รอยยิ้มของหานเฟิงแข็งทื่ออยู่บนใบหน้าทันที นิ้วมือก็ค่อยๆ เย็นลงทีละนิด… “ข้ามีคนที่ชอบแล้ว แต่ไม่ใช่ท่าน” เยว่เอ๋อร์กล่าวปฏิเสธ“ใคร?” หานเฟิงไม่ยอมแพ้ “เยว่เอ๋อร์ ข้าชอบเจ้ามากจริงๆ นะ พวกเราร่วมทำงานกันในจวนอ๋องเฉินหนึ่งปีกว่า ทุกย่างก้าวของเจ้ามักจะดึงดูดสายตาข้า และชักจูงหัวใจข้าเสมอ ข้าจริงจังนะ”“เยว่เอ๋อร์ เมื่อก่อนข้าไม่เคยเข้าใกล้ผู้หญิง นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าพูดคำพูดเช่นนี้ ข้าอาจจะโง่เขลาพูดได้ไม่ดี แต่เจ้าเชื่อข้านะ…”“ขอโทษ”เยว่เอ๋อร์ขมวดคิ้วนางไม่อยากฟังอีกแม้แต่คำเดียวคนที่นางชอบคือจิ่งอี้“ใต้เท้าหานเฟิง ขอบคุณความรักดีๆ ของท่าน แต่พวกเราไม่เหมาะสม ขอให้ท่านออกเดินทางอย่างราบรื่น และกลับมาพร้อมกับชัยชนะ” นางหมุนกายก็ไปแล้ว“เยว่เอ๋อร์!”หานเฟิงร้อนใจจนรีบคว้าข้อมือนางไว้“ปล่อย!”“เยว่เอ๋อร์ ให้โอกาสข้าสักครั้ง…”“หานเฟิง นี่เจ้ากำลังทำอะไร?” นอกเรือนหานเฟิง หานอิ๋งได้ยินเสียงจึงเดินมา เมื่อเห็นหานเฟิงจับมือหานอิ๋ง นางตะลึงงันทันที“พวกเจ้า…”หานเฟิงกับเยว่เอ๋อร์…ดูจากสถานการณ์ เยว่เอ๋อร์ไม่ชอบหานเฟิง หานเฟิงเป็นฝ่ายตามจีบหานอิ๋งขมวดคิ้วทันที น้อง
บนเก้าอี้หลักเฟิงเจิ้งหลีพลิกดูเอกสารในมือ ชุดผาวสีขาวเผยให้เห็นรูปร่างที่ผอมบางของเขา หลุบตาเล็กน้อย สีหน้าเรียบเฉย ราวกับมองไม่เห็นกลุ่มคนข้างๆ ที่บนใบหน้าเต็มไปด้วยการประจบประแจงพลิกดูสองสามหน้าผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะปิดแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย“เตรียมทุกอย่างให้พร้อม ตรวจสอบให้แน่ใจว่าขั้นตอนในวันเซ่นไหว้บรรพชนจะเป็นไปอย่างราบรื่น ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ”“ขอรับ ขอรับๆ อ๋องหลีโปรดวางใจ พวกเราจะจับตาดูอย่างเต็มที่ ไม่เกิดข้อผิดพลาดแน่นอน!”นี่เป็นครั้งแรกที่ฮ่องเต้มอบภารกิจสำคัญเช่นนี้ให้เฟิงเจิ้งหลี เมื่อเทียบกับบอกว่ามอบ ไม่สู้บอกว่าเฟิงเจิ้งหลีเอาชีวิตแลกมาดีกว่าเขาจะต้องทำให้ดีพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า เขาไม่ได้ด้อยกว่าเฟิงเย่เสวียนสิ้นสุดเรื่องนี้ ขุนนางทั้งกลุ่มจากไปพร้อมกัน และยังคุยกันว่า“ท่านได้ข่าวหรือยัง พระชายาอ๋องเฉินได้เดิมพันกับตระกูลกู้ แข่งกันสำรวจเหมือง”“อะไรนะ? พระชายาอ๋องเฉินคงไม่ได้บ้าไปแล้วกระมัง? ใครสามารถเทียบกับหน่วยสำรวจของตระกูลกู้?”“นางบอกว่านาง”“? ตั้งครรภ์จนสมองพังไปแล้ว?”เฟิงเจิ้งหลีได้ยินเศษเสี้ยวของคำพูด เงยหน้าขึ้นมองไป เหมือน
เมื่อสิ้นเสียง บรรยากาศแปลกประหลาดขึ้นมาทันที รอยยิ้มบนใบหน้าเฟิงเจิ้งหลีแข็งเล็กน้อยผ่านไปครู่หนึ่งจึงจะกล่าว “หมาย หมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีมองเขาตรงๆ “ต้องให้ข้าพูดออกมาตรงๆ เลยหรือ? เจ้าเคยทำอะไร หรือในใจเจ้าไม่รู้?”บางครั้ง การพูดตรงเกินไป มีแต่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายกระอักกระอ่วนแววตาเฟิงเจิ้งหลีขรึมลงความหมายของนางคือ นางรู้เรื่องคนร้ายที่ผลักเยาเอ๋อร์ตกบันไดก็คือเขาแล้ว?เขาทำงานสะอาดรัดกุม ไม่ทิ้งหลักฐาน นางจะรู้ได้อย่างไร?นางไม่มีทางรู้นางน่าจะกำลังหยั่งเชิงเขา อยากหลอกให้เขาพูดคำจริงสีหน้าเฟิงเจิ้งหลียังคงสงสัย กล่าวอย่างไม่เข้าใจ “พระชายาหมายความว่าอย่างไร เหตุใดข้าจึงไม่ค่อยเข้าใจ?”เขามักจะใช้ใบหน้าที่อบอุ่นและไม่มีพิษภัยหลอกทุกคนเสมอ แม้แต่ฉู่เชียนหลีก็คิดว่าเขาไร้เดียงสา ชาติกำเนิดน่าสังเวช คู่ควรที่จะเห็นใจแต่ตอนนี้ดูเหมือนสิ่งที่เขาแสดงออกมาทั้งหมด ล้วนเป็นของปลอม“ไม่เข้าใจก็ช่างเถอะ” ฉู่เชียนหลีกล่าว “เจ้าคิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดอะไรก็แล้วกัน”นางหยิบขวดดินเผาสีน้ำตาลออกมาหนึ่งใบ วางลงบนโต๊ะ “ของของเจ้า คืนให้เจ้า”ขวดใบเล็กที่ใส่น้ำมันหล่อลื
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท