กู้ชิงชิงยิ้มแย้ม รอยยิ้มบนใบหน้าเล็กที่ขาวเรียวดูสดใสและงดงามนัก แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแสบแก้วหู แหลมคมและไม่น่าฟังอย่างยิ่งเดิมทีฉู่เชียนหลีเห็นแก่หน้าองค์หญิงใหญ่ ไม่อยากทะเลาะ มันจะทำให้องค์หญิงใหญ่ติดอยู่ตรง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแต่ตระกูลกู้กลับไม่ยอมละเว้น ต่อให้นางนิสัยดีเพียงใด ก็ทนไม่ไหวแล้ว“ต่ำต้อย?”อวิ๋นอิงเป็นสาวใช้ ก็สมควรเป็นคนต่ำต้อย?เหอะฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา ชักมือของตนเองออก มองดูท่าทางที่ยิ้มแย้มดั่งดอกไม้ของกู้ชิงชิง เมื่อเทียบกับความแตกต่างของสถานะ มีจิตใจที่ย่ำแย่ จึงจะเป็นคนต่ำต้อยของจริงกระมัง“อวิ๋นอิงต่ำไม่ต่ำ ข้าไม่รู้ แต่ว่าเท่าที่ข้ารู้มา ท่านโหวน้อยไม่ชอบคุณหนูกู้กระมัง?”สายตาที่เย็นชาและเฉียบคมของนางกวาดมองกู้ชิงชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า“สำหรับคนคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบเจ้า คุณหนูกู้กลับเสนอหน้าโดยที่คนอื่นไม่สนใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงคนที่ต่ำคือใครกันแน่?”“เจ้า!”สีหน้ากู้ชิงชิงเปลี่ยนทันทีเกิดในตระกูลขุนนางอาวุธ ในฐานะที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ นางถูกตามใจตั้งแต่เด็ก เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน เคยถูกคนต่อว่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อ
คูเมืองนอกเมืองหลวง ข้างท่าเรือ มีเรือมากมายจอดอยู่ บางคนแบกกระสอบทราย บางคนขนของ บางคนพายเรือ บางคนขายของ…ทุกคนกำลังยุ่งอยู่กับเรื่องของตนเอง“เรือของตระกูลกู้ถึงแล้ว!”เรือสีดำขนาดใหญ่ลำหนึ่งจอดเทียบฝั่ง ทิ้งสมอเรือ หลังจอดนิ่ง พ่อค้ากลุ่มหนึ่งวิ่งกรูกันเข้าไป“ข้าเอาสองลัง!”“นี่เป็นของที่ข้าจองไว้ จองไว้ตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อนแล้ว ข้าเอาสามลัง!”“อย่าเบียด อย่าเบียดกัน…”คนงานของตระกูลกู้ขนลังที่ทั้งหนักและใหญ่มาวางซ้อนกันที่ท่าเรือ ข้างในล้วนเป็นอาวุธต่างๆ ที่ทำจากเหล็ก และยังมีเหล็กดิบที่ไม่ผ่านการแปรรูปเหล่าพ่อค้าแย่งกันซื้อ ช่างตีเหล็กก็มาเบียดกันอยู่ที่นี่เจ้าเบียดข้า ข้าเบียดเจ้า ชายที่ดูเหมือนเป็นผู้ดูแลคนหนึ่งโมโหแล้ว“เบียดอะไรนักหนา!”เขาผลักคนที่ชนโดนตนเองออกไปอย่างหงุดหงิด “ไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังดูบัญชีหาประวัติอยู่? รีบไปเกิดใหม่เช่นนี้เลยหรือ ข้าไม่ขายให้เจ้าแล้ว!”ปัง…พ่อค้าที่ล้มไม่ระวังกระแทกโดนลังจนหัวแตกสิ่งแรกที่เขาทำไม่ใช่การทำแผล แต่เป็นขอโทษนายบัญชีคนนั้นอย่างนอบน้อม“ขอโทษ ขอโทษ ข้าไม่ระวังชนโดนท่าน ขอโทษ…”“ไสหัวไป!”นายบัญชีผลักเขาอย่า
จวนอ๋องเฉินในสวนดอกไม้ ตรงชั้นลอยชมวิวข้างสระน้ำ สาวใช้คนหนึ่งมือล้วงแขนเสื้อ ก้มหน้าต่ำ เดินมาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับกวาดมองโดยรอบอย่างระมัดระวังเมื่อมั่นใจว่าโดยรอบไม่มีคน นางจึงจะล้วงขวดดินเผาขนาดเล็กใบหนึ่งออกจากแขนเสื้อนางใช้แปรงจุ่มน้ำมันหล่อลื่นที่เป็นสีเหลืองใส แล้วทาลงบนบันไดอย่างรวดเร็ว…เรือนหานเฟิงอวิ๋นอิงกำลังกวาดพื้น หลิงเชียนอี้เดินตามอยู่ข้างหลังนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียว และยังพูดเป็นระยะ“เจ้าเหนื่อยหรือไม่?”“เจ้ากระหายหรือไม่?”“หรือไม่ให้ข้ากวาด?”“ข้านวดไหล่ให้เจ้าดีหรือไม่?”เหมือนกับแมลงวันตัวหนึ่งตอนที่ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา เห็นทั้งสองคน อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสองพ่อลูกตระกูลกู้ที่อยู่จวนโหวติ้งกว๋อก่อนหน้านี้…ถ้าหากพวกเขาอยากอยู่ด้วยกัน เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกลนางไม่ยุ่งความพยายามอยู่ที่ใด ความสำเร็จอยู่ที่นั่น หากทั้งสองมีวาสนาต่อกัน ย่อมสามารถอยู่ด้วยกัน“น้าสะใภ้ กลับมาแล้วหรือ!”หลิงเชียนอี้ทักทายอย่างร่าเริง แก้มอวิ๋นอิงแดงเล็กน้อย ภาพที่ตัวติดกันนี้ถูกพระชายาเห็นเข้า เขินอายเล็กน้อยฉู่เชียนหลีแค่ยิ้มแล้วยิ้มอีก “น้าชายเจ้าล่ะ?”
น้ำมันหล่อลื่นนี่ทาอยู่บนบันได สีเหลืองอ่อนกลมกลืนกับบันได ยากจะมองเห็นชัดเจนแต่นางได้กลิ่นแล้วนี่เพิ่งทาได้ไม่นานตั้งแต่ตั้งครรภ์ คนที่อยากทำร้ายนางทั้งต่อหน้าและลับหลังมีเยอะเหมือนมด นางระมัดระวังอยู่ตลอดเวลาเมื่อครู่ ถ้าหากนางเหยียบลงไป เท้าลื่นและร่างกายล้มหงายไปข้างหลัง กลิ้งตกจากบันไดแน่นอน จากตำแหน่งที่สูงเช่นนี้ ยังสามารถรักษาลูกที่อยู่ในท้องไว้ได้หรือ?แววตาฉู่เชียนหลีเย็นชาลงทันที “ใครก็ได้!”พ่อบ้านเดินมา หลังจากรู้เรื่องน้ำมันหล่อลื่น ตกใจจนตัวสั่น เกือบยืนไม่มั่นคง รีบนำเรื่องนี้ไปบอกท่านอ๋อง ทำการตรวจสอบทันทีสาวใช้ที่ใช้แขนเสื้อปิดหน้าสะอึกสะอื้นก็ตะลึงงันเช่นกัน ทั้งๆ ที่จะเหยียบลงไปแล้ว เหตุใดจู่ๆ ก็หยุด? ถ้าหากทำภารกิจไม่สำเร็จ ต่อไปคิดจะลงมือก็ยากแล้ว!ทันใดนั้น สายตาคู่หนึ่งมองมานางเพิ่งเงยหน้า ก็ประสานสายตากับพระชายาอ๋องเฉิน พลันหัวใจสั่นสะท้าน เกือบไม่สามารถรักษาสีหน้าบนใบหน้าจนความแตก หลังจากนั้นหนึ่งวินาที ตั้งสติได้ รีบแสร้งสะอื้นร้องไห้ด้วยความเสียใจฉู่เชียนหลีจับราว เดินทีละก้าวอย่างมั่นคงเดินเข้าไป“พวกเจ้าทะเลาะอะไรกัน?” นางกวาดมองสาว
ตอนนี้หลิงเชียนอี้ไม่สามารถออกห่างจากอวิ๋นอิง ทุกคนคุ้นชินแล้ว มองบนทีหนึ่ง ไม่อยากคุยต่อ ถ้าหากคุยต่อ หลิงเชียนอี้ก็คึก สามารถพูดเป็นครึ่งชั่วยามมองข้ามท่านโหวน้อยในการตรวจสอบอย่างเข้มงวดทั้งจวน ทุกซอกทุกมุมของคฤหาสน์ ห้องนอนของทุกคน ตู้เสื้อผ้า ห้องครัว ห้องปีกข้าง ห้องเก็บของ…แม้แต่พุ่มดอกไม้ก็รื้อค้นพ่อบ้านมารายงานผลลัพธ์“ท่านอ๋อง ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนแล้ว ไม่พบอะไรน่าสงสัยขอรับ”เฟิงเย่เสวียนโกรธทันที “ไอ้พวกเลี้ยงเสียข้าวสุก!”จวนอ๋องได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวด ที่แจ้งมีทหารยามเฝ้า ที่มืดมีองครักษ์ลับตรวจตรา เป็นไปไม่ได้ที่จะมีคนแปลกหน้าเข้ามา คนร้ายที่ทาน้ำมันหล่อลื่นต้องเป็นคนของจวนอ๋องเท่านั้นหาคนร้ายจากในกลุ่มคนที่แน่นอน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ หรอกหรือ?“ข้ายังไม่ได้ลงโทษที่พวกเจ้าละเลยหน้าที่ของการปกป้องพระชายาเลย ตอนนี้แม้แต่คนคนเดียวก็หาไม่เจอ ข้าเลี้ยงพวกเจ้าไว้มีประโยชน์อะไร”“ท่านอ๋องใจเย็นๆ ขอรับ!” พ่อบ้านตกใจจนรีบคุกเข่าลงคนอื่นก็คุกเข่าลงอย่างตื่นตระหนกเช่นกัน ไม่กล้าพูดมากแม้แต่คำเดียว“ท่านอ๋อง บ่าวไร้ประโยชน์ บ่าวจะไปตรวจสอบอีกรอบเดี๋ยวนี้!”เขาพาค
“ที่แท้เป็นฝีมือของเจ้า!” พ่อบ้านโกรธแล้วไม่น่าแปลกใจที่ค้นหาทุกซอกทุกมุมของจวนอ๋องแล้ว ก็ไม่เจอตัวคนร้าย ที่แท้คนร้ายใช้อุบายหนีออกจากจวนนานแล้ว หากไม่ใช่เพราะจู่ๆ พระชายาก็นึกขึ้นได้ เกรงว่าคนร้ายนี่หนีรอดไปแล้ว!เสียวอู่ตกใจจนทนไม่ไหวแล้ว ร้องขอความเมตตาทันที“บ่าวหลงผิดไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต พระชายาโปรดไว้ชีวิต! โปรดไว้ชีวิต!”นางโขกศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างแรงและเสียงดัง“บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ! ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”เฟิงเย่เสวียนยกเท้าเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้านาง ก้มมองนางที่อยู่ข้างเท้า สายตาที่น่ากลัวนั่นเหมือนกำลังมองศพศพหนึ่งไว้ชีวิต?ถ้าหากเขาละเว้นนาง แล้วใครจะมาละเว้นชีวิตลูกที่ยังไม่เกิดของเขา?“ใครเป็นคนส่งเจ้ามา?” น้ำเสียงอันเยือกเย็นดังขึ้น ทำเอาเสียวอู่กลัวจนไม่กล้าพูดอะไร และเอาแต่อ้อนวอนร้องขอชีวิต“บ่าวเลอะเลือน หน้ามืดตามัวไปชั่วขณะ ท่านอ๋องโปรดไว้ชีวิต!”นางไม่กล้าพูดหากพูดแล้ว พระชายาอ๋องหลีไม่ละเว้นนางแน่ นางมีแต่ต้องตายสถานเดียวเฟิงเย่เสวียนไม่มีความอดทนที่จะฟังนางพูดไร้สาระ กล่าวโดยตรง “ใครก็ได้ ลากออกไป ทัณฑ์เลาะกระดูก!”
รถม้าของจวนอ๋องจอดที่หน้าประตูวัง เฟิงเย่เสวียนรอบนรถม้า ส่วนฉู่เชียนหลีเดินตามกงกงคนนั้นเข้าวังตอนที่ใกล้จะถึงห้องทรงอักษร กลับพบกับท่านรองกู้แล้ว“โอ้ นี่พระชายาอ๋องเฉินไม่ใช่หรือ?” ท่านรองกู้ก็ประหลาดใจเช่นกันตอนเช้า พวกเขาเจอกันที่จวนโหวติ้งกว๋อ แยกย้ายกันอย่างไม่สบอารมณ์ตอนบ่าย ก็มาเจอกันในวังหลวงแล้วนี่เป็นวันที่ซวยที่สุด…ในรอบสี่สิบปีของเขาฉู่เชียนหลีกวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง ใบหน้ายิ้มแย้มดูเป็นคนกว้างขวาง ในความเป็นจริงจริตจะก้าน พูดจาสอดเสียด นางไม่อยากคุยกับเขามาก เดินไปทางห้องทรงอักษรขันทีรายงานฮ่องเต้เพิ่งตรวจฎีกาเสร็จ กำลังพักผ่อน เห็นทั้งสองคนมาด้วยกัน จึงลุกขึ้นยืน “หัวหน้าตระกูลกู้ เมียเจ้าเจ็ด เหตุใดพวกเจ้ามาด้วยกัน?”“เจอกันข้างนอกเพคะ” ฉู่เชียนหลีตอบไปประโยคหนึ่ง แล้วถอนสายบัวคำนับ“เจ้ากำลังตั้งครรภ์ อย่าให้ความสำคัญกับพิธีรีตองที่มีก็เหมือนไม่มีพวกนี้เลย ใครก็ได้ เชิญนั่ง”“ขอบพระทัยเสด็จพ่อ”ฉู่เชียนหลีนั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้าง รอนายท่านรองกับฮ่องเต้คุยกันก่อนฮ่องเต้สั่งให้คนยกน้ำชามาให้ฉู่เชียนหลี จึงจะกล่าวกับท่านรองกู้ “หัวหน้าตระกูลกู้ก
เขาขำจนจะตายแล้ว!ตระกูลผ่านการทดลองหลายร้อยปี พบกับความล้มเหลวและอุปสรรคครั้งนับไม่ถ้วน จึงจะสามารถปลูกฝังหน่วยสำรวจที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ ทักษะนี้แม้แต่ราชวงศ์ก็อยากได้ตามหลักแล้ว ราชวงศ์ไม่อนุญาตให้ซื้อขายเหล็กกันเอง แต่ราชวงศ์ไม่มีทักษะสำรวจที่ยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้จึงจำเป็นต้องร่วมมือกับตระกูลกู้การขุดเหมืองนั้นง่าย แต่ที่ยากคือการสำรวจเมื่อไรที่คาดการณ์ผิด ก็เท่ากับขุดภูเขาลูกนี้โดยเปล่าประโยชน์ ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากตระกูลกู้อาศัยทักษะด้านนี้กินข้าวโดยเฉพาะ ฉู่เชียนหลีกลับบอกว่า ‘พวกเราขุดเอง’ โดยตรง เป็นผู้หญิงที่ไม่มีวิสัยทัศน์จริงๆ พูดจาไม่ต้องผ่านสมองฮ่องเต้ยิ้มแล้วยิ้มอีกอย่างกระอักกระอ่วน“เมียเจ้าเจ็ด การขุดภูเขาหนึ่งลูกเผาผลาญกำลังคน ทรัพยากร เงินกับเวลามากเกิดไป และไม่ใช่ว่าจะสามารถขุดภูเขาทุกลูกได้ตามใจชอบ”แผ่นดินแคว้นตงหลิงกว้างใหญ่เช่นนั้น ภูเขามากมายเช่นนั้น รายได้ทุกปีของท้องพระคลังจำเป็นต้องเลี้ยงทหาร เลี้ยงขุนนาง และยังต้องจัดสรรเงินช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งไม่มีเงินสนับสนุนหน่วยงานไปขุดเหมืองมากเช่นนั้นท่านรองกู้กล่าวอย่างยอกย้อน“พระชายาอ๋
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท