เห็นเพียงเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม การแสดงออก ‘มีความหมายที่ลึกซึ้ง’ นางกล่าว“ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็สู่ขอนางสิ ไม่เช่นนั้นตามกฎแล้ว รอเมื่อถึงอายุที่แน่นอน พระชายาก็จะยกพวกเราให้เป็นภรรยาของคนอื่น”โดยทั่วไป การตัดสินใจของบ่าวไพร่จะถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเมื่อเจ้าของอารมณ์ดี จะยกให้ครอบครัวที่ดี เมื่อเจ้าของอารมณ์ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จบแล้วหลิงเชียนอี้อึ้งเล็กน้อยสู่ขอ…เขาคิดว่าตนเองยังเด็กมาโดยตลอด คำคำนี้มันยังห่างไกลและไม่รู้จักสำหรับเขา แต่เมื่อพูดถึงในเวลานี้ มีความวู่วามสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจของเขาใช่แล้ว!สู่ขอ!“เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณที่เตือนข้า ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”หลิงเชียนอี้พูดจบอย่างตาเป็นประกาย สับขาวิ่งตีนแตกกลับไปที่จวนโหวติ้งกว๋อแล้ว เยว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขอแค่อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยแต่งงานกัน ก็ไม่มีใครมาแย่งคุณชายจิ่งกับนางแล้วจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้เป็นพวกนักเคลื่อนไหว บอกทำก็ทำเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แม้แต่พ่อก็ลืมเรียก คำแรกที่เอ่ยออกมาจากปากก็คือ“ข้าจะแต่งงาน!”โหวติ้งกว๋อสะดุ้งตกใจ เกือบโยนลูกสาวที่เพิ
“เหลวไหล!”ทั้งชีวิตของโหวติ้งกว๋อ สู่ขอผู้หญิงแค่คนเดียว และรักแค่คนเดียว“การแต่งงานนี้ถูกกำหนดมาสิบแปดปีแล้ว วันนี้ข้าขอพูดไว้ตรงนี้เลย เจ้าชอบใครก็ได้ รักใครก็ช่าง ข้าไม่ยุ่งกับเจ้า แต่เมียหลวงของเจ้าต้องเป็นนางหนูตระกูลกู้เท่านั้น!”เสียงที่ไม่อนุญาตให้คัดค้านตกลงมา นิ้วมือโหวติ้งกว๋อเคาะโต๊ะทุกถ้อยคำ ไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจา“ข้าไม่แต่ง!” หลิงเชียนอี้ปฏิเสธอย่างหัวชนฝา บนใบหน้าเต็มไปด้วยการคัดค้าน สายตาเด็ดขาดเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้คนที่เขาต้องการ ต้องได้มาครอบครอง“ท่านตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่แต่ง ถ้าหากท่านจะบังคับข้าให้ได้ ข้าก็ไม่เป็นลูกของท่านแล้ว สถานะท่านโหวน้อยนี่ ไม่เอาก็ช่าง อยากแต่งท่านก็ไปแต่งเอง!”หลิงเชียนอี้พูดจบด้วยความโกรธ สับขาก็ไปแล้ว“เจ้า!”โหวติ้งกว๋อลุกขึ้น “หลิงเชียนอี้!”นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานเท่านั้น และยิ่งเป็นการแลกเปลี่ยนของหลิงกู้สองตระกูลขุนนาง ยังเกี่ยวพันไปถึงด้านของบ้านเมืองด้วยตามความคิดของผู้อาวุโสส่วนใหญ่ พื้นฐานของการแต่งเมีย : ฐานะเท่าเทียมสาวใช้ที่อยู่ข้างกายพระชายาอ๋องเฉิน ชาติกำเนิดธรรมดา ไม่
ฉู่เชียนหลี “?”เฟิงเย่เสวียน “?”อวิ๋นอิง “?”ฉู่เชียนหลีคาดเดา สองคนนี้อาจจะกำลังใช้รหัสลับอะไรบางอย่าง สายตาที่สงสัยมองไปทางอวิ๋นอิง ส่วนอวิ๋นอิงงงงวยเป็นไก่ตาแตก“หุงข้าวอะไร?”หลิงเชียนอี้มองนาง กล่าวอย่างจริงจัง“ก็หุงข้าวที่มาจากคำว่าหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก[1]ไง”ฉู่เชียนหลี “...”เฟิงเย่เสวียน “...”อวิ๋นอิง “...”คำพูดของเด็กหนุ่มไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ทันทีที่เอ่ยปาก ก็ทำเอาคนทั้งห้องโถงใหญ่ตกใจจนอ้าปากค้าง บรรยากาศเงียบสงัดเป็นเวลาสามวินาทีเมื่อหวนขึ้นสติ สีหน้าของอวิ๋นอิงแดงก่ำจนกลายเป็นกุ้งที่ต้มสุกทันที โดยเฉพาะทุกคนกำลังมองนาง ทำให้นางเขินอายจนไม่มีที่ซ่อนท่านโหวน้อยคนนี้…เขาพูด…ต่อหน้าทุกคน!เขาไม่อาย แต่นางยังรู้จักอายนะ!“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!” กัดฟันกล่าวทิ้งท้ายหนึ่งประโยค ก็รีบหนีไปแล้วหากยังไม่หนี นางกลัวว่าต่อจากนี้จะรับไม่ไหวหลิงเชียนอี้รีบลุกขึ้น “อวิ๋นอิง เจ้าอย่าวิ่งหนีสิ ที่ข้าพูดจริงจังนะ!”ปัง!อวิ๋นอิงสะดุดล้มลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งต่อ“อวิ๋นอิง!” หลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิงดงามไร้สิ้นสุด แม้แต่แมว
รอฉู่เชียนหลีกินข้าวเสร็จ ตอนที่เดินผ่านสวนดอกไม้ ก็เห็นหลิงเชียนอี้ไล่ตามอวิ๋นอิงจะไหว้ฟ้าดินอีกครั้ง“อวิ๋นอิง ข้าชอบเจ้า เจ้าก็ชอบข้ากระมัง พวกเราไหว้ฟ้าดินกันเถอะ พวกเราแต่งงานกันวันนี้เลย!”“ข้าให้คนไปสั่งทำชุดแต่งงานแล้ว!”“อวิ๋นอิง เจ้าตอบตกลงข้าเถอะ!”อวิ๋นอิงวิ่ง หลิงเชียนอี้ไล่ตามอยู่ข้างหลังฉู่เชียนหลีกุมหน้าผาก นี่มันก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจอีก?มองดูอวิ๋นอิงวิ่งไปไกลแล้ว พลันนางเอื้อมมือ คว้าตัวหลิงเชียนอี้ไว้ “พอได้แล้ว พอประมาณก็หยุด อย่าทำให้อวิ๋นอิงกลัวจนหอบของหนี คนใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้”“น้าสะใภ้ ข้าจะต้องแต่งงานกับนางให้ได้!”และเร็วที่สุด เดี๋ยวนี้ หัวใจของเขานั้นแน่วแน่ ความรักก็แน่วแน่เช่นกัน เขาจะพิสูจน์ให้อวิ๋นอิงเห็นฉู่เชียนหลีหัวเราะแล้ว “เจ้าเช้าไม่มา สายไม่มา จู่ๆ วันนี้ก็มาพูดถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่การจู่โจมหรือ? พวกเราต่างก็ไม่ได้เตรียมใจไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวิ๋นอิงแล้ว”การแต่งเมียที่เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ใช่เรื่องที่วันสองวันก็จะสามารถเตรียมตัวเสร็จหรือ?“อีกอย่างนะ เจ้าถามพ่อแม่เจ้าหรือยัง?”พูดถึงตรงนี้ จู
ทางฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียน หมุนกายก็ไปหาอวิ๋นอิงทันที“พระชายา!”ภายในห้อง อวิ๋นอิงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ตั้งใจมาก เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีมา นางรีบลุกขึ้นยืน ท่าทางลนลานเล็กน้อยนอกจากคิดเรื่องของหลิงเชียนอี้ ยังสามารถคิดอะไรได้อีก?ตอนกินอาหารเย็น คำพูดของเจ้าหนูนั่นไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามอวิ๋นอิงจะแต่งงานให้ได้ อวิ๋นอิงไม่คิดมากได้หรือ?ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นอิง เจ้าติดตามข้าเกือบปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนนอก ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย เจ้าก็อย่าเห็นข้าเป็นคนนอก ในใจคิดอย่างไร ก็พูดกับข้าเช่นนั้น ดีหรือไม่?”สองมืออวิ๋นอิงจิกชายเสื้อทันทีพระชายายังไม่เอ่ยปาก นางก็เดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร“พระชายา…”“ไม่ต้องประหม่า ข้าแค่ลองถามเฉยๆ” ฉู่เชียนหลีจับมือนาง นั่งลงด้วยกัน “เจ้ากับหลิงเชียนอี้รู้จักกันเกือบปีแล้ว ในใจเจ้าคิดอย่างไร?”“ข้า…”ใบหน้าอวิ๋นอิงแดงฉานทันทีนิสัยที่โผงผางมาโดยตลอด เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ความอ่อนโยนของเด็กผู้หญิงลอยขึ้นบนใบหน้าทันที ซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่อยู่“พระชายา ข้า…ข้าไม่รู้…ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น…”
โบราณว่าไว้ ท้องกลมเป็นเด็กผู้ชาย ท้องแหลมเป็นเด็กผู้หญิงตอนที่นางท้องหลิงเชียนอี้ ท้องก็กลมเช่นนั้น คลอดออกมามีเก้าชั่งแปดเหลียง[1] หนักเหมือนหมูตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีลูบท้อง คาดว่าตนเองท้องหมูตัวหนึ่งเฟิงเย่เสวียนเกิดปีหมู ปีนี้ก็เป็นปีหมู ท้องเจ้าหมูน้อย ดังนั้นท้องจึงโตเช่นนั้น อ้วนเช่นนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ฝ่าบาทน่าจะตั้งชื่อให้แล้วกระมัง” องค์หญิงใหญ่กล่าว“ที่รัก เจ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนไม่ได้พูดเลย” ด้านข้าง โหวติ้งกว๋อที่โยกแขนปลอบลูกสาว ยกเปลือกตาขึ้น “หลายปีมานี้ ฝ่าบาทอยากได้หลานชาย รอจนผมหงอกแล้ว มีหรือที่จะยังไม่ได้ตั้งชื่อ?”ชื่อตั้งไว้นานแล้วเพียงแต่…ฉู่เชียนหลีไม่ค่อยอยากพูดเจตนาของฮ่องเต้คือ เด็กชื่อเจี้ยนกว๋อ…เฟิงเจิ้นเจี้ยนกว๋อ แค่กๆ!เม้มปาก กระแอมเสียงเบา “ยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย เรื่องตั้งชื่อไม่รีบร้อน รอคลอดแล้วค่อยตั้งชื่อก็ยังไม่สาย”“โอ๊ย” จู่ๆ องค์หญิงใหญ่ก็ตบศีรษะ “ลืมบอกเจ้าไปว่า นี่เป็นครรภ์แรกของเจ้า ไม่มีประสบการณ์แน่นอน แม้ยังไม่คลอด แต่มีหลายอย่างที่ต้องเตรียมไว้ก่อน”“ข้าบอกเจ้า”นางจับมือฉู่
ฉู่เชียนหลีนั่งสักพัก ตอนที่เตรียมตัวจากไป บังเอิญมีคนรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่าตระกูลกู้มาแล้วเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะที่หยาบกร้านของผู้ชายดังมาจากข้างนอก“น้องหลิง น้องสะใภ้ ช่วงนี้สบายดีนะ ฮ่าๆๆ!”หัวหน้าตระกูลกู้ นายท่านรองกู้ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ ไหล่กว้างเอวกลม ร่างกายที่สูงใหญ่ แบกท้องที่กลมเล็กน้อย มีโหนกแก้มบนใบหน้า หัวเราะได้กว้างขวางและเสียงดัง ท่าทางนั้นเหมือนกับคนเถื่อนของจริงข้างกาย กู้ชิงชิงลูกสาวเพียงคนเดียวที่ตามมาด้วยยิ้มทักทาย“ท่านลุง ท่านป้า”กู้ชิงชิงเหมือนกับพ่อ เสียงที่พูดเรียบง่ายเป็นกันเอง เป็นคนตรงๆโหวติ้งกว๋อลุกขึ้นยืน อุ้มลูกสาวให้แม่นมพาไปนอน นี่จึงจะสั่งให้คนรับใช้ชงชาเตรียมขนมหวาน“ลมอะไรพัดพี่กู้มา รีบเชิญนั่ง”นายท่านรองนั่งลงอย่างเด็ดเดี่ยว เห็นฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างๆ หรี่ตาลง“พระชายาอ๋องเฉินก็อยู่ด้วยหรือ”ฉู่เชียนหลีทักทายด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านรองกู้”ท่านรองกู้โบกมือ กล่าวเหมือนตกใจ “โอ๊ย คนในยุทธภพเรียกข้าเช่นนี้ ข้าไม่ได้คิดอะไร แต่พระชายาอ๋องเฉินท่านสถานะสูงศักดิ์ ข้ารับไม่ไหวจริงๆ ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวกู้ก็พอ”ฉู่เชียนหลี “...”
กู้ชิงชิงยิ้มแย้ม รอยยิ้มบนใบหน้าเล็กที่ขาวเรียวดูสดใสและงดงามนัก แต่คำพูดที่พูดออกมากลับแสบแก้วหู แหลมคมและไม่น่าฟังอย่างยิ่งเดิมทีฉู่เชียนหลีเห็นแก่หน้าองค์หญิงใหญ่ ไม่อยากทะเลาะ มันจะทำให้องค์หญิงใหญ่ติดอยู่ตรง กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแต่ตระกูลกู้กลับไม่ยอมละเว้น ต่อให้นางนิสัยดีเพียงใด ก็ทนไม่ไหวแล้ว“ต่ำต้อย?”อวิ๋นอิงเป็นสาวใช้ ก็สมควรเป็นคนต่ำต้อย?เหอะฉู่เชียนหลีหัวเราะอย่างเย็นชา ชักมือของตนเองออก มองดูท่าทางที่ยิ้มแย้มดั่งดอกไม้ของกู้ชิงชิง เมื่อเทียบกับความแตกต่างของสถานะ มีจิตใจที่ย่ำแย่ จึงจะเป็นคนต่ำต้อยของจริงกระมัง“อวิ๋นอิงต่ำไม่ต่ำ ข้าไม่รู้ แต่ว่าเท่าที่ข้ารู้มา ท่านโหวน้อยไม่ชอบคุณหนูกู้กระมัง?”สายตาที่เย็นชาและเฉียบคมของนางกวาดมองกู้ชิงชิงตั้งแต่หัวจรดเท้า“สำหรับคนคนหนึ่งที่ไม่ได้ชอบเจ้า คุณหนูกู้กลับเสนอหน้าโดยที่คนอื่นไม่สนใจ ไม่รู้จริงๆ ว่าตกลงคนที่ต่ำคือใครกันแน่?”“เจ้า!”สีหน้ากู้ชิงชิงเปลี่ยนทันทีเกิดในตระกูลขุนนางอาวุธ ในฐานะที่เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลกู้ นางถูกตามใจตั้งแต่เด็ก เรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน เคยถูกคนต่อว่าเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อ
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต