เด็กหนุ่มตบหน้าอก พูดอย่างจริงจังและหนักแน่น แลดูมีความมั่นใจเต็มอกใบหน้าที่กึ่งวัยเยาว์กึ่งผู้ใหญ่ ท่าทางเหมือนกับเป็นเด็กโต ในสายตาของอวิ๋นอิงแลดูปัญญาอ่อน ทำเอานางหัวเราะแล้ว“เจ้าหัวเราะอะไร?”“เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังคิดจะตามข้าไปทุกที่อีกหรือ?”“...”ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายถูกโยนลงพื้น แล้วเหยียบย่ำอย่างแรงทันทีเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไปสองที และกระทืบคนที่พูดนานแล้ว แต่อวิ๋นอิงเป็นคนพูด เขาไม่กล้า…สายตาหลิงเชียนอี้มืดมน“เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะฝึกยุทธ์ทุกวัน เจ้าชอบใช้ทวน เช่นนั้นข้าก็ฝึกทวน เจ้าสอนข้าดีหรือไม่?”เขาจะใช้ทวนหงอิงที่นางชอบที่สุดอวิ๋นอิงพึมพำสองที เอ่ยปากอย่างครุ่นคิด “ตามที่เจ้าพูด ไม่เท่ากับจะไหว้ข้าเป็นอาจารย์?”“ถ้าหากเจ้าอยากเอาเปรียบข้า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”ขอแค่นางมีความสุข อย่าว่าแต่เรียกนาง ‘อาจารย์’ เลย ต่อให้เรียก ‘ท่านยาย’ เขาก็ยินดีดวงตาอวิ๋นอิงลุกวาว “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งพ่อทั้งชีวิต”“?”หลิงเชียนอี้ที่ตอบสนองทันฉับพลัน มีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนศีรษะเขาอยากสู่ขอนางเป็นเมีย นางกลับอยาก
เห็นเพียงเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม การแสดงออก ‘มีความหมายที่ลึกซึ้ง’ นางกล่าว“ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็สู่ขอนางสิ ไม่เช่นนั้นตามกฎแล้ว รอเมื่อถึงอายุที่แน่นอน พระชายาก็จะยกพวกเราให้เป็นภรรยาของคนอื่น”โดยทั่วไป การตัดสินใจของบ่าวไพร่จะถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเมื่อเจ้าของอารมณ์ดี จะยกให้ครอบครัวที่ดี เมื่อเจ้าของอารมณ์ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จบแล้วหลิงเชียนอี้อึ้งเล็กน้อยสู่ขอ…เขาคิดว่าตนเองยังเด็กมาโดยตลอด คำคำนี้มันยังห่างไกลและไม่รู้จักสำหรับเขา แต่เมื่อพูดถึงในเวลานี้ มีความวู่วามสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจของเขาใช่แล้ว!สู่ขอ!“เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณที่เตือนข้า ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”หลิงเชียนอี้พูดจบอย่างตาเป็นประกาย สับขาวิ่งตีนแตกกลับไปที่จวนโหวติ้งกว๋อแล้ว เยว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขอแค่อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยแต่งงานกัน ก็ไม่มีใครมาแย่งคุณชายจิ่งกับนางแล้วจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้เป็นพวกนักเคลื่อนไหว บอกทำก็ทำเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แม้แต่พ่อก็ลืมเรียก คำแรกที่เอ่ยออกมาจากปากก็คือ“ข้าจะแต่งงาน!”โหวติ้งกว๋อสะดุ้งตกใจ เกือบโยนลูกสาวที่เพิ
“เหลวไหล!”ทั้งชีวิตของโหวติ้งกว๋อ สู่ขอผู้หญิงแค่คนเดียว และรักแค่คนเดียว“การแต่งงานนี้ถูกกำหนดมาสิบแปดปีแล้ว วันนี้ข้าขอพูดไว้ตรงนี้เลย เจ้าชอบใครก็ได้ รักใครก็ช่าง ข้าไม่ยุ่งกับเจ้า แต่เมียหลวงของเจ้าต้องเป็นนางหนูตระกูลกู้เท่านั้น!”เสียงที่ไม่อนุญาตให้คัดค้านตกลงมา นิ้วมือโหวติ้งกว๋อเคาะโต๊ะทุกถ้อยคำ ไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจา“ข้าไม่แต่ง!” หลิงเชียนอี้ปฏิเสธอย่างหัวชนฝา บนใบหน้าเต็มไปด้วยการคัดค้าน สายตาเด็ดขาดเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้คนที่เขาต้องการ ต้องได้มาครอบครอง“ท่านตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่แต่ง ถ้าหากท่านจะบังคับข้าให้ได้ ข้าก็ไม่เป็นลูกของท่านแล้ว สถานะท่านโหวน้อยนี่ ไม่เอาก็ช่าง อยากแต่งท่านก็ไปแต่งเอง!”หลิงเชียนอี้พูดจบด้วยความโกรธ สับขาก็ไปแล้ว“เจ้า!”โหวติ้งกว๋อลุกขึ้น “หลิงเชียนอี้!”นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานเท่านั้น และยิ่งเป็นการแลกเปลี่ยนของหลิงกู้สองตระกูลขุนนาง ยังเกี่ยวพันไปถึงด้านของบ้านเมืองด้วยตามความคิดของผู้อาวุโสส่วนใหญ่ พื้นฐานของการแต่งเมีย : ฐานะเท่าเทียมสาวใช้ที่อยู่ข้างกายพระชายาอ๋องเฉิน ชาติกำเนิดธรรมดา ไม่
ฉู่เชียนหลี “?”เฟิงเย่เสวียน “?”อวิ๋นอิง “?”ฉู่เชียนหลีคาดเดา สองคนนี้อาจจะกำลังใช้รหัสลับอะไรบางอย่าง สายตาที่สงสัยมองไปทางอวิ๋นอิง ส่วนอวิ๋นอิงงงงวยเป็นไก่ตาแตก“หุงข้าวอะไร?”หลิงเชียนอี้มองนาง กล่าวอย่างจริงจัง“ก็หุงข้าวที่มาจากคำว่าหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก[1]ไง”ฉู่เชียนหลี “...”เฟิงเย่เสวียน “...”อวิ๋นอิง “...”คำพูดของเด็กหนุ่มไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ทันทีที่เอ่ยปาก ก็ทำเอาคนทั้งห้องโถงใหญ่ตกใจจนอ้าปากค้าง บรรยากาศเงียบสงัดเป็นเวลาสามวินาทีเมื่อหวนขึ้นสติ สีหน้าของอวิ๋นอิงแดงก่ำจนกลายเป็นกุ้งที่ต้มสุกทันที โดยเฉพาะทุกคนกำลังมองนาง ทำให้นางเขินอายจนไม่มีที่ซ่อนท่านโหวน้อยคนนี้…เขาพูด…ต่อหน้าทุกคน!เขาไม่อาย แต่นางยังรู้จักอายนะ!“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!” กัดฟันกล่าวทิ้งท้ายหนึ่งประโยค ก็รีบหนีไปแล้วหากยังไม่หนี นางกลัวว่าต่อจากนี้จะรับไม่ไหวหลิงเชียนอี้รีบลุกขึ้น “อวิ๋นอิง เจ้าอย่าวิ่งหนีสิ ที่ข้าพูดจริงจังนะ!”ปัง!อวิ๋นอิงสะดุดล้มลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งต่อ“อวิ๋นอิง!” หลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิงดงามไร้สิ้นสุด แม้แต่แมว
รอฉู่เชียนหลีกินข้าวเสร็จ ตอนที่เดินผ่านสวนดอกไม้ ก็เห็นหลิงเชียนอี้ไล่ตามอวิ๋นอิงจะไหว้ฟ้าดินอีกครั้ง“อวิ๋นอิง ข้าชอบเจ้า เจ้าก็ชอบข้ากระมัง พวกเราไหว้ฟ้าดินกันเถอะ พวกเราแต่งงานกันวันนี้เลย!”“ข้าให้คนไปสั่งทำชุดแต่งงานแล้ว!”“อวิ๋นอิง เจ้าตอบตกลงข้าเถอะ!”อวิ๋นอิงวิ่ง หลิงเชียนอี้ไล่ตามอยู่ข้างหลังฉู่เชียนหลีกุมหน้าผาก นี่มันก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจอีก?มองดูอวิ๋นอิงวิ่งไปไกลแล้ว พลันนางเอื้อมมือ คว้าตัวหลิงเชียนอี้ไว้ “พอได้แล้ว พอประมาณก็หยุด อย่าทำให้อวิ๋นอิงกลัวจนหอบของหนี คนใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้”“น้าสะใภ้ ข้าจะต้องแต่งงานกับนางให้ได้!”และเร็วที่สุด เดี๋ยวนี้ หัวใจของเขานั้นแน่วแน่ ความรักก็แน่วแน่เช่นกัน เขาจะพิสูจน์ให้อวิ๋นอิงเห็นฉู่เชียนหลีหัวเราะแล้ว “เจ้าเช้าไม่มา สายไม่มา จู่ๆ วันนี้ก็มาพูดถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่การจู่โจมหรือ? พวกเราต่างก็ไม่ได้เตรียมใจไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวิ๋นอิงแล้ว”การแต่งเมียที่เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ใช่เรื่องที่วันสองวันก็จะสามารถเตรียมตัวเสร็จหรือ?“อีกอย่างนะ เจ้าถามพ่อแม่เจ้าหรือยัง?”พูดถึงตรงนี้ จู
ทางฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียน หมุนกายก็ไปหาอวิ๋นอิงทันที“พระชายา!”ภายในห้อง อวิ๋นอิงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ตั้งใจมาก เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีมา นางรีบลุกขึ้นยืน ท่าทางลนลานเล็กน้อยนอกจากคิดเรื่องของหลิงเชียนอี้ ยังสามารถคิดอะไรได้อีก?ตอนกินอาหารเย็น คำพูดของเจ้าหนูนั่นไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามอวิ๋นอิงจะแต่งงานให้ได้ อวิ๋นอิงไม่คิดมากได้หรือ?ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นอิง เจ้าติดตามข้าเกือบปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนนอก ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย เจ้าก็อย่าเห็นข้าเป็นคนนอก ในใจคิดอย่างไร ก็พูดกับข้าเช่นนั้น ดีหรือไม่?”สองมืออวิ๋นอิงจิกชายเสื้อทันทีพระชายายังไม่เอ่ยปาก นางก็เดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร“พระชายา…”“ไม่ต้องประหม่า ข้าแค่ลองถามเฉยๆ” ฉู่เชียนหลีจับมือนาง นั่งลงด้วยกัน “เจ้ากับหลิงเชียนอี้รู้จักกันเกือบปีแล้ว ในใจเจ้าคิดอย่างไร?”“ข้า…”ใบหน้าอวิ๋นอิงแดงฉานทันทีนิสัยที่โผงผางมาโดยตลอด เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ความอ่อนโยนของเด็กผู้หญิงลอยขึ้นบนใบหน้าทันที ซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่อยู่“พระชายา ข้า…ข้าไม่รู้…ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น…”
โบราณว่าไว้ ท้องกลมเป็นเด็กผู้ชาย ท้องแหลมเป็นเด็กผู้หญิงตอนที่นางท้องหลิงเชียนอี้ ท้องก็กลมเช่นนั้น คลอดออกมามีเก้าชั่งแปดเหลียง[1] หนักเหมือนหมูตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีลูบท้อง คาดว่าตนเองท้องหมูตัวหนึ่งเฟิงเย่เสวียนเกิดปีหมู ปีนี้ก็เป็นปีหมู ท้องเจ้าหมูน้อย ดังนั้นท้องจึงโตเช่นนั้น อ้วนเช่นนั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้“ฝ่าบาทน่าจะตั้งชื่อให้แล้วกระมัง” องค์หญิงใหญ่กล่าว“ที่รัก เจ้าพูดเช่นนี้ก็เหมือนไม่ได้พูดเลย” ด้านข้าง โหวติ้งกว๋อที่โยกแขนปลอบลูกสาว ยกเปลือกตาขึ้น “หลายปีมานี้ ฝ่าบาทอยากได้หลานชาย รอจนผมหงอกแล้ว มีหรือที่จะยังไม่ได้ตั้งชื่อ?”ชื่อตั้งไว้นานแล้วเพียงแต่…ฉู่เชียนหลีไม่ค่อยอยากพูดเจตนาของฮ่องเต้คือ เด็กชื่อเจี้ยนกว๋อ…เฟิงเจิ้นเจี้ยนกว๋อ แค่กๆ!เม้มปาก กระแอมเสียงเบา “ยังไม่รู้ว่าเป็นเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชาย เรื่องตั้งชื่อไม่รีบร้อน รอคลอดแล้วค่อยตั้งชื่อก็ยังไม่สาย”“โอ๊ย” จู่ๆ องค์หญิงใหญ่ก็ตบศีรษะ “ลืมบอกเจ้าไปว่า นี่เป็นครรภ์แรกของเจ้า ไม่มีประสบการณ์แน่นอน แม้ยังไม่คลอด แต่มีหลายอย่างที่ต้องเตรียมไว้ก่อน”“ข้าบอกเจ้า”นางจับมือฉู่
ฉู่เชียนหลีนั่งสักพัก ตอนที่เตรียมตัวจากไป บังเอิญมีคนรับใช้เข้ามารายงาน บอกว่าตระกูลกู้มาแล้วเพิ่งพูดจบ ก็มีเสียงหัวเราะที่หยาบกร้านของผู้ชายดังมาจากข้างนอก“น้องหลิง น้องสะใภ้ ช่วงนี้สบายดีนะ ฮ่าๆๆ!”หัวหน้าตระกูลกู้ นายท่านรองกู้ ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ ไหล่กว้างเอวกลม ร่างกายที่สูงใหญ่ แบกท้องที่กลมเล็กน้อย มีโหนกแก้มบนใบหน้า หัวเราะได้กว้างขวางและเสียงดัง ท่าทางนั้นเหมือนกับคนเถื่อนของจริงข้างกาย กู้ชิงชิงลูกสาวเพียงคนเดียวที่ตามมาด้วยยิ้มทักทาย“ท่านลุง ท่านป้า”กู้ชิงชิงเหมือนกับพ่อ เสียงที่พูดเรียบง่ายเป็นกันเอง เป็นคนตรงๆโหวติ้งกว๋อลุกขึ้นยืน อุ้มลูกสาวให้แม่นมพาไปนอน นี่จึงจะสั่งให้คนรับใช้ชงชาเตรียมขนมหวาน“ลมอะไรพัดพี่กู้มา รีบเชิญนั่ง”นายท่านรองนั่งลงอย่างเด็ดเดี่ยว เห็นฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างๆ หรี่ตาลง“พระชายาอ๋องเฉินก็อยู่ด้วยหรือ”ฉู่เชียนหลีทักทายด้วยรอยยิ้มจางๆ “ท่านรองกู้”ท่านรองกู้โบกมือ กล่าวเหมือนตกใจ “โอ๊ย คนในยุทธภพเรียกข้าเช่นนี้ ข้าไม่ได้คิดอะไร แต่พระชายาอ๋องเฉินท่านสถานะสูงศักดิ์ ข้ารับไม่ไหวจริงๆ ท่านเรียกข้าว่าเสี่ยวกู้ก็พอ”ฉู่เชียนหลี “...”