เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของอ๋องเฉินสินะ...เป็นเพราะฉู่เชียนหลีชอบอ๋องหลี อ๋องเฉินไม่สามารถลงมือกับฉู่เชียนหลีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ จึงหันมาแก้แค้นอ๋องหลี ถึงขนาดบีบให้อ๋องหลีไปซ่อมแซมสุสานหลวง วางแผนคนเดียว บีบให้อ๋องหลีตายทั้งเป็น!มีความแค้นอะไรก็มาลงที่นางสิ!ให้นางไปตายแทนอ๋องหลี!“ท่านอ๋องเฉิน อ๋องเฉิน!” ฮูหยินเว่ยคุกเข่าอยู่ที่บนบันได ตะโกนใส่เสียงดังใส่จวนอ๋องเฉิน “ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า! ขอร้องท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ! ขอร้องท่านปล่อยเขาไป!”เสียงร้องไห้ที่แหบแห้ง ผสมผสานกับเสียงฝนตกที่ตกหนัก แทบจะได้ยินไม่ชัดร่างกายของนางใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้ว“ขอร้องท่านโปรดเมตตา! ข้ายอมตาย ข้าตาย! ขอร้องท่านละ! เขาเป็นพี่น้องของท่านนะ! ถึงแม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นนางกำลัง แต่เลือดที่ไหลเวียนภายในกายของพวกท่านเป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”คนทำ สวรรค์ดู การฝ่าฝืนคุณธรรมและศีลธรรม จะต้องประสบกับผลกรรม!พ่อบ้านชราเดินตรวจตราที่จวนรอบหนึ่ง กำลังเตรียมจะไปพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอยู่ราง ๆหูก็ตั้งขึ้น ลองตั้งใจฟังอย่
หลับตาไปแบบนี้ ความคิดค่อย ๆเลือนราง ร่างกายที่ผ่อนคลายสูญเสียความอบอุ่น หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนยามค่ำคืนและสุสานเกิดมาอย่างต่ำต้อย ก็ตายไปอย่างต่ำต้อยแต่เหตุใด หูถึงค่อย ๆ กลับมาได้ยินเสียงเช่นปกติ ท่ามกลางความมืดสลัว ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขา“ท่านอ๋องหลี...หมอหลวง...”“เร็วเข้า...”“ผ้าพันแผล...”เสียงมากมาย ดังโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหู ราวกับมีผึ้งหลายร้อยกำลังกระพือปีกบิน หึ่ง ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆเสียงพวกนั้นค่อย ๆไกลออกไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังเลือนราง มีคนกำลังพูดว่า“ท่านอ๋อง ฟื้นสิ ท่านฟื้นสิ...”“ฮูหยินจากไปแล้ว หรือว่าแม้แต่ท่านก็อยากจะจากไปด้วยงั้นหรือ?”ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นวิญญาณที่เลื่อนลอย ไม่มีจุดยึดเหนี่ยว ไม่มีร่างกายรองรับ ถึงขนาดที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆฮูหยิน...จากไปแล้ว?จากไปแล้ว...เป็นเพราะเขาตายไปแล้วงั้นหรือ ดังนั้นท่านแม่กับเขาจะได้พบกันแล้วน่าเสียดาย ท่านแม่เลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี เขายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณที่นางเลี้ยงดูเขามาเลย คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำเสียแล้วเขาเป็นลูกอกต
บ้านพัก ชานเมือง หลังจากพายุฝนผ่านไป อากาศแจ่มใส กลิ่นหอมของดินที่เข้มข้น ไม่รู้ว่านกบินมาจากไหนมาเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ส่งเสียงร้องกระโดดโลดเต้นตอนที่ฉู่เชียนหลีฟื้นขึ้นมา ก็ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่ม ใบหน้ามีความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านออกมา นำร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มุดแล้วมุดอีก เหมือนกับแมวจนปัญญาเพราะท้องที่ใหญ่โต ท้องขวางช่องว่างระหว่างพวกเขาสองคน“ฟื้นแล้ว” เฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะเล็กของนาง “นอนอีกสักเดี๋ยวค่อยลุก ดีไหม?”“อื้ม~”น้ำเสียงที่เกียจคร้านขึ้นจมูก ท่าทางสะลึมสะลือ น้ำเสียงแหบแห้ง แต่ว่าน่าฟังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามตื่นเยว่เอ๋อร์ยกกะละมังน้ำ มาช่วยล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นกินอาหารเช้าฉู่เชียนหลีกำลังคิดถึงอาการบาดเจ็บของอวิ๋นอิง เป็นเพราะเมื่อคืนท้องแข็ง ปวดท้องไม่หยุด ปวดจนตอนหลังเป็นตะคริว“เยว่เอ๋อร์ ทางจวนอ๋องส่งข่าวมาหรือไม่ อวิ๋นอิงเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็มุ่ยปาก“เมื่อคืนหานอิ๋งมาที่นี่ แต่ไม่เห็นว่าอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ เด็กรับใช้ที่มาส่งข่าวคนนั้นน่าจะถูกพระชายาอ๋องหลีซื้อตัว”เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่คิดถึงผู้หญิงของเขา เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว ตัดสินใจฆ่าทิ้ง อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่เป็นเพราะนึกถึงความเป็นพี่น้องกับเฟิงเจิ้งหลี แล้วก็ไม่อยากจะทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง ถึงได้ย้ายเขาไปที่อื่นเขาได้มีเมตตามากพอแล้วแต่เรื่องที่สุสานหลวงถล่ม กับการตายของฮูหยินเว่ย ล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเขาไม่เกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้“อาเฉิน ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่า...อ๋องหลีจะเชื่อหรือไม่? ฮูหยินเว่ยตายอยู่ที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน สำหรับเขาแล้ว ฮูหยินเว่ยเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต...” ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว “คนทำ สวรรค์มอง เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ละอายใจ”อีกอย่าง“ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียวเจียวล่วงเกินเจ้า ทำให้เจ้าท้องแข็ง ข้าจะไม่มีเวลาปลีกตัวได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะฉู่เจียวเจียว ข้าคงมีเวลามากพอรีบกลับไปที่สุสานหลวงเพื่อช่วยเขา ฮูหยินเว่ยก็คงจะไม่ตาย”น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความเยาะหยันจะว่าไป ก็เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวผู้หญิงเรื่องมากคนนั้น!ความเป็นความตายของอ๋องหลีกับฮูหยินเว่ย ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่นาง
ตอนที่คำว่า ‘เซ่นไหว้ผู้ตาย’ กระทบเข้ามาในดวงตาของเขา ทำให้เขาสั่นระริกไปทั้งตัว ภายในหัวสมองว่างเปล่าทันที ในเวลาเดียวกัน ในหูมีคำพูดที่เลือนรางประโยคหนึ่งดังก้องขึ้น‘ฮูหยินจากไปแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จะทิ้งพวกเราไปงั้นหรือ...’นั่น...นั่นไม่ใช่ความฝันหรือ?นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ยินจริง ๆ งั้นหรือ?จ้องมองการตกแต่งสีขาวโพลนนั่น ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นไม่ชัดเจน เลือนราง มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น ไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอ วิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุดท่านแม่!ไม่!นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!เขากำลังฝัน เขาตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา!“ท่านอ๋องฟื้นแล้ว!”“สวรรค์เอย ท่านอ๋องฟื้นแล้วจริง ๆ...หมอหลวงกล่าวว่าร่างกายของท่านอ่อนแอ ไม่ควรลุกจากเตียง ท่านรีบกลับ...โอ๊ย!”เขาผลักคนใช้ วิ่งไปที่โถงด้านหน้าอย่างล้มลุกคลุกคลาน เห็นโลงศพสีดำวางตั้งอยู่ที่ตรงกลางของโถง บนแผ่นป้ายวิญญาณ สลักตัวอักษรเอาไว้อย่างชัดเจน——สุสานนางเว่ยเว่ยซวงภายในพริบตา เขาสั่นเทาไปทั้งตัว ราวกับถูกฟ้าผ่า ขาทั้งสองอ่อนยวบคุกเข่าลงบนพื้น บาดแผลบนหน้าอกมีเลือดไหลออกมา
“พี่อวี๋ ท่านอย่าคิดเช่นนี้ จะเป็นหรือตายย่อมมีชะตากรรมเป็นของตัวเอง เมื่อคืนนี้...ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่จวนเช่นกัน”นางไม่อยู่ที่จวนอ๋องเฉิน พลาดข่าวช่วยเหลือฮูหยินเว่ยเช่นกัน เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนช่วยถ่ายทอดกำลังภายในให้นางเพื่อให้ครรภ์สงบ ไม่มีเวลาปลีกตัว แล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องของอ๋องหลีทางนี้ด้วยความบังเอิญทั้งหมด เป็นบ่อเกิดการตายของฮูหยินเว่ยถึงแม้ว่าจะเสียใจ แต่ก็จนปัญญาอ๋องติ้งโอบไหล่ของพระชายาอ๋องติ้ง ลูบเบา ๆ “ฮูหยิน เจ้าอย่าคิดมาก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดั่งที่เสียวฉู่พูด จะเป็นหรือตายย่อมเป็นลิขิตสวรรค์”เขาปลอบโยนนางคำโบราณว่าไว้ถูกต้อง ดวงถึงฆาตตอนไหน ก็ต้องตายตอนนั้นพระชายาอ๋องติ้งก้มหน้า สีหน้าซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กุมมือของฉู่เชียนหลีเอาไว้“เสียวฉู่ เมื่อคืนนี้ฮูหยินเว่ยไปหลายที่มาก ทั้งวังหลวง จวนอ๋องเฟิง จวนอ๋องเจวี๋ย แล้วก็จวนอ๋องอัน สุดท้ายกลับไปตายที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน อ๋องหลีเขา...จะคิดมากหรือไม่...”นางกังวลเรื่องนี้หากอ๋องหลีเกิดความเข้าใจอ๋องเฉินผิดเพียงเพราะเรื่อง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นความบาดหมางทางสายเ
คำพูดแปลก ๆ เพียงประโยคเดียว ทำให้ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไป จากนั้นก็สังเกตว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอยากจะอธิบาย แต่เฟิงเย่เสวียนก็เดินเข้ามาแล้ว“เหมือนกับเป็นการขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย เหตุใดจึงต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก”ชายหนุ่มในชุดสีดำสาวเท้ายาวเดินเข้ามา โอบเอวของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พานางถอยห่างออกไปสองก้าว ดวงตาดำขลับเหลือบมองเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงได้ความอ่อนโยนถ้าหากเขาคิดจะค่าใคร แค่ลงมือทันทีก็จบ เหตุใดจึงต้องย้ายเขาไปที่สุสานหลวง แล้วก็ทำให้สุสานหลวงถล่ม ให้มันยุ่งยากขนาดนั้นตอนนี้เป็นเพราะเรื่องสุสานหลวงถล่ม ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ประชาชนเกิดข้อวิจารณ์ ความวุ่นวายที่ตามมามีไม่น้อย“เฮอะ...” เฟิงเจิ้งหลีแค่นเสียงหัวเราะถูกต้อง ในสายตาของเขา ชีวิตของเขาก็แค่มดตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ?คิดจะทารุณก็ทำ อยากจะจัดการก็ทำ อยากจะทำอย่างไรก็ทำ เป็นเพราะเบื้องหลังของเขามีฝ่าบาทคอยหนุนหลัง แต่เขามีเพียงตัวคนเดียวตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดเป็นเพราะไร้คนคอยปกป้อง เขาได้รับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบเขาทนมามากพอแล้ว!เขายันโลงศพ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก การคุกเข่าเป็นเวล
เป็นเพราะฉู่เชียนหลีใจอ่อน เขาถึงได้มาร่วมพิธีศพที่จวนอ๋องหลี ไม่อย่างนั้นละก็ เขาไม่มีทางเข้ามาเหยียบจวนอ๋องหลีแม้แต่ครึ่งก้าว!สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าหากอ๋องหลียังยั่วยุแบบนี้ เขาไม่มีทางลงมืออย่างออมมือแน่บรรดาแขก บรรดาคนใช้เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พากันวิจารณ์เสียงเบา“เหตุใดจู่ ๆ อ๋องหลีถึงอยากฆ่าอ๋องเฉิน คงจะไม่ใช่เพราะการตายของนางเว่ยเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินหรอกกระมัง?”“อย่าเอ็ดไป ได้ข่าวว่านางเว่ยตายอยู่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน แบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินได้อย่างไร?”“เหตุใดอ๋องเฉินถึงต้องทำร้ายนางเว่ย เหมือนว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรนี่?”“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าการตายของนางเว่ย จะต้องเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินแน่ อ๋องหลีถึงได้โมโหขนาดนี้...”“พูดแบบนี้ก็มีเหตุผล...”เสียงวิจารณ์เบา ๆ คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างแพร่กระจายออกไปเฟิงเย่เสวียนหมดความอดทน โอบเอวของฉู่เชียนหลี กำลังจะเดินออกไป“อย่าไป...”เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นด้วยร่างกายที่โงนเงน นิ้วที่ซีดขาวจับมีดสั้น เดินเข้าไปหาเขาอย่างโซเซ“คืน...ชีวิต...ท่านแม่ของข้ามา...”“อ๋องหลี