“พี่อวี๋ ท่านอย่าคิดเช่นนี้ จะเป็นหรือตายย่อมมีชะตากรรมเป็นของตัวเอง เมื่อคืนนี้...ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่จวนเช่นกัน”นางไม่อยู่ที่จวนอ๋องเฉิน พลาดข่าวช่วยเหลือฮูหยินเว่ยเช่นกัน เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนช่วยถ่ายทอดกำลังภายในให้นางเพื่อให้ครรภ์สงบ ไม่มีเวลาปลีกตัว แล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องของอ๋องหลีทางนี้ด้วยความบังเอิญทั้งหมด เป็นบ่อเกิดการตายของฮูหยินเว่ยถึงแม้ว่าจะเสียใจ แต่ก็จนปัญญาอ๋องติ้งโอบไหล่ของพระชายาอ๋องติ้ง ลูบเบา ๆ “ฮูหยิน เจ้าอย่าคิดมาก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดั่งที่เสียวฉู่พูด จะเป็นหรือตายย่อมเป็นลิขิตสวรรค์”เขาปลอบโยนนางคำโบราณว่าไว้ถูกต้อง ดวงถึงฆาตตอนไหน ก็ต้องตายตอนนั้นพระชายาอ๋องติ้งก้มหน้า สีหน้าซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กุมมือของฉู่เชียนหลีเอาไว้“เสียวฉู่ เมื่อคืนนี้ฮูหยินเว่ยไปหลายที่มาก ทั้งวังหลวง จวนอ๋องเฟิง จวนอ๋องเจวี๋ย แล้วก็จวนอ๋องอัน สุดท้ายกลับไปตายที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน อ๋องหลีเขา...จะคิดมากหรือไม่...”นางกังวลเรื่องนี้หากอ๋องหลีเกิดความเข้าใจอ๋องเฉินผิดเพียงเพราะเรื่อง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นความบาดหมางทางสายเ
คำพูดแปลก ๆ เพียงประโยคเดียว ทำให้ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไป จากนั้นก็สังเกตว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอยากจะอธิบาย แต่เฟิงเย่เสวียนก็เดินเข้ามาแล้ว“เหมือนกับเป็นการขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย เหตุใดจึงต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก”ชายหนุ่มในชุดสีดำสาวเท้ายาวเดินเข้ามา โอบเอวของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พานางถอยห่างออกไปสองก้าว ดวงตาดำขลับเหลือบมองเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงได้ความอ่อนโยนถ้าหากเขาคิดจะค่าใคร แค่ลงมือทันทีก็จบ เหตุใดจึงต้องย้ายเขาไปที่สุสานหลวง แล้วก็ทำให้สุสานหลวงถล่ม ให้มันยุ่งยากขนาดนั้นตอนนี้เป็นเพราะเรื่องสุสานหลวงถล่ม ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ประชาชนเกิดข้อวิจารณ์ ความวุ่นวายที่ตามมามีไม่น้อย“เฮอะ...” เฟิงเจิ้งหลีแค่นเสียงหัวเราะถูกต้อง ในสายตาของเขา ชีวิตของเขาก็แค่มดตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ?คิดจะทารุณก็ทำ อยากจะจัดการก็ทำ อยากจะทำอย่างไรก็ทำ เป็นเพราะเบื้องหลังของเขามีฝ่าบาทคอยหนุนหลัง แต่เขามีเพียงตัวคนเดียวตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดเป็นเพราะไร้คนคอยปกป้อง เขาได้รับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบเขาทนมามากพอแล้ว!เขายันโลงศพ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก การคุกเข่าเป็นเวล
เป็นเพราะฉู่เชียนหลีใจอ่อน เขาถึงได้มาร่วมพิธีศพที่จวนอ๋องหลี ไม่อย่างนั้นละก็ เขาไม่มีทางเข้ามาเหยียบจวนอ๋องหลีแม้แต่ครึ่งก้าว!สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าหากอ๋องหลียังยั่วยุแบบนี้ เขาไม่มีทางลงมืออย่างออมมือแน่บรรดาแขก บรรดาคนใช้เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พากันวิจารณ์เสียงเบา“เหตุใดจู่ ๆ อ๋องหลีถึงอยากฆ่าอ๋องเฉิน คงจะไม่ใช่เพราะการตายของนางเว่ยเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินหรอกกระมัง?”“อย่าเอ็ดไป ได้ข่าวว่านางเว่ยตายอยู่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน แบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินได้อย่างไร?”“เหตุใดอ๋องเฉินถึงต้องทำร้ายนางเว่ย เหมือนว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรนี่?”“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าการตายของนางเว่ย จะต้องเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินแน่ อ๋องหลีถึงได้โมโหขนาดนี้...”“พูดแบบนี้ก็มีเหตุผล...”เสียงวิจารณ์เบา ๆ คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างแพร่กระจายออกไปเฟิงเย่เสวียนหมดความอดทน โอบเอวของฉู่เชียนหลี กำลังจะเดินออกไป“อย่าไป...”เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นด้วยร่างกายที่โงนเงน นิ้วที่ซีดขาวจับมีดสั้น เดินเข้าไปหาเขาอย่างโซเซ“คืน...ชีวิต...ท่านแม่ของข้ามา...”“อ๋องหลี
ในเมืองหลวง บรรดาชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องระหว่างท่านอ๋องทั้งสอง ก่อให้เกิดความคาดเดาขึ้นมากมายวันนี้แต่เช้าตรู่ ฝ่าบาทได้ทรงเรียกทั้งสองคนเข้าวัง เพื่อว่ากล่าว“เรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องทะเลาะกันแบบนี้ ต่อหน้าของทุกคนด้วย? จะเอาเกียรติของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหน!”ตบโต๊ะ โมโหอ๋องเฉินกับอ๋องหลีทะเลาะกัน ทำให้บรรดาชาวบ้านหัวเราะเยาะ ราชวงศ์ที่ผ่าเผย กลับกลายเป็นหัวข้อสนทนาในวงน้ำชาของชาวบ้าน จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สุสานหลวงถล่ม องค์ชายยังตีกัน เรื่องยังเยอะไม่พอหรือไร?“แต่ละคน ก็อายุยี่สิบกว่าปีกันแล้ว ทะเลาะอะไรกัน! ไม่แบ่งเบาภาระเราก็ชั่งแล้ว ต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นเช่นนี้ถึงจะพอใจใช่หรือไม่? เจ้าตายข้าอยู่? เราจะให้พวกจ้าสมปรารถนา!”ฝ่าบาทสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห กวาดฎีกาที่อยู่บนโต๊ะ โยนมีดสั้นเล่มหนึ่งลงไปเคร้ง...มีดสั้นตกลงบนพื้นอย่างเย็นเยียบ บรรดาขันทีตกใจจนรีบคุกเข่าลงไปบนพื้น ก้มหน้างุด ไม่กล้าหายใจดังท่านอ๋องทั้งสองท่านอยู่เคียงบ่ากันอยู่ด้านหน้าโต๊ะทรงงาน หลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยปาก แล้วก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน“เอาสิ ลงมือ!” ฝ่าบาทเดินไปที่ด้านหน้าของ
“เจ้า...”การอยู่กับภรรยาเป็นเรื่องสำคัญ แต่งานราชการไม่สำคัญหรือ? ยังพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจอีก เขาไม่รู้ว่าก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขนาดนั้นอย่างนั้นหรือ?เป็นเพราะเขาให้ท้ายเขาจนเคยตัวแล้ว!ผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีอุดมคติและความทะเยอทะยานอันสูงส่ง จะวนเวียนอยู่กับผู้หญิงได้อย่างไร?ภายภาคหน้าขึ้นครองบัลลังก์ นางสนมนางกำนัลมากมาย ผู้หญิงมากถมไป เอาหัวใจไปทุ่มเทที่ผู้หญิงคนเดียว มีแต่จะทำให้กลายเป็นกษัตริย์ที่ละเลยหน้าที่ฝ่าบาทขมวดคิ้ว กล่าว “ในเมื่อเจ้าชอบอยู่กับภรรยา ถ้าเช่นนั้นก็อยู่เสียให้พอ เรื่องการจัดงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษ มอบหมายให้เจ้าห้าไปทำ”เฟิงเย่เสวียนฟังจบ ใบหน้าไม่มีอารมณ์ใด ๆ เพียงแค่ประสานมือ ตอบ“เสด็จพ่อพอพระทัยก็พอพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบ ก็เดินออกไปสีหน้าของฝ่าบาทเคร่งขรึมทันทีเป็นเพราะให้ท้ายมากเกินไป!เขาต้องทำให้เขารู้ว่า หญิงสาวกับประเทศชาติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน จะต้องทำให้เขาเกิดความรู้สึกกังวลและกดดัน เมินเฉยเขาสักระยะหนึ่ง เขาก็จะรู้จักการแสวงหาความก้าวหน้า“เสด็จพ่อ แค่ก...หม่อมฉันรู้ว่าตนเองคุณสมบัติและประสบการณ์ไม่มากพอ เกรงว่าจะทำได้ไม่ดี...แค่กแค่ก อ
ฉู่เชียนหลีกลับประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อวานนี้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนั้น จงเกลียดจงชังแบบนี้ คิดตกได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?“ทำให้เจ้าต้องเป็นกังวลใจแล้ว” เฟิงเจิ้งหลียันโต๊ะทำงาน ดวงตาที่ซีดเซียวหันมองไปทางฉู่เชียนหลี ยกผลการสืบสวนในมือขึ้น ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อันที่จริง เพียงแค่คำพูดของเจ้า ข้าก็เชื่อแล้ว”ภายในชั่วพริบตา อุณหภูมิบนร่างกายของเฟิงเย่เสวียนก็ลดฮวบลงทันที สายตาเย็นเยียบกล้ายั่วยุเขาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าต่อตาของเขา ไม่จำใส่สมองเอาบ้างเสียเลย!ฉู่เชียนหลีกล่าว “นี่ไม่ใช่ข้าพูด ผลการสืบสวนเรื่องจริงเป็นเช่นนี้ ท่านสามารถไปสืบเองได้ ตอนนั้น มีคนมากมายอยู่ที่สุสานหลวง มีคนพยานและหลักฐานมากมายไม่สามารถปลอมแปลงได้”เฟิงเจิ้งหลียิ้มบาง ๆ ส่ายหน้า “ไม่สืบแล้ว ข้าเชื่อเจ้า การวางตัวและศีลธรรมของเจ้าควรข้าให้ข้าเชื่อ”เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ แม้จะเสียใจกับการตายของฮูหยินเว่ย แต่เรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำได้แค่เพียงเดินหน้าต่อ“ได้ยินว่าเมื่อสองวันก่อนพระชายาของข้ามาเยี่ยมน้องสาวแล้ว ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อ
ตัวตนคืออะไร ก็ควรอยู่ที่ตรงนั้น หากพยายามรนหาที่ตายละก็ ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นทั้งสองคนสบตากัน อากาศเย็นพุ่งเข้าใส่ ราวกับว่ากำลังจะเปิดสนามรบที่ไร้รูปร่างขึ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนที่มองไม่เห็นเฟิงเย่เสวียนไม่อนุญาตให้ชายใดเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี โดยเฉพาะเฟิงเจิ้งหลี ถ้าหากเขามีจุดประสงค์ ไม่หยุดลองหยั่งเชิงขีดจำกัดของเขาละก็ เขาจะทำให้เขาได้รู้ถึง ผลที่ตามมาของการแตะต่อมโมโหเฟิงเจิ้งหลีไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นนางเว่ยตายแล้ว คนที่เขาเป็นห่วงเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ก็ไม่มีแล้ว เขาไม่กลัวแม้กระทั่งความเป็นความตาย แล้วจะหวาดกลัวต่อคำข่มขู่ของอ๋องเฉินได้อย่างไร?ภายในหัวสมองของเขามีเพียงความคิดเดียว แก้นแค้น!เขากับเฟิงเย่เสวียนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ระหว่างพวกเขา ต้องมีคนใดคนหนึ่งตาย!“อาเฉิน...”ด้านนอกโถง ฉู่เชียนหลีกลับมาแล้วเฟิงเย่เสวียนกะพริบตา จากนั้นก็คลายมือออกจากคอเสื้อของอ๋องหลี ปัดรอยย่นบนเสื้อผ้าของเขา กล่าวเสียงเย็นชา“ในเมื่ออาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ก็รออยู่ในจวน อย่าวิ่งไปทั่ว ขนาดยืนทรงตัวยังทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปตายอยู่ตรงซอกหลืบไหนเมื่อใด”เฟิงเจิ้
“ข้า...”ทันทีที่ฉู่เจียวเจียวอ้าปาก ก็สำลักทันทีนางรู้ว่าการตายของนางเว่ยเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะไม่ชอบขี้หน้าฉู่เชียนหลี แล้วก็ไม่ชอบท่าทางที่อ๋องหลีเข้าข้างฉู่เชียนหลี ถึงได้กัดและใส่ร้ายป้ายสีฉู่เชียนหลีอันที่จริง เดิมทีนางเว่ยไม่ต้องตายเมื่อคืนวานนี้ นางอยากจะไปคิดบัญชีกับฉู่เชียนหลี แต่กลับทำให้ฉู่เชียนหลีท้องแข็ง ถ้าหากนางอยู่ที่เรือนละก็ นางเว่ยก็ไม่มีทางวิ่งออกไปแต่นี่ก็ไม่นับว่าเป็นความผิดของนางนี่นา!ถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินไล่ท่านอ๋องไปที่สุสานหลวง นางต้องเป็นกังวลจนเสียสติไหม?“ท่านอ๋อง คืนวันนั้นข้าไปหาฉู่เชียนหลี ข้าอยากจะให้นางขอร้องอ๋องเฉิน ให้ท่านกลับมารักษาบาดแผล แต่ว่า...อ๋องเฉินพูดว่าข้าจุ้นจ้านมากเกินไป เลยคุมขังข้า ยังไม่ให้พบท่านแม่อีกด้วย”“คืนวันนั้น ท่านแม่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของท่านแม้ ข้าอยากจะวิ่งออกไปจนจะเป็นบ้า แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ข้าออกไป คืนนั้นฝนตกหนักมาก อ๋องเฉินกับฉู่เชียนหลีจิตใจอำมหิตเหลือเกิน พวกเขาไม่สนใจท่านแม่ มองดูนางตายท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน...”นางพูดจาเหลวไหล เบ้าตาแดงก่ำน้ำตาไหล น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท