ชั้นล่าง บรรดาผู้หญิงพากันแยกย้าย ที่ไปนอนพักก็ไปนอนพัก ที่แต่งหน้าก็แต่งหน้า ที่พูดคุยก็พูดคุย ขณะที่กำลังคุยกันเจี๊ยวจ๊าว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปังๆๆ’ จากชั้นบนเหมือนกับมีของหนักอะไรบางอย่างกลิ้งตกลงมายิ่งอยู่ยิ่งเสียงดัง ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ปัง…สุดท้ายกลิ้งลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชนใส่เสาต้นหนึ่งจนเกิดเสียงดังสนั่น เมื่อพลิกคว่ำกลับมา เห็นเพียงผู้หญิงในชุดกระโปรงสีม่วง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะแตกเลือดไหลทะลัก ดวงตาเบิกกว้างและกลม สิ้นใจไปแล้ว“พี่เยาเอ๋อร์…”“มีคนตาย!”“ว้ายๆ!”หลังจากนั้นสองชั่วยาม วังหลวง ห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด“ต้องเป็นฝีมือของอ๋องเฉินแน่นอน เสด็จพ่อโปรดออกหน้าแทนลูกที่ยังไม่เกิดของหม่อมฉันด้วย เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะ!”อ๋องเฟิงคุกเข่าอยู่บนพื้น เบ้าตาแดงก่ำ เสียงสะอึกสะอื้น อารมณ์แปรปรวนมากแต่งงานแปดปี อายุเกือบสามสิบ ในที่สุดก็มีลูกหนึ่งคนแล้ว แต่เมื่อครู่ได้รับข่าวนี้ ตกตึกตาย หนึ่งศพสองชีวิตพริบตานั้น ตกจากสวรรค์สู่นรกไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตายของเยาเอ๋อร์มากนัก แต่ลูกที่น่าสงสาร เขาแค่อยากได้ลูกที่เป็นของตนเอง!อยู่ดีๆ เยาเอ๋อร์จ
ทันทีที่เกิดเรื่องกับเยาเอ๋อร์ ทั้งหอจุ้ยเมิ่งถูกปิดกั้น คนที่อยู่ข้างในถูกควบคุมตัวทั้งหมด ตามคำบอกเล่าของพวกเขา ตอนนั้นแม่นางเยาเอ๋อร์พักผ่อนอยู่ชั้นบน และบนชั้นสามก็ไม่มีใครเลยมีความเป็นไปได้ที่นางอาจจะพลาดพลั้ง ไม่ระวังกลิ้งตกบันไดตายแต่เนื่องจากปัญหาระหว่างอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉิน อ๋องเฟิงไม่ยอมละเว้นอ๋องเฉินง่ายๆ ฉู่เชียนหลีต้องการหาหลักฐานการตายธรรมชาติของเยาเอ๋อร์ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอ๋องเฉินแต่เมื่อสายตานางมองไปที่ศีรษะของเยาเอ๋อร์ ก็ต้องตะลึงงันฉับพลันรอก่อนค่อยๆ วางมือลงบนผมของนาง พลันนิ้วมือดึงเบาๆ ก็ดึงผมที่หลุดร่วงขึ้นมาหนึ่งกระจุกผมกระจุกนี้มีประมาณยี่สิบถึงสามสิบเส้น ตรงโคนผมเปื้อนเลือดแววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง “นางถูกคนผลักตกจากบันได”ผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนตะลึงงันครู่หนึ่ง “เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินพูดเช่นนี้?”“ดูเส้นผมนี่” นางยกมือขึ้น “ทุกคนผมร่วงได้ แต่โดยทั่วไปผมจะร่วงแค่หนึ่งหรือสองสามเส้น แต่เส้นผมกระจุกนี้บนหัวของนาง ถูกคนดึงจนหลุด”นางสงสัย มีคนกระชากผมของเยาเอ๋อร์ ผลักนางตกบันได“นี่…”พลันผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนดู เหมือนเป็นเช่นนี้จร
ฉู่เชียนหลีเห็นเขา สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือใบหน้าที่ซีดเซียวและไร้เรี่ยวแรงของเขา อยากเข้าไปประคองเขา แต่มือเปื้อนเลือด“ท่านพักฟื้นอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาศาลาว่าการซุนเทียนแล้ว?”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปอย่างเป็นห่วง “ข้าได้ยินข่าวนี้ จะอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร? ตรวจสอบถึงไหนแล้ว? ได้ผลสรุปแล้วหรือยัง? ได้ยินมาว่าอ๋องหลีกับอ๋องเฟิงทะเลาะกันในวัง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ทะเลาะมันแน่อยู่แล้ว ประการแรกความเศร้าโศกที่สูญเสียลูก ประการที่สองสามารถอาศัยข้ออ้างนี้เล่นงานอ๋องเฉินนางมีลางสังหรณ์ อ๋องเฟิงจะกัดอ๋องเฉินไม่ปล่อย ก่อนที่จะรู้ตัวคนร้ายตัวจริง เรื่องนี้ไม่มีทางสงบลงง่ายๆ แน่นอนนางรับผ้าเช็ดหน้าอุ่นที่ผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนส่งให้ เช็ดมือจนสะอาด“ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบเพียงเศษผ้าที่ขาดชิ้นนั้น”“ทำมาจากวัสดุอะไร?”“ไหม ท่านดูสิ”เฟิงเจิ้งหลีรับมา ผ้าไหมสีขาวถูกแรงดึงจนขาด เนื่องจากฉีกขาดจึงย่น ผ้าไหมแต่ละเส้นที่ขาดยังทิ้งรอยต่อไว้“คนทั่วไปไม่มีปัญญาสวมใส่วัสดุเช่นนี้” เขากล่าว“ใช่ ดังนั้นข้าได้ให้ศาลาว่าการซุนเทียนไปตรวจสอบร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปต
เฟิงเจิ้งหลีนำเศษผ้าชิ้นนั้น หรือก็คือหลักฐานเพียงหนึ่งเดียว ไปที่ค่ายลาดตระเวนแล้ว เหล่าทหารของค่ายลาดตระเวนให้ความเคารพต่ออ๋องหลีมาก เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องให้ช่วย ก็เสนอตัวช่วยทันทีทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกัน ที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบ ที่ตามหาก็ตามหาพวกเขากระจายตัวออก คนส่วนหนึ่งไปตามหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม อีกส่วนไปตรวจสอบที่หอจุ้ยเมิ่ง และยังมีคนอีกส่วนออกลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบบุคคลที่น่าสงสัยในสองวันนี้ ตัดข้อสงสัยออกทีละเรื่อง…ทุกคนเริ่มทำงานฉู่เชียนหลีก็ยุ่งจนวิ่งไปทั่วเช่นกัน แต่เนื่องจากท้องโต เพิ่งไปได้สองรอบก็เหนื่อยจนรู้สึกปวดเอวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งหลีพานางไปนั่งที่หอน้ำชา พักผ่อนครู่หนึ่ง“ให้คนของค่ายลาดตระเวนไปตรวจสอบเถอะ ทันทีที่ได้ผลสรุปจะส่งข่าวมา วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องอะไรในวังแน่นอน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทตั้งแต่เล็กจนโต ฝ่าบาทจะปกป้องเขาแน่นอน”เขาพลางปลอบใจ พลางส่งชาร้อนถ้วยหนึ่งถึงมือฉู่เชียนหลี มือของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง สายตาของเขาก็เช่นกันฉู่เชียนหลีถือถ้วยชาไว้ กล่าวเสียงเบา “ข้าแค่จู่ๆ ก็คิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าอ๋องเฟิงเป็นคนผลัก…
จวนอ๋องเฉินตอนที่อ๋องเฟิงเดินมือไพล่หลังกลับมา เห็นพระชายาอ๋องเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ร้อนตัวครู่หนึ่ง แววตาก็สั่นไหว…เขากับพระชายาอ๋องเฟิงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ดีมากและรักกันมาก ต่อให้แต่งงานกันแปดปีไม่มีลูก เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะปลดพระชายา ยังคงปฏิบัติต่อนางเหมือนเดิมตอนนี้ เรื่องที่เขามีผู้หญิงข้างนอกความแตกแล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับพระชายาอ๋องเฟิง เขาร้อนตัวเล็กน้อย…ภายใต้การจ้องมองของพระชายาอ๋องเฟิง มือที่ไพล่หลังของเขาขยับมาข้างหน้า ขยับทั้งฝีเท้า ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องพระชายาอ๋องเฟิงเห็นสถานการณ์ หัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง“เจ้ายังรู้จักกลับมาหรือ?”เพี๊ยะ…กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะจนดังปัง มีน้ำชาหลายหยดกระเซ็นออกมาอ๋องเฟิงชะงัก “เหยาเหยา…”“เหยา? ข้าว่าที่เจ้าเรียกคือเยามากกว่ากระมัง เยาที่แปลว่านางปีศาจ” ชื่อของพระชายาอ๋องเฟิงมีคำว่าเหยา ชื่อเล่นเหยาเหยาอ๋องเฟิง “...”เห็นนางโมโห เขาเดินเข้าไปจับมือนางเบาๆ “เยาเอ๋อร์ตายแล้ว…”“ก็ตายได้ดีแล้วนี่” พระชายาอ๋องเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ล่อลวงสามีคนอื่น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่สมควรต
ฉู่เชียนหลีกล่าว “แม้บอกว่าเป็นคนของหอนางโลม แต่นั่นก็เป็นชีวิตคนเป็นๆ สองชีวิต อีกทั้งยังถูกคนกระชากผม ผลักตกจากบันได”กลิ้งตกจากบันได หนึ่งศพสองชีวิต และยังเป็นแม่ท่านหนึ่งด้วยอาจเพราะเป็นแม่เหมือนกัน ลองจินตนาการว่าเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับตนเอง ความเศร้าโศกและความโกรธแค้นเช่นนั้น หากว่ากลายเป็นผีอาฆาต ยอมให้ดวงวิญญาณแตกสลาย ก็จะต้องแก้แค้นให้ลูก มันก็ไม่เกินไป“ไม่ใช่แค่อ๋องหลีกำลังช่วยข้าตรวจสอบ ทางจิ่งอี้ก็ช่วยจับตาดูอยู่เช่นกัน”เวลาเดียวกัน ทางหานเฟิงหานอิ๋งก็เฝ้าจับตาดูหอจุ้ยเมิ่งเช่นกันเฟิงเย่เสวียนถามกะทันหัน “ข้าพบว่าข้ามักจะมองข้ามเรื่องหนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ในโรงหมอ เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?”ปกติใกล้ชิดกันมาก เขาก็คิดไม่ได้ว่าจะถามตอนนี้มาลองคิดดูดีๆ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับพวกเขาดีมาก“สหาย”“โกหก” ปฏิเสธคำพูดของฉู่เชียนหลีโดยไม่ต้องคิด “ไปเรียนเคล็ดวิชาเหมันต์มาจากไหน?”“เก็บได้”“โกหก” ปฏิเสธอีกครั้ง “กำลังภายในของเจ้า ร้ายกาจกว่าข้าใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นวรยุทธ์”“โกหก”“...”สายตาของเฟิงเย่เสวียนยิ่งอยู่ยิ่งมืดมน มักจะรู้สึกว่าฉู่เชียนห
ทั้งสองเริ่มหยอกกัน เจ้าหนึ่งหมัด ข้าทุบหนึ่งที หยอกกันไปหยอกกันมา ฉู่เชียนหลีเหนื่อยแล้ว ก็กลิ้งขึ้นเตียงไปนอนแล้วเฟิงเย่เสวียนเลิกเสื้อนางขึ้น ทายาที่ท้องให้นาง เพื่อลดรอยแตกลายท้องที่อายุครรภ์ห้าเดือนใหญ่มาก แต่ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าเกิดจากการที่ตนเองกินดีเกินไปจึงอ้วนนึกถึงเส้นทางอันยาวไกลของการลดน้ำหนักหลังคลอด หดหู่มากหยอกกันครึ่งชั่วโมง กอดกันนอนแล้ววันถัดมารุ่งเช้ายังเช้ามาก เยว่เอ๋อร์ก็เข้ามาแล้ว สีหน้าดูร้อนใจเล็กน้อย “ท่านอ๋อง มีกงกงท่านหนึ่งมาจากวัง บอกว่าฝ่าบาทสั่งให้ท่านรีบเข้าวังด่วน บอกว่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เหมือนรีบมาก…”นางกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรเฟิงเย่เสวียนลุกขึ้น ทำท่าห้ามใช้เสียง “อย่ารบกวนนาง”ลงจากเตียงด้วยกันเคลื่อนไหวที่เบามาก ห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี จูบกลางหว่างคิ้วนางหนึ่งที จึงจะหยิบชุดผาวตัวนอกที่วางอยู่ข้างๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก“ใครก็ได้”ทหารยามคนหนึ่งเดินเข้ามา“หานเฟิงหานอิ๋งยังไม่กลับมา?”ทหารยามก้มหน้า “เรียนท่านอ๋อง ใต้เท้าทั้งสองยังไม่กลับมาขอรับ”“ฮืม” เพียงแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ยกเท้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก “เข้าวังเถอะ”วังหล
ฮ่องเต้มองไปทางเต๋อฝูอย่างปวดหัวเต๋อฝู “...”อย่ามองข้า ข้าก็ไม่รู้เช่นกันหลังจากนั้นก็มีเสียงรายงานสายหนึ่งดังขึ้นจากนอกประตู เฟิงเย่เสวียนในชุดผาวสีหมึกก้าวเข้ามา ดึงดูดทุกคนหันไปมองพร้อมกัน เมื่อเข้ามา ก็เป็นคำพูดที่ตรงไปตรง“สูตรยาอะไร? ข้าดูหน่อย”เฟิงเย่เสวียนมาแล้วเต๋อฝูรู้สึกโล่งอก อ๋องเฉินมาแล้ว เขาต้องรู้จักลายมือของพระชายาอ๋องเฉินแน่นอน และรู้จักสูตรยาแผ่นนี้ด้วย ไม่แน่เรื่องราวอาจจะเกิดการพลิกผันเขารีบถือสูตรยา ส่งให้ด้วยสองมือพลันเมื่อเฟิงเย่เสวียนดู คิ้วดาบก็ขมวดทันที“นี่เป็นลายมือของฉู่เชียนหลีจริงๆ…”เต๋อฝู “?”ฮ่องเต้ “?”ต่อหน้าอ๋องเฟิง เจ้าก็ไม่คิดจะอธิบายหน่อยเลยหรือ? เดิมทีฮ่องเต้อยากปกป้องเขา แต่ถูกคำพูดประโยคนี้สกัดโดยตรงอ๋องเฉินเสียสติไปแล้ว?นี่ไม่เท่ากับว่าเขายอมรับโดยตรงแล้ว?เหตุใดช่วงนี้ลูกชายคนนี้มักจะทำตัวผิดปกติ?เปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้ว?อ๋องเฟิงแอบหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “น้องเจ็ด เยาเอ๋อร์หนึ่งศพสองชีวิต พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นมารดาหนึ่งเช่นกัน กลับลงมืออย่างอำมหิตเช่นนี้ หากพระชายาอ๋องเฉินไม่มีคำอธิบายให้กับข้า เรื่องนี้ไม่จบแน่
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต