เฟิงเจิ้งหลีนำเศษผ้าชิ้นนั้น หรือก็คือหลักฐานเพียงหนึ่งเดียว ไปที่ค่ายลาดตระเวนแล้ว เหล่าทหารของค่ายลาดตระเวนให้ความเคารพต่ออ๋องหลีมาก เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องให้ช่วย ก็เสนอตัวช่วยทันทีทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกัน ที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบ ที่ตามหาก็ตามหาพวกเขากระจายตัวออก คนส่วนหนึ่งไปตามหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม อีกส่วนไปตรวจสอบที่หอจุ้ยเมิ่ง และยังมีคนอีกส่วนออกลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบบุคคลที่น่าสงสัยในสองวันนี้ ตัดข้อสงสัยออกทีละเรื่อง…ทุกคนเริ่มทำงานฉู่เชียนหลีก็ยุ่งจนวิ่งไปทั่วเช่นกัน แต่เนื่องจากท้องโต เพิ่งไปได้สองรอบก็เหนื่อยจนรู้สึกปวดเอวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งหลีพานางไปนั่งที่หอน้ำชา พักผ่อนครู่หนึ่ง“ให้คนของค่ายลาดตระเวนไปตรวจสอบเถอะ ทันทีที่ได้ผลสรุปจะส่งข่าวมา วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องอะไรในวังแน่นอน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทตั้งแต่เล็กจนโต ฝ่าบาทจะปกป้องเขาแน่นอน”เขาพลางปลอบใจ พลางส่งชาร้อนถ้วยหนึ่งถึงมือฉู่เชียนหลี มือของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง สายตาของเขาก็เช่นกันฉู่เชียนหลีถือถ้วยชาไว้ กล่าวเสียงเบา “ข้าแค่จู่ๆ ก็คิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าอ๋องเฟิงเป็นคนผลัก…
จวนอ๋องเฉินตอนที่อ๋องเฟิงเดินมือไพล่หลังกลับมา เห็นพระชายาอ๋องเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ร้อนตัวครู่หนึ่ง แววตาก็สั่นไหว…เขากับพระชายาอ๋องเฟิงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ดีมากและรักกันมาก ต่อให้แต่งงานกันแปดปีไม่มีลูก เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะปลดพระชายา ยังคงปฏิบัติต่อนางเหมือนเดิมตอนนี้ เรื่องที่เขามีผู้หญิงข้างนอกความแตกแล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับพระชายาอ๋องเฟิง เขาร้อนตัวเล็กน้อย…ภายใต้การจ้องมองของพระชายาอ๋องเฟิง มือที่ไพล่หลังของเขาขยับมาข้างหน้า ขยับทั้งฝีเท้า ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องพระชายาอ๋องเฟิงเห็นสถานการณ์ หัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง“เจ้ายังรู้จักกลับมาหรือ?”เพี๊ยะ…กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะจนดังปัง มีน้ำชาหลายหยดกระเซ็นออกมาอ๋องเฟิงชะงัก “เหยาเหยา…”“เหยา? ข้าว่าที่เจ้าเรียกคือเยามากกว่ากระมัง เยาที่แปลว่านางปีศาจ” ชื่อของพระชายาอ๋องเฟิงมีคำว่าเหยา ชื่อเล่นเหยาเหยาอ๋องเฟิง “...”เห็นนางโมโห เขาเดินเข้าไปจับมือนางเบาๆ “เยาเอ๋อร์ตายแล้ว…”“ก็ตายได้ดีแล้วนี่” พระชายาอ๋องเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ล่อลวงสามีคนอื่น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่สมควรต
ฉู่เชียนหลีกล่าว “แม้บอกว่าเป็นคนของหอนางโลม แต่นั่นก็เป็นชีวิตคนเป็นๆ สองชีวิต อีกทั้งยังถูกคนกระชากผม ผลักตกจากบันได”กลิ้งตกจากบันได หนึ่งศพสองชีวิต และยังเป็นแม่ท่านหนึ่งด้วยอาจเพราะเป็นแม่เหมือนกัน ลองจินตนาการว่าเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับตนเอง ความเศร้าโศกและความโกรธแค้นเช่นนั้น หากว่ากลายเป็นผีอาฆาต ยอมให้ดวงวิญญาณแตกสลาย ก็จะต้องแก้แค้นให้ลูก มันก็ไม่เกินไป“ไม่ใช่แค่อ๋องหลีกำลังช่วยข้าตรวจสอบ ทางจิ่งอี้ก็ช่วยจับตาดูอยู่เช่นกัน”เวลาเดียวกัน ทางหานเฟิงหานอิ๋งก็เฝ้าจับตาดูหอจุ้ยเมิ่งเช่นกันเฟิงเย่เสวียนถามกะทันหัน “ข้าพบว่าข้ามักจะมองข้ามเรื่องหนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ในโรงหมอ เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?”ปกติใกล้ชิดกันมาก เขาก็คิดไม่ได้ว่าจะถามตอนนี้มาลองคิดดูดีๆ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับพวกเขาดีมาก“สหาย”“โกหก” ปฏิเสธคำพูดของฉู่เชียนหลีโดยไม่ต้องคิด “ไปเรียนเคล็ดวิชาเหมันต์มาจากไหน?”“เก็บได้”“โกหก” ปฏิเสธอีกครั้ง “กำลังภายในของเจ้า ร้ายกาจกว่าข้าใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นวรยุทธ์”“โกหก”“...”สายตาของเฟิงเย่เสวียนยิ่งอยู่ยิ่งมืดมน มักจะรู้สึกว่าฉู่เชียนห
ทั้งสองเริ่มหยอกกัน เจ้าหนึ่งหมัด ข้าทุบหนึ่งที หยอกกันไปหยอกกันมา ฉู่เชียนหลีเหนื่อยแล้ว ก็กลิ้งขึ้นเตียงไปนอนแล้วเฟิงเย่เสวียนเลิกเสื้อนางขึ้น ทายาที่ท้องให้นาง เพื่อลดรอยแตกลายท้องที่อายุครรภ์ห้าเดือนใหญ่มาก แต่ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าเกิดจากการที่ตนเองกินดีเกินไปจึงอ้วนนึกถึงเส้นทางอันยาวไกลของการลดน้ำหนักหลังคลอด หดหู่มากหยอกกันครึ่งชั่วโมง กอดกันนอนแล้ววันถัดมารุ่งเช้ายังเช้ามาก เยว่เอ๋อร์ก็เข้ามาแล้ว สีหน้าดูร้อนใจเล็กน้อย “ท่านอ๋อง มีกงกงท่านหนึ่งมาจากวัง บอกว่าฝ่าบาทสั่งให้ท่านรีบเข้าวังด่วน บอกว่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เหมือนรีบมาก…”นางกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรเฟิงเย่เสวียนลุกขึ้น ทำท่าห้ามใช้เสียง “อย่ารบกวนนาง”ลงจากเตียงด้วยกันเคลื่อนไหวที่เบามาก ห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี จูบกลางหว่างคิ้วนางหนึ่งที จึงจะหยิบชุดผาวตัวนอกที่วางอยู่ข้างๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก“ใครก็ได้”ทหารยามคนหนึ่งเดินเข้ามา“หานเฟิงหานอิ๋งยังไม่กลับมา?”ทหารยามก้มหน้า “เรียนท่านอ๋อง ใต้เท้าทั้งสองยังไม่กลับมาขอรับ”“ฮืม” เพียงแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ยกเท้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก “เข้าวังเถอะ”วังหล
ฮ่องเต้มองไปทางเต๋อฝูอย่างปวดหัวเต๋อฝู “...”อย่ามองข้า ข้าก็ไม่รู้เช่นกันหลังจากนั้นก็มีเสียงรายงานสายหนึ่งดังขึ้นจากนอกประตู เฟิงเย่เสวียนในชุดผาวสีหมึกก้าวเข้ามา ดึงดูดทุกคนหันไปมองพร้อมกัน เมื่อเข้ามา ก็เป็นคำพูดที่ตรงไปตรง“สูตรยาอะไร? ข้าดูหน่อย”เฟิงเย่เสวียนมาแล้วเต๋อฝูรู้สึกโล่งอก อ๋องเฉินมาแล้ว เขาต้องรู้จักลายมือของพระชายาอ๋องเฉินแน่นอน และรู้จักสูตรยาแผ่นนี้ด้วย ไม่แน่เรื่องราวอาจจะเกิดการพลิกผันเขารีบถือสูตรยา ส่งให้ด้วยสองมือพลันเมื่อเฟิงเย่เสวียนดู คิ้วดาบก็ขมวดทันที“นี่เป็นลายมือของฉู่เชียนหลีจริงๆ…”เต๋อฝู “?”ฮ่องเต้ “?”ต่อหน้าอ๋องเฟิง เจ้าก็ไม่คิดจะอธิบายหน่อยเลยหรือ? เดิมทีฮ่องเต้อยากปกป้องเขา แต่ถูกคำพูดประโยคนี้สกัดโดยตรงอ๋องเฉินเสียสติไปแล้ว?นี่ไม่เท่ากับว่าเขายอมรับโดยตรงแล้ว?เหตุใดช่วงนี้ลูกชายคนนี้มักจะทำตัวผิดปกติ?เปลี่ยนไปเป็นอีกคนแล้ว?อ๋องเฟิงแอบหัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง “น้องเจ็ด เยาเอ๋อร์หนึ่งศพสองชีวิต พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นมารดาหนึ่งเช่นกัน กลับลงมืออย่างอำมหิตเช่นนี้ หากพระชายาอ๋องเฉินไม่มีคำอธิบายให้กับข้า เรื่องนี้ไม่จบแน่
ไปที่ศักดินา ไม่มีการเรียกตัวห้ามกลับนี่เป็นคำพูดที่เฟิงเย่เสวียนเคยพูดกับอ๋องเฟิงเมื่อไม่นานมานี้ ตอนนี้อ๋องเฟิงคืนคำพูดนี้กลับไปให้เฟิงเย่เสวียนโดยที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะน้ำเสียงนั่น อวดดียิ่งกว่าเฟิงเย่เสวียนสามส่วนอยู่ที่ศักดินาตลอดไป ห่างไกลจากเมืองหลวง ไม่สามารถแทรกแซงเรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง และไม่สามารถคาดหวังสืบทอดราชบัลลังก์อีกต่อไปจุดประสงค์ของอ๋องเฟิงชัดเจนมาก : ต้องการให้อ๋องเฉินสละสิทธิ์ในการสืบทอดราชบัลลังก์เฟิงเย่เสวียนหัวเราะเบาๆ อย่างความหมายคลุมเครือทีหนึ่ง “พี่รองอยากให้ข้าไปที่ศักดินาโดยไม่เลือกวิธีการ ที่แท้ยำเกรงข้านี่เอง”สีหน้าอ๋องเฟิงเปลี่ยนเล็กน้อยเขาที่เป็นพี่ชายคนนี้ ยำเกรงน้องชาย? เกรงกลัวน้องชาย?ความสามารถของเขาสู้อ๋องเฉินไม่ได้ นี่คือความจริง แต่พูดออกมาตรงๆ เช่นนี้ เขาไม่มีศักดิ์ศรีหรือ?“น้องเจ็ด ข้าไม่มีเจตนาเป็นปรปักษ์กับเจ้า ถึงขั้นให้เจ้าไปที่ศักดินา เพื่อละเว้นเจ้า เจ้าอย่าไม่รู้จักแยกแยะดีชั่ว”“ตามความหมายของพี่รอง ใครคือคนร้าย คนนั้นก็ต้องอยู่ที่ศักดินาตลอดไป?”“ใช่!”อ๋องเฟิงพูดออกมาอย่างมั่นใจหนึ่งคำ
“เจ้า! ข้า…” อ๋องเฟิงลนลานโดยตรง “เจ้า! เสด็จพ่อ หม่อมฉัน…”เขาพูดอธิบายอะไรไม่ได้ และยังร้อนรนมาก ยืนอยู่ตรงนั้น ชะงักอยู่หลายวินาที ก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาเป็นประโยคสุดท้าย พูดออกมาประโยคหนึ่ง“ถ้าหากหม่อมฉันผลักเยาเอ๋อร์ตกบันได ฆ่าเลือดเนื้อแท้ๆ ของตนเองตาย ก็ขอให้ฟ้าผ่า ไม่ได้ผุดไม่ได้เกิด ไม่ได้ตายดี!”โยนคำสาปแช่งออกมาโดยตรง เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ฮ่องเต้รู้จักนิสัยของอ๋องเฟิงดี เขาอยากมีลูกมาก ไม่มีทางทำร้ายเยาเอ๋อร์แน่นอน แต่ผลลัพธ์ที่ทางอ๋องเฉินตรวจสอบ ก็ชี้ไปทางอ๋องเฟิงตกลงใครคือคนร้ายกันแน่?“เสด็จพ่อ เฟิงเย่เสวียนจงใจใส่ร้ายหม่อมฉัน เขาอยากให้หม่อมฉันไปที่ศักดินา ให้หม่อมฉันสละสิทธิ์ในการสืบทอด ก็เหมือนกับบีบคั้นพี่ใหญ่จนตาย ทุกอย่างเป็นฝีมือของเขา! เขาต้องการกำจัดอุปสรรคบนเส้นทางการขึ้นครองราชย์ของเขาทั้งหมด!” เมื่อคำพูดของอ๋องเฟิงออกมา บรรยากาศในห้องทรงอักษรเปลี่ยนไปทันทีตอนนั้น!องค์ชายใหญ่!ปีที่แล้ว องค์ชายใหญ่หลุดจากตำแหน่งรัชทายาท ถูกส่งตัวเข้าจวนเฟิงเหริน และถึงขั้นตายอย่างอนาถ จนถึงปัจจุบันก็ยังไม่รู้ตัวคนร้าย ตอนนั้นบานปลายจนกลายเป็นเรื่องใหญ่โตค
คำพูดเฟิงเย่เสวียนแผ่วเบา “ท่านแค่ไม่อยากไปที่ศักดินาก็เท่านั้น ยังปากแข็งอีก ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ตกลงกันไว้แล้ว”“ข้า!”อ๋องเฟิงพูดอะไรไม่ออกโดยตรงใช่ เขาต้องการใช้ประโยชน์จากการตายของเยาเอ๋อร์ ไล่เฟิงเย่เสวียนไปที่ศักดินาจริงๆ กลับคิดไม่ถึงว่ามันจะย้อนกลับมาหาตนเองแต่เขาไม่ใช่คนร้ายที่ฆ่าเยาเอ๋อร์เขาสงสัยว่าเรื่องนี้เป็นฝีมือของอ๋องเฉิน และอ๋องเฉินจงใจชี้นำเขาเข้าสู่หลุมพราง แสดงละครครั้งใหญ่ จุดประสงค์ก็เพื่ออยากไล่เขาไปที่ศักดินาใช่!มีเหตุผล!มาถึงขั้นนี้ เขาก็ไม่คิดจะปิดบังแล้ว พุ่งพรวดไปที่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน ชี้เขาแล้วกล่าวโดยตรง“เมื่อวาน คนที่สวมเสื้อคลุมตรงตรอกใกล้ๆ วังหลวงคือเจ้ากระมัง! เจ้าเอาแบบร่างกลอนที่ฉู่เชียนหลีเคยเขียนมาให้ข้า จงใจให้ข้าลอกลายมือของนาง เขียนเป็นสูตรยา เอาไปไว้ในหอจุ้ยเมิ่ง!”“หลังจากนั้นก็เปิดโปงข้า ให้ข้าเป็นแพะรับบาป!”“เฟิงเย่เสวียน เจ้าอำมหิตมาก เจ้ากำกับละครครั้งใหญ่เช่นนี้ ทั้งสามารถฆ่าเยาเอ๋อร์และไล่ข้าไป ยิงธนูดอกเดียวได้นกสองตัว จิตใจเจ้าชั่วร้ายมาก!” เขากัดฟันตำหนิอย่างโกรธแค้น และยิ่งโยนกระดาษแผ่นหนึ่งลงบนพื้นอย่างแรงซ่า
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท