ทั้งสองสู้กัน ย่อมมีฝ่ายหนึ่งที่แพ้ ไม่ว่าใครไปแล้ว สำหรับเขาล้วนเป็นประโยชน์เฟิงเจิ้งหลีรอผลลัพธ์อย่างเงียบๆฟังพวกเขาทะเลาะกัน ฟังไปฟังมา ก็มีเสียงสายหนึ่งของผู้หญิงดังขึ้น“ข้าเป็นคนผลักเอง!”เขาชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้ามองไป เห็นพระชายาอ๋องเฟิงมาอย่างคาดคิดไม่ถึง และคำพูดเมื่อครู่ก็ออกมาจากปากของนางเองเหตุใดนางจึงเสนอตัวเป็นแพะรับบาปเอง?อ๋องเฟิงก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน “เหยาเหยา เจ้า…”“ฮึ่ม!” พระชายายืดหลังตรง ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา สายตาไปตกที่ฉู่เชียนหลีโดยตรง ไม่อยากมองอ๋องเฟิงแม้แต่แวบเดียว และมีความหมายที่ลึกซึ้งสายหนึ่งแลบผ่านจากนั้นเดินเข้ามา คำนับแล้วกล่าวย้ำอีกครั้ง“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเป็นคนผลักเยาเอ๋อร์ตกบันไดเอง หม่อมฉันทนดูอ๋องเฟิงเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีลูกอะไรแล้ว ลูกของอ๋องเฟิงต้องเกิดจากท้องของหม่อมฉันคนเดียว แต่ไม่ใช่นางคณิกาของหอนางโลมที่นอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตานั่น”“สูตรยาแผ่นนั้นก็ไม่ใช่อ๋องเฟิงเขียน พระชายาอ๋องเฉินเป็นคนให้หม่อมฉัน ตอนที่หม่อมฉันไปฆ่าเยาเอ๋อร์ ไม่ระวังทำหล่นเพคะ”ทันทีที่นางมา ก็แบกเอาความรับผิดชอบทั้งหม
พระชายาอ๋องเฟิงเงยหน้าขึ้น มือลูบท้อง เอียงตัวหลบ “มีแต่กลิ่นผู้หญิงชั้นต่ำ อยู่ให้ห่างจากข้า”อ๋องเฟิง “...”ฮ่องเต้ยิ่งปลื้มปีติ ดวงตาเปล่งประกายขึ้นหลายส่วน รีบสั่งให้เต๋อฝูเรียกหมอหลวงทันทีหากพระชายาตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงหอนางโลมคนนั้น นางสำคัญยิ่งกว่าสำคัญ ผู้หญิงหอนางโลมตาย ไม่พอที่จะรู้สึกเสียดาย แต่พระชายาอ๋องเฟิงเป็นถึงลูกสาวชนชั้นสูง หากให้กำเนิดลูกคนหนึ่ง สำหรับราชวงศ์ สำหรับอ๋องเฟิง ล้วนเป็นประโยชน์ และยังสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์กับครอบครัวฝ่ายแม่ของพระชายาอ๋องเฟิง ราชสำนักมั่นคงยิ่งขึ้นหมอหลวงรีบมาทันที เมื่อตรวจดู ตั้งครรภ์จริงด้วย!พระชายาอ๋องเฟิงที่แปดปีไม่เคยตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์แล้วจริงๆ!“ขอแสดงความยินดีกับพระชายาอ๋องเฟิงด้วย! ทารกในครรภ์หนึ่งเดือนพอดี เป็นช่วงที่ไม่มั่นคง ท่านต้องดูแลสุขภาพและบำรุงครรภ์ให้ดี”เหล่าขันทีพากันคุกเข่า กล่าวแสดงความยินดีเสียงดังอ๋องเฟิงตื่นเต้นจนตาแดง “จริงหรือ! นี่คือเรื่องจริงหรือ!”เขาวิ่งเข้าไปจับมือพระชายาอ๋องเฟิงแน่น น้ำตาคลอเบ้า ถามอย่างเหลือเชื่อ“เหยาเหยา พวกเรามีลูกแล้วจริงๆ…ลูกของพวกเรา…”อาย
“ท่านรู้อะไรบาง?” ฉู่เชียนหลีถาม“ที่จริงข้ารู้เรื่องที่อ๋องเฟิงเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกนานแล้ว และส่งคนจับตาดูเยาเอ๋อร์นั่นมาโดยตลอด คืนที่นางเกิดเรื่อง ข้าก็เคยไปหอจุ้ยเมิ่ง”“ข้าพบว่ามีคนแปลกหน้าเคยเข้าไปในห้องนาง คนที่ข้าส่งไปจับตาดูส่งข่าวมา เคยเห็น…มีหลักฐาน…ข้าบอกเจ้าว่าซ่อนอยู่ที่ไหน…”เสียงช่วงหลังของพระชายาอ๋องเฟิงเบาลง ทั้งสองกระซิบคุยกันเสียงที่ไม่ดังไม่เบานั่น เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป และครุ่นคิดกระซิบข้างหูเป็นระยะ ประเดี๋ยวก็พยักหน้า ประเดี๋ยวก็ทำหน้าสงสัย ทำเอาทุกคนเห็นแล้วพูดแทรกไม่ได้ฮ่องเต้ตั้งใจจะไม่สืบสาวเรื่องของเยาเอ๋อร์ต่อแล้ว แค่อยากปกป้องลูกในท้องของพระชายาอ๋องเฟิงไว้ จึงปล่อยให้ผู้หญิงทั้งสองคุยกันอ๋องเฟิงก็ไม่อยากสนใจแล้ว ในสายตามีแค่ภรรยาคนเดียวสายตาเฟิงเจิ้งหลีกลับขรึมลงเล็กน้อยพระชายาอ๋องเฟิงส่งคนไปจับตาดูเยาเอ๋อร์มาโดยตลอด เช่นนั้นคืนที่เยาเอ๋อร์เกิดเรื่อง คนที่จับตาดูเห็นเขาใช่หรือไม่?น่าจะไม่ถ้าหากเห็นแล้ว ก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวคนร้ายแน่นอน แต่ว่าฟังคำพูดของพระชายาอ๋องเฟิง ได้ยินคำว่า ‘หลักฐาน’ เขาล้วงแขนเสื้อโดยไม่รู้ต
ไล่ตามมาระยะหนึ่ง คนชุดดำหายไปแล้ว ตามไม่ทันแล้ว หานเฟิงพาคนไปตรวจสอบ ส่วนฉู่เชียนหลีกลับจวนอ๋องเฉินก่อนแล้วเพิ่งนั่งลง หานอิ๋งส่งผลการตรวจสอบมาฉบับหนึ่งเฟิงเย่เสวียนรับมา เริ่มเปิดอ่านเอกสารมีขนาดหนามาก น่าจะมีหนึ่งร้อยกว่าหน้า ทุกหน้ามีตัวอักษรเขียนเต็มไปหมด“นี่คืออะไร?” ฉู่เชียนหลีถาม“ข้าเอาข้อมูลมาจากศาลาว่าการซุนเทียน รู้มาว่าเจ้าเจอเศษเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่ทำจากไหมฤดูใบไม้ผลิ บนศพของเยาเอ๋อร์ ก็เลยสั่งให้คนตรวจสอบร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูป ร้านขายผ้า คนเลี้ยงไหม และการซื้อขายไหมในช่วงสองปีนี้ของทั้งเมืองหลวง ทุกอย่างอยู่ที่นี่แล้ว”ฉู่เชียนหลีสะดุ้งตกใจเมืองหลวงที่กว้างใหญ่ มีประชากรหลายแสน จะทำการตรวจสอบ ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เดิมทีนางไม่ได้คาดหวัง แต่เขากลับตรวจสอบได้ภายในครึ่งวันก่อนหน้านี้อ๋องหลีบอกว่า อาจต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนจึงจะสามารถให้คำตอบนางเขาใช้แค่ครึ่งวัน“เร็วเกินไปแล้วกระมัง”“เร็วด้านไหน?” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ากะทันหัน ถามออกมาเช่นนี้หนึ่งประโยคคำพูดประโยคนี้เหมือนมีความหมายที่คลุมเครือแฝงอยู่“ความหมายของเจ้าคือข้าเร็วมาก?”“...”หยุ
โถงหน้าของขวัญที่บรรจุอยู่ในกล่องผ้าแพรอันงดงามวางอยู่บนโต๊ะ เยอะมากจนกองเป็นภูเขาขนาดเล็ก ให้ทั้งทีก็อู้ฟู่มาก บนใบหน้าของสามีภรรยาอ๋องเฟิงเผยให้เห็นรอยยิ้มจริงใจที่ยากจะได้เห็นตั้งครรภ์แล้ว ตั้งใจมาขอบคุณฉู่เชียนหลีโดยเฉพาะชาวบ้านข้างนอกรู้ข่าว แต่ละคนชื่นชมด้วยความนับถือ คนที่รักษามานานแปดปีก็ไม่ตั้งครรภ์ ปาฏิหาริย์คืออะไร? นี่ก็คือปาฏิหาริย์เฟิงเย่เสวียนประคองฉู่เชียนหลีเดินออกมา“น้องเจ็ด เมียน้องเจ็ด” อ๋องเฟิงทักทายอย่างยิ้มแย้ม “ที่แทนเรื่องของเยาเอ๋อร์เป็นการเข้าใจผิด คำพูดที่เคยพูดในวังก่อนหน้านี้ น้องเจ็ดอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ ฮ่าๆ”ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม หัวเราะฮ่าๆคนโบราณพูดได้ดี ง้างมือไม่ตบคนยิ้มรับ ต่อให้ก่อนหน้านี้จะเกิดความไม่พอใจ ก็ต้องไว้หน้าอ๋องเฟิงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาแวบหนึ่ง ตอบเพียงแค่ ‘อืม’ อย่างเรียบเฉยทีหนึ่ง ก็ประคองเอวภรรยานั่งลงรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ ไม่ต้องพูดถึงว่าอ๋องเฟิงมีความสุขเพียงใดเขาในฐานะที่เป็นองค์ชาย มีอำนาจอิทธิพล มีทุกอย่าง แต่ไม่มีลูก อยากได้มานานแปดปี และคาดหวังมานานแปดปีแล้ว ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงพระชายาอ๋องเฟิง รอยย
จวนอ๋องหลีฉู่เจียวเจียวโดนอ๋องเฉินจับตัว หลังกลับจากถูกขังสองวันสองคืนโดยไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ร่างกายก็อ่อนแอมาก ประกอบกับมีครรภ์และเป็นโรคโลหิตจาง จึงพักฟื้นอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรดื่มยาบำรุงครรภ์เสร็จ อุ้มท้องที่ทั้งโตและกลมไปอาบแดดที่สวนลูกเอ๋ย อีกห้าเดือนก็ได้เจอกันแล้ว เจ้าต้องสู้เขานะ ต้องเป็นเด็กผู้ชายนะ!ฉู่เจียวเจียวลูบท้องไปพลาง กล่าวกับสาวใช้ “ไปเอาซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”“เจ้าค่ะ”คนโบราณพูดได้ดี ชอบกินเปรี้ยวเป็นเด็กผู้ชาย ชอบกินเผ็ดเป็นเด็กผู้หญิงนางกินของเปรี้ยวเยอะๆ ต้องสามารถให้กำเนิดเจ้าหนูน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนเมื่อให้กำเนิดลูกชาย ความมั่งคั่งและรุ่งเรืองในครึ่งชีวิตที่เหลือก็มีหลักประกันแล้วเผยอมุมปาก ตอนที่เตรียมตัวออกไปเดินเล่นเสียหน่อย บังเอิญได้ยินเสียงคุยกันของสาวใช้สองคนที่กำลังกว่าใบไม้ร่วงตรงจุดที่ไม่ไกลนัก“พี่ชิง ท่านว่าเด็กที่อยู่ในท้องพระชายาของเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”สาวใช้ที่ชื่อพี่ชิงตอบกลับ“ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ต่อให้เป็นฝาแฝดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”“เอ๋? พี่ชิง ท่านพูดเช่นนี้หมายคว
เด็กหนุ่มตบหน้าอก พูดอย่างจริงจังและหนักแน่น แลดูมีความมั่นใจเต็มอกใบหน้าที่กึ่งวัยเยาว์กึ่งผู้ใหญ่ ท่าทางเหมือนกับเป็นเด็กโต ในสายตาของอวิ๋นอิงแลดูปัญญาอ่อน ทำเอานางหัวเราะแล้ว“เจ้าหัวเราะอะไร?”“เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังคิดจะตามข้าไปทุกที่อีกหรือ?”“...”ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายถูกโยนลงพื้น แล้วเหยียบย่ำอย่างแรงทันทีเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไปสองที และกระทืบคนที่พูดนานแล้ว แต่อวิ๋นอิงเป็นคนพูด เขาไม่กล้า…สายตาหลิงเชียนอี้มืดมน“เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะฝึกยุทธ์ทุกวัน เจ้าชอบใช้ทวน เช่นนั้นข้าก็ฝึกทวน เจ้าสอนข้าดีหรือไม่?”เขาจะใช้ทวนหงอิงที่นางชอบที่สุดอวิ๋นอิงพึมพำสองที เอ่ยปากอย่างครุ่นคิด “ตามที่เจ้าพูด ไม่เท่ากับจะไหว้ข้าเป็นอาจารย์?”“ถ้าหากเจ้าอยากเอาเปรียบข้า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”ขอแค่นางมีความสุข อย่าว่าแต่เรียกนาง ‘อาจารย์’ เลย ต่อให้เรียก ‘ท่านยาย’ เขาก็ยินดีดวงตาอวิ๋นอิงลุกวาว “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งพ่อทั้งชีวิต”“?”หลิงเชียนอี้ที่ตอบสนองทันฉับพลัน มีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนศีรษะเขาอยากสู่ขอนางเป็นเมีย นางกลับอยาก
เห็นเพียงเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม การแสดงออก ‘มีความหมายที่ลึกซึ้ง’ นางกล่าว“ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็สู่ขอนางสิ ไม่เช่นนั้นตามกฎแล้ว รอเมื่อถึงอายุที่แน่นอน พระชายาก็จะยกพวกเราให้เป็นภรรยาของคนอื่น”โดยทั่วไป การตัดสินใจของบ่าวไพร่จะถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเมื่อเจ้าของอารมณ์ดี จะยกให้ครอบครัวที่ดี เมื่อเจ้าของอารมณ์ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จบแล้วหลิงเชียนอี้อึ้งเล็กน้อยสู่ขอ…เขาคิดว่าตนเองยังเด็กมาโดยตลอด คำคำนี้มันยังห่างไกลและไม่รู้จักสำหรับเขา แต่เมื่อพูดถึงในเวลานี้ มีความวู่วามสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจของเขาใช่แล้ว!สู่ขอ!“เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณที่เตือนข้า ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”หลิงเชียนอี้พูดจบอย่างตาเป็นประกาย สับขาวิ่งตีนแตกกลับไปที่จวนโหวติ้งกว๋อแล้ว เยว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขอแค่อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยแต่งงานกัน ก็ไม่มีใครมาแย่งคุณชายจิ่งกับนางแล้วจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้เป็นพวกนักเคลื่อนไหว บอกทำก็ทำเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แม้แต่พ่อก็ลืมเรียก คำแรกที่เอ่ยออกมาจากปากก็คือ“ข้าจะแต่งงาน!”โหวติ้งกว๋อสะดุ้งตกใจ เกือบโยนลูกสาวที่เพิ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท