ทั้งสองสู้กัน ย่อมมีฝ่ายหนึ่งที่แพ้ ไม่ว่าใครไปแล้ว สำหรับเขาล้วนเป็นประโยชน์เฟิงเจิ้งหลีรอผลลัพธ์อย่างเงียบๆฟังพวกเขาทะเลาะกัน ฟังไปฟังมา ก็มีเสียงสายหนึ่งของผู้หญิงดังขึ้น“ข้าเป็นคนผลักเอง!”เขาชะงักครู่หนึ่ง เงยหน้ามองไป เห็นพระชายาอ๋องเฟิงมาอย่างคาดคิดไม่ถึง และคำพูดเมื่อครู่ก็ออกมาจากปากของนางเองเหตุใดนางจึงเสนอตัวเป็นแพะรับบาปเอง?อ๋องเฟิงก็คาดคิดไม่ถึงเช่นกัน “เหยาเหยา เจ้า…”“ฮึ่ม!” พระชายายืดหลังตรง ก้าวเท้ายาวเดินเข้ามา สายตาไปตกที่ฉู่เชียนหลีโดยตรง ไม่อยากมองอ๋องเฟิงแม้แต่แวบเดียว และมีความหมายที่ลึกซึ้งสายหนึ่งแลบผ่านจากนั้นเดินเข้ามา คำนับแล้วกล่าวย้ำอีกครั้ง“เสด็จพ่อ หม่อมฉันเป็นคนผลักเยาเอ๋อร์ตกบันไดเอง หม่อมฉันทนดูอ๋องเฟิงเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องมีลูกอะไรแล้ว ลูกของอ๋องเฟิงต้องเกิดจากท้องของหม่อมฉันคนเดียว แต่ไม่ใช่นางคณิกาของหอนางโลมที่นอนกับผู้ชายมากหน้าหลายตานั่น”“สูตรยาแผ่นนั้นก็ไม่ใช่อ๋องเฟิงเขียน พระชายาอ๋องเฉินเป็นคนให้หม่อมฉัน ตอนที่หม่อมฉันไปฆ่าเยาเอ๋อร์ ไม่ระวังทำหล่นเพคะ”ทันทีที่นางมา ก็แบกเอาความรับผิดชอบทั้งหม
พระชายาอ๋องเฟิงเงยหน้าขึ้น มือลูบท้อง เอียงตัวหลบ “มีแต่กลิ่นผู้หญิงชั้นต่ำ อยู่ให้ห่างจากข้า”อ๋องเฟิง “...”ฮ่องเต้ยิ่งปลื้มปีติ ดวงตาเปล่งประกายขึ้นหลายส่วน รีบสั่งให้เต๋อฝูเรียกหมอหลวงทันทีหากพระชายาตั้งครรภ์ เมื่อเทียบกับผู้หญิงหอนางโลมคนนั้น นางสำคัญยิ่งกว่าสำคัญ ผู้หญิงหอนางโลมตาย ไม่พอที่จะรู้สึกเสียดาย แต่พระชายาอ๋องเฟิงเป็นถึงลูกสาวชนชั้นสูง หากให้กำเนิดลูกคนหนึ่ง สำหรับราชวงศ์ สำหรับอ๋องเฟิง ล้วนเป็นประโยชน์ และยังสามารถกระชับความสัมพันธ์ระหว่างราชวงศ์กับครอบครัวฝ่ายแม่ของพระชายาอ๋องเฟิง ราชสำนักมั่นคงยิ่งขึ้นหมอหลวงรีบมาทันที เมื่อตรวจดู ตั้งครรภ์จริงด้วย!พระชายาอ๋องเฟิงที่แปดปีไม่เคยตั้งครรภ์ ตั้งครรภ์แล้วจริงๆ!“ขอแสดงความยินดีกับพระชายาอ๋องเฟิงด้วย! ทารกในครรภ์หนึ่งเดือนพอดี เป็นช่วงที่ไม่มั่นคง ท่านต้องดูแลสุขภาพและบำรุงครรภ์ให้ดี”เหล่าขันทีพากันคุกเข่า กล่าวแสดงความยินดีเสียงดังอ๋องเฟิงตื่นเต้นจนตาแดง “จริงหรือ! นี่คือเรื่องจริงหรือ!”เขาวิ่งเข้าไปจับมือพระชายาอ๋องเฟิงแน่น น้ำตาคลอเบ้า ถามอย่างเหลือเชื่อ“เหยาเหยา พวกเรามีลูกแล้วจริงๆ…ลูกของพวกเรา…”อาย
“ท่านรู้อะไรบาง?” ฉู่เชียนหลีถาม“ที่จริงข้ารู้เรื่องที่อ๋องเฟิงเลี้ยงผู้หญิงไว้ข้างนอกนานแล้ว และส่งคนจับตาดูเยาเอ๋อร์นั่นมาโดยตลอด คืนที่นางเกิดเรื่อง ข้าก็เคยไปหอจุ้ยเมิ่ง”“ข้าพบว่ามีคนแปลกหน้าเคยเข้าไปในห้องนาง คนที่ข้าส่งไปจับตาดูส่งข่าวมา เคยเห็น…มีหลักฐาน…ข้าบอกเจ้าว่าซ่อนอยู่ที่ไหน…”เสียงช่วงหลังของพระชายาอ๋องเฟิงเบาลง ทั้งสองกระซิบคุยกันเสียงที่ไม่ดังไม่เบานั่น เหมือนกำลังพูดคุยเรื่องทั่วไป และครุ่นคิดกระซิบข้างหูเป็นระยะ ประเดี๋ยวก็พยักหน้า ประเดี๋ยวก็ทำหน้าสงสัย ทำเอาทุกคนเห็นแล้วพูดแทรกไม่ได้ฮ่องเต้ตั้งใจจะไม่สืบสาวเรื่องของเยาเอ๋อร์ต่อแล้ว แค่อยากปกป้องลูกในท้องของพระชายาอ๋องเฟิงไว้ จึงปล่อยให้ผู้หญิงทั้งสองคุยกันอ๋องเฟิงก็ไม่อยากสนใจแล้ว ในสายตามีแค่ภรรยาคนเดียวสายตาเฟิงเจิ้งหลีกลับขรึมลงเล็กน้อยพระชายาอ๋องเฟิงส่งคนไปจับตาดูเยาเอ๋อร์มาโดยตลอด เช่นนั้นคืนที่เยาเอ๋อร์เกิดเรื่อง คนที่จับตาดูเห็นเขาใช่หรือไม่?น่าจะไม่ถ้าหากเห็นแล้ว ก็คงไม่วุ่นวายเช่นนี้ ยังไม่รู้ตัวคนร้ายแน่นอน แต่ว่าฟังคำพูดของพระชายาอ๋องเฟิง ได้ยินคำว่า ‘หลักฐาน’ เขาล้วงแขนเสื้อโดยไม่รู้ต
ไล่ตามมาระยะหนึ่ง คนชุดดำหายไปแล้ว ตามไม่ทันแล้ว หานเฟิงพาคนไปตรวจสอบ ส่วนฉู่เชียนหลีกลับจวนอ๋องเฉินก่อนแล้วเพิ่งนั่งลง หานอิ๋งส่งผลการตรวจสอบมาฉบับหนึ่งเฟิงเย่เสวียนรับมา เริ่มเปิดอ่านเอกสารมีขนาดหนามาก น่าจะมีหนึ่งร้อยกว่าหน้า ทุกหน้ามีตัวอักษรเขียนเต็มไปหมด“นี่คืออะไร?” ฉู่เชียนหลีถาม“ข้าเอาข้อมูลมาจากศาลาว่าการซุนเทียน รู้มาว่าเจ้าเจอเศษเสื้อผ้าชิ้นหนึ่งที่ทำจากไหมฤดูใบไม้ผลิ บนศพของเยาเอ๋อร์ ก็เลยสั่งให้คนตรวจสอบร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูป ร้านขายผ้า คนเลี้ยงไหม และการซื้อขายไหมในช่วงสองปีนี้ของทั้งเมืองหลวง ทุกอย่างอยู่ที่นี่แล้ว”ฉู่เชียนหลีสะดุ้งตกใจเมืองหลวงที่กว้างใหญ่ มีประชากรหลายแสน จะทำการตรวจสอบ ยากเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร เดิมทีนางไม่ได้คาดหวัง แต่เขากลับตรวจสอบได้ภายในครึ่งวันก่อนหน้านี้อ๋องหลีบอกว่า อาจต้องใช้เวลาสิบวันถึงครึ่งเดือนจึงจะสามารถให้คำตอบนางเขาใช้แค่ครึ่งวัน“เร็วเกินไปแล้วกระมัง”“เร็วด้านไหน?” เฟิงเย่เสวียนเงยหน้ากะทันหัน ถามออกมาเช่นนี้หนึ่งประโยคคำพูดประโยคนี้เหมือนมีความหมายที่คลุมเครือแฝงอยู่“ความหมายของเจ้าคือข้าเร็วมาก?”“...”หยุ
โถงหน้าของขวัญที่บรรจุอยู่ในกล่องผ้าแพรอันงดงามวางอยู่บนโต๊ะ เยอะมากจนกองเป็นภูเขาขนาดเล็ก ให้ทั้งทีก็อู้ฟู่มาก บนใบหน้าของสามีภรรยาอ๋องเฟิงเผยให้เห็นรอยยิ้มจริงใจที่ยากจะได้เห็นตั้งครรภ์แล้ว ตั้งใจมาขอบคุณฉู่เชียนหลีโดยเฉพาะชาวบ้านข้างนอกรู้ข่าว แต่ละคนชื่นชมด้วยความนับถือ คนที่รักษามานานแปดปีก็ไม่ตั้งครรภ์ ปาฏิหาริย์คืออะไร? นี่ก็คือปาฏิหาริย์เฟิงเย่เสวียนประคองฉู่เชียนหลีเดินออกมา“น้องเจ็ด เมียน้องเจ็ด” อ๋องเฟิงทักทายอย่างยิ้มแย้ม “ที่แทนเรื่องของเยาเอ๋อร์เป็นการเข้าใจผิด คำพูดที่เคยพูดในวังก่อนหน้านี้ น้องเจ็ดอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ ฮ่าๆ”ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม หัวเราะฮ่าๆคนโบราณพูดได้ดี ง้างมือไม่ตบคนยิ้มรับ ต่อให้ก่อนหน้านี้จะเกิดความไม่พอใจ ก็ต้องไว้หน้าอ๋องเฟิงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาแวบหนึ่ง ตอบเพียงแค่ ‘อืม’ อย่างเรียบเฉยทีหนึ่ง ก็ประคองเอวภรรยานั่งลงรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ ไม่ต้องพูดถึงว่าอ๋องเฟิงมีความสุขเพียงใดเขาในฐานะที่เป็นองค์ชาย มีอำนาจอิทธิพล มีทุกอย่าง แต่ไม่มีลูก อยากได้มานานแปดปี และคาดหวังมานานแปดปีแล้ว ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงพระชายาอ๋องเฟิง รอยย
จวนอ๋องหลีฉู่เจียวเจียวโดนอ๋องเฉินจับตัว หลังกลับจากถูกขังสองวันสองคืนโดยไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ร่างกายก็อ่อนแอมาก ประกอบกับมีครรภ์และเป็นโรคโลหิตจาง จึงพักฟื้นอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรดื่มยาบำรุงครรภ์เสร็จ อุ้มท้องที่ทั้งโตและกลมไปอาบแดดที่สวนลูกเอ๋ย อีกห้าเดือนก็ได้เจอกันแล้ว เจ้าต้องสู้เขานะ ต้องเป็นเด็กผู้ชายนะ!ฉู่เจียวเจียวลูบท้องไปพลาง กล่าวกับสาวใช้ “ไปเอาซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”“เจ้าค่ะ”คนโบราณพูดได้ดี ชอบกินเปรี้ยวเป็นเด็กผู้ชาย ชอบกินเผ็ดเป็นเด็กผู้หญิงนางกินของเปรี้ยวเยอะๆ ต้องสามารถให้กำเนิดเจ้าหนูน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนเมื่อให้กำเนิดลูกชาย ความมั่งคั่งและรุ่งเรืองในครึ่งชีวิตที่เหลือก็มีหลักประกันแล้วเผยอมุมปาก ตอนที่เตรียมตัวออกไปเดินเล่นเสียหน่อย บังเอิญได้ยินเสียงคุยกันของสาวใช้สองคนที่กำลังกว่าใบไม้ร่วงตรงจุดที่ไม่ไกลนัก“พี่ชิง ท่านว่าเด็กที่อยู่ในท้องพระชายาของเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”สาวใช้ที่ชื่อพี่ชิงตอบกลับ“ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ต่อให้เป็นฝาแฝดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”“เอ๋? พี่ชิง ท่านพูดเช่นนี้หมายคว
เด็กหนุ่มตบหน้าอก พูดอย่างจริงจังและหนักแน่น แลดูมีความมั่นใจเต็มอกใบหน้าที่กึ่งวัยเยาว์กึ่งผู้ใหญ่ ท่าทางเหมือนกับเป็นเด็กโต ในสายตาของอวิ๋นอิงแลดูปัญญาอ่อน ทำเอานางหัวเราะแล้ว“เจ้าหัวเราะอะไร?”“เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังคิดจะตามข้าไปทุกที่อีกหรือ?”“...”ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายถูกโยนลงพื้น แล้วเหยียบย่ำอย่างแรงทันทีเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไปสองที และกระทืบคนที่พูดนานแล้ว แต่อวิ๋นอิงเป็นคนพูด เขาไม่กล้า…สายตาหลิงเชียนอี้มืดมน“เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะฝึกยุทธ์ทุกวัน เจ้าชอบใช้ทวน เช่นนั้นข้าก็ฝึกทวน เจ้าสอนข้าดีหรือไม่?”เขาจะใช้ทวนหงอิงที่นางชอบที่สุดอวิ๋นอิงพึมพำสองที เอ่ยปากอย่างครุ่นคิด “ตามที่เจ้าพูด ไม่เท่ากับจะไหว้ข้าเป็นอาจารย์?”“ถ้าหากเจ้าอยากเอาเปรียบข้า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”ขอแค่นางมีความสุข อย่าว่าแต่เรียกนาง ‘อาจารย์’ เลย ต่อให้เรียก ‘ท่านยาย’ เขาก็ยินดีดวงตาอวิ๋นอิงลุกวาว “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งพ่อทั้งชีวิต”“?”หลิงเชียนอี้ที่ตอบสนองทันฉับพลัน มีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนศีรษะเขาอยากสู่ขอนางเป็นเมีย นางกลับอยาก
เห็นเพียงเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม การแสดงออก ‘มีความหมายที่ลึกซึ้ง’ นางกล่าว“ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็สู่ขอนางสิ ไม่เช่นนั้นตามกฎแล้ว รอเมื่อถึงอายุที่แน่นอน พระชายาก็จะยกพวกเราให้เป็นภรรยาของคนอื่น”โดยทั่วไป การตัดสินใจของบ่าวไพร่จะถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเมื่อเจ้าของอารมณ์ดี จะยกให้ครอบครัวที่ดี เมื่อเจ้าของอารมณ์ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จบแล้วหลิงเชียนอี้อึ้งเล็กน้อยสู่ขอ…เขาคิดว่าตนเองยังเด็กมาโดยตลอด คำคำนี้มันยังห่างไกลและไม่รู้จักสำหรับเขา แต่เมื่อพูดถึงในเวลานี้ มีความวู่วามสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจของเขาใช่แล้ว!สู่ขอ!“เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณที่เตือนข้า ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”หลิงเชียนอี้พูดจบอย่างตาเป็นประกาย สับขาวิ่งตีนแตกกลับไปที่จวนโหวติ้งกว๋อแล้ว เยว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขอแค่อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยแต่งงานกัน ก็ไม่มีใครมาแย่งคุณชายจิ่งกับนางแล้วจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้เป็นพวกนักเคลื่อนไหว บอกทำก็ทำเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แม้แต่พ่อก็ลืมเรียก คำแรกที่เอ่ยออกมาจากปากก็คือ“ข้าจะแต่งงาน!”โหวติ้งกว๋อสะดุ้งตกใจ เกือบโยนลูกสาวที่เพิ
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต