โถงหน้าของขวัญที่บรรจุอยู่ในกล่องผ้าแพรอันงดงามวางอยู่บนโต๊ะ เยอะมากจนกองเป็นภูเขาขนาดเล็ก ให้ทั้งทีก็อู้ฟู่มาก บนใบหน้าของสามีภรรยาอ๋องเฟิงเผยให้เห็นรอยยิ้มจริงใจที่ยากจะได้เห็นตั้งครรภ์แล้ว ตั้งใจมาขอบคุณฉู่เชียนหลีโดยเฉพาะชาวบ้านข้างนอกรู้ข่าว แต่ละคนชื่นชมด้วยความนับถือ คนที่รักษามานานแปดปีก็ไม่ตั้งครรภ์ ปาฏิหาริย์คืออะไร? นี่ก็คือปาฏิหาริย์เฟิงเย่เสวียนประคองฉู่เชียนหลีเดินออกมา“น้องเจ็ด เมียน้องเจ็ด” อ๋องเฟิงทักทายอย่างยิ้มแย้ม “ที่แทนเรื่องของเยาเอ๋อร์เป็นการเข้าใจผิด คำพูดที่เคยพูดในวังก่อนหน้านี้ น้องเจ็ดอย่าเก็บเอาไปใส่ใจเลยนะ ฮ่าๆ”ใบหน้าของเขายิ้มแย้ม หัวเราะฮ่าๆคนโบราณพูดได้ดี ง้างมือไม่ตบคนยิ้มรับ ต่อให้ก่อนหน้านี้จะเกิดความไม่พอใจ ก็ต้องไว้หน้าอ๋องเฟิงเฟิงเย่เสวียนกวาดมองเขาแวบหนึ่ง ตอบเพียงแค่ ‘อืม’ อย่างเรียบเฉยทีหนึ่ง ก็ประคองเอวภรรยานั่งลงรู้ว่าภรรยาตั้งครรภ์ ไม่ต้องพูดถึงว่าอ๋องเฟิงมีความสุขเพียงใดเขาในฐานะที่เป็นองค์ชาย มีอำนาจอิทธิพล มีทุกอย่าง แต่ไม่มีลูก อยากได้มานานแปดปี และคาดหวังมานานแปดปีแล้ว ในที่สุดความฝันก็เป็นจริงพระชายาอ๋องเฟิง รอยย
จวนอ๋องหลีฉู่เจียวเจียวโดนอ๋องเฉินจับตัว หลังกลับจากถูกขังสองวันสองคืนโดยไม่ได้ดื่มน้ำแม้แต่หยดเดียว ร่างกายก็อ่อนแอมาก ประกอบกับมีครรภ์และเป็นโรคโลหิตจาง จึงพักฟื้นอยู่ในบ้านอย่างเชื่อฟัง ไม่ได้ก่อเรื่องอะไรดื่มยาบำรุงครรภ์เสร็จ อุ้มท้องที่ทั้งโตและกลมไปอาบแดดที่สวนลูกเอ๋ย อีกห้าเดือนก็ได้เจอกันแล้ว เจ้าต้องสู้เขานะ ต้องเป็นเด็กผู้ชายนะ!ฉู่เจียวเจียวลูบท้องไปพลาง กล่าวกับสาวใช้ “ไปเอาซานจาที่ห้องครัวให้ข้าหน่อย”“เจ้าค่ะ”คนโบราณพูดได้ดี ชอบกินเปรี้ยวเป็นเด็กผู้ชาย ชอบกินเผ็ดเป็นเด็กผู้หญิงนางกินของเปรี้ยวเยอะๆ ต้องสามารถให้กำเนิดเจ้าหนูน้อยที่จ้ำม่ำแน่นอนเมื่อให้กำเนิดลูกชาย ความมั่งคั่งและรุ่งเรืองในครึ่งชีวิตที่เหลือก็มีหลักประกันแล้วเผยอมุมปาก ตอนที่เตรียมตัวออกไปเดินเล่นเสียหน่อย บังเอิญได้ยินเสียงคุยกันของสาวใช้สองคนที่กำลังกว่าใบไม้ร่วงตรงจุดที่ไม่ไกลนัก“พี่ชิง ท่านว่าเด็กที่อยู่ในท้องพระชายาของเราเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย?”สาวใช้ที่ชื่อพี่ชิงตอบกลับ“ไม่ว่าจะเป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง ต่อให้เป็นฝาแฝดก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย”“เอ๋? พี่ชิง ท่านพูดเช่นนี้หมายคว
เด็กหนุ่มตบหน้าอก พูดอย่างจริงจังและหนักแน่น แลดูมีความมั่นใจเต็มอกใบหน้าที่กึ่งวัยเยาว์กึ่งผู้ใหญ่ ท่าทางเหมือนกับเป็นเด็กโต ในสายตาของอวิ๋นอิงแลดูปัญญาอ่อน ทำเอานางหัวเราะแล้ว“เจ้าหัวเราะอะไร?”“เจ้าสู้ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังคิดจะตามข้าไปทุกที่อีกหรือ?”“...”ศักดิ์ศรีของลูกผู้ชายถูกโยนลงพื้น แล้วเหยียบย่ำอย่างแรงทันทีเปลี่ยนเป็นคนอื่น เขาเหวี่ยงฝ่ามือออกไปสองที และกระทืบคนที่พูดนานแล้ว แต่อวิ๋นอิงเป็นคนพูด เขาไม่กล้า…สายตาหลิงเชียนอี้มืดมน“เช่นนั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะฝึกยุทธ์ทุกวัน เจ้าชอบใช้ทวน เช่นนั้นข้าก็ฝึกทวน เจ้าสอนข้าดีหรือไม่?”เขาจะใช้ทวนหงอิงที่นางชอบที่สุดอวิ๋นอิงพึมพำสองที เอ่ยปากอย่างครุ่นคิด “ตามที่เจ้าพูด ไม่เท่ากับจะไหว้ข้าเป็นอาจารย์?”“ถ้าหากเจ้าอยากเอาเปรียบข้า ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”ขอแค่นางมีความสุข อย่าว่าแต่เรียกนาง ‘อาจารย์’ เลย ต่อให้เรียก ‘ท่านยาย’ เขาก็ยินดีดวงตาอวิ๋นอิงลุกวาว “เป็นอาจารย์หนึ่งวัน เปรียบดั่งพ่อทั้งชีวิต”“?”หลิงเชียนอี้ที่ตอบสนองทันฉับพลัน มีเครื่องหมายคำถามมากมายปรากฏขึ้นบนศีรษะเขาอยากสู่ขอนางเป็นเมีย นางกลับอยาก
เห็นเพียงเยว่เอ๋อร์ยืนอยู่ตรงหน้าประตูอย่างยิ้มแย้ม การแสดงออก ‘มีความหมายที่ลึกซึ้ง’ นางกล่าว“ในเมื่อชอบ เช่นนั้นก็สู่ขอนางสิ ไม่เช่นนั้นตามกฎแล้ว รอเมื่อถึงอายุที่แน่นอน พระชายาก็จะยกพวกเราให้เป็นภรรยาของคนอื่น”โดยทั่วไป การตัดสินใจของบ่าวไพร่จะถูกตัดสินใจโดยเจ้าของเมื่อเจ้าของอารมณ์ดี จะยกให้ครอบครัวที่ดี เมื่อเจ้าของอารมณ์ไม่ดี ครึ่งชีวิตที่เหลือก็จบแล้วหลิงเชียนอี้อึ้งเล็กน้อยสู่ขอ…เขาคิดว่าตนเองยังเด็กมาโดยตลอด คำคำนี้มันยังห่างไกลและไม่รู้จักสำหรับเขา แต่เมื่อพูดถึงในเวลานี้ มีความวู่วามสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในใจของเขาใช่แล้ว!สู่ขอ!“เยว่เอ๋อร์ ขอบคุณที่เตือนข้า ข้ารู้แล้วว่าควรทำอย่างไร!”หลิงเชียนอี้พูดจบอย่างตาเป็นประกาย สับขาวิ่งตีนแตกกลับไปที่จวนโหวติ้งกว๋อแล้ว เยว่เอ๋อร์ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอกขอแค่อวิ๋นอิงกับท่านโหวน้อยแต่งงานกัน ก็ไม่มีใครมาแย่งคุณชายจิ่งกับนางแล้วจวนโหวติ้งกว๋อหลิงเชียนอี้เป็นพวกนักเคลื่อนไหว บอกทำก็ทำเลย ทันทีที่กลับถึงบ้าน แม้แต่พ่อก็ลืมเรียก คำแรกที่เอ่ยออกมาจากปากก็คือ“ข้าจะแต่งงาน!”โหวติ้งกว๋อสะดุ้งตกใจ เกือบโยนลูกสาวที่เพิ
“เหลวไหล!”ทั้งชีวิตของโหวติ้งกว๋อ สู่ขอผู้หญิงแค่คนเดียว และรักแค่คนเดียว“การแต่งงานนี้ถูกกำหนดมาสิบแปดปีแล้ว วันนี้ข้าขอพูดไว้ตรงนี้เลย เจ้าชอบใครก็ได้ รักใครก็ช่าง ข้าไม่ยุ่งกับเจ้า แต่เมียหลวงของเจ้าต้องเป็นนางหนูตระกูลกู้เท่านั้น!”เสียงที่ไม่อนุญาตให้คัดค้านตกลงมา นิ้วมือโหวติ้งกว๋อเคาะโต๊ะทุกถ้อยคำ ไม่มีพื้นที่สำหรับการเจรจา“ข้าไม่แต่ง!” หลิงเชียนอี้ปฏิเสธอย่างหัวชนฝา บนใบหน้าเต็มไปด้วยการคัดค้าน สายตาเด็ดขาดเรื่องที่เขาตัดสินใจแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้คนที่เขาต้องการ ต้องได้มาครอบครอง“ท่านตีข้าให้ตาย ข้าก็ไม่แต่ง ถ้าหากท่านจะบังคับข้าให้ได้ ข้าก็ไม่เป็นลูกของท่านแล้ว สถานะท่านโหวน้อยนี่ ไม่เอาก็ช่าง อยากแต่งท่านก็ไปแต่งเอง!”หลิงเชียนอี้พูดจบด้วยความโกรธ สับขาก็ไปแล้ว“เจ้า!”โหวติ้งกว๋อลุกขึ้น “หลิงเชียนอี้!”นี่ไม่ใช่แค่การแต่งงานเท่านั้น และยิ่งเป็นการแลกเปลี่ยนของหลิงกู้สองตระกูลขุนนาง ยังเกี่ยวพันไปถึงด้านของบ้านเมืองด้วยตามความคิดของผู้อาวุโสส่วนใหญ่ พื้นฐานของการแต่งเมีย : ฐานะเท่าเทียมสาวใช้ที่อยู่ข้างกายพระชายาอ๋องเฉิน ชาติกำเนิดธรรมดา ไม่
ฉู่เชียนหลี “?”เฟิงเย่เสวียน “?”อวิ๋นอิง “?”ฉู่เชียนหลีคาดเดา สองคนนี้อาจจะกำลังใช้รหัสลับอะไรบางอย่าง สายตาที่สงสัยมองไปทางอวิ๋นอิง ส่วนอวิ๋นอิงงงงวยเป็นไก่ตาแตก“หุงข้าวอะไร?”หลิงเชียนอี้มองนาง กล่าวอย่างจริงจัง“ก็หุงข้าวที่มาจากคำว่าหุงข้าวสารให้เป็นข้าวสุก[1]ไง”ฉู่เชียนหลี “...”เฟิงเย่เสวียน “...”อวิ๋นอิง “...”คำพูดของเด็กหนุ่มไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ทันทีที่เอ่ยปาก ก็ทำเอาคนทั้งห้องโถงใหญ่ตกใจจนอ้าปากค้าง บรรยากาศเงียบสงัดเป็นเวลาสามวินาทีเมื่อหวนขึ้นสติ สีหน้าของอวิ๋นอิงแดงก่ำจนกลายเป็นกุ้งที่ต้มสุกทันที โดยเฉพาะทุกคนกำลังมองนาง ทำให้นางเขินอายจนไม่มีที่ซ่อนท่านโหวน้อยคนนี้…เขาพูด…ต่อหน้าทุกคน!เขาไม่อาย แต่นางยังรู้จักอายนะ!“ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังพูดอะไร!” กัดฟันกล่าวทิ้งท้ายหนึ่งประโยค ก็รีบหนีไปแล้วหากยังไม่หนี นางกลัวว่าต่อจากนี้จะรับไม่ไหวหลิงเชียนอี้รีบลุกขึ้น “อวิ๋นอิง เจ้าอย่าวิ่งหนีสิ ที่ข้าพูดจริงจังนะ!”ปัง!อวิ๋นอิงสะดุดล้มลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งต่อ“อวิ๋นอิง!” หลิงเชียนอี้รีบไล่ตาม “ทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิงดงามไร้สิ้นสุด แม้แต่แมว
รอฉู่เชียนหลีกินข้าวเสร็จ ตอนที่เดินผ่านสวนดอกไม้ ก็เห็นหลิงเชียนอี้ไล่ตามอวิ๋นอิงจะไหว้ฟ้าดินอีกครั้ง“อวิ๋นอิง ข้าชอบเจ้า เจ้าก็ชอบข้ากระมัง พวกเราไหว้ฟ้าดินกันเถอะ พวกเราแต่งงานกันวันนี้เลย!”“ข้าให้คนไปสั่งทำชุดแต่งงานแล้ว!”“อวิ๋นอิง เจ้าตอบตกลงข้าเถอะ!”อวิ๋นอิงวิ่ง หลิงเชียนอี้ไล่ตามอยู่ข้างหลังฉู่เชียนหลีกุมหน้าผาก นี่มันก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว ยังไม่ยอมล้มเลิกความตั้งใจอีก?มองดูอวิ๋นอิงวิ่งไปไกลแล้ว พลันนางเอื้อมมือ คว้าตัวหลิงเชียนอี้ไว้ “พอได้แล้ว พอประมาณก็หยุด อย่าทำให้อวิ๋นอิงกลัวจนหอบของหนี คนใจร้อนกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้”“น้าสะใภ้ ข้าจะต้องแต่งงานกับนางให้ได้!”และเร็วที่สุด เดี๋ยวนี้ หัวใจของเขานั้นแน่วแน่ ความรักก็แน่วแน่เช่นกัน เขาจะพิสูจน์ให้อวิ๋นอิงเห็นฉู่เชียนหลีหัวเราะแล้ว “เจ้าเช้าไม่มา สายไม่มา จู่ๆ วันนี้ก็มาพูดถึงเรื่องนี้ นี่ไม่ใช่การจู่โจมหรือ? พวกเราต่างก็ไม่ได้เตรียมใจไว้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอวิ๋นอิงแล้ว”การแต่งเมียที่เป็นเรื่องใหญ่เช่นนี้ ใช่เรื่องที่วันสองวันก็จะสามารถเตรียมตัวเสร็จหรือ?“อีกอย่างนะ เจ้าถามพ่อแม่เจ้าหรือยัง?”พูดถึงตรงนี้ จู
ทางฉู่เชียนหลีกับเฟิงเย่เสวียน หมุนกายก็ไปหาอวิ๋นอิงทันที“พระชายา!”ภายในห้อง อวิ๋นอิงเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง ตั้งใจมาก เมื่อเห็นฉู่เชียนหลีมา นางรีบลุกขึ้นยืน ท่าทางลนลานเล็กน้อยนอกจากคิดเรื่องของหลิงเชียนอี้ ยังสามารถคิดอะไรได้อีก?ตอนกินอาหารเย็น คำพูดของเจ้าหนูนั่นไม่ทำให้คนหัวใจวายตายไม่ยอมเลิกรา ไล่ตามอวิ๋นอิงจะแต่งงานให้ได้ อวิ๋นอิงไม่คิดมากได้หรือ?ฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา กล่าวด้วยรอยยิ้ม “อวิ๋นอิง เจ้าติดตามข้าเกือบปีแล้ว ข้าไม่เคยเห็นเจ้าเป็นคนนอก ข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อย เจ้าก็อย่าเห็นข้าเป็นคนนอก ในใจคิดอย่างไร ก็พูดกับข้าเช่นนั้น ดีหรือไม่?”สองมืออวิ๋นอิงจิกชายเสื้อทันทีพระชายายังไม่เอ่ยปาก นางก็เดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร“พระชายา…”“ไม่ต้องประหม่า ข้าแค่ลองถามเฉยๆ” ฉู่เชียนหลีจับมือนาง นั่งลงด้วยกัน “เจ้ากับหลิงเชียนอี้รู้จักกันเกือบปีแล้ว ในใจเจ้าคิดอย่างไร?”“ข้า…”ใบหน้าอวิ๋นอิงแดงฉานทันทีนิสัยที่โผงผางมาโดยตลอด เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ความอ่อนโยนของเด็กผู้หญิงลอยขึ้นบนใบหน้าทันที ซ่อนอย่างไรก็ซ่อนไม่อยู่“พระชายา ข้า…ข้าไม่รู้…ข้าไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้น…”