“ข้า...”ทันทีที่ฉู่เจียวเจียวอ้าปาก ก็สำลักทันทีนางรู้ว่าการตายของนางเว่ยเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะไม่ชอบขี้หน้าฉู่เชียนหลี แล้วก็ไม่ชอบท่าทางที่อ๋องหลีเข้าข้างฉู่เชียนหลี ถึงได้กัดและใส่ร้ายป้ายสีฉู่เชียนหลีอันที่จริง เดิมทีนางเว่ยไม่ต้องตายเมื่อคืนวานนี้ นางอยากจะไปคิดบัญชีกับฉู่เชียนหลี แต่กลับทำให้ฉู่เชียนหลีท้องแข็ง ถ้าหากนางอยู่ที่เรือนละก็ นางเว่ยก็ไม่มีทางวิ่งออกไปแต่นี่ก็ไม่นับว่าเป็นความผิดของนางนี่นา!ถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินไล่ท่านอ๋องไปที่สุสานหลวง นางต้องเป็นกังวลจนเสียสติไหม?“ท่านอ๋อง คืนวันนั้นข้าไปหาฉู่เชียนหลี ข้าอยากจะให้นางขอร้องอ๋องเฉิน ให้ท่านกลับมารักษาบาดแผล แต่ว่า...อ๋องเฉินพูดว่าข้าจุ้นจ้านมากเกินไป เลยคุมขังข้า ยังไม่ให้พบท่านแม่อีกด้วย”“คืนวันนั้น ท่านแม่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของท่านแม้ ข้าอยากจะวิ่งออกไปจนจะเป็นบ้า แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ข้าออกไป คืนนั้นฝนตกหนักมาก อ๋องเฉินกับฉู่เชียนหลีจิตใจอำมหิตเหลือเกิน พวกเขาไม่สนใจท่านแม่ มองดูนางตายท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน...”นางพูดจาเหลวไหล เบ้าตาแดงก่ำน้ำตาไหล น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ท
ชั้นล่าง บรรดาผู้หญิงพากันแยกย้าย ที่ไปนอนพักก็ไปนอนพัก ที่แต่งหน้าก็แต่งหน้า ที่พูดคุยก็พูดคุย ขณะที่กำลังคุยกันเจี๊ยวจ๊าว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปังๆๆ’ จากชั้นบนเหมือนกับมีของหนักอะไรบางอย่างกลิ้งตกลงมายิ่งอยู่ยิ่งเสียงดัง ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ปัง…สุดท้ายกลิ้งลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชนใส่เสาต้นหนึ่งจนเกิดเสียงดังสนั่น เมื่อพลิกคว่ำกลับมา เห็นเพียงผู้หญิงในชุดกระโปรงสีม่วง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะแตกเลือดไหลทะลัก ดวงตาเบิกกว้างและกลม สิ้นใจไปแล้ว“พี่เยาเอ๋อร์…”“มีคนตาย!”“ว้ายๆ!”หลังจากนั้นสองชั่วยาม วังหลวง ห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด“ต้องเป็นฝีมือของอ๋องเฉินแน่นอน เสด็จพ่อโปรดออกหน้าแทนลูกที่ยังไม่เกิดของหม่อมฉันด้วย เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะ!”อ๋องเฟิงคุกเข่าอยู่บนพื้น เบ้าตาแดงก่ำ เสียงสะอึกสะอื้น อารมณ์แปรปรวนมากแต่งงานแปดปี อายุเกือบสามสิบ ในที่สุดก็มีลูกหนึ่งคนแล้ว แต่เมื่อครู่ได้รับข่าวนี้ ตกตึกตาย หนึ่งศพสองชีวิตพริบตานั้น ตกจากสวรรค์สู่นรกไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตายของเยาเอ๋อร์มากนัก แต่ลูกที่น่าสงสาร เขาแค่อยากได้ลูกที่เป็นของตนเอง!อยู่ดีๆ เยาเอ๋อร์จ
ทันทีที่เกิดเรื่องกับเยาเอ๋อร์ ทั้งหอจุ้ยเมิ่งถูกปิดกั้น คนที่อยู่ข้างในถูกควบคุมตัวทั้งหมด ตามคำบอกเล่าของพวกเขา ตอนนั้นแม่นางเยาเอ๋อร์พักผ่อนอยู่ชั้นบน และบนชั้นสามก็ไม่มีใครเลยมีความเป็นไปได้ที่นางอาจจะพลาดพลั้ง ไม่ระวังกลิ้งตกบันไดตายแต่เนื่องจากปัญหาระหว่างอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉิน อ๋องเฟิงไม่ยอมละเว้นอ๋องเฉินง่ายๆ ฉู่เชียนหลีต้องการหาหลักฐานการตายธรรมชาติของเยาเอ๋อร์ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอ๋องเฉินแต่เมื่อสายตานางมองไปที่ศีรษะของเยาเอ๋อร์ ก็ต้องตะลึงงันฉับพลันรอก่อนค่อยๆ วางมือลงบนผมของนาง พลันนิ้วมือดึงเบาๆ ก็ดึงผมที่หลุดร่วงขึ้นมาหนึ่งกระจุกผมกระจุกนี้มีประมาณยี่สิบถึงสามสิบเส้น ตรงโคนผมเปื้อนเลือดแววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง “นางถูกคนผลักตกจากบันได”ผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนตะลึงงันครู่หนึ่ง “เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินพูดเช่นนี้?”“ดูเส้นผมนี่” นางยกมือขึ้น “ทุกคนผมร่วงได้ แต่โดยทั่วไปผมจะร่วงแค่หนึ่งหรือสองสามเส้น แต่เส้นผมกระจุกนี้บนหัวของนาง ถูกคนดึงจนหลุด”นางสงสัย มีคนกระชากผมของเยาเอ๋อร์ ผลักนางตกบันได“นี่…”พลันผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนดู เหมือนเป็นเช่นนี้จร
ฉู่เชียนหลีเห็นเขา สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือใบหน้าที่ซีดเซียวและไร้เรี่ยวแรงของเขา อยากเข้าไปประคองเขา แต่มือเปื้อนเลือด“ท่านพักฟื้นอยู่ในจวนไม่ใช่หรือ เหตุใดจึงมาศาลาว่าการซุนเทียนแล้ว?”เฟิงเจิ้งหลีเดินเข้าไปอย่างเป็นห่วง “ข้าได้ยินข่าวนี้ จะอยู่เฉยๆ ได้อย่างไร? ตรวจสอบถึงไหนแล้ว? ได้ผลสรุปแล้วหรือยัง? ได้ยินมาว่าอ๋องหลีกับอ๋องเฟิงทะเลาะกันในวัง ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้างแล้ว”ทะเลาะมันแน่อยู่แล้ว ประการแรกความเศร้าโศกที่สูญเสียลูก ประการที่สองสามารถอาศัยข้ออ้างนี้เล่นงานอ๋องเฉินนางมีลางสังหรณ์ อ๋องเฟิงจะกัดอ๋องเฉินไม่ปล่อย ก่อนที่จะรู้ตัวคนร้ายตัวจริง เรื่องนี้ไม่มีทางสงบลงง่ายๆ แน่นอนนางรับผ้าเช็ดหน้าอุ่นที่ผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนส่งให้ เช็ดมือจนสะอาด“ข้าตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว พบเพียงเศษผ้าที่ขาดชิ้นนั้น”“ทำมาจากวัสดุอะไร?”“ไหม ท่านดูสิ”เฟิงเจิ้งหลีรับมา ผ้าไหมสีขาวถูกแรงดึงจนขาด เนื่องจากฉีกขาดจึงย่น ผ้าไหมแต่ละเส้นที่ขาดยังทิ้งรอยต่อไว้“คนทั่วไปไม่มีปัญญาสวมใส่วัสดุเช่นนี้” เขากล่าว“ใช่ ดังนั้นข้าได้ให้ศาลาว่าการซุนเทียนไปตรวจสอบร้านเสื้อผ้าสำเร็จรูปต
เฟิงเจิ้งหลีนำเศษผ้าชิ้นนั้น หรือก็คือหลักฐานเพียงหนึ่งเดียว ไปที่ค่ายลาดตระเวนแล้ว เหล่าทหารของค่ายลาดตระเวนให้ความเคารพต่ออ๋องหลีมาก เมื่อได้ยินว่ามีเรื่องให้ช่วย ก็เสนอตัวช่วยทันทีทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกัน ที่ตรวจสอบก็ตรวจสอบ ที่ตามหาก็ตามหาพวกเขากระจายตัวออก คนส่วนหนึ่งไปตามหาเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับผ้าไหม อีกส่วนไปตรวจสอบที่หอจุ้ยเมิ่ง และยังมีคนอีกส่วนออกลาดตระเวน เพื่อตรวจสอบบุคคลที่น่าสงสัยในสองวันนี้ ตัดข้อสงสัยออกทีละเรื่อง…ทุกคนเริ่มทำงานฉู่เชียนหลีก็ยุ่งจนวิ่งไปทั่วเช่นกัน แต่เนื่องจากท้องโต เพิ่งไปได้สองรอบก็เหนื่อยจนรู้สึกปวดเอวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งหลีพานางไปนั่งที่หอน้ำชา พักผ่อนครู่หนึ่ง“ให้คนของค่ายลาดตระเวนไปตรวจสอบเถอะ ทันทีที่ได้ผลสรุปจะส่งข่าวมา วางใจเถอะ ไม่เกิดเรื่องอะไรในวังแน่นอน อ๋องเฉินได้รับความโปรดปรานจากฝ่าบาทตั้งแต่เล็กจนโต ฝ่าบาทจะปกป้องเขาแน่นอน”เขาพลางปลอบใจ พลางส่งชาร้อนถ้วยหนึ่งถึงมือฉู่เชียนหลี มือของเขาเย็นเหมือนน้ำแข็ง สายตาของเขาก็เช่นกันฉู่เชียนหลีถือถ้วยชาไว้ กล่าวเสียงเบา “ข้าแค่จู่ๆ ก็คิดว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าอ๋องเฟิงเป็นคนผลัก…
จวนอ๋องเฉินตอนที่อ๋องเฟิงเดินมือไพล่หลังกลับมา เห็นพระชายาอ๋องเฟิงนั่งอยู่บนเก้าอี้หลักด้วยสีหน้าบูดบึ้ง ร้อนตัวครู่หนึ่ง แววตาก็สั่นไหว…เขากับพระชายาอ๋องเฟิงเป็นเพื่อนกันตั้งแต่เด็ก ความสัมพันธ์ดีมากและรักกันมาก ต่อให้แต่งงานกันแปดปีไม่มีลูก เขาก็ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะปลดพระชายา ยังคงปฏิบัติต่อนางเหมือนเดิมตอนนี้ เรื่องที่เขามีผู้หญิงข้างนอกความแตกแล้ว ตอนที่เผชิญหน้ากับพระชายาอ๋องเฟิง เขาร้อนตัวเล็กน้อย…ภายใต้การจ้องมองของพระชายาอ๋องเฟิง มือที่ไพล่หลังของเขาขยับมาข้างหน้า ขยับทั้งฝีเท้า ค่อยๆ เดินเข้าไปในห้องพระชายาอ๋องเฟิงเห็นสถานการณ์ หัวเราะอย่างเย็นชาทีหนึ่ง“เจ้ายังรู้จักกลับมาหรือ?”เพี๊ยะ…กระแทกถ้วยชาในมือลงบนโต๊ะจนดังปัง มีน้ำชาหลายหยดกระเซ็นออกมาอ๋องเฟิงชะงัก “เหยาเหยา…”“เหยา? ข้าว่าที่เจ้าเรียกคือเยามากกว่ากระมัง เยาที่แปลว่านางปีศาจ” ชื่อของพระชายาอ๋องเฟิงมีคำว่าเหยา ชื่อเล่นเหยาเหยาอ๋องเฟิง “...”เห็นนางโมโห เขาเดินเข้าไปจับมือนางเบาๆ “เยาเอ๋อร์ตายแล้ว…”“ก็ตายได้ดีแล้วนี่” พระชายาอ๋องเฟิงหัวเราะอย่างเย็นชา “ล่อลวงสามีคนอื่น ผู้หญิงเช่นนี้ไม่สมควรต
ฉู่เชียนหลีกล่าว “แม้บอกว่าเป็นคนของหอนางโลม แต่นั่นก็เป็นชีวิตคนเป็นๆ สองชีวิต อีกทั้งยังถูกคนกระชากผม ผลักตกจากบันได”กลิ้งตกจากบันได หนึ่งศพสองชีวิต และยังเป็นแม่ท่านหนึ่งด้วยอาจเพราะเป็นแม่เหมือนกัน ลองจินตนาการว่าเกิดเหตุการณ์เช่นเดียวกันกับตนเอง ความเศร้าโศกและความโกรธแค้นเช่นนั้น หากว่ากลายเป็นผีอาฆาต ยอมให้ดวงวิญญาณแตกสลาย ก็จะต้องแก้แค้นให้ลูก มันก็ไม่เกินไป“ไม่ใช่แค่อ๋องหลีกำลังช่วยข้าตรวจสอบ ทางจิ่งอี้ก็ช่วยจับตาดูอยู่เช่นกัน”เวลาเดียวกัน ทางหานเฟิงหานอิ๋งก็เฝ้าจับตาดูหอจุ้ยเมิ่งเช่นกันเฟิงเย่เสวียนถามกะทันหัน “ข้าพบว่าข้ามักจะมองข้ามเรื่องหนึ่ง กลุ่มคนที่อยู่ในโรงหมอ เกี่ยวข้องอะไรกับเจ้า?”ปกติใกล้ชิดกันมาก เขาก็คิดไม่ได้ว่าจะถามตอนนี้มาลองคิดดูดีๆ ดูเหมือนความสัมพันธ์ของฉู่เชียนหลีกับพวกเขาดีมาก“สหาย”“โกหก” ปฏิเสธคำพูดของฉู่เชียนหลีโดยไม่ต้องคิด “ไปเรียนเคล็ดวิชาเหมันต์มาจากไหน?”“เก็บได้”“โกหก” ปฏิเสธอีกครั้ง “กำลังภายในของเจ้า ร้ายกาจกว่าข้าใช่หรือไม่?”“ข้าไม่เป็นวรยุทธ์”“โกหก”“...”สายตาของเฟิงเย่เสวียนยิ่งอยู่ยิ่งมืดมน มักจะรู้สึกว่าฉู่เชียนห
ทั้งสองเริ่มหยอกกัน เจ้าหนึ่งหมัด ข้าทุบหนึ่งที หยอกกันไปหยอกกันมา ฉู่เชียนหลีเหนื่อยแล้ว ก็กลิ้งขึ้นเตียงไปนอนแล้วเฟิงเย่เสวียนเลิกเสื้อนางขึ้น ทายาที่ท้องให้นาง เพื่อลดรอยแตกลายท้องที่อายุครรภ์ห้าเดือนใหญ่มาก แต่ฉู่เชียนหลีรู้สึกว่าเกิดจากการที่ตนเองกินดีเกินไปจึงอ้วนนึกถึงเส้นทางอันยาวไกลของการลดน้ำหนักหลังคลอด หดหู่มากหยอกกันครึ่งชั่วโมง กอดกันนอนแล้ววันถัดมารุ่งเช้ายังเช้ามาก เยว่เอ๋อร์ก็เข้ามาแล้ว สีหน้าดูร้อนใจเล็กน้อย “ท่านอ๋อง มีกงกงท่านหนึ่งมาจากวัง บอกว่าฝ่าบาทสั่งให้ท่านรีบเข้าวังด่วน บอกว่าตอนนี้ เดี๋ยวนี้ เหมือนรีบมาก…”นางกังวลว่าจะเกิดเรื่องอะไรเฟิงเย่เสวียนลุกขึ้น ทำท่าห้ามใช้เสียง “อย่ารบกวนนาง”ลงจากเตียงด้วยกันเคลื่อนไหวที่เบามาก ห่มผ้าให้ฉู่เชียนหลี จูบกลางหว่างคิ้วนางหนึ่งที จึงจะหยิบชุดผาวตัวนอกที่วางอยู่ข้างๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก“ใครก็ได้”ทหารยามคนหนึ่งเดินเข้ามา“หานเฟิงหานอิ๋งยังไม่กลับมา?”ทหารยามก้มหน้า “เรียนท่านอ๋อง ใต้เท้าทั้งสองยังไม่กลับมาขอรับ”“ฮืม” เพียงแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ยกเท้าเดินออกไปโดยไม่พูดอะไรมาก “เข้าวังเถอะ”วังหล
จวินลั่วยวนหลั่งน้ำตาเหมือนสายฝน ร้องไห้จนใจแทบสลาย กรีดร้องจนเสียงแหบแล้ว“อ๊ะ!”สีหน้าที่เศร้าโศกเกินจะบรรยายด้วยคำพูดภายในห้อง หมอ องครักษ์ และคนรับใช้เห็นแล้ว ต่างก็ตื้นตันจนตาแดงแล้วองค์หญิงช่างน่าสงสารจริงๆองค์หญิงรักฮองเฮาจริงๆ!ฮองเฮาเป็นคนดี อ่อนโยน มีเมตตา ใจกว้าง เหตุใดต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ เช่นนี้?เฮ้อ!“รักษานาง ไม่ว่าจะต้องใช้วิธีอะไร ก็ต้องรักษานางให้หายดี! ไม่เช่นนั้น ข้าก็เอาชีวิตสุนัขของพวกเจ้า!” จวินชิงอวี่ตวาดเสียงเบา ในดวงตาเต็มไปด้วยความโกรธ แทบจะคลั่งแล้วหมอตกใจจนหน้าซีด“องค์ชายสามโปรดไว้ชีวิต โปรดไว้ชีวิต!”“ทักษะการแพทย์ของข้าน้อยยังไม่ดีพอ โปรดไว้ชีวิต…”“ข้าให้เจ้ารักษา!”จวินชิงอวี่คว้าคอเสื้อของเขา จ้องด้วยความโกรธ แล้วเหวี่ยงไปที่หน้าเตียง “รักษา!”หมอสั่นไปทั้งร่าง ริมฝีปากก็กำลังสั่น พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว ยกมือขึ้นรักษาด้วยอาการสั่นเทา…วันนี้ ต่อให้ฮัวถวอกลับชาติมาเกิด ก็รักษากล่องเสียงของฮองเฮาไม่ได้เกรงว่าเขา…ไม่รอดแล้ว“เสด็จแม่…เสด็จแม่! ต้องรักษาหายแน่นอน ท่านต้องอดทนเอาไว้นะ!”จวินลั่วยวนจับมือฮองเฮาแน่น น้ำตาไหลออกมาเป็นเ
ฮองเฮาหนานยวนเบิกตากว้าง ไม่สามารถทนต่อความเจ็บปวดที่รุนแรงในลำคอ หลังจากกระอักเลือด ก็ล้มลงกับพื้น เจ็บจนหมดสติ“เสด็จแม่!”“หมอ!”“ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว!”ทันใดนั้น ทั้งศาลาพักม้าเริ่มวุ่นวาย คนที่วิ่งก็วิ่ง คนที่ตะโกนก็ตะโกน คนที่หาคนก็หาคน ทุกคนล้วนประหม่าและตื่นตระหนกจวินชิงอวี่รู้ว่าปลากะพงขาวจานนี้มีพิษ เขาโกรธมาก“พ่อครัวอยู่ไหน!”“ทุกคนที่เคยเข้าใกล้ปลาตัวนี้ เรียกมาให้หมด!”ถึงขั้นกล้าวางยาพิษภายใต้จมูกของเขา มีเช่นนี้ที่ไหนกัน!ไม่นาน เด็กรับใช้สีผิวเข้มคนหนึ่งก็ถูกกระชากออกมา เขาก็คือคนตัดฟืนคนนั้นเขาแสร้งทำเป็นดิ้นรนก่อน หลังจากนั้น ‘สารภาพความจริง’ ภายใต้สถานการณ์ยอมจำนนต่อหลักฐาน“ใช่! ข้าเป็นคนทำเอง!”“พวกเจ้ากล้าทำร้ายพระชายา พวกเจ้าสมควรตาย! ใครก็ตามที่ทำร้ายพระชายาล้วนต้องตาย!”พระชายาที่เขาพูดถึง ย่อมหมายถึงฉู่เชียนหลีจวินชิงอวี่นับว่าเข้าใจแล้วฉู่เชียนหลี!เขาก็แค่เอามีดแทงฉู่เชียนหลีทีเดียว ฉู่เชียนหลีถึงขั้นอยากฆ่าพวกเขาทั้งครอบครัวนางผู้หญิงอำมหิต!เขาตะคอกด้วยความโกรธ “ใครก็ได้! ไปเชิญพระชายาอ๋องเฉินกับอ๋องเฉินมา ถ้าหากเสด็จแม่เป็นอะ
ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคยคนตัดฟืนนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างกระสับกระส่าย ห่อไหล่ สีหน้าตื่นตระหนก เดิมทีเขาควรถูกโบยจนตาย กลับถูกช่วยเอาไว้และพามาที่นี่ เขาที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ รู้สึกประหม่ามากหลังจากนั้นหนึ่งเค่อจวินลั่วยวนมาแล้ว“เจ้าก็คือคนที่จะฆ่าลูกของฉู่เชียนหลี?”คนตัดฟืนเห็นผู้มาแต่งกายหรูหรา คนรับใช้รายล้อม กลัวจนตัวสั่น“ข้า…ข้าไม่ได้ตั้งใจ…ข้าก็ถูกบีบบังคับ…”“ไม่ต้องกลัว” จวินลั่วยวนปลอบใจเขาด้วยรอยยิ้ม ใบหน้าเล็กที่งดงามดูอ่อนโยนไร้พิษสง “ข้ากับฉู่เชียนหลีเป็นศัตรูกัน เจ้าอยากทำร้ายนาง ก็คือกำลังช่วยข้า ข้าไม่ฆ่าเจ้าหรอก”เมื่อคนตัดฟืนได้ยินคำพูดนี้ รู้สึกประหลาดใจมากที่แท้กำลังช่วยเขา!“ใครให้เจ้าทำร้ายฝาแฝดคู่นั้น?” จวินลั่วยวนถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นเมื่อคนตัดฟืนได้ยิน ประหม่าจนจิกแขนเสื้อแล้วคลายออกเป็นระยะ เขาพยายามกลืนน้ำลายแล้วกล่าว“ข้า…ข้าไม่รู้…”จวินลั่วยวนเหลือบมองเขาด้วยท่าทางจะยิ้มไม่ยิ้ม“ข้าช่วยเจ้าไว้ ให้โอกาสเจ้า ทางที่ดีคิดให้ดีก่อนตอบ ถ้าหากเจ้าอยากตาย ข้าไม่ถือสาที่จะส่งเจ้ากลับไป”โบยจนตายไม่ง่ายเลยที่คนตัดฟืนจะรอดมาได้ เขาย่อมไม่กล้
หลายวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบฉู่เชียนหลีพักฟื้นอยู่แต่ในจวน ไม่ได้ออกไปที่ไหนเลย เมื่อเห็นว่าอาการบาดเจ็บดีขึ้น นางกับอวิ๋นอิงนัดเวลา พรุ่งนี้จะลองไปดูที่สนามรบหน่อยหลายวันนี้ นางคิดเรื่องในวันนั้นตลอด‘ล้วนเป็นเพราะเจ้า อ๋องเฉินกับฮ่องเต้หลีถึงได้สู้กัน!’“เจ้ามันตัวหายนะ คืนชีวิตลูกชายข้ามา!”‘ข้ามีลูกชายแค่คนเดียว เขาเพิ่งอายุสิบหกปีเอง…’หัวใจของนางเหมือนถูกปกคลุมด้วยหมอกที่หนาทึบ ทำให้นางแทบหายใจไม่ออก ทันใดนั้น นางรู้สึกเหมือนมีภาระอันหนักอึ้งตกลงมาทับที่ไหล่“พระชายา อาหารเสริมของนายน้อยทั้งสองท่านทำเสร็จแล้ว จะป้อนตอนนี้เลยหรือไม่เจ้าคะ?” เสียวอู่ถือถาดเดินเข้ามาฉู่เชียนหลีหวนคืนสติ “ข้าเอง”“เจ้าค่ะ”เสียวอู่เดินเข้ามา โน้มกายส่งถาดให้ฉู่เชียนหลีหยิบชามขึ้นมา เป็นข้าวฟ่างต้มที่ปรุงด้วยถั่วแดง แครอท มันเทศ เนื้อแดง นำทั้งหมดมาต้มจนนิ่ม เหมาะกับเด็กอายุหนึ่งขวบ“แม่…”“แม่!”เว่ยซีกับจื่อเยี่ยจับโต๊ะ เท้าน้อยๆ ทรงตัวได้แล้ว สามารถจับกำแพงหรือเสาวิ่งเล่นในห้องแล้วเมื่อเห็นอาหาร เด็กทั้งสองเดินเข้ามาด้วยความดีใจฉู่เชียนหลีนั่งลง “นั่ง”“อืม!”เด็กทั้งสองนั่
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ