เป็นเพราะฉู่เชียนหลีใจอ่อน เขาถึงได้มาร่วมพิธีศพที่จวนอ๋องหลี ไม่อย่างนั้นละก็ เขาไม่มีทางเข้ามาเหยียบจวนอ๋องหลีแม้แต่ครึ่งก้าว!สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าหากอ๋องหลียังยั่วยุแบบนี้ เขาไม่มีทางลงมืออย่างออมมือแน่บรรดาแขก บรรดาคนใช้เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พากันวิจารณ์เสียงเบา“เหตุใดจู่ ๆ อ๋องหลีถึงอยากฆ่าอ๋องเฉิน คงจะไม่ใช่เพราะการตายของนางเว่ยเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินหรอกกระมัง?”“อย่าเอ็ดไป ได้ข่าวว่านางเว่ยตายอยู่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน แบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินได้อย่างไร?”“เหตุใดอ๋องเฉินถึงต้องทำร้ายนางเว่ย เหมือนว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรนี่?”“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าการตายของนางเว่ย จะต้องเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินแน่ อ๋องหลีถึงได้โมโหขนาดนี้...”“พูดแบบนี้ก็มีเหตุผล...”เสียงวิจารณ์เบา ๆ คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างแพร่กระจายออกไปเฟิงเย่เสวียนหมดความอดทน โอบเอวของฉู่เชียนหลี กำลังจะเดินออกไป“อย่าไป...”เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นด้วยร่างกายที่โงนเงน นิ้วที่ซีดขาวจับมีดสั้น เดินเข้าไปหาเขาอย่างโซเซ“คืน...ชีวิต...ท่านแม่ของข้ามา...”“อ๋องหลี
ในเมืองหลวง บรรดาชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องระหว่างท่านอ๋องทั้งสอง ก่อให้เกิดความคาดเดาขึ้นมากมายวันนี้แต่เช้าตรู่ ฝ่าบาทได้ทรงเรียกทั้งสองคนเข้าวัง เพื่อว่ากล่าว“เรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องทะเลาะกันแบบนี้ ต่อหน้าของทุกคนด้วย? จะเอาเกียรติของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหน!”ตบโต๊ะ โมโหอ๋องเฉินกับอ๋องหลีทะเลาะกัน ทำให้บรรดาชาวบ้านหัวเราะเยาะ ราชวงศ์ที่ผ่าเผย กลับกลายเป็นหัวข้อสนทนาในวงน้ำชาของชาวบ้าน จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สุสานหลวงถล่ม องค์ชายยังตีกัน เรื่องยังเยอะไม่พอหรือไร?“แต่ละคน ก็อายุยี่สิบกว่าปีกันแล้ว ทะเลาะอะไรกัน! ไม่แบ่งเบาภาระเราก็ชั่งแล้ว ต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นเช่นนี้ถึงจะพอใจใช่หรือไม่? เจ้าตายข้าอยู่? เราจะให้พวกจ้าสมปรารถนา!”ฝ่าบาทสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห กวาดฎีกาที่อยู่บนโต๊ะ โยนมีดสั้นเล่มหนึ่งลงไปเคร้ง...มีดสั้นตกลงบนพื้นอย่างเย็นเยียบ บรรดาขันทีตกใจจนรีบคุกเข่าลงไปบนพื้น ก้มหน้างุด ไม่กล้าหายใจดังท่านอ๋องทั้งสองท่านอยู่เคียงบ่ากันอยู่ด้านหน้าโต๊ะทรงงาน หลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยปาก แล้วก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน“เอาสิ ลงมือ!” ฝ่าบาทเดินไปที่ด้านหน้าของ
“เจ้า...”การอยู่กับภรรยาเป็นเรื่องสำคัญ แต่งานราชการไม่สำคัญหรือ? ยังพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจอีก เขาไม่รู้ว่าก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขนาดนั้นอย่างนั้นหรือ?เป็นเพราะเขาให้ท้ายเขาจนเคยตัวแล้ว!ผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีอุดมคติและความทะเยอทะยานอันสูงส่ง จะวนเวียนอยู่กับผู้หญิงได้อย่างไร?ภายภาคหน้าขึ้นครองบัลลังก์ นางสนมนางกำนัลมากมาย ผู้หญิงมากถมไป เอาหัวใจไปทุ่มเทที่ผู้หญิงคนเดียว มีแต่จะทำให้กลายเป็นกษัตริย์ที่ละเลยหน้าที่ฝ่าบาทขมวดคิ้ว กล่าว “ในเมื่อเจ้าชอบอยู่กับภรรยา ถ้าเช่นนั้นก็อยู่เสียให้พอ เรื่องการจัดงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษ มอบหมายให้เจ้าห้าไปทำ”เฟิงเย่เสวียนฟังจบ ใบหน้าไม่มีอารมณ์ใด ๆ เพียงแค่ประสานมือ ตอบ“เสด็จพ่อพอพระทัยก็พอพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบ ก็เดินออกไปสีหน้าของฝ่าบาทเคร่งขรึมทันทีเป็นเพราะให้ท้ายมากเกินไป!เขาต้องทำให้เขารู้ว่า หญิงสาวกับประเทศชาติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน จะต้องทำให้เขาเกิดความรู้สึกกังวลและกดดัน เมินเฉยเขาสักระยะหนึ่ง เขาก็จะรู้จักการแสวงหาความก้าวหน้า“เสด็จพ่อ แค่ก...หม่อมฉันรู้ว่าตนเองคุณสมบัติและประสบการณ์ไม่มากพอ เกรงว่าจะทำได้ไม่ดี...แค่กแค่ก อ
ฉู่เชียนหลีกลับประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อวานนี้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้แบบนั้น จงเกลียดจงชังแบบนี้ คิดตกได้เร็วขนาดนี้เลยหรือ?“ทำให้เจ้าต้องเป็นกังวลใจแล้ว” เฟิงเจิ้งหลียันโต๊ะทำงาน ดวงตาที่ซีดเซียวหันมองไปทางฉู่เชียนหลี ยกผลการสืบสวนในมือขึ้น ยิ้มอย่างอ่อนโยน “อันที่จริง เพียงแค่คำพูดของเจ้า ข้าก็เชื่อแล้ว”ภายในชั่วพริบตา อุณหภูมิบนร่างกายของเฟิงเย่เสวียนก็ลดฮวบลงทันที สายตาเย็นเยียบกล้ายั่วยุเขาอย่างเปิดเผย ต่อหน้าต่อตาของเขา ไม่จำใส่สมองเอาบ้างเสียเลย!ฉู่เชียนหลีกล่าว “นี่ไม่ใช่ข้าพูด ผลการสืบสวนเรื่องจริงเป็นเช่นนี้ ท่านสามารถไปสืบเองได้ ตอนนั้น มีคนมากมายอยู่ที่สุสานหลวง มีคนพยานและหลักฐานมากมายไม่สามารถปลอมแปลงได้”เฟิงเจิ้งหลียิ้มบาง ๆ ส่ายหน้า “ไม่สืบแล้ว ข้าเชื่อเจ้า การวางตัวและศีลธรรมของเจ้าควรข้าให้ข้าเชื่อ”เขาคิดแบบนั้นจริง ๆ นั่นเป็นเรื่องที่ดีที่สุดแล้วจริง ๆ แม้จะเสียใจกับการตายของฮูหยินเว่ย แต่เรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ทำได้แค่เพียงเดินหน้าต่อ“ได้ยินว่าเมื่อสองวันก่อนพระชายาของข้ามาเยี่ยมน้องสาวแล้ว ที่ข้ามาวันนี้ ก็เพื่อ
ตัวตนคืออะไร ก็ควรอยู่ที่ตรงนั้น หากพยายามรนหาที่ตายละก็ ผลลัพธ์มีเพียงอย่างเดียวเท่านั้นทั้งสองคนสบตากัน อากาศเย็นพุ่งเข้าใส่ ราวกับว่ากำลังจะเปิดสนามรบที่ไร้รูปร่างขึ้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายของดินปืนที่มองไม่เห็นเฟิงเย่เสวียนไม่อนุญาตให้ชายใดเข้าใกล้ฉู่เชียนหลี โดยเฉพาะเฟิงเจิ้งหลี ถ้าหากเขามีจุดประสงค์ ไม่หยุดลองหยั่งเชิงขีดจำกัดของเขาละก็ เขาจะทำให้เขาได้รู้ถึง ผลที่ตามมาของการแตะต่อมโมโหเฟิงเจิ้งหลีไม่กลัวอะไรทั้งสิ้นนางเว่ยตายแล้ว คนที่เขาเป็นห่วงเพียงคนเดียวบนโลกใบนี้ก็ไม่มีแล้ว เขาไม่กลัวแม้กระทั่งความเป็นความตาย แล้วจะหวาดกลัวต่อคำข่มขู่ของอ๋องเฉินได้อย่างไร?ภายในหัวสมองของเขามีเพียงความคิดเดียว แก้นแค้น!เขากับเฟิงเย่เสวียนไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้ ระหว่างพวกเขา ต้องมีคนใดคนหนึ่งตาย!“อาเฉิน...”ด้านนอกโถง ฉู่เชียนหลีกลับมาแล้วเฟิงเย่เสวียนกะพริบตา จากนั้นก็คลายมือออกจากคอเสื้อของอ๋องหลี ปัดรอยย่นบนเสื้อผ้าของเขา กล่าวเสียงเย็นชา“ในเมื่ออาการบาดเจ็บยังไม่หายดี ก็รออยู่ในจวน อย่าวิ่งไปทั่ว ขนาดยืนทรงตัวยังทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะไปตายอยู่ตรงซอกหลืบไหนเมื่อใด”เฟิงเจิ้
“ข้า...”ทันทีที่ฉู่เจียวเจียวอ้าปาก ก็สำลักทันทีนางรู้ว่าการตายของนางเว่ยเป็นอุบัติเหตุ แต่เป็นเพราะไม่ชอบขี้หน้าฉู่เชียนหลี แล้วก็ไม่ชอบท่าทางที่อ๋องหลีเข้าข้างฉู่เชียนหลี ถึงได้กัดและใส่ร้ายป้ายสีฉู่เชียนหลีอันที่จริง เดิมทีนางเว่ยไม่ต้องตายเมื่อคืนวานนี้ นางอยากจะไปคิดบัญชีกับฉู่เชียนหลี แต่กลับทำให้ฉู่เชียนหลีท้องแข็ง ถ้าหากนางอยู่ที่เรือนละก็ นางเว่ยก็ไม่มีทางวิ่งออกไปแต่นี่ก็ไม่นับว่าเป็นความผิดของนางนี่นา!ถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินไล่ท่านอ๋องไปที่สุสานหลวง นางต้องเป็นกังวลจนเสียสติไหม?“ท่านอ๋อง คืนวันนั้นข้าไปหาฉู่เชียนหลี ข้าอยากจะให้นางขอร้องอ๋องเฉิน ให้ท่านกลับมารักษาบาดแผล แต่ว่า...อ๋องเฉินพูดว่าข้าจุ้นจ้านมากเกินไป เลยคุมขังข้า ยังไม่ให้พบท่านแม่อีกด้วย”“คืนวันนั้น ท่านแม่อยู่ข้างนอก ข้าได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือของท่านแม้ ข้าอยากจะวิ่งออกไปจนจะเป็นบ้า แต่พวกเขาไม่อนุญาตให้ข้าออกไป คืนนั้นฝนตกหนักมาก อ๋องเฉินกับฉู่เชียนหลีจิตใจอำมหิตเหลือเกิน พวกเขาไม่สนใจท่านแม่ มองดูนางตายท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืน...”นางพูดจาเหลวไหล เบ้าตาแดงก่ำน้ำตาไหล น้ำเสียงสะอึกสะอื้น ท
ชั้นล่าง บรรดาผู้หญิงพากันแยกย้าย ที่ไปนอนพักก็ไปนอนพัก ที่แต่งหน้าก็แต่งหน้า ที่พูดคุยก็พูดคุย ขณะที่กำลังคุยกันเจี๊ยวจ๊าว จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดัง ‘ปังๆๆ’ จากชั้นบนเหมือนกับมีของหนักอะไรบางอย่างกลิ้งตกลงมายิ่งอยู่ยิ่งเสียงดัง ยิ่งอยู่ยิ่งเข้าใกล้ปัง…สุดท้ายกลิ้งลงมาถึงชั้นหนึ่ง ชนใส่เสาต้นหนึ่งจนเกิดเสียงดังสนั่น เมื่อพลิกคว่ำกลับมา เห็นเพียงผู้หญิงในชุดกระโปรงสีม่วง ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ศีรษะแตกเลือดไหลทะลัก ดวงตาเบิกกว้างและกลม สิ้นใจไปแล้ว“พี่เยาเอ๋อร์…”“มีคนตาย!”“ว้ายๆ!”หลังจากนั้นสองชั่วยาม วังหลวง ห้องทรงพระอักษร บรรยากาศตึงเครียด“ต้องเป็นฝีมือของอ๋องเฉินแน่นอน เสด็จพ่อโปรดออกหน้าแทนลูกที่ยังไม่เกิดของหม่อมฉันด้วย เด็กเป็นผู้บริสุทธิ์น่ะ!”อ๋องเฟิงคุกเข่าอยู่บนพื้น เบ้าตาแดงก่ำ เสียงสะอึกสะอื้น อารมณ์แปรปรวนมากแต่งงานแปดปี อายุเกือบสามสิบ ในที่สุดก็มีลูกหนึ่งคนแล้ว แต่เมื่อครู่ได้รับข่าวนี้ ตกตึกตาย หนึ่งศพสองชีวิตพริบตานั้น ตกจากสวรรค์สู่นรกไม่ได้รู้สึกอะไรกับการตายของเยาเอ๋อร์มากนัก แต่ลูกที่น่าสงสาร เขาแค่อยากได้ลูกที่เป็นของตนเอง!อยู่ดีๆ เยาเอ๋อร์จ
ทันทีที่เกิดเรื่องกับเยาเอ๋อร์ ทั้งหอจุ้ยเมิ่งถูกปิดกั้น คนที่อยู่ข้างในถูกควบคุมตัวทั้งหมด ตามคำบอกเล่าของพวกเขา ตอนนั้นแม่นางเยาเอ๋อร์พักผ่อนอยู่ชั้นบน และบนชั้นสามก็ไม่มีใครเลยมีความเป็นไปได้ที่นางอาจจะพลาดพลั้ง ไม่ระวังกลิ้งตกบันไดตายแต่เนื่องจากปัญหาระหว่างอ๋องเฟิงกับอ๋องเฉิน อ๋องเฟิงไม่ยอมละเว้นอ๋องเฉินง่ายๆ ฉู่เชียนหลีต้องการหาหลักฐานการตายธรรมชาติของเยาเอ๋อร์ เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของอ๋องเฉินแต่เมื่อสายตานางมองไปที่ศีรษะของเยาเอ๋อร์ ก็ต้องตะลึงงันฉับพลันรอก่อนค่อยๆ วางมือลงบนผมของนาง พลันนิ้วมือดึงเบาๆ ก็ดึงผมที่หลุดร่วงขึ้นมาหนึ่งกระจุกผมกระจุกนี้มีประมาณยี่สิบถึงสามสิบเส้น ตรงโคนผมเปื้อนเลือดแววตาฉู่เชียนหลีขรึมลง “นางถูกคนผลักตกจากบันได”ผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนตะลึงงันครู่หนึ่ง “เหตุใดพระชายาอ๋องเฉินพูดเช่นนี้?”“ดูเส้นผมนี่” นางยกมือขึ้น “ทุกคนผมร่วงได้ แต่โดยทั่วไปผมจะร่วงแค่หนึ่งหรือสองสามเส้น แต่เส้นผมกระจุกนี้บนหัวของนาง ถูกคนดึงจนหลุด”นางสงสัย มีคนกระชากผมของเยาเอ๋อร์ ผลักนางตกบันได“นี่…”พลันผู้ว่าการศาลาว่าการซุนเทียนดู เหมือนเป็นเช่นนี้จร
เมื่อไรที่แต่งตั้งแล้ว ก็ไม่สามารถเปลี่ยนหรือปลดได้ง่ายๆ“อ๋องเฉินสร้างผลงานด้านการทหาร ปกป้องบ้านเมือง สามารถพิทักษ์สันติสุขของราษฎรเจียงเป่ยนานห้าสิบปี จะมีสักกี่คนที่สามารถทำได้เช่นนี้? กระหม่อมคิดว่า อ๋องเฉินมีคุณสมบัตินั่งตำแหน่งรัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ”“กระหม่อมเห็นด้วย!”ขุนนางสิบกว่าคนทยอยกันคุกเข่าขอพระบัญชา พวกเขาล้วนเป็นพรรคของอ๋องเฉินพรรคของอ๋องหลีเห็นสถานการณ์ไม่ดี เริ่มร้อนใจแล้ว ต่างพากันพูดแทนอ๋องหลี“ฝ่าบาท หลายเดือนนี้ แรงกายแรงใจที่อ๋องหลีเสียสละ พระองค์ทรงเห็นกับตา ราษฎรก็คิดเช่นนี้ เขามีคุณธรรม มีเมตตา ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความกรุณา มีมิตรไมตรีที่ดี อุปนิสัยของเขาไม่ต้องสงสัยเลย”กษัตริย์ที่มีความเมตตา จึงจะสามารถรักราษฎรดุจลูก จึงจะสามารถปกครองแผ่นดินที่กว้างใหญ่เช่นนี้ ความเห็นของสองฝ่ายไม่ตรงกัน“แม้อ๋องหลีมีอุปนิสัยที่ดี แต่พระชายาของเขาไร้เหตุผล เพื่อเล่นงานพระชายาอ๋องเฉิน ถึงขั้นเอาชีวิตของพระนัดดาองค์โตมาล้อเล่น ผู้หญิงที่เหมือนคนบ้าคนนี้ ถ้าหากเป็นพระชายารัชทายาท มีแต่จะเป็นภัยของราษฎร”“ฝ่าบาท โปรดพิจารณา!”พรรคของอ๋องหลีเริ่มชะงักมองจากมุมของอ๋องห
“ไม่รู้ว่าอ๋องหลีได้รับความเชื่อใจจากฝ่าบาทอย่างไร ฝ่าบาทมักจะเข้าข้างเขาอย่างไร้เงื่อนไข ข้ากังวลว่าพวกเจ้าสู้กัน…จะไม่เป็นผลดีต่อเจ้า”“อย่าไปคิดมาก”นิ้วมือของเขาลูบคิ้วของนางเบาๆ เป็นการปลอบใจช่วงที่เขาไม่อยู่ นางได้แบกสิ่งต่างๆ มากมายตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มีเขาอยู่ นางไม่จำเป็นต้องกังวล ทุกอย่างปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเขา“ทหารมาใช้ขุนพลต้าน น้ำมาใช้ดินต้าน คนเราเกิดมาก็ต้องเจอกับปัญหา และไปแก้ไขปัญหา ในเมื่อฝ่าบาทเข้าข้างเขา อย่างไรก็ต้องมีวิธีอื่น ที่สามารถเลือกเดินได้”ขอเพียงครอบครัวของพวกเขาอยู่ด้วยกัน นี่จึงจะเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแล้ว ราชบัลลังก์นับอะไรไม่ได้เลย ล้วนเป็นสิ่งที่มีก็ได้ ไม่มีก็ได้ สิ่งเดียวที่เขาต้องการ นั่นก็คือนางกับลูก ฉู่เชียนหลีถอนหายใจเบาๆ พลางขยับร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาอย่างออดอ้อนนางสูดดมกลิ่นปอเหอบนร่างกายของเขา จิตใจสงบเป็นพิเศษกลับมาพบกันอีกครั้งหลังจากกันนาน ไม่อยากพูดถึงเรื่องไม่ดี“ใช่แล้ว” จู่ๆ นางก็กล่าว “ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย”ตอนนั้นเขาบอกว่าถ้าเป็นผู้ชายชื่อจิ่งสิง ถ้าเป็นผู้หญิงชื่ออวิ๋นก
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่