ฝนตกหนักที่เย็นเยียบทำให้ฮูหยินเว่ยเปียกชุ่มไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว เส้นผมก็หลุดกระจาย น้ำฝนที่เย็นยะเยือกตกลงกระทบพื้น เจ็บ ๆ แสบ ๆน้ำตากับน้ำฝนไหลลงมารวมกัน นางแยกไม่ออกแล้วว่าสรุปแล้วว่าตนควรจะหัวเราะ หรือว่าร้องไห้ดีเหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับหลีเอ๋อร์?หลีเอ๋อร์โชคร้ายมาตลอดทั้งชีวิต เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้ไม่นาน มารดาผู้ให้กำเนิดก็แขวนคอตาย นางเลี้ยงดูหลีเอ๋อร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อดทนต่อความดูถูกเหยียดหยาม อดกลั้นไม่กล้ามีปากเสียง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ แล้วก็เป็นเพราะล่วงเกินอ๋องเฉิน ถึงต้องตายโหงอยู่ในสุสานหลวงสวรรค์สวรรค์!ขอร้องท่านมีตา หลีเอ๋อร์น่าสงสารขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังต้องกดเขาให้ตกต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอีก! ทำไมถึงไม่ให้เขามีชีวิตรอดสักครั้ง! เขาทำอะไรผิดกันแน่ ก่อกรรมทำชั่วอะไร ถึงต้องลงโทษเขาแบบนี้!สวรรค์เอย!ฮูหยินเว่ยที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว พุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนอันมืดมิดอย่างเสียสติ วิ่งไปบนถนน กระแทกฝูงชนที่อยู่ข้างกายออกไป วิ่งไปที่ประตูวังหลวงด้วยความรวดเร็วที่สุด“ฝ่าบาท ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบ
เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของอ๋องเฉินสินะ...เป็นเพราะฉู่เชียนหลีชอบอ๋องหลี อ๋องเฉินไม่สามารถลงมือกับฉู่เชียนหลีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ จึงหันมาแก้แค้นอ๋องหลี ถึงขนาดบีบให้อ๋องหลีไปซ่อมแซมสุสานหลวง วางแผนคนเดียว บีบให้อ๋องหลีตายทั้งเป็น!มีความแค้นอะไรก็มาลงที่นางสิ!ให้นางไปตายแทนอ๋องหลี!“ท่านอ๋องเฉิน อ๋องเฉิน!” ฮูหยินเว่ยคุกเข่าอยู่ที่บนบันได ตะโกนใส่เสียงดังใส่จวนอ๋องเฉิน “ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า! ขอร้องท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ! ขอร้องท่านปล่อยเขาไป!”เสียงร้องไห้ที่แหบแห้ง ผสมผสานกับเสียงฝนตกที่ตกหนัก แทบจะได้ยินไม่ชัดร่างกายของนางใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้ว“ขอร้องท่านโปรดเมตตา! ข้ายอมตาย ข้าตาย! ขอร้องท่านละ! เขาเป็นพี่น้องของท่านนะ! ถึงแม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นนางกำลัง แต่เลือดที่ไหลเวียนภายในกายของพวกท่านเป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”คนทำ สวรรค์ดู การฝ่าฝืนคุณธรรมและศีลธรรม จะต้องประสบกับผลกรรม!พ่อบ้านชราเดินตรวจตราที่จวนรอบหนึ่ง กำลังเตรียมจะไปพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอยู่ราง ๆหูก็ตั้งขึ้น ลองตั้งใจฟังอย่
หลับตาไปแบบนี้ ความคิดค่อย ๆเลือนราง ร่างกายที่ผ่อนคลายสูญเสียความอบอุ่น หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนยามค่ำคืนและสุสานเกิดมาอย่างต่ำต้อย ก็ตายไปอย่างต่ำต้อยแต่เหตุใด หูถึงค่อย ๆ กลับมาได้ยินเสียงเช่นปกติ ท่ามกลางความมืดสลัว ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขา“ท่านอ๋องหลี...หมอหลวง...”“เร็วเข้า...”“ผ้าพันแผล...”เสียงมากมาย ดังโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหู ราวกับมีผึ้งหลายร้อยกำลังกระพือปีกบิน หึ่ง ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆเสียงพวกนั้นค่อย ๆไกลออกไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังเลือนราง มีคนกำลังพูดว่า“ท่านอ๋อง ฟื้นสิ ท่านฟื้นสิ...”“ฮูหยินจากไปแล้ว หรือว่าแม้แต่ท่านก็อยากจะจากไปด้วยงั้นหรือ?”ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นวิญญาณที่เลื่อนลอย ไม่มีจุดยึดเหนี่ยว ไม่มีร่างกายรองรับ ถึงขนาดที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆฮูหยิน...จากไปแล้ว?จากไปแล้ว...เป็นเพราะเขาตายไปแล้วงั้นหรือ ดังนั้นท่านแม่กับเขาจะได้พบกันแล้วน่าเสียดาย ท่านแม่เลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี เขายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณที่นางเลี้ยงดูเขามาเลย คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำเสียแล้วเขาเป็นลูกอกต
บ้านพัก ชานเมือง หลังจากพายุฝนผ่านไป อากาศแจ่มใส กลิ่นหอมของดินที่เข้มข้น ไม่รู้ว่านกบินมาจากไหนมาเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ส่งเสียงร้องกระโดดโลดเต้นตอนที่ฉู่เชียนหลีฟื้นขึ้นมา ก็ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่ม ใบหน้ามีความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านออกมา นำร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มุดแล้วมุดอีก เหมือนกับแมวจนปัญญาเพราะท้องที่ใหญ่โต ท้องขวางช่องว่างระหว่างพวกเขาสองคน“ฟื้นแล้ว” เฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะเล็กของนาง “นอนอีกสักเดี๋ยวค่อยลุก ดีไหม?”“อื้ม~”น้ำเสียงที่เกียจคร้านขึ้นจมูก ท่าทางสะลึมสะลือ น้ำเสียงแหบแห้ง แต่ว่าน่าฟังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามตื่นเยว่เอ๋อร์ยกกะละมังน้ำ มาช่วยล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นกินอาหารเช้าฉู่เชียนหลีกำลังคิดถึงอาการบาดเจ็บของอวิ๋นอิง เป็นเพราะเมื่อคืนท้องแข็ง ปวดท้องไม่หยุด ปวดจนตอนหลังเป็นตะคริว“เยว่เอ๋อร์ ทางจวนอ๋องส่งข่าวมาหรือไม่ อวิ๋นอิงเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็มุ่ยปาก“เมื่อคืนหานอิ๋งมาที่นี่ แต่ไม่เห็นว่าอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ เด็กรับใช้ที่มาส่งข่าวคนนั้นน่าจะถูกพระชายาอ๋องหลีซื้อตัว”เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่คิดถึงผู้หญิงของเขา เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว ตัดสินใจฆ่าทิ้ง อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่เป็นเพราะนึกถึงความเป็นพี่น้องกับเฟิงเจิ้งหลี แล้วก็ไม่อยากจะทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง ถึงได้ย้ายเขาไปที่อื่นเขาได้มีเมตตามากพอแล้วแต่เรื่องที่สุสานหลวงถล่ม กับการตายของฮูหยินเว่ย ล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเขาไม่เกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้“อาเฉิน ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่า...อ๋องหลีจะเชื่อหรือไม่? ฮูหยินเว่ยตายอยู่ที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน สำหรับเขาแล้ว ฮูหยินเว่ยเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต...” ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว “คนทำ สวรรค์มอง เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ละอายใจ”อีกอย่าง“ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียวเจียวล่วงเกินเจ้า ทำให้เจ้าท้องแข็ง ข้าจะไม่มีเวลาปลีกตัวได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะฉู่เจียวเจียว ข้าคงมีเวลามากพอรีบกลับไปที่สุสานหลวงเพื่อช่วยเขา ฮูหยินเว่ยก็คงจะไม่ตาย”น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความเยาะหยันจะว่าไป ก็เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวผู้หญิงเรื่องมากคนนั้น!ความเป็นความตายของอ๋องหลีกับฮูหยินเว่ย ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่นาง
ตอนที่คำว่า ‘เซ่นไหว้ผู้ตาย’ กระทบเข้ามาในดวงตาของเขา ทำให้เขาสั่นระริกไปทั้งตัว ภายในหัวสมองว่างเปล่าทันที ในเวลาเดียวกัน ในหูมีคำพูดที่เลือนรางประโยคหนึ่งดังก้องขึ้น‘ฮูหยินจากไปแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จะทิ้งพวกเราไปงั้นหรือ...’นั่น...นั่นไม่ใช่ความฝันหรือ?นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ยินจริง ๆ งั้นหรือ?จ้องมองการตกแต่งสีขาวโพลนนั่น ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นไม่ชัดเจน เลือนราง มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น ไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอ วิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุดท่านแม่!ไม่!นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!เขากำลังฝัน เขาตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา!“ท่านอ๋องฟื้นแล้ว!”“สวรรค์เอย ท่านอ๋องฟื้นแล้วจริง ๆ...หมอหลวงกล่าวว่าร่างกายของท่านอ่อนแอ ไม่ควรลุกจากเตียง ท่านรีบกลับ...โอ๊ย!”เขาผลักคนใช้ วิ่งไปที่โถงด้านหน้าอย่างล้มลุกคลุกคลาน เห็นโลงศพสีดำวางตั้งอยู่ที่ตรงกลางของโถง บนแผ่นป้ายวิญญาณ สลักตัวอักษรเอาไว้อย่างชัดเจน——สุสานนางเว่ยเว่ยซวงภายในพริบตา เขาสั่นเทาไปทั้งตัว ราวกับถูกฟ้าผ่า ขาทั้งสองอ่อนยวบคุกเข่าลงบนพื้น บาดแผลบนหน้าอกมีเลือดไหลออกมา
“พี่อวี๋ ท่านอย่าคิดเช่นนี้ จะเป็นหรือตายย่อมมีชะตากรรมเป็นของตัวเอง เมื่อคืนนี้...ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่จวนเช่นกัน”นางไม่อยู่ที่จวนอ๋องเฉิน พลาดข่าวช่วยเหลือฮูหยินเว่ยเช่นกัน เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนช่วยถ่ายทอดกำลังภายในให้นางเพื่อให้ครรภ์สงบ ไม่มีเวลาปลีกตัว แล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องของอ๋องหลีทางนี้ด้วยความบังเอิญทั้งหมด เป็นบ่อเกิดการตายของฮูหยินเว่ยถึงแม้ว่าจะเสียใจ แต่ก็จนปัญญาอ๋องติ้งโอบไหล่ของพระชายาอ๋องติ้ง ลูบเบา ๆ “ฮูหยิน เจ้าอย่าคิดมาก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดั่งที่เสียวฉู่พูด จะเป็นหรือตายย่อมเป็นลิขิตสวรรค์”เขาปลอบโยนนางคำโบราณว่าไว้ถูกต้อง ดวงถึงฆาตตอนไหน ก็ต้องตายตอนนั้นพระชายาอ๋องติ้งก้มหน้า สีหน้าซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กุมมือของฉู่เชียนหลีเอาไว้“เสียวฉู่ เมื่อคืนนี้ฮูหยินเว่ยไปหลายที่มาก ทั้งวังหลวง จวนอ๋องเฟิง จวนอ๋องเจวี๋ย แล้วก็จวนอ๋องอัน สุดท้ายกลับไปตายที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน อ๋องหลีเขา...จะคิดมากหรือไม่...”นางกังวลเรื่องนี้หากอ๋องหลีเกิดความเข้าใจอ๋องเฉินผิดเพียงเพราะเรื่อง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นความบาดหมางทางสายเ
คำพูดแปลก ๆ เพียงประโยคเดียว ทำให้ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไป จากนั้นก็สังเกตว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอยากจะอธิบาย แต่เฟิงเย่เสวียนก็เดินเข้ามาแล้ว“เหมือนกับเป็นการขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย เหตุใดจึงต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก”ชายหนุ่มในชุดสีดำสาวเท้ายาวเดินเข้ามา โอบเอวของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พานางถอยห่างออกไปสองก้าว ดวงตาดำขลับเหลือบมองเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงได้ความอ่อนโยนถ้าหากเขาคิดจะค่าใคร แค่ลงมือทันทีก็จบ เหตุใดจึงต้องย้ายเขาไปที่สุสานหลวง แล้วก็ทำให้สุสานหลวงถล่ม ให้มันยุ่งยากขนาดนั้นตอนนี้เป็นเพราะเรื่องสุสานหลวงถล่ม ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ประชาชนเกิดข้อวิจารณ์ ความวุ่นวายที่ตามมามีไม่น้อย“เฮอะ...” เฟิงเจิ้งหลีแค่นเสียงหัวเราะถูกต้อง ในสายตาของเขา ชีวิตของเขาก็แค่มดตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ?คิดจะทารุณก็ทำ อยากจะจัดการก็ทำ อยากจะทำอย่างไรก็ทำ เป็นเพราะเบื้องหลังของเขามีฝ่าบาทคอยหนุนหลัง แต่เขามีเพียงตัวคนเดียวตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดเป็นเพราะไร้คนคอยปกป้อง เขาได้รับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบเขาทนมามากพอแล้ว!เขายันโลงศพ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก การคุกเข่าเป็นเวล
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท