บ้านพัก ชานเมือง หลังจากพายุฝนผ่านไป อากาศแจ่มใส กลิ่นหอมของดินที่เข้มข้น ไม่รู้ว่านกบินมาจากไหนมาเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ส่งเสียงร้องกระโดดโลดเต้นตอนที่ฉู่เชียนหลีฟื้นขึ้นมา ก็ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่ม ใบหน้ามีความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านออกมา นำร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มุดแล้วมุดอีก เหมือนกับแมวจนปัญญาเพราะท้องที่ใหญ่โต ท้องขวางช่องว่างระหว่างพวกเขาสองคน“ฟื้นแล้ว” เฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะเล็กของนาง “นอนอีกสักเดี๋ยวค่อยลุก ดีไหม?”“อื้ม~”น้ำเสียงที่เกียจคร้านขึ้นจมูก ท่าทางสะลึมสะลือ น้ำเสียงแหบแห้ง แต่ว่าน่าฟังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามตื่นเยว่เอ๋อร์ยกกะละมังน้ำ มาช่วยล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นกินอาหารเช้าฉู่เชียนหลีกำลังคิดถึงอาการบาดเจ็บของอวิ๋นอิง เป็นเพราะเมื่อคืนท้องแข็ง ปวดท้องไม่หยุด ปวดจนตอนหลังเป็นตะคริว“เยว่เอ๋อร์ ทางจวนอ๋องส่งข่าวมาหรือไม่ อวิ๋นอิงเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็มุ่ยปาก“เมื่อคืนหานอิ๋งมาที่นี่ แต่ไม่เห็นว่าอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ เด็กรับใช้ที่มาส่งข่าวคนนั้นน่าจะถูกพระชายาอ๋องหลีซื้อตัว”เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่คิดถึงผู้หญิงของเขา เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว ตัดสินใจฆ่าทิ้ง อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่เป็นเพราะนึกถึงความเป็นพี่น้องกับเฟิงเจิ้งหลี แล้วก็ไม่อยากจะทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง ถึงได้ย้ายเขาไปที่อื่นเขาได้มีเมตตามากพอแล้วแต่เรื่องที่สุสานหลวงถล่ม กับการตายของฮูหยินเว่ย ล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเขาไม่เกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้“อาเฉิน ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่า...อ๋องหลีจะเชื่อหรือไม่? ฮูหยินเว่ยตายอยู่ที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน สำหรับเขาแล้ว ฮูหยินเว่ยเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต...” ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว “คนทำ สวรรค์มอง เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ละอายใจ”อีกอย่าง“ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียวเจียวล่วงเกินเจ้า ทำให้เจ้าท้องแข็ง ข้าจะไม่มีเวลาปลีกตัวได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะฉู่เจียวเจียว ข้าคงมีเวลามากพอรีบกลับไปที่สุสานหลวงเพื่อช่วยเขา ฮูหยินเว่ยก็คงจะไม่ตาย”น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความเยาะหยันจะว่าไป ก็เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวผู้หญิงเรื่องมากคนนั้น!ความเป็นความตายของอ๋องหลีกับฮูหยินเว่ย ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่นาง
ตอนที่คำว่า ‘เซ่นไหว้ผู้ตาย’ กระทบเข้ามาในดวงตาของเขา ทำให้เขาสั่นระริกไปทั้งตัว ภายในหัวสมองว่างเปล่าทันที ในเวลาเดียวกัน ในหูมีคำพูดที่เลือนรางประโยคหนึ่งดังก้องขึ้น‘ฮูหยินจากไปแล้ว ท่านอ๋องก็ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย จะทิ้งพวกเราไปงั้นหรือ...’นั่น...นั่นไม่ใช่ความฝันหรือ?นั่นเป็นสิ่งที่เขาได้ยินจริง ๆ งั้นหรือ?จ้องมองการตกแต่งสีขาวโพลนนั่น ดวงตาทั้งสองข้างของเขามีน้ำตารื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว มองเห็นไม่ชัดเจน เลือนราง มองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น ไม่สนใจร่างกายที่อ่อนแอ วิ่งออกไปอย่างเร็วที่สุดท่านแม่!ไม่!นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!เขากำลังฝัน เขาตายไปแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นภาพลวงตา!“ท่านอ๋องฟื้นแล้ว!”“สวรรค์เอย ท่านอ๋องฟื้นแล้วจริง ๆ...หมอหลวงกล่าวว่าร่างกายของท่านอ่อนแอ ไม่ควรลุกจากเตียง ท่านรีบกลับ...โอ๊ย!”เขาผลักคนใช้ วิ่งไปที่โถงด้านหน้าอย่างล้มลุกคลุกคลาน เห็นโลงศพสีดำวางตั้งอยู่ที่ตรงกลางของโถง บนแผ่นป้ายวิญญาณ สลักตัวอักษรเอาไว้อย่างชัดเจน——สุสานนางเว่ยเว่ยซวงภายในพริบตา เขาสั่นเทาไปทั้งตัว ราวกับถูกฟ้าผ่า ขาทั้งสองอ่อนยวบคุกเข่าลงบนพื้น บาดแผลบนหน้าอกมีเลือดไหลออกมา
“พี่อวี๋ ท่านอย่าคิดเช่นนี้ จะเป็นหรือตายย่อมมีชะตากรรมเป็นของตัวเอง เมื่อคืนนี้...ข้าก็ไม่ได้อยู่ที่จวนเช่นกัน”นางไม่อยู่ที่จวนอ๋องเฉิน พลาดข่าวช่วยเหลือฮูหยินเว่ยเช่นกัน เป็นเพราะเฟิงเย่เสวียนช่วยถ่ายทอดกำลังภายในให้นางเพื่อให้ครรภ์สงบ ไม่มีเวลาปลีกตัว แล้วก็ไม่ได้สนใจเรื่องของอ๋องหลีทางนี้ด้วยความบังเอิญทั้งหมด เป็นบ่อเกิดการตายของฮูหยินเว่ยถึงแม้ว่าจะเสียใจ แต่ก็จนปัญญาอ๋องติ้งโอบไหล่ของพระชายาอ๋องติ้ง ลูบเบา ๆ “ฮูหยิน เจ้าอย่าคิดมาก นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า ดั่งที่เสียวฉู่พูด จะเป็นหรือตายย่อมเป็นลิขิตสวรรค์”เขาปลอบโยนนางคำโบราณว่าไว้ถูกต้อง ดวงถึงฆาตตอนไหน ก็ต้องตายตอนนั้นพระชายาอ๋องติ้งก้มหน้า สีหน้าซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวา แต่ทันใดนั้นนางก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กุมมือของฉู่เชียนหลีเอาไว้“เสียวฉู่ เมื่อคืนนี้ฮูหยินเว่ยไปหลายที่มาก ทั้งวังหลวง จวนอ๋องเฟิง จวนอ๋องเจวี๋ย แล้วก็จวนอ๋องอัน สุดท้ายกลับไปตายที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน อ๋องหลีเขา...จะคิดมากหรือไม่...”นางกังวลเรื่องนี้หากอ๋องหลีเกิดความเข้าใจอ๋องเฉินผิดเพียงเพราะเรื่อง ถ้าเช่นนั้นก็จะเป็นความบาดหมางทางสายเ
คำพูดแปลก ๆ เพียงประโยคเดียว ทำให้ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไป จากนั้นก็สังเกตว่าเขาเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไปอยากจะอธิบาย แต่เฟิงเย่เสวียนก็เดินเข้ามาแล้ว“เหมือนกับเป็นการขยี้มดตัวหนึ่งให้ตาย เหตุใดจึงต้องทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก”ชายหนุ่มในชุดสีดำสาวเท้ายาวเดินเข้ามา โอบเอวของฉู่เชียนหลีเอาไว้ พานางถอยห่างออกไปสองก้าว ดวงตาดำขลับเหลือบมองเฟิงเจิ้งหลีน้ำเสียงได้ความอ่อนโยนถ้าหากเขาคิดจะค่าใคร แค่ลงมือทันทีก็จบ เหตุใดจึงต้องย้ายเขาไปที่สุสานหลวง แล้วก็ทำให้สุสานหลวงถล่ม ให้มันยุ่งยากขนาดนั้นตอนนี้เป็นเพราะเรื่องสุสานหลวงถล่ม ทำให้ฝ่าบาทไม่พอพระทัย ประชาชนเกิดข้อวิจารณ์ ความวุ่นวายที่ตามมามีไม่น้อย“เฮอะ...” เฟิงเจิ้งหลีแค่นเสียงหัวเราะถูกต้อง ในสายตาของเขา ชีวิตของเขาก็แค่มดตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ?คิดจะทารุณก็ทำ อยากจะจัดการก็ทำ อยากจะทำอย่างไรก็ทำ เป็นเพราะเบื้องหลังของเขามีฝ่าบาทคอยหนุนหลัง แต่เขามีเพียงตัวคนเดียวตลอดยี่สิบห้าปีที่ผ่านมา ก็เป็นเช่นนี้มาตลอดเป็นเพราะไร้คนคอยปกป้อง เขาได้รับความอัปยศอดสูทุกรูปแบบเขาทนมามากพอแล้ว!เขายันโลงศพ ลุกขึ้นอย่างยากลำบาก การคุกเข่าเป็นเวล
เป็นเพราะฉู่เชียนหลีใจอ่อน เขาถึงได้มาร่วมพิธีศพที่จวนอ๋องหลี ไม่อย่างนั้นละก็ เขาไม่มีทางเข้ามาเหยียบจวนอ๋องหลีแม้แต่ครึ่งก้าว!สิ่งที่ควรพูดก็พูดไปหมดแล้ว ถ้าหากอ๋องหลียังยั่วยุแบบนี้ เขาไม่มีทางลงมืออย่างออมมือแน่บรรดาแขก บรรดาคนใช้เมื่อเห็นฉากนี้ ทุกคนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พากันวิจารณ์เสียงเบา“เหตุใดจู่ ๆ อ๋องหลีถึงอยากฆ่าอ๋องเฉิน คงจะไม่ใช่เพราะการตายของนางเว่ยเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินหรอกกระมัง?”“อย่าเอ็ดไป ได้ข่าวว่านางเว่ยตายอยู่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน แบบนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินได้อย่างไร?”“เหตุใดอ๋องเฉินถึงต้องทำร้ายนางเว่ย เหมือนว่าระหว่างพวกเขาไม่มีความแค้นอะไรนี่?”“เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้ แต่ว่าการตายของนางเว่ย จะต้องเกี่ยวข้องกับอ๋องเฉินแน่ อ๋องหลีถึงได้โมโหขนาดนี้...”“พูดแบบนี้ก็มีเหตุผล...”เสียงวิจารณ์เบา ๆ คำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ บางอย่างแพร่กระจายออกไปเฟิงเย่เสวียนหมดความอดทน โอบเอวของฉู่เชียนหลี กำลังจะเดินออกไป“อย่าไป...”เฟิงเจิ้งหลีลุกขึ้นด้วยร่างกายที่โงนเงน นิ้วที่ซีดขาวจับมีดสั้น เดินเข้าไปหาเขาอย่างโซเซ“คืน...ชีวิต...ท่านแม่ของข้ามา...”“อ๋องหลี
ในเมืองหลวง บรรดาชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์เรื่องระหว่างท่านอ๋องทั้งสอง ก่อให้เกิดความคาดเดาขึ้นมากมายวันนี้แต่เช้าตรู่ ฝ่าบาทได้ทรงเรียกทั้งสองคนเข้าวัง เพื่อว่ากล่าว“เรื่องอะไรกันแน่ถึงต้องทะเลาะกันแบบนี้ ต่อหน้าของทุกคนด้วย? จะเอาเกียรติของราชวงศ์ไปไว้ที่ไหน!”ตบโต๊ะ โมโหอ๋องเฉินกับอ๋องหลีทะเลาะกัน ทำให้บรรดาชาวบ้านหัวเราะเยาะ ราชวงศ์ที่ผ่าเผย กลับกลายเป็นหัวข้อสนทนาในวงน้ำชาของชาวบ้าน จะให้เขาเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?สุสานหลวงถล่ม องค์ชายยังตีกัน เรื่องยังเยอะไม่พอหรือไร?“แต่ละคน ก็อายุยี่สิบกว่าปีกันแล้ว ทะเลาะอะไรกัน! ไม่แบ่งเบาภาระเราก็ชั่งแล้ว ต้องทะเลาะกันจนกลายเป็นเช่นนี้ถึงจะพอใจใช่หรือไม่? เจ้าตายข้าอยู่? เราจะให้พวกจ้าสมปรารถนา!”ฝ่าบาทสะบัดแขนเสื้อด้วยความโมโห กวาดฎีกาที่อยู่บนโต๊ะ โยนมีดสั้นเล่มหนึ่งลงไปเคร้ง...มีดสั้นตกลงบนพื้นอย่างเย็นเยียบ บรรดาขันทีตกใจจนรีบคุกเข่าลงไปบนพื้น ก้มหน้างุด ไม่กล้าหายใจดังท่านอ๋องทั้งสองท่านอยู่เคียงบ่ากันอยู่ด้านหน้าโต๊ะทรงงาน หลุบตาลงเล็กน้อย ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยปาก แล้วก็ไม่ได้ขยับเช่นกัน“เอาสิ ลงมือ!” ฝ่าบาทเดินไปที่ด้านหน้าของ
“เจ้า...”การอยู่กับภรรยาเป็นเรื่องสำคัญ แต่งานราชการไม่สำคัญหรือ? ยังพูดด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจอีก เขาไม่รู้ว่าก่อให้เกิดหายนะครั้งใหญ่ขนาดนั้นอย่างนั้นหรือ?เป็นเพราะเขาให้ท้ายเขาจนเคยตัวแล้ว!ผู้ชายคนหนึ่ง ที่มีอุดมคติและความทะเยอทะยานอันสูงส่ง จะวนเวียนอยู่กับผู้หญิงได้อย่างไร?ภายภาคหน้าขึ้นครองบัลลังก์ นางสนมนางกำนัลมากมาย ผู้หญิงมากถมไป เอาหัวใจไปทุ่มเทที่ผู้หญิงคนเดียว มีแต่จะทำให้กลายเป็นกษัตริย์ที่ละเลยหน้าที่ฝ่าบาทขมวดคิ้ว กล่าว “ในเมื่อเจ้าชอบอยู่กับภรรยา ถ้าเช่นนั้นก็อยู่เสียให้พอ เรื่องการจัดงานเซ่นไหว้บรรพบุรุษ มอบหมายให้เจ้าห้าไปทำ”เฟิงเย่เสวียนฟังจบ ใบหน้าไม่มีอารมณ์ใด ๆ เพียงแค่ประสานมือ ตอบ“เสด็จพ่อพอพระทัยก็พอพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบ ก็เดินออกไปสีหน้าของฝ่าบาทเคร่งขรึมทันทีเป็นเพราะให้ท้ายมากเกินไป!เขาต้องทำให้เขารู้ว่า หญิงสาวกับประเทศชาติ สิ่งใดสำคัญกว่ากัน จะต้องทำให้เขาเกิดความรู้สึกกังวลและกดดัน เมินเฉยเขาสักระยะหนึ่ง เขาก็จะรู้จักการแสวงหาความก้าวหน้า“เสด็จพ่อ แค่ก...หม่อมฉันรู้ว่าตนเองคุณสมบัติและประสบการณ์ไม่มากพอ เกรงว่าจะทำได้ไม่ดี...แค่กแค่ก อ