ณ ชานเมือง ภายในบ้านพักที่สภาพแวดล้อมดีมาก ถึงขั้นเงียบสงบ ตอนที่เฟิงเย่เสวียนยังอยู่ ฉู่เชียนหลีกำลังอาบแดดอยู่ในสวน ทันทีที่เขาไป ท้องฟ้าก็มีเมฆดำปรากฏขึ้น แล้วก็มีฝนตกตกอยู่สี่ชั่วยามก็ยังคงตกอยู่ฝนตกหนักดังซู่ซ่า ตั้งแต่เช้ายันพลบค่ำ พื้นเต็มไปด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ลมพัดเข้ามาจากทางหน้าต่าง หนาวยะเยือก“พระชายา ท่านอย่ายืนอยู่ริมหน้าต่างเลยเจ้าค่ะ ระวังสุขภาพด้วย”เยว่เอ๋อร์รีบห่มเสื้อคลุมผืนหนาให้นาง เกรงว่านางจะต้องลมหนาวคนที่กำลังตั้งท้องไม่สามารถกินยาได้ตามอำเภอใจ จะไม่ดีต่อเด็กฉู่เชียนหลีกระชับเสื้อผ้าบนร่างกาย หันหน้าไปมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ท่าทางที่อึมครึมนั่น เหมือนกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาตลอดหลายเดือนมานี้ ยังไม่เคยเห็นฝนตกหนักขนาดนี้มาก่อน“ท่านอ๋องยังไม่กลับมา?”เยว่เอ๋อร์ตอบ “ท่านอ๋องอาจจะกำลังยุ่งอยู่ เมื่อเขาเสร็จธุระก็จะกลับมา อีกอย่าง วันนี้ฝนตกทั้งวัน ท่านอ๋องอยากจะกลับมา ก็จำต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน”ฝนตกหนักเกินไป จะตัวเปียกเอาได้ฉู่เชียนหลีหลุบตาลงไม่เห็นเขาทั้งวัน ก็รู้สึกจิตใจหดหู่แปลก ๆบ้านพักแห่งนี
จวนอ๋องหลีอ๋องหลีได้เดินทางไปเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนแล้ว...ฉู่เจียวเจียวหลับตาไม่ลงมาตลอด นางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองฝนที่ตกหนักมาสองวันหนึ่งคืนแล้ว ดวงตาคู่นั้นทั้งแห้งทั้งแดง เนื่องจากผ่านการร้องไห้ ประกอบกับถูกลมพัด แดงก่ำจนเต็มไปด้วยเส้นเลือด แดงก่ำจนเหมือนใกล้จะมีเลือดไหลออกมามือเท้าของนาง เย็นเฉียบ แม้กระทั่งท้องก็เย็นเช่นกัน เย็นจนเหมือนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของลูกฝนยิ่งตกยิ่งหนัก หัวใจของนางยิ่งหนาวเหน็บขึ้นเรื่อย ๆ...ท่านอ๋องแม้กระทั่งลุกขึ้นยังลำบาก แต่กลับกำลังดำเนินภารกิจซ่อมอยู่ในสุสานหลวง ฝนตกห่าใหญ่ขนาดนี้ แล้วเขาก็ยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นอีกด้วย แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรง ก็ไม่มีทางทนรับความทรมานแบบนี้ได้เมื่อนางจินตนาการถึงภาพที่ท่านอ๋องเปียกปอนไปทั้งตัว บาดแผลฉีกขาด น้ำฝนผสมเข้ากับเลือดไหลรินเป็นทาง...ทุกครั้งที่นึกถึง ความเกลียดแค้นภายในใจของนางก็เพิ่มมากขึ้นฉู่เชียนหลี!ฉู่เชียนหลี!ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า!ท่านอ๋องไม่มีชีวิตรอด เจ้าเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นกัน เจ้า ลูกของเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้ลองลิ้มรสชาติความเจ็บปวดแบบนี้!นางดึงลิ้นชัก
ความหมายของฉู่เชียนหลีคือ เห็นคุณค่าปัจจุบัน ใช้ชีวิตให้ดี เฉิดฉายและมั่นใจในตนเอง ทุกคนมีเพียงหนึ่งเดียว คนไม่มีทางรู้ว่าระหว่างวันพรุ่งนี้กับสิ่งที่คาดไม่ถึงอันไหนจะมาถึงก่อนเมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ กลับคิดว่าขนาดพระชายายังพูดข้อดีของนางออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงพูดแบบนี้เพื่อปลอบโยนนางนางไม่มีข้อดีเมื่อมองอวิ๋นอิง เป็นทั้งวรยุทธ์ ทั้งฉลาดปราดเปรื่อง ทั้งรู้หนังสือ ทั้งเขียนหนังสือเป็น ไม่เหมือนนาง...นางเบะปาก นำหนังสือละครโยนลงบนโต๊ะ ตอบกลับเสียงอู้อี้“อ่อ...”ในใจของฉู่เชียนหลี กระสับกระส่ายอีกครั้ง...นางไม่ได้สนใจอารมณ์เล็ก ๆ ของเยว่เอ๋อร์ นางไม่ได้เจอหน้าเฟิงเย่เสวียนมาสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เฟิงเย่เสวียนจะกลับมาทุกวัน มากอดนางนอนหลับนางเป็นห่วง...“พระชายา แย่แล้ว!”จู่ ๆ ด้านนอก เด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งฝ่าฝนที่ตกหนักเข้ามาเป็นเด็กรับใช้ของจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลีคุ้นหน้าดีแม้ว่าเด็กรับใช้จะถือร่มกระดาษน้ำมัน เสื้อผ้าเปียกปอน วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “พระชายา แย่แล้ว แม่นางอวิ๋นอิงสะดุดล้มโดยไม่ทันระวังเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน หัวเข่าพับ ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้
ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักทันทีอ๋องหลี?ตาย?“หมายความว่าอย่างไร?” นางหันหน้ากลับไปมองฉู่เจียวเจียว “ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เจียวเจียวหัวเราะอย่างถากถาง “ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ!”ดูสิ!ดูสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลีซิ! เหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสแสร้งได้สมจริง ทักษะการแสดงที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่นางก็เกือบจะถูกหลอกเฟิงเจิ้งหลีชอบคนแพศยาแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ!“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันสารเลวยิ่งนัก! เจ้ามันสารเลวจริง ๆ! ฝนตกหนักขนาดนี้ เฟิงเจิ้งหลีบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนบังคับให้ไปซ่อมแซมสุสานหลวง พวกเจ้าบีบให้เฟิงเจิ้งหลีถึงทางตันฮ่า ๆ ๆ!”อะไรนะ!ฉู่เชียนหลีไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียวเป็นฝีมือของเฟิงเย่เสวียนหรือว่าเพื่อปิดบังเรื่องนี้แล้ว เฟิงเย่เสวียนถึงได้จัดการให้นางอยู่ที่บ้านพักชานเมืองแห่งนี้ชั่วคราว?ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ละก็...“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!” นางถามเสียงเย็นชา“ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ! ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหรอกหรือ เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ?” ฉู่เจียวเจียวหัวเราะเสียงดังอย่างเยาะหยั
เฟิงเย่เสวียนไม่ปฏิเสธ จ้องมองนาง เพียงแค่ถาม“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนที่โหดร้ายถึงขั้นฆ่าพี่น้องได้เลยหรือ?”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปทันที สังเกตเห็นว่าคำพูดประโยคนี้ตนไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะว่าถูกฉู่เจียวเจียวโจมตี เจ็บท้องจนสติเลอะเลือนไปแล้วภายในจิตใต้สำนึก นางไม่หวังให้อ๋องหลีตายความผิดของเขาไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นตาย“ขอโทษ อาเฉิน ข้าไม่ได้สงสัยในเจตนาของเจ้า ข้าเพียงแค่ถามเท่านั้น...” คำพูดที่ร้อนใจเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้ท้องของนางยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม สีหน้ายิ่งซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆแม้ว่าเฟิงเย่เสวียนจะโมโหใส่ผู้ใดก็ตาม ก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับฉู่เชียนหลีอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็วางนางนอนราบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เรียบร้อย จับมือของนางขึ้นมา ฝ่ามือของเขาทาบกับฝ่ามือของนาง จากนั้นก็รวบรวมกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของนาง“อย่าพูดเลย กลั้นลมหายใจรวบรวมสติปัญญา ข้าจะทำให้การหายใจของเจ้าสงบลงก่อน”ถ่ายทอดกำลังภายใน ผ่อนคลายความเจ็บปวดนางจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เจ็บจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น การหายใจที่หอบรุนแรง ร่างกายกระตุกเบา ๆ หลายที...น
ฝนตกหนักที่เย็นเยียบทำให้ฮูหยินเว่ยเปียกชุ่มไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว เส้นผมก็หลุดกระจาย น้ำฝนที่เย็นยะเยือกตกลงกระทบพื้น เจ็บ ๆ แสบ ๆน้ำตากับน้ำฝนไหลลงมารวมกัน นางแยกไม่ออกแล้วว่าสรุปแล้วว่าตนควรจะหัวเราะ หรือว่าร้องไห้ดีเหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับหลีเอ๋อร์?หลีเอ๋อร์โชคร้ายมาตลอดทั้งชีวิต เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้ไม่นาน มารดาผู้ให้กำเนิดก็แขวนคอตาย นางเลี้ยงดูหลีเอ๋อร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อดทนต่อความดูถูกเหยียดหยาม อดกลั้นไม่กล้ามีปากเสียง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ แล้วก็เป็นเพราะล่วงเกินอ๋องเฉิน ถึงต้องตายโหงอยู่ในสุสานหลวงสวรรค์สวรรค์!ขอร้องท่านมีตา หลีเอ๋อร์น่าสงสารขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังต้องกดเขาให้ตกต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอีก! ทำไมถึงไม่ให้เขามีชีวิตรอดสักครั้ง! เขาทำอะไรผิดกันแน่ ก่อกรรมทำชั่วอะไร ถึงต้องลงโทษเขาแบบนี้!สวรรค์เอย!ฮูหยินเว่ยที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว พุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนอันมืดมิดอย่างเสียสติ วิ่งไปบนถนน กระแทกฝูงชนที่อยู่ข้างกายออกไป วิ่งไปที่ประตูวังหลวงด้วยความรวดเร็วที่สุด“ฝ่าบาท ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบ
เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของอ๋องเฉินสินะ...เป็นเพราะฉู่เชียนหลีชอบอ๋องหลี อ๋องเฉินไม่สามารถลงมือกับฉู่เชียนหลีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ จึงหันมาแก้แค้นอ๋องหลี ถึงขนาดบีบให้อ๋องหลีไปซ่อมแซมสุสานหลวง วางแผนคนเดียว บีบให้อ๋องหลีตายทั้งเป็น!มีความแค้นอะไรก็มาลงที่นางสิ!ให้นางไปตายแทนอ๋องหลี!“ท่านอ๋องเฉิน อ๋องเฉิน!” ฮูหยินเว่ยคุกเข่าอยู่ที่บนบันได ตะโกนใส่เสียงดังใส่จวนอ๋องเฉิน “ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า! ขอร้องท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ! ขอร้องท่านปล่อยเขาไป!”เสียงร้องไห้ที่แหบแห้ง ผสมผสานกับเสียงฝนตกที่ตกหนัก แทบจะได้ยินไม่ชัดร่างกายของนางใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้ว“ขอร้องท่านโปรดเมตตา! ข้ายอมตาย ข้าตาย! ขอร้องท่านละ! เขาเป็นพี่น้องของท่านนะ! ถึงแม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นนางกำลัง แต่เลือดที่ไหลเวียนภายในกายของพวกท่านเป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”คนทำ สวรรค์ดู การฝ่าฝืนคุณธรรมและศีลธรรม จะต้องประสบกับผลกรรม!พ่อบ้านชราเดินตรวจตราที่จวนรอบหนึ่ง กำลังเตรียมจะไปพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอยู่ราง ๆหูก็ตั้งขึ้น ลองตั้งใจฟังอย่
หลับตาไปแบบนี้ ความคิดค่อย ๆเลือนราง ร่างกายที่ผ่อนคลายสูญเสียความอบอุ่น หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนยามค่ำคืนและสุสานเกิดมาอย่างต่ำต้อย ก็ตายไปอย่างต่ำต้อยแต่เหตุใด หูถึงค่อย ๆ กลับมาได้ยินเสียงเช่นปกติ ท่ามกลางความมืดสลัว ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขา“ท่านอ๋องหลี...หมอหลวง...”“เร็วเข้า...”“ผ้าพันแผล...”เสียงมากมาย ดังโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหู ราวกับมีผึ้งหลายร้อยกำลังกระพือปีกบิน หึ่ง ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆเสียงพวกนั้นค่อย ๆไกลออกไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังเลือนราง มีคนกำลังพูดว่า“ท่านอ๋อง ฟื้นสิ ท่านฟื้นสิ...”“ฮูหยินจากไปแล้ว หรือว่าแม้แต่ท่านก็อยากจะจากไปด้วยงั้นหรือ?”ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นวิญญาณที่เลื่อนลอย ไม่มีจุดยึดเหนี่ยว ไม่มีร่างกายรองรับ ถึงขนาดที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆฮูหยิน...จากไปแล้ว?จากไปแล้ว...เป็นเพราะเขาตายไปแล้วงั้นหรือ ดังนั้นท่านแม่กับเขาจะได้พบกันแล้วน่าเสียดาย ท่านแม่เลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี เขายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณที่นางเลี้ยงดูเขามาเลย คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำเสียแล้วเขาเป็นลูกอกต
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท