“อะไรนะ?!”ฉู่เจียวเจียวเบิกตากว้าง แทบจะกรีดร้องเสียงแหลมออก “ท่านอ๋องได้รับบาดเจ็บสาหัส รักษาชีวิตเอาไว้ได้ไม่ง่ายเลย ยังรักษาตัวไม่ทันหายดี เหตุใดจึงต้องไปที่สุสานหลวง! ทำแบบนี้เป็นการเอาชีวิตเขาไม่ใช่หรือ!”แม้แต่ลงจากเตียงเขายังทำได้อย่างยากลำบาก เพื่อรับราชโองการ ต้องเดินหลายก้าว เลือดนองเต็มพื้น หายใจรวยรินถ้าหากไปซ่อมแซมสุสานหลวง จะต้องตายอย่างแน่นอน!เฟิงเย่เสวียนพับราชโองการ จากนั้นโยนไปที่ตรงหน้าของเฟิงเจิ้งหลี “นี่คือพระประสงค์ของฝ่าบาท ไปหรือไม่ไป ไม่ได้อยู่ที่ข้า”ทันทีที่พูดอย่างเฉยชาจบ ก็หันหลังแล้วเดินจากไป“ท่านอ๋อง ท่านอ๋อง! ท่านอย่าไป!” ฉู่เจียวเจียวคลานเข่ามาข้างหน้าอย่างร้อนใจ “ร่างกายของท่านทนต่อการทรมานอีกไม่ไหว อาการบาดเจ็บของท่านสาหัสมาก! ท่านหมอบอกว่าท่านเสียเลือดมากเกินไป ถ้าหากท่านยังได้รับความเจ็บปวดอีกละก็ ท่านจะตายได้!”“หลีเอ๋อร์ เจ้าอย่าไปนะ!” ฮูหยินเว่ยร้องไห้เสียงดัง “เหตุใดฝ่าบาททรงพระทัยดำเช่นนี้ เขาทำได้อย่างไร! เจ้าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพระองค์นะ!”ฉู่เจียวเจียวฝืนยิ้มนี่เป็นพระประสงค์ของฝ่าบาทที่ไหนกัน? เห็นได้ชัดว่าเป็นความตั้งใจขอ
ณ ชานเมือง ภายในบ้านพักที่สภาพแวดล้อมดีมาก ถึงขั้นเงียบสงบ ตอนที่เฟิงเย่เสวียนยังอยู่ ฉู่เชียนหลีกำลังอาบแดดอยู่ในสวน ทันทีที่เขาไป ท้องฟ้าก็มีเมฆดำปรากฏขึ้น แล้วก็มีฝนตกตกอยู่สี่ชั่วยามก็ยังคงตกอยู่ฝนตกหนักดังซู่ซ่า ตั้งแต่เช้ายันพลบค่ำ พื้นเต็มไปด้วยแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดตก ฝนตกอย่างต่อเนื่อง ลมพัดเข้ามาจากทางหน้าต่าง หนาวยะเยือก“พระชายา ท่านอย่ายืนอยู่ริมหน้าต่างเลยเจ้าค่ะ ระวังสุขภาพด้วย”เยว่เอ๋อร์รีบห่มเสื้อคลุมผืนหนาให้นาง เกรงว่านางจะต้องลมหนาวคนที่กำลังตั้งท้องไม่สามารถกินยาได้ตามอำเภอใจ จะไม่ดีต่อเด็กฉู่เชียนหลีกระชับเสื้อผ้าบนร่างกาย หันหน้าไปมองท้องฟ้าที่มืดครึ้ม ท่าทางที่อึมครึมนั่น เหมือนกับว่าท้องฟ้าจะถล่มลงมาตลอดหลายเดือนมานี้ ยังไม่เคยเห็นฝนตกหนักขนาดนี้มาก่อน“ท่านอ๋องยังไม่กลับมา?”เยว่เอ๋อร์ตอบ “ท่านอ๋องอาจจะกำลังยุ่งอยู่ เมื่อเขาเสร็จธุระก็จะกลับมา อีกอย่าง วันนี้ฝนตกทั้งวัน ท่านอ๋องอยากจะกลับมา ก็จำต้องรอให้ฝนหยุดตกก่อน”ฝนตกหนักเกินไป จะตัวเปียกเอาได้ฉู่เชียนหลีหลุบตาลงไม่เห็นเขาทั้งวัน ก็รู้สึกจิตใจหดหู่แปลก ๆบ้านพักแห่งนี
จวนอ๋องหลีอ๋องหลีได้เดินทางไปเป็นเวลาสองวันหนึ่งคืนแล้ว...ฉู่เจียวเจียวหลับตาไม่ลงมาตลอด นางนั่งอยู่ริมหน้าต่าง จ้องมองฝนที่ตกหนักมาสองวันหนึ่งคืนแล้ว ดวงตาคู่นั้นทั้งแห้งทั้งแดง เนื่องจากผ่านการร้องไห้ ประกอบกับถูกลมพัด แดงก่ำจนเต็มไปด้วยเส้นเลือด แดงก่ำจนเหมือนใกล้จะมีเลือดไหลออกมามือเท้าของนาง เย็นเฉียบ แม้กระทั่งท้องก็เย็นเช่นกัน เย็นจนเหมือนไม่รู้สึกถึงการมีอยู่ของลูกฝนยิ่งตกยิ่งหนัก หัวใจของนางยิ่งหนาวเหน็บขึ้นเรื่อย ๆ...ท่านอ๋องแม้กระทั่งลุกขึ้นยังลำบาก แต่กลับกำลังดำเนินภารกิจซ่อมอยู่ในสุสานหลวง ฝนตกห่าใหญ่ขนาดนี้ แล้วเขาก็ยังบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้นอีกด้วย แม้ว่าร่างกายจะแข็งแรง ก็ไม่มีทางทนรับความทรมานแบบนี้ได้เมื่อนางจินตนาการถึงภาพที่ท่านอ๋องเปียกปอนไปทั้งตัว บาดแผลฉีกขาด น้ำฝนผสมเข้ากับเลือดไหลรินเป็นทาง...ทุกครั้งที่นึกถึง ความเกลียดแค้นภายในใจของนางก็เพิ่มมากขึ้นฉู่เชียนหลี!ฉู่เชียนหลี!ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะเจ้า!ท่านอ๋องไม่มีชีวิตรอด เจ้าเองก็ไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขเช่นกัน เจ้า ลูกของเจ้า ข้าจะให้เจ้าได้ลองลิ้มรสชาติความเจ็บปวดแบบนี้!นางดึงลิ้นชัก
ความหมายของฉู่เชียนหลีคือ เห็นคุณค่าปัจจุบัน ใช้ชีวิตให้ดี เฉิดฉายและมั่นใจในตนเอง ทุกคนมีเพียงหนึ่งเดียว คนไม่มีทางรู้ว่าระหว่างวันพรุ่งนี้กับสิ่งที่คาดไม่ถึงอันไหนจะมาถึงก่อนเมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ กลับคิดว่าขนาดพระชายายังพูดข้อดีของนางออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงพูดแบบนี้เพื่อปลอบโยนนางนางไม่มีข้อดีเมื่อมองอวิ๋นอิง เป็นทั้งวรยุทธ์ ทั้งฉลาดปราดเปรื่อง ทั้งรู้หนังสือ ทั้งเขียนหนังสือเป็น ไม่เหมือนนาง...นางเบะปาก นำหนังสือละครโยนลงบนโต๊ะ ตอบกลับเสียงอู้อี้“อ่อ...”ในใจของฉู่เชียนหลี กระสับกระส่ายอีกครั้ง...นางไม่ได้สนใจอารมณ์เล็ก ๆ ของเยว่เอ๋อร์ นางไม่ได้เจอหน้าเฟิงเย่เสวียนมาสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เฟิงเย่เสวียนจะกลับมาทุกวัน มากอดนางนอนหลับนางเป็นห่วง...“พระชายา แย่แล้ว!”จู่ ๆ ด้านนอก เด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งฝ่าฝนที่ตกหนักเข้ามาเป็นเด็กรับใช้ของจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลีคุ้นหน้าดีแม้ว่าเด็กรับใช้จะถือร่มกระดาษน้ำมัน เสื้อผ้าเปียกปอน วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “พระชายา แย่แล้ว แม่นางอวิ๋นอิงสะดุดล้มโดยไม่ทันระวังเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน หัวเข่าพับ ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้
ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักทันทีอ๋องหลี?ตาย?“หมายความว่าอย่างไร?” นางหันหน้ากลับไปมองฉู่เจียวเจียว “ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เจียวเจียวหัวเราะอย่างถากถาง “ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ!”ดูสิ!ดูสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลีซิ! เหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสแสร้งได้สมจริง ทักษะการแสดงที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่นางก็เกือบจะถูกหลอกเฟิงเจิ้งหลีชอบคนแพศยาแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ!“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันสารเลวยิ่งนัก! เจ้ามันสารเลวจริง ๆ! ฝนตกหนักขนาดนี้ เฟิงเจิ้งหลีบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนบังคับให้ไปซ่อมแซมสุสานหลวง พวกเจ้าบีบให้เฟิงเจิ้งหลีถึงทางตันฮ่า ๆ ๆ!”อะไรนะ!ฉู่เชียนหลีไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียวเป็นฝีมือของเฟิงเย่เสวียนหรือว่าเพื่อปิดบังเรื่องนี้แล้ว เฟิงเย่เสวียนถึงได้จัดการให้นางอยู่ที่บ้านพักชานเมืองแห่งนี้ชั่วคราว?ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ละก็...“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!” นางถามเสียงเย็นชา“ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ! ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหรอกหรือ เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ?” ฉู่เจียวเจียวหัวเราะเสียงดังอย่างเยาะหยั
เฟิงเย่เสวียนไม่ปฏิเสธ จ้องมองนาง เพียงแค่ถาม“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนที่โหดร้ายถึงขั้นฆ่าพี่น้องได้เลยหรือ?”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปทันที สังเกตเห็นว่าคำพูดประโยคนี้ตนไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะว่าถูกฉู่เจียวเจียวโจมตี เจ็บท้องจนสติเลอะเลือนไปแล้วภายในจิตใต้สำนึก นางไม่หวังให้อ๋องหลีตายความผิดของเขาไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นตาย“ขอโทษ อาเฉิน ข้าไม่ได้สงสัยในเจตนาของเจ้า ข้าเพียงแค่ถามเท่านั้น...” คำพูดที่ร้อนใจเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้ท้องของนางยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม สีหน้ายิ่งซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆแม้ว่าเฟิงเย่เสวียนจะโมโหใส่ผู้ใดก็ตาม ก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับฉู่เชียนหลีอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็วางนางนอนราบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เรียบร้อย จับมือของนางขึ้นมา ฝ่ามือของเขาทาบกับฝ่ามือของนาง จากนั้นก็รวบรวมกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของนาง“อย่าพูดเลย กลั้นลมหายใจรวบรวมสติปัญญา ข้าจะทำให้การหายใจของเจ้าสงบลงก่อน”ถ่ายทอดกำลังภายใน ผ่อนคลายความเจ็บปวดนางจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เจ็บจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น การหายใจที่หอบรุนแรง ร่างกายกระตุกเบา ๆ หลายที...น
ฝนตกหนักที่เย็นเยียบทำให้ฮูหยินเว่ยเปียกชุ่มไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว เส้นผมก็หลุดกระจาย น้ำฝนที่เย็นยะเยือกตกลงกระทบพื้น เจ็บ ๆ แสบ ๆน้ำตากับน้ำฝนไหลลงมารวมกัน นางแยกไม่ออกแล้วว่าสรุปแล้วว่าตนควรจะหัวเราะ หรือว่าร้องไห้ดีเหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับหลีเอ๋อร์?หลีเอ๋อร์โชคร้ายมาตลอดทั้งชีวิต เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้ไม่นาน มารดาผู้ให้กำเนิดก็แขวนคอตาย นางเลี้ยงดูหลีเอ๋อร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อดทนต่อความดูถูกเหยียดหยาม อดกลั้นไม่กล้ามีปากเสียง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ แล้วก็เป็นเพราะล่วงเกินอ๋องเฉิน ถึงต้องตายโหงอยู่ในสุสานหลวงสวรรค์สวรรค์!ขอร้องท่านมีตา หลีเอ๋อร์น่าสงสารขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังต้องกดเขาให้ตกต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอีก! ทำไมถึงไม่ให้เขามีชีวิตรอดสักครั้ง! เขาทำอะไรผิดกันแน่ ก่อกรรมทำชั่วอะไร ถึงต้องลงโทษเขาแบบนี้!สวรรค์เอย!ฮูหยินเว่ยที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว พุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนอันมืดมิดอย่างเสียสติ วิ่งไปบนถนน กระแทกฝูงชนที่อยู่ข้างกายออกไป วิ่งไปที่ประตูวังหลวงด้วยความรวดเร็วที่สุด“ฝ่าบาท ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบ
เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของอ๋องเฉินสินะ...เป็นเพราะฉู่เชียนหลีชอบอ๋องหลี อ๋องเฉินไม่สามารถลงมือกับฉู่เชียนหลีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ จึงหันมาแก้แค้นอ๋องหลี ถึงขนาดบีบให้อ๋องหลีไปซ่อมแซมสุสานหลวง วางแผนคนเดียว บีบให้อ๋องหลีตายทั้งเป็น!มีความแค้นอะไรก็มาลงที่นางสิ!ให้นางไปตายแทนอ๋องหลี!“ท่านอ๋องเฉิน อ๋องเฉิน!” ฮูหยินเว่ยคุกเข่าอยู่ที่บนบันได ตะโกนใส่เสียงดังใส่จวนอ๋องเฉิน “ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า! ขอร้องท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ! ขอร้องท่านปล่อยเขาไป!”เสียงร้องไห้ที่แหบแห้ง ผสมผสานกับเสียงฝนตกที่ตกหนัก แทบจะได้ยินไม่ชัดร่างกายของนางใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้ว“ขอร้องท่านโปรดเมตตา! ข้ายอมตาย ข้าตาย! ขอร้องท่านละ! เขาเป็นพี่น้องของท่านนะ! ถึงแม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นนางกำลัง แต่เลือดที่ไหลเวียนภายในกายของพวกท่านเป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”คนทำ สวรรค์ดู การฝ่าฝืนคุณธรรมและศีลธรรม จะต้องประสบกับผลกรรม!พ่อบ้านชราเดินตรวจตราที่จวนรอบหนึ่ง กำลังเตรียมจะไปพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอยู่ราง ๆหูก็ตั้งขึ้น ลองตั้งใจฟังอย่
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต