ความหมายของฉู่เชียนหลีคือ เห็นคุณค่าปัจจุบัน ใช้ชีวิตให้ดี เฉิดฉายและมั่นใจในตนเอง ทุกคนมีเพียงหนึ่งเดียว คนไม่มีทางรู้ว่าระหว่างวันพรุ่งนี้กับสิ่งที่คาดไม่ถึงอันไหนจะมาถึงก่อนเมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยินประโยคนี้ กลับคิดว่าขนาดพระชายายังพูดข้อดีของนางออกมาไม่ได้ ทำได้เพียงพูดแบบนี้เพื่อปลอบโยนนางนางไม่มีข้อดีเมื่อมองอวิ๋นอิง เป็นทั้งวรยุทธ์ ทั้งฉลาดปราดเปรื่อง ทั้งรู้หนังสือ ทั้งเขียนหนังสือเป็น ไม่เหมือนนาง...นางเบะปาก นำหนังสือละครโยนลงบนโต๊ะ ตอบกลับเสียงอู้อี้“อ่อ...”ในใจของฉู่เชียนหลี กระสับกระส่ายอีกครั้ง...นางไม่ได้สนใจอารมณ์เล็ก ๆ ของเยว่เอ๋อร์ นางไม่ได้เจอหน้าเฟิงเย่เสวียนมาสองวันแล้ว ก่อนหน้านี้เฟิงเย่เสวียนจะกลับมาทุกวัน มากอดนางนอนหลับนางเป็นห่วง...“พระชายา แย่แล้ว!”จู่ ๆ ด้านนอก เด็กรับใช้คนหนึ่งวิ่งฝ่าฝนที่ตกหนักเข้ามาเป็นเด็กรับใช้ของจวนอ๋องเฉิน ฉู่เชียนหลีคุ้นหน้าดีแม้ว่าเด็กรับใช้จะถือร่มกระดาษน้ำมัน เสื้อผ้าเปียกปอน วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “พระชายา แย่แล้ว แม่นางอวิ๋นอิงสะดุดล้มโดยไม่ทันระวังเมื่อครึ่งชั่วยามก่อน หัวเข่าพับ ตำแหน่งที่ได้รับบาดเจ็บก่อนหน้
ฝีเท้าของฉู่เชียนหลีหยุดชะงักทันทีอ๋องหลี?ตาย?“หมายความว่าอย่างไร?” นางหันหน้ากลับไปมองฉู่เจียวเจียว “ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าอย่างไร?”ฉู่เจียวเจียวหัวเราะอย่างถากถาง “ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ!”ดูสิ!ดูสีหน้าท่าทางที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลีซิ! เหมือนกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย เสแสร้งได้สมจริง ทักษะการแสดงที่สมบูรณ์แบบ แม้แต่นางก็เกือบจะถูกหลอกเฟิงเจิ้งหลีชอบคนแพศยาแบบนี้ได้อย่างไรกันนะ!“ฉู่เชียนหลี เจ้ามันสารเลวยิ่งนัก! เจ้ามันสารเลวจริง ๆ! ฝนตกหนักขนาดนี้ เฟิงเจิ้งหลีบาดเจ็บสาหัสขนาดนั้น แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนบังคับให้ไปซ่อมแซมสุสานหลวง พวกเจ้าบีบให้เฟิงเจิ้งหลีถึงทางตันฮ่า ๆ ๆ!”อะไรนะ!ฉู่เชียนหลีไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียวเป็นฝีมือของเฟิงเย่เสวียนหรือว่าเพื่อปิดบังเรื่องนี้แล้ว เฟิงเย่เสวียนถึงได้จัดการให้นางอยู่ที่บ้านพักชานเมืองแห่งนี้ชั่วคราว?ถ้าหากเฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีสู้กันขึ้นมาจริง ๆ ละก็...“ตอนนี้พวกเขาอยู่ที่ไหน!” นางถามเสียงเย็นชา“ฮ่า ๆ! ฮ่า ๆ ๆ! ไม่ใช่ฝีมือของเจ้าหรอกหรือ เจ้ายังมีหน้ามาถามข้าอีกหรือ?” ฉู่เจียวเจียวหัวเราะเสียงดังอย่างเยาะหยั
เฟิงเย่เสวียนไม่ปฏิเสธ จ้องมองนาง เพียงแค่ถาม“ในสายตาของเจ้า ข้าเป็นคนที่โหดร้ายถึงขั้นฆ่าพี่น้องได้เลยหรือ?”ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปทันที สังเกตเห็นว่าคำพูดประโยคนี้ตนไม่ค่อยถูกต้องสักเท่าไหร่ คงเป็นเพราะว่าถูกฉู่เจียวเจียวโจมตี เจ็บท้องจนสติเลอะเลือนไปแล้วภายในจิตใต้สำนึก นางไม่หวังให้อ๋องหลีตายความผิดของเขาไม่ได้ร้ายแรงถึงขั้นตาย“ขอโทษ อาเฉิน ข้าไม่ได้สงสัยในเจตนาของเจ้า ข้าเพียงแค่ถามเท่านั้น...” คำพูดที่ร้อนใจเพียงไม่กี่ประโยค ทำให้ท้องของนางยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเดิม สีหน้ายิ่งซีดขาวขึ้นเรื่อย ๆแม้ว่าเฟิงเย่เสวียนจะโมโหใส่ผู้ใดก็ตาม ก็ไม่มีทางคิดเล็กคิดน้อยกับฉู่เชียนหลีอย่างเด็ดขาดจากนั้นก็วางนางนอนราบ ดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มให้เรียบร้อย จับมือของนางขึ้นมา ฝ่ามือของเขาทาบกับฝ่ามือของนาง จากนั้นก็รวบรวมกำลังภายในที่แข็งแกร่ง ถ่ายทอดเข้าไปในร่างกายของนาง“อย่าพูดเลย กลั้นลมหายใจรวบรวมสติปัญญา ข้าจะทำให้การหายใจของเจ้าสงบลงก่อน”ถ่ายทอดกำลังภายใน ผ่อนคลายความเจ็บปวดนางจับแขนเสื้อของเขาเอาไว้แน่น เจ็บจนไม่มีเวลาคิดเรื่องอื่น การหายใจที่หอบรุนแรง ร่างกายกระตุกเบา ๆ หลายที...น
ฝนตกหนักที่เย็นเยียบทำให้ฮูหยินเว่ยเปียกชุ่มไปทั้งตัวอย่างรวดเร็ว เส้นผมก็หลุดกระจาย น้ำฝนที่เย็นยะเยือกตกลงกระทบพื้น เจ็บ ๆ แสบ ๆน้ำตากับน้ำฝนไหลลงมารวมกัน นางแยกไม่ออกแล้วว่าสรุปแล้วว่าตนควรจะหัวเราะ หรือว่าร้องไห้ดีเหตุใดถึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับหลีเอ๋อร์?หลีเอ๋อร์โชคร้ายมาตลอดทั้งชีวิต เพิ่งออกมาลืมตาดูโลกได้ไม่นาน มารดาผู้ให้กำเนิดก็แขวนคอตาย นางเลี้ยงดูหลีเอ๋อร์ ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้อดทนต่อความดูถูกเหยียดหยาม อดกลั้นไม่กล้ามีปากเสียง ไม่ง่ายเลยกว่าจะเดินมาถึงทุกวันนี้ได้ แล้วก็เป็นเพราะล่วงเกินอ๋องเฉิน ถึงต้องตายโหงอยู่ในสุสานหลวงสวรรค์สวรรค์!ขอร้องท่านมีตา หลีเอ๋อร์น่าสงสารขนาดนี้แล้ว เหตุใดยังต้องกดเขาให้ตกต่ำครั้งแล้วครั้งเล่าอีก! ทำไมถึงไม่ให้เขามีชีวิตรอดสักครั้ง! เขาทำอะไรผิดกันแน่ ก่อกรรมทำชั่วอะไร ถึงต้องลงโทษเขาแบบนี้!สวรรค์เอย!ฮูหยินเว่ยที่ไม่สามารถยอมรับความจริงได้แทบจะเป็นบ้าไปแล้ว พุ่งตัวเข้าไปท่ามกลางสายฝนยามค่ำคืนอันมืดมิดอย่างเสียสติ วิ่งไปบนถนน กระแทกฝูงชนที่อยู่ข้างกายออกไป วิ่งไปที่ประตูวังหลวงด้วยความรวดเร็วที่สุด“ฝ่าบาท ข้าต้องการเข้าเฝ้าฝ่าบ
เรื่องทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นแผนการของอ๋องเฉินสินะ...เป็นเพราะฉู่เชียนหลีชอบอ๋องหลี อ๋องเฉินไม่สามารถลงมือกับฉู่เชียนหลีที่กำลังตั้งครรภ์อยู่ได้ จึงหันมาแก้แค้นอ๋องหลี ถึงขนาดบีบให้อ๋องหลีไปซ่อมแซมสุสานหลวง วางแผนคนเดียว บีบให้อ๋องหลีตายทั้งเป็น!มีความแค้นอะไรก็มาลงที่นางสิ!ให้นางไปตายแทนอ๋องหลี!“ท่านอ๋องเฉิน อ๋องเฉิน!” ฮูหยินเว่ยคุกเข่าอยู่ที่บนบันได ตะโกนใส่เสียงดังใส่จวนอ๋องเฉิน “ความผิดทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า! ขอร้องท่านปล่อยหลีเอ๋อร์ไปเถอะ! ขอร้องท่านปล่อยเขาไป!”เสียงร้องไห้ที่แหบแห้ง ผสมผสานกับเสียงฝนตกที่ตกหนัก แทบจะได้ยินไม่ชัดร่างกายของนางใช้เรี่ยวแรงไปจนหมดสิ้นแล้ว“ขอร้องท่านโปรดเมตตา! ข้ายอมตาย ข้าตาย! ขอร้องท่านละ! เขาเป็นพี่น้องของท่านนะ! ถึงแม้ว่ามารดาผู้ให้กำเนิดของเขาจะเป็นนางกำลัง แต่เลือดที่ไหลเวียนภายในกายของพวกท่านเป็นสายเลือดเดียวกัน ท่านจะใจร้ายแบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้นะ!”คนทำ สวรรค์ดู การฝ่าฝืนคุณธรรมและศีลธรรม จะต้องประสบกับผลกรรม!พ่อบ้านชราเดินตรวจตราที่จวนรอบหนึ่ง กำลังเตรียมจะไปพักผ่อน เมื่อได้ยินเสียงตะโกนอยู่ราง ๆหูก็ตั้งขึ้น ลองตั้งใจฟังอย่
หลับตาไปแบบนี้ ความคิดค่อย ๆเลือนราง ร่างกายที่ผ่อนคลายสูญเสียความอบอุ่น หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียวกับสายฝนยามค่ำคืนและสุสานเกิดมาอย่างต่ำต้อย ก็ตายไปอย่างต่ำต้อยแต่เหตุใด หูถึงค่อย ๆ กลับมาได้ยินเสียงเช่นปกติ ท่ามกลางความมืดสลัว ราวกับว่ามีใครบางคนกำลังเรียกเขา“ท่านอ๋องหลี...หมอหลวง...”“เร็วเข้า...”“ผ้าพันแผล...”เสียงมากมาย ดังโหวกเหวกโวยวายอยู่ข้างหู ราวกับมีผึ้งหลายร้อยกำลังกระพือปีกบิน หึ่ง ๆ ๆ หึ่ง ๆ ๆเสียงพวกนั้นค่อย ๆไกลออกไป ไม่รู้ว่าผ่านไปนานขนาดไหน ก็กลับมาดังขึ้นอีกครั้ง ในระหว่างที่กำลังเลือนราง มีคนกำลังพูดว่า“ท่านอ๋อง ฟื้นสิ ท่านฟื้นสิ...”“ฮูหยินจากไปแล้ว หรือว่าแม้แต่ท่านก็อยากจะจากไปด้วยงั้นหรือ?”ราวกับว่าเขาได้กลายเป็นวิญญาณที่เลื่อนลอย ไม่มีจุดยึดเหนี่ยว ไม่มีร่างกายรองรับ ถึงขนาดที่ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดใด ๆฮูหยิน...จากไปแล้ว?จากไปแล้ว...เป็นเพราะเขาตายไปแล้วงั้นหรือ ดังนั้นท่านแม่กับเขาจะได้พบกันแล้วน่าเสียดาย ท่านแม่เลี้ยงดูเขามายี่สิบกว่าปี เขายังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณที่นางเลี้ยงดูเขามาเลย คนหัวหงอกต้องมาส่งคนหัวดำเสียแล้วเขาเป็นลูกอกต
บ้านพัก ชานเมือง หลังจากพายุฝนผ่านไป อากาศแจ่มใส กลิ่นหอมของดินที่เข้มข้น ไม่รู้ว่านกบินมาจากไหนมาเกาะอยู่ที่ริมหน้าต่าง ส่งเสียงร้องกระโดดโลดเต้นตอนที่ฉู่เชียนหลีฟื้นขึ้นมา ก็ขดตัวอยู่ในอ้อมกอดที่อบอุ่นของชายหนุ่ม ใบหน้ามีความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านออกมา นำร่างกาย มุดเข้าไปในอ้อมกอดของเขา มุดแล้วมุดอีก เหมือนกับแมวจนปัญญาเพราะท้องที่ใหญ่โต ท้องขวางช่องว่างระหว่างพวกเขาสองคน“ฟื้นแล้ว” เฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะเล็กของนาง “นอนอีกสักเดี๋ยวค่อยลุก ดีไหม?”“อื้ม~”น้ำเสียงที่เกียจคร้านขึ้นจมูก ท่าทางสะลึมสะลือ น้ำเสียงแหบแห้ง แต่ว่าน่าฟังผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยามตื่นเยว่เอ๋อร์ยกกะละมังน้ำ มาช่วยล้างหน้าแปรงฟัน จากนั้นกินอาหารเช้าฉู่เชียนหลีกำลังคิดถึงอาการบาดเจ็บของอวิ๋นอิง เป็นเพราะเมื่อคืนท้องแข็ง ปวดท้องไม่หยุด ปวดจนตอนหลังเป็นตะคริว“เยว่เอ๋อร์ ทางจวนอ๋องส่งข่าวมาหรือไม่ อวิ๋นอิงเป็นอย่างไรบ้าง?”เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ เยว่เอ๋อร์ก็มุ่ยปาก“เมื่อคืนหานอิ๋งมาที่นี่ แต่ไม่เห็นว่าอวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ เด็กรับใช้ที่มาส่งข่าวคนนั้นน่าจะถูกพระชายาอ๋องหลีซื้อตัว”เมื่อลองคิดดูอย่างถี่ถ
ถ้าหากเป็นคนอื่นที่คิดถึงผู้หญิงของเขา เขาคงจะลงมือไปนานแล้ว ตัดสินใจฆ่าทิ้ง อย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง แต่เป็นเพราะนึกถึงความเป็นพี่น้องกับเฟิงเจิ้งหลี แล้วก็ไม่อยากจะทำให้ฝ่าบาทผิดหวัง ถึงได้ย้ายเขาไปที่อื่นเขาได้มีเมตตามากพอแล้วแต่เรื่องที่สุสานหลวงถล่ม กับการตายของฮูหยินเว่ย ล้วนอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาเขาไม่เกี่ยวข้องกับสองเรื่องนี้“อาเฉิน ข้าเชื่อเจ้า แต่ว่า...อ๋องหลีจะเชื่อหรือไม่? ฮูหยินเว่ยตายอยู่ที่ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน สำหรับเขาแล้ว ฮูหยินเว่ยเป็นคนที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิต...” ฉู่เชียนหลีเม้มปาก กล่าวด้วยน้ำเสียงเป็นกังวลเฟิงเย่เสวียนขมวดคิ้ว “คนทำ สวรรค์มอง เรื่องที่ข้าไม่ได้ทำ ข้าไม่ละอายใจ”อีกอย่าง“ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉู่เจียวเจียวล่วงเกินเจ้า ทำให้เจ้าท้องแข็ง ข้าจะไม่มีเวลาปลีกตัวได้อย่างไร? ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะฉู่เจียวเจียว ข้าคงมีเวลามากพอรีบกลับไปที่สุสานหลวงเพื่อช่วยเขา ฮูหยินเว่ยก็คงจะไม่ตาย”น้ำเสียงที่เย็นยะเยือกเต็มไปด้วยความเยาะหยันจะว่าไป ก็เป็นเพราะฉู่เจียวเจียวผู้หญิงเรื่องมากคนนั้น!ความเป็นความตายของอ๋องหลีกับฮูหยินเว่ย ไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่นาง