ทั้งเน่าผุ ทั้งเน่าเปื่อย ทั้งเหม็นเน่า...เป็นก๊าซพิษ!ที่ในป่าลึก ถ้าหากมีตรงไหนที่มีน้ำ แล้วก็มีศพของสัตว์กองสะสมมากจนเกินไป ศพที่เน่าเปื่อยเหล่านี้จะเมื่อสะสมมาเป็นเวลาหลายเดือน ก็จะกลายเป็นก๊าซที่มีพิษ พืชที่อยู่ในรัศมีพอสมควรจะได้ผลกระทบจากมัน จะค่อย ๆแห้งตาย แต่ถ้าหากสูดเอาก๊าซประเภทนี้เข้าไปเป็นจำนวนมาก จะกลายเป็นพิษ ผู้ที่อาการสาหัสจะหายใจลำบากและถึงแก่ความตายพวกเขาจะต้องสูดก๊าซพิษเข้าไปโดยไม่ตั้งใจแน่!ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับผลกระทบ นั่นเป็นเพราะว่าเคยดื่มเลือดของเจ้าดำน้อยเมื่อเห็นทุกคนสูดก๊าซพิษเข้าไป ได้รับผลกระทบ อาการไม่ดี นางจึงหยิบมีดเล่มเล็กสีเงินเล่มหนึ่งออกมา “เจ้าดำน้อย ขอยืมเลือดหน่อย”เจ้าดำน้อย “?”หยิบมีดออกมาเฉือนมัน?ไม่!เลือดของมันหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนสามารถถอนได้สารพัดพิษ เป็นของล้ำค่า เป็นของหายาก คนธรรมดาทั่วไปจะได้ไปง่าย ๆได้อย่างไร?มันปฏิเสธ“น่องไก่สิบน่อง” ฉู่เชียนหลียื่นมือออกไป ถามมันเพื่อขอเลือดเจ้าดำน้อยส่ายหน้า ถอยไปข้างหลังครึ่งก้าว“หมูย่างสิบตัว”เจ้าดำน้อยถอยหลังไปอีกครึ่งก้าว“แม่หมาพันธุ์ต่างๆ สิบตัว”ดวงตาของเจ้าดำน้อยเ
ในเวลาเดียวกัน บริเวณป่าลึก อีกที่หนึ่งของเทือกเขาที่ทอดตัวยาว ขบวนหนึ่งกำลังเดินทางอย่างทุลักทุเลเป็นขบวนของอวิ๋นอิงและจิ่งอี้เขานำหน้าฉู่เชียนหลีมาก่อนหนึ่งก้าว เข้าสู่เขาชางฉยง ตามหาร่องรอยของอ๋องเฉิน ตลอดการเดินทาง พลางเดิน พลางทำสัญลักษณ์ ยังพบเบาะแสใหม่เป็นบางครั้ง“คุณชาย ท่านดูสิ” ลูกน้องของสำนักอู๋จี๋พบร่องรอยมีดบาก บนต้นไม้ต้นหนึ่งรอยมีดบากค่อนข้างต้น น่าจะเป็นเพราะตอนที่หยิบกระบี่ขึ้นมาฟันหญ้าเพื่อเบิกทาง แล้วบากโดนจิ่งอี้สาวเท้าไปข้างหน้า เอานิ้วลูบที่ร่องรอยนั้นเบา ๆ เงยหน้าขึ้นกวาดสายตามองไปบริเวณรอบๆ ป่าทึบที่ยากแม้กระทั่งจะแยกแยะทิศทาง ชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง“ไปด้านนี้”“ช้าก่อน...”ในเวลานี้ ด้านหลัง มีเสียงที่เบาและเล็กมากเสียงหนึ่งดังขึ้นจิ่งอี้หันหน้าไป มองไปทางอวิ๋นอิงสาวน้อยยกมือข้างขวาขึ้น ทำท่าทาง ‘ขอพูด’ นิ้วชี้ชี้ไปยังร่องรอยบนต้นไม้ กล่าว“ลองดูทิศทางกับกำลังของร่องรอยนั่น น่าจะเป็นเพราะหยิบกระบี่ แล้วพลิกมือบาก ถ้าหากเป็นการพลิกมือบากละก็ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ควรจะเดินไปยังทิศทางตรงกันข้าม”นางปฏิเสธคำสั่งของจิ่งอี้ ชี้ไปยังทิศทางตรงกันข้ามของจ
ที่ลับ ตอนที่จิ่งอี้ที่ตามมาติดๆ กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ก็เห็นสาวน้อยหมุนเอวอย่างปราดเปรียว ตัดเชือก แล้วร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคงแต่เขา เป็นเพราะเสียสมาธิ จึงติดกับดักโดยไม่ทันระวังเช่นกันสวบ!เมื่ออวิ๋นอิงทรงตัวได้ ได้ยินเสียงที่ด้านหลัง รีบหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว ความระแวงระวังบนใบหน้าตอนที่เห็นชายหนุ่ม ได้กลายเป็นความงุนงงไปโดยสิ้นเชิง“คุณชายจิ่ง เหตุใดท่านจึงไปห้อยอยู่บนต้นไม้?”จิ่งอี้ “...”ไม่ใช่ว่าเขาเดินมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งหรอกหรือ?ไม่ใช่ว่าเขาไม่เดินไปทางเดียวกันนางหรอกหรือ? เหตุใดถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของนาง? หรือว่าเขาเปลี่ยนใจกะทันหันงั้นหรือ?จิ่งอี้ชักกระบี่อ่อนออกมา ตัดเชือกขาด แล้วร่อนลงมาบนพื้น เสื้อคลุมสีดำวาดรัศมีโค้งที่เย็นเยียบ กวาดใบไม้ร่วงหลายใบขึ้นมา ท่าทางเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่งดวงตาที่เย็นเยือกเป็นอย่างยิ่งคู่นั้นเหลือบมองอวิ๋นอิง“สนุกมากหรือ?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเป็นอย่างมากอวิ๋นอิงที่ได้สติกลับคืนมารีบหุบปาก ก้มหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นนางไม่มีทางบอกคนอื่น เรื่องที่เขาถูกห้อยอยู่บนต้นไม้...ในเวลานี้เอง อาก
ด้านข้างเป็นเนินภูเขาที่สูงชัน เต็มไปด้วยวัชพืชและหนาม ร่างของคนทั้งสองกลิ้งตกลงไป เนื่องจากผลของแรงเฉื่อย จึงหยุดไม่อยู่ ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว…มือสังหารวิ่งไปที่ข้างเนินเขา มองไปข้างล่างต้นไม้ต้นหญ้าเล็กที่ถูกทับจนล้มดีดกลับมา สามารถมองเห็นร่องรอยของการลื่นไถลสายหนึ่งจางๆ“ใต้เท้า พวกเราจะตามหรือไม่?”หัวหน้ามือสังหารกวาดมองแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชา “เนินเขานี่มีโขดหินเต็มไปหมด พวกเขากลิ้งลงไป ต่อให้ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาบนตัวพวกเขา ไปตามหาอ๋องเฉินก่อน”“ขอรับ!”“อ๊ะ…”เนินเขานี้ทั้งชันและยาว กลิ้งแล้วกลิ้งอีก กลิ้งแล้วกลิ้งอีก ร่างกายของอวิ๋นอิงสูญเสียการควบคุม กลิ้งจนนางเวียนศีรษะ โลกหมุนติ้วๆ ไม่รู้ว่ากลิ้งอยู่นานเท่าไร ชนใส่ลำต้นไม้ต้นหนึ่ง“อ๊า!”ภายใต้ผลของแรงเฉื่อย ชนใส่อย่างแรง เจ็บที่ต้นขาอย่างรุนแรง ราวกับแทบหักแล้วเจ็บ!เจ็บจนเกือบเป็นลมอวิ๋นอิงกัดปลายลิ้นแน่น หากหมดสติในภูเขาลึกป่ากลางคืนนี้ ถ้าเจอพวกสัตว์ป่าหรืองูพิษ จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต่อให้เจ็บเพียงใด ก็ต้องฝืนทนอย่างสุดชีวิต คว้าต้นหญ้าที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นนั่
อวิ๋นอิงกำก้อนหินที่เปื้อนเลือดแน่น ร่างกายหดเกร็ง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง“ท่านอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ!”แม้นางได้รับบาดเจ็บ แม้คุณหนูไม่อยู่ แต่ถ้าหากเขาอยากฆ่านาง นางไม่ยอมง่ายๆ แน่!“...”สีหน้าของจิ่งอี้น่าเกลียดอีกครั้งเขาแค่อยากดูบาดแผลให้นาง ตกลงในสมองของผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้คิดอะไรอยู่!บ้าจริง!ลองขยับขาที่บาดเจ็บดู กระดูกบอบช้ำ ปวดมากจนแทบจะก้าวขาไม่ได้จ้องนางอย่างเย็นชา “เจ้าคิดจะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต ไม่ไปไหนแล้วหรือ? สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ควรออกจากที่นี่หรือ? รอให้มือสังหารเหล่านั้นไล่ตามมา?”ควรรีบออกจากที่นี่โดยเร็วจริงๆ นั่นแหละอวิ๋นอิงจับลำต้นไม้ ลากขาขวาที่ได้รับบาดเจ็บ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ เจ็บจนกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าซีดขาว อดกลั้นเป็นพิเศษ เดินแค่หนึ่งก้าวก็เซจนเกือบล้มฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งประคองนางไว้เงยหน้า ก็ประสานสายตาที่ยังคงดุร้ายของจิ่งอี้“หรือเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” ในน้ำเสียงที่เย็นชา มีความไม่สบอารมณ์และตำหนิแฝงอยู่ และยิ่งมีความเยือกเย็นที่อยากบีบคอนางให้ตายทั้งเป็น อวิ๋นอิงเม้มปากแล้วเม้มปากอีก รู้ว่าตนเองเข้าใจอะไรบางอย่างผิ
หลังจากพักบรรเทาความเจ็บปวดที่ขาครู่หนึ่ง หันไปมองเขาด้วยความโกรธ ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกเขาสกัดจุดชีพจร ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถขยับทันทีมีเพียงลูกตาที่สามารถกลอกไปมาร่างที่สูงใหญ่ของจิ่งอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาว ก้มมองนางที่ร่างกายครึ่งท่อนจมอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ เลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเชื่องช้า นั่งยองลงไปปลดกางเกงของนางอวิ๋นอิงเบิกตากว้าง ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ“ท่านทำอะไร!”ขยับไม่ได้ ร่างกายแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ดวงตาที่เบิกกว้างแทบหลุดออกมาจากเบ้าตา“อย่าแตะต้องข้า!”จิ่งอี้ถอดกางเกงนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ“อ๊ะ! จิ่งอี้!”ความเย็นของร่างกายท่อนล่าง และยังเปียกน้ำ ทำให้นางรู้สึกอับอายจนแทบอยากหารูมุดเข้าไปซ่อนตัวเสียเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่เคยมีผู้ชายคนใดเห็นร่างกายของนางเมื่อไม่มีกางเกง และยังขยับไม่ได้ ต่อให้เป็นคนที่เข้มแข็งเพียงใด เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็ต้องแสดงความอ่อนแอ“จิ่งอี้! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้มีเจตนาแอบดูเจ้าอาบน้ำ และไม่เคยบอกตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนหลังเจ้าให้ผู้อื่นรู้ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่หักหลังเจ้าจริงๆ!”อวิ๋นอ
สีหน้าของเขาหวาดกลัว สองมือประสานกันที่หน้าอกอย่างจริงใจ โขกศีรษะไปพลาง ขอความเมตตาไปพลางหานอิ๋งกวาดมองป่าโบราณแห่งนี้ที่นี่ล้วนเป็นต้นไม้โบราณที่มีอายุหลายร้อยปี เถาวัลย์พันกันสลับซับซ้อนไปมา ใบไม้ที่เขียวชอุ่มก่อตัวเป็นม่านธรรมชาติ กันแสงอาทิตย์ไว้ข้างนอกทั้งหมด ภายในป่าที่ร่มเย็น แสงสลัว เงาของต้นไม้สะท้อนลงมาที่พื้น แล้วหักเหกลับไป ทำให้ยิ่งมืดครึ้มบรรยากาศอันวังเวงลอยเข้ามาปะทะหน้า… นางกล่าว “นายท่าน หากที่นี่เป็นสถานที่อัปมงคลอะไร มันก็สมเหตุสมผล แต่สถานที่ที่เทพอาศัย…”เทพองค์ใดอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มืดมนเช่นนี้?นอกเสียจากเป็นปีศาจจากนรก“มีเทพ มีจริงๆ นะ บรรพบุรุษของพวกเราเคยพูดไว้ว่า…” ชายหนุ่มโบกมือห้ามอย่างตื่นตระหนก “อย่าเข้าไปเลย เข้าไปไม่ได้จริงๆ ตายได้เลยนะ!”เขาคือต้าหนิวว่าที่ลูกเขยของหัวหน้าหมู่บ้าน คู่หมั้นของอาหวา และเป็นคนนำทางให้เฟิงเย่เสวียนด้วยเช่นกันหานเฟิงถือกระบี่ไว้ เริ่มรู้สึกสนใจแล้ว โตจนปูนนี้แล้ว ไม่เคยเชื่อเรื่องงมงาย“นายท่าน ข้าน้อยจะลองเข้าไปดูก่อนขอรับ”โยนกระบี่ที่อยู่ในมือขวามามือซ้าย หลังจากกำแน่น ก็ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปแล้วต้าห
“เขากวางนี่หน้าตาแปลกๆ” หานเฟิงกล่าวหลังจากแยกออกจากกวาง ตามหลักแล้ว เขากวางคู่นี้ก็จะค่อยๆ เหลืองและเหี่ยวย่น แต่เขากวางคู่นี้เหมือนดูดซับสารอาหารจากต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เพื่อเลี้ยงตนเองภาพนี้ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดที่สมเหตุสมผลต้าหนิวเห็นแล้ว คุกเข่าลงพื้นอย่างหวาดกลัว โขกศีรษะไม่หยุดอีกครั้ง ในปากก็พึมพำคำพูด เช่น เทพ โปรดให้อภัย ล่วงเกินต่างๆ นานาหานอิ๋งเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า แหงนมองเขากวางที่ถูกแขวนไว้สูงถึงยี่สิบเมตร สัมผัสลำต้นของต้นไม้โบราณพันปีที่เหี่ยวเฉา กล่าวเสียงเบาอย่างครุ่นคิด“ต้นไม้พันปี ชุบเลี้ยงกวางวิญญาณ เทพเยือนแปดทิศ กวางวิญญาณชีวิตนิรันดร์…”“พี่ ท่านกำลังพูดอะไร?” หานเฟิงที่ได้ยินไม่ชัดขยับเข้ามาใกล้“ไม่มีอะไร” หานอิ๋งเดินกลับไปที่ตรงหน้าอ๋องเฉิน “นายท่าน พวกเรามาถูกที่แล้วเจ้าค่ะ โดยรอบนี้น่าจะมีเป็นของที่พวกเราตามหา”เฟิงเย่เสวียนยกริมฝีปาก “หา”“เจ้าค่ะ!”กระจายกำลังออกตามหาโดยมีต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เป็นศูนย์กลางเป็นอย่างที่คิดไว้ เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป ตรงจุดที่อยู่ห่างจากต้นไม้โบราณหลายสิบเมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ทรงแท่นกลมตั้งอยู่ตรงนั้
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต