ถ้าหากสามารถเก็บได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ดอกไม้ชนิดนี้จะบานเป็นพันปี และอยู่ที่นี่มาโดยตลอดได้อย่างไร?“กระดูกของที่นี่สะสมมาเป็นพันปี ตลอดทั้งปีไม่มีคนมา ไม่เพียงชุบเลี้ยงซากกระดูก แต่ยังชุบเลี้ยงแมลงพิษและสัตว์ร้ายต่างๆ ในเมื่อสัตว์ป่าคิดว่าสถานที่หลับใหลตลอดกาลของกวางวิญญาณเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมพิทักษ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่ให้คนนอกมารบกวน”งูพิษตัวเมื่อครู่ ก็คือผู้พิทักษ์นอกจากมันแล้ว เกรงว่ายังมีสัตว์ไม่น้อยที่ค่อยพิทักษ์อยู่ที่นี่ ใครก็ตามที่บุ่มบ่ามบุกรุกเข้ามา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!ดวงตาที่ลึกล้ำของเฟิงเย่เสวียนกวาดมองไปจากตรงนี้ถึงกวางวิญญาณที่มีดอกไม้แห่งความตาย ระยะทางอย่างน้อยยี่สิบเมตร คิดจะเก็บดอกไม้แห่งความตาย ก็จำเป็นต้องเดินเข้าไปใช้มือเด็ด แต่ระยะที่ไกลเช่นนี้ และยังมีอันตรายมากมายที่ไม่รู้จักซ่อนอยู่ แค่เข้าใกล้ดอกไม้แห่งความตายก็ยากเหมือนปีนขึ้นสวรรค์แล้วขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“เชือกที่เอามายาวแค่ไหน?”หานเฟิงตอบกลับทันที “เป็นเชือกปีนเขา มีกรงเล็บเหล็กติดมาด้วย ยาวสี่สิบเมตรขอรับ”“พอใช้แล้ว”
เจ็บปวดอย่างรุนแรง!หานเฟิงรีบดึงต้าหนิวกลับมา เห็นของสีดำกัดกร่อนมือของต้าหนิวอย่างรวดเร็วเหมือนกรดกำมะถัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้กลืนกินไปถึงแขนของเขาแล้ว!เป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องตายแน่นอน!ต้องตัดทิ้ง!เขาชักกระบี่ ฟันลงไปทันที“อ๊า!”เลือดพุ่งกระฉูด เสียงกรีดร้องราวกับฆ่าหมูดังลั่นทั้งป่า ทำเอานกฝูงหนึ่งตกใจจนบินหนี แขนครึ่งท่อนที่ตกอยู่บนพื้นถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงน้ำสีดำนองอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยมือของต้าหนิวถูกตัดออกจากข้อศอก เหลือเพียงแขนครึ่งท่อนบน เขากุมแขนอันเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้ กรีดร้องไม่หยุด“มือของข้า…อ๊ะ! มือของข้า…”ขาดแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะตาย“คิดไม่ถึงว่าดอกไม้นี่มีพิษรุนแรงเช่นนี้! มันเติบโตบนซากศพของกวางวิญญาณไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเลือดกวางวิญญาณสามารถแก้ร้อยพิษ มันก็ควรจะเป็นของดีสิ เหตุใดจึงกลายเป็นของมีพิษ?” แม้หานอิ๋งเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก็ต้องงุนงงเป็นครั้งแรก สำหรับดอกไม้แห่งความตายนี้เฟิงเย่เสวียนกวาดมองป่าครึ้มที่ไม่เห็นแสงอาทิตย์ตลอดปี “ในเมื่อสัตว์ยังรู้จักปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดพืชจะทำไม่
“ฮูหยิน ท่านดูนั่น!”ในป่า เสียงสูดลมเย็นเข้าปอดดังขึ้น เยว่เอ๋อร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดกลัว ตรงนั้น…เลือดเยอะมาก และมีศพล้มอยู่สี่ห้าศพ“ข้าลองเข้าไปดูหน่อย!” จางเฟยกลัวมีกับดัก ถือกระบี่เดินอยู่ข้างหน้าชายชุดดำห้าคนนอนจมกองเลือดบนพื้น บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ล้วนขาดใจหมดแล้ว สภาพศพแข็งทื่อ ตายมาแล้วประมาณหนึ่งวันเขานั่งยองลง ค้นเสื้อผ้าของศพ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย กวาดมองร่องรอยการต่อสู้ของสถานที่เกิดเหตุแวบหนึ่ง ระบุทิศทางหนึ่งได้คร่าวๆ “พวกเขาน่าจะไปทางนี้แล้ว”จากทิศทางนี้ คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะตามเฟิงเย่เสวียนทันรอช้าไม่ได้ ออกเดินทางทันทีขณะที่กำลังจะยกเท้า ตรงที่มืด มีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังขึ้นอย่างคลุมเครือ เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเหยียบใบไม้แห้งกองหนาๆ“ใครอยู่ตรงนั้น!” จางเฟยกวาดมองไปอย่างหวาดระแวงทันทีซ่าๆ…อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงลอยมาจากนั้นมีเสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง กิ่งไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นสั่น ทันใดนั้น มีหมาป่าขนสีเทา กรงเล็บแวววาวหลายตัวกระโดดออกมา!เป็นฝูงหมาป่า!พวกมันปิดล้อมฉู่เชียนหลีและคนอื่น กรงเล
ยกมือขึ้นแล้วเรียกจางเฟยกลับมา หลังจากนั้นยกเปลือกตา ตะโกนเข้าไปในดงป่า“เจ้าดำน้อย ถ้ายังวิ่งซี้ซั้วไปทั่ว ข้าไม่พาเจ้ากลับแล้วนะ!”เสริมอีกประโยค “สุนัขตัวเมียสิบตัวก็เลิกคิดไปได้เลย!”เพิ่งสิ้นเสียง ใบไม้ที่อยู่ไม่ไกลของดงป่าสั่น ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่งวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วง พุ่มหญ้าก็ขยับเป็นคลื่น“บรู้ว…”เสียงหมาป่าหอนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำลายความเงียบในป่า นกนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจบินหนีพลันด้วยการกระโดดอย่างแรง หมาป่าสีขาวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างมั่นคงทันที ใบไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ หัวหมาป่าอันสูงศักดิ์เชิดขึ้น ดวงตาแดงเหมือนเลือด สายเลือดอันสูงศักดิ์และบริสุทธิ์แต่โดยกำเนิดแผ่แรงข่มขวัญการข่มขวัญทางสายเลือด ทำให้หมาป่าสีเทาเหล่านั้นเห็นแล้ว ตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมทั้งสองเทียบกัน หมาป่าขาวสูงใหญ่น่าเกรงขาม สายเลือดสูงศักดิ์บริสุทธิ์ ในขณะที่หมาป่าเทาขนยุ่งเหยิง ตัวสีเทา ทั้งเตี้ย ทั้งผอม ทั้งตัวเล็ก ก็เหมือนกับเวลาแมวเจอหนู…เจ้าดำน้อยเลียกรงเล็บและเหลือบมองหนูเทาเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สู้น
ถ้าหากฝูงหมาป่าถูกคนล่อมา เช่นนั้นก็มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าที่เคยเจอกันแค่สองครั้งน่าสงสัยที่สุด——อาหวาฉู่เชียนหลีมองนาง “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก ข้าไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้ก็มาเจอกับฝูงหมาป่าอีก ตลอดทางที่มา เจ้าเป็นคนนำทาง พวกเราทุกคนเดินตามทางที่เจ้าบอก”อาหวาได้ยินคำนี้ ไม่พอใจทันที“ใช่ ข้าเป็นคนนำทาง แต่เขาชางฉยงกว้างใหญ่มาก แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่สามารถสำรวจจนทั่ว นับประสาอะไรกับข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?”“เจออันตรายในป่าบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เจออันตรายเป็นเรื่องปกติจริง แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ อันตรายเหล่านี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์!”ฉู่เชียนหลีเน้นคำว่า ‘การกระทำของมนุษย์’ เย็นชาเป็นพิเศษ นางพลิกฝ่ามือ ถือหญ้าต้นหนึ่งที่หลุดออกจากรากไว้“หญ้าต้นนี้ เจ้าเป็นคนใส่กระมัง?”อาหวาเห็นแล้ว ม่านตาหด…“หญ้าจื่อจิน ยางของมันเป็นกลิ่นคาว ขยี้มันจนเละ มันสามารถส่งกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นตัวการที่ดึงดูดฝูงหมาป่ามา” ฉู่เชียนหลีโยนหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวไปที่ข้างเท้านาง“ข้า…”อาหวาถอยหลังอย่างร้อนตัวครึ่งก้าว “ข้า…ข้า…”นางคาดคิดไม
“เลือดของหมาป่าเทาชนิดนี้ แค่ดื่มเข้าไป ก็สามารถแก้กู่ ดังนั้นข้าจึงล่อพวกมันมา…”แววตาของอาหวาเต็มไปด้วยความจริงใจ และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ“พี่สาว ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน และท่านยังได้มอบเงินมากมายเช่นนั้นให้ครอบครัวข้า ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร?”เบะปากเวลาพูด ดูน้อยใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่หันไปออกคำสั่งกับจางเฟย“ส่งคนไปจับหมาป่าหนึ่งตัว เอาเลือดของมันมาให้ข้า”จางเฟยชะงักเล็กน้อย “ฮูหยิน หรือท่านเชื่อ…”“ยังไม่รีบไปอีก?”“ขอรับ”จางเฟยไม่ได้ถามมากอีก แต่สั่งคนไปจับหมาป่าเพื่อเอาเลือดแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของอาหวา อาหวาผิดปกติ นางรู้สึกได้ แต่เรื่องที่มีกู่ในร่างกายของตนเอง นางก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกันใครกันที่วางกู่ใส่นาง แต่กู่นี้กลับไม่ได้ทำร้ายร่างกายของนาง?ตกลงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?หลังจากนั้นสองเค่อนำเลือดหมาป่าเทามา ฉู่เชียนหลีไม่ได้รีบดื่ม แต่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ทั้งกลุ่มเริ่มออกเดินทางอีกครั้งตามทิศทางที่ร่องรอยการต่อสู้ในท
รู้จักกันนานเช่นนี้แล้ว เคยเห็นสภาพของเฟิงเย่เสวียนเป็นเช่นนี้เมื่อไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ยกใบหน้าของเขาขึ้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยและไม่มีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาพึมพำไม่หยุด “เมียจ๋า เมียของข้าล่ะ”มองซ้าย มองขวา “เมียของข้าไปไหนแล้ว เมียจ๋า…ลืมไป เมียของข้าหนีไปกับเฟิงเจิ้งหลีแล้ว…แล้วลูกข้าล่ะ ลูกข้าไปไหนแล้ว…”“อ๊ะ…ลูกข้ายอมรับเฟิงเจิ้งหลีเป็นพ่อแล้ว ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร…”ผลักฉู่เชียนหลีออก ก็ไปหากระบี่จะฆ่าตัวตายฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น จับไหล่ของเขา “เฟิงเย่เสวียน! เจ้าตั้งสติหน่อย!”ตกลงมีความเข้าใจผิดอะไรกับนาง ถึงคิดว่านางหนีไปกับอ๋องหลีทั้งที่ยังท้องโต?แต่เฟิงเย่เสวียนเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนาง สายตายังคงเหม่อลอยมาก ปากก็พึมพำคำพูดประโยคเดียว “ข้ามีชีวิตอยู่ไม่มีความหมายแล้ว…ข้าไม่สมควรมีชีวิต…”หากระบี่จะหากระบี่จะฆ่าตัวตายกระบี่ล่ะ?“เฟิงเย่เสวียน!” ฉู่เชียนหลีเพิ่งจับเขาไว้ อีกด้านหนึ่ง เยว่เอ๋อร์ก็ตะโกนอีกครั้ง “ฮูหยิน แย่แล้ว ใต้เท้าหานเฟิงกับใต้เท้าหานอิ๋งตีกันแล้ว!”สองพี่น้องทะ
ฉู่เชียนหลีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็คือคนที่อ๋องเฟิงส่งมา?”รอยยิ้มบนใบหน้าหัวหน้ามือสังหารชะงัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ พระชายาอ๋องเฉินถือเป็นคนฉลาด ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปจากที่นี่”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรง เสร็จงานเร็ว กลับบ้านเร็ว“ฆ่าให้หมด!”เมื่อสิ้นเสียงที่เย็นชา สวมหน้ากากที่แปลกประหลาด“พระชายาระวัง!” สีหน้าจางเฟยเปลี่ยนฉับพลัน “เป็นวิชากลลวงน้ำลึก! อย่ามองหน้ากากของพวกมัน ระวังสูญเสียสติสัมปชัญญะ!”อ๋องเฉินและคนอื่นต้องถูกสะกดจิตแน่ จึงกลายเป็นเช่นนี้แม้จางเฟยเตือนทันเวลา แต่เยว่เอ๋อร์และคนของสำนักอู๋จี๋ก็ถูกสะกดจิตแล้วอาหวาตกใจจนซ่อนตัวในพุ่มไม้ ปิดปาก ขดตัวแน่น กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยฉู่เชียนหลีหลับตาทันที ใช้หูฟังแทนหลังจากปิดการมองเห็น การได้ยินมีสมาธิและตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น นางได้ยินคนกลุ่มนั้นก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หมุนหน้ากาก และวนรอบตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วหน้ากากเป็นกระแสวน การหมุนก็เป็นกระแสวน หากมองแค่ปราดเดียว ต้องถูกสะกดจิตแน่แต่ถ้าทำลายค่ายกลของพวกมัน สิ่งที่