เจ็บปวดอย่างรุนแรง!หานเฟิงรีบดึงต้าหนิวกลับมา เห็นของสีดำกัดกร่อนมือของต้าหนิวอย่างรวดเร็วเหมือนกรดกำมะถัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้กลืนกินไปถึงแขนของเขาแล้ว!เป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องตายแน่นอน!ต้องตัดทิ้ง!เขาชักกระบี่ ฟันลงไปทันที“อ๊า!”เลือดพุ่งกระฉูด เสียงกรีดร้องราวกับฆ่าหมูดังลั่นทั้งป่า ทำเอานกฝูงหนึ่งตกใจจนบินหนี แขนครึ่งท่อนที่ตกอยู่บนพื้นถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงน้ำสีดำนองอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยมือของต้าหนิวถูกตัดออกจากข้อศอก เหลือเพียงแขนครึ่งท่อนบน เขากุมแขนอันเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้ กรีดร้องไม่หยุด“มือของข้า…อ๊ะ! มือของข้า…”ขาดแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะตาย“คิดไม่ถึงว่าดอกไม้นี่มีพิษรุนแรงเช่นนี้! มันเติบโตบนซากศพของกวางวิญญาณไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเลือดกวางวิญญาณสามารถแก้ร้อยพิษ มันก็ควรจะเป็นของดีสิ เหตุใดจึงกลายเป็นของมีพิษ?” แม้หานอิ๋งเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก็ต้องงุนงงเป็นครั้งแรก สำหรับดอกไม้แห่งความตายนี้เฟิงเย่เสวียนกวาดมองป่าครึ้มที่ไม่เห็นแสงอาทิตย์ตลอดปี “ในเมื่อสัตว์ยังรู้จักปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดพืชจะทำไม่
“ฮูหยิน ท่านดูนั่น!”ในป่า เสียงสูดลมเย็นเข้าปอดดังขึ้น เยว่เอ๋อร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดกลัว ตรงนั้น…เลือดเยอะมาก และมีศพล้มอยู่สี่ห้าศพ“ข้าลองเข้าไปดูหน่อย!” จางเฟยกลัวมีกับดัก ถือกระบี่เดินอยู่ข้างหน้าชายชุดดำห้าคนนอนจมกองเลือดบนพื้น บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ล้วนขาดใจหมดแล้ว สภาพศพแข็งทื่อ ตายมาแล้วประมาณหนึ่งวันเขานั่งยองลง ค้นเสื้อผ้าของศพ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย กวาดมองร่องรอยการต่อสู้ของสถานที่เกิดเหตุแวบหนึ่ง ระบุทิศทางหนึ่งได้คร่าวๆ “พวกเขาน่าจะไปทางนี้แล้ว”จากทิศทางนี้ คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะตามเฟิงเย่เสวียนทันรอช้าไม่ได้ ออกเดินทางทันทีขณะที่กำลังจะยกเท้า ตรงที่มืด มีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังขึ้นอย่างคลุมเครือ เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเหยียบใบไม้แห้งกองหนาๆ“ใครอยู่ตรงนั้น!” จางเฟยกวาดมองไปอย่างหวาดระแวงทันทีซ่าๆ…อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงลอยมาจากนั้นมีเสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง กิ่งไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นสั่น ทันใดนั้น มีหมาป่าขนสีเทา กรงเล็บแวววาวหลายตัวกระโดดออกมา!เป็นฝูงหมาป่า!พวกมันปิดล้อมฉู่เชียนหลีและคนอื่น กรงเล
ยกมือขึ้นแล้วเรียกจางเฟยกลับมา หลังจากนั้นยกเปลือกตา ตะโกนเข้าไปในดงป่า“เจ้าดำน้อย ถ้ายังวิ่งซี้ซั้วไปทั่ว ข้าไม่พาเจ้ากลับแล้วนะ!”เสริมอีกประโยค “สุนัขตัวเมียสิบตัวก็เลิกคิดไปได้เลย!”เพิ่งสิ้นเสียง ใบไม้ที่อยู่ไม่ไกลของดงป่าสั่น ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่งวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วง พุ่มหญ้าก็ขยับเป็นคลื่น“บรู้ว…”เสียงหมาป่าหอนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำลายความเงียบในป่า นกนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจบินหนีพลันด้วยการกระโดดอย่างแรง หมาป่าสีขาวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างมั่นคงทันที ใบไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ หัวหมาป่าอันสูงศักดิ์เชิดขึ้น ดวงตาแดงเหมือนเลือด สายเลือดอันสูงศักดิ์และบริสุทธิ์แต่โดยกำเนิดแผ่แรงข่มขวัญการข่มขวัญทางสายเลือด ทำให้หมาป่าสีเทาเหล่านั้นเห็นแล้ว ตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมทั้งสองเทียบกัน หมาป่าขาวสูงใหญ่น่าเกรงขาม สายเลือดสูงศักดิ์บริสุทธิ์ ในขณะที่หมาป่าเทาขนยุ่งเหยิง ตัวสีเทา ทั้งเตี้ย ทั้งผอม ทั้งตัวเล็ก ก็เหมือนกับเวลาแมวเจอหนู…เจ้าดำน้อยเลียกรงเล็บและเหลือบมองหนูเทาเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สู้น
ถ้าหากฝูงหมาป่าถูกคนล่อมา เช่นนั้นก็มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าที่เคยเจอกันแค่สองครั้งน่าสงสัยที่สุด——อาหวาฉู่เชียนหลีมองนาง “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก ข้าไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้ก็มาเจอกับฝูงหมาป่าอีก ตลอดทางที่มา เจ้าเป็นคนนำทาง พวกเราทุกคนเดินตามทางที่เจ้าบอก”อาหวาได้ยินคำนี้ ไม่พอใจทันที“ใช่ ข้าเป็นคนนำทาง แต่เขาชางฉยงกว้างใหญ่มาก แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่สามารถสำรวจจนทั่ว นับประสาอะไรกับข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?”“เจออันตรายในป่าบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เจออันตรายเป็นเรื่องปกติจริง แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ อันตรายเหล่านี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์!”ฉู่เชียนหลีเน้นคำว่า ‘การกระทำของมนุษย์’ เย็นชาเป็นพิเศษ นางพลิกฝ่ามือ ถือหญ้าต้นหนึ่งที่หลุดออกจากรากไว้“หญ้าต้นนี้ เจ้าเป็นคนใส่กระมัง?”อาหวาเห็นแล้ว ม่านตาหด…“หญ้าจื่อจิน ยางของมันเป็นกลิ่นคาว ขยี้มันจนเละ มันสามารถส่งกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นตัวการที่ดึงดูดฝูงหมาป่ามา” ฉู่เชียนหลีโยนหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวไปที่ข้างเท้านาง“ข้า…”อาหวาถอยหลังอย่างร้อนตัวครึ่งก้าว “ข้า…ข้า…”นางคาดคิดไม
“เลือดของหมาป่าเทาชนิดนี้ แค่ดื่มเข้าไป ก็สามารถแก้กู่ ดังนั้นข้าจึงล่อพวกมันมา…”แววตาของอาหวาเต็มไปด้วยความจริงใจ และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ“พี่สาว ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน และท่านยังได้มอบเงินมากมายเช่นนั้นให้ครอบครัวข้า ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร?”เบะปากเวลาพูด ดูน้อยใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่หันไปออกคำสั่งกับจางเฟย“ส่งคนไปจับหมาป่าหนึ่งตัว เอาเลือดของมันมาให้ข้า”จางเฟยชะงักเล็กน้อย “ฮูหยิน หรือท่านเชื่อ…”“ยังไม่รีบไปอีก?”“ขอรับ”จางเฟยไม่ได้ถามมากอีก แต่สั่งคนไปจับหมาป่าเพื่อเอาเลือดแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของอาหวา อาหวาผิดปกติ นางรู้สึกได้ แต่เรื่องที่มีกู่ในร่างกายของตนเอง นางก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกันใครกันที่วางกู่ใส่นาง แต่กู่นี้กลับไม่ได้ทำร้ายร่างกายของนาง?ตกลงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?หลังจากนั้นสองเค่อนำเลือดหมาป่าเทามา ฉู่เชียนหลีไม่ได้รีบดื่ม แต่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ทั้งกลุ่มเริ่มออกเดินทางอีกครั้งตามทิศทางที่ร่องรอยการต่อสู้ในท
รู้จักกันนานเช่นนี้แล้ว เคยเห็นสภาพของเฟิงเย่เสวียนเป็นเช่นนี้เมื่อไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ยกใบหน้าของเขาขึ้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยและไม่มีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาพึมพำไม่หยุด “เมียจ๋า เมียของข้าล่ะ”มองซ้าย มองขวา “เมียของข้าไปไหนแล้ว เมียจ๋า…ลืมไป เมียของข้าหนีไปกับเฟิงเจิ้งหลีแล้ว…แล้วลูกข้าล่ะ ลูกข้าไปไหนแล้ว…”“อ๊ะ…ลูกข้ายอมรับเฟิงเจิ้งหลีเป็นพ่อแล้ว ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร…”ผลักฉู่เชียนหลีออก ก็ไปหากระบี่จะฆ่าตัวตายฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น จับไหล่ของเขา “เฟิงเย่เสวียน! เจ้าตั้งสติหน่อย!”ตกลงมีความเข้าใจผิดอะไรกับนาง ถึงคิดว่านางหนีไปกับอ๋องหลีทั้งที่ยังท้องโต?แต่เฟิงเย่เสวียนเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนาง สายตายังคงเหม่อลอยมาก ปากก็พึมพำคำพูดประโยคเดียว “ข้ามีชีวิตอยู่ไม่มีความหมายแล้ว…ข้าไม่สมควรมีชีวิต…”หากระบี่จะหากระบี่จะฆ่าตัวตายกระบี่ล่ะ?“เฟิงเย่เสวียน!” ฉู่เชียนหลีเพิ่งจับเขาไว้ อีกด้านหนึ่ง เยว่เอ๋อร์ก็ตะโกนอีกครั้ง “ฮูหยิน แย่แล้ว ใต้เท้าหานเฟิงกับใต้เท้าหานอิ๋งตีกันแล้ว!”สองพี่น้องทะ
ฉู่เชียนหลีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็คือคนที่อ๋องเฟิงส่งมา?”รอยยิ้มบนใบหน้าหัวหน้ามือสังหารชะงัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ พระชายาอ๋องเฉินถือเป็นคนฉลาด ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปจากที่นี่”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรง เสร็จงานเร็ว กลับบ้านเร็ว“ฆ่าให้หมด!”เมื่อสิ้นเสียงที่เย็นชา สวมหน้ากากที่แปลกประหลาด“พระชายาระวัง!” สีหน้าจางเฟยเปลี่ยนฉับพลัน “เป็นวิชากลลวงน้ำลึก! อย่ามองหน้ากากของพวกมัน ระวังสูญเสียสติสัมปชัญญะ!”อ๋องเฉินและคนอื่นต้องถูกสะกดจิตแน่ จึงกลายเป็นเช่นนี้แม้จางเฟยเตือนทันเวลา แต่เยว่เอ๋อร์และคนของสำนักอู๋จี๋ก็ถูกสะกดจิตแล้วอาหวาตกใจจนซ่อนตัวในพุ่มไม้ ปิดปาก ขดตัวแน่น กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยฉู่เชียนหลีหลับตาทันที ใช้หูฟังแทนหลังจากปิดการมองเห็น การได้ยินมีสมาธิและตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น นางได้ยินคนกลุ่มนั้นก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หมุนหน้ากาก และวนรอบตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วหน้ากากเป็นกระแสวน การหมุนก็เป็นกระแสวน หากมองแค่ปราดเดียว ต้องถูกสะกดจิตแน่แต่ถ้าทำลายค่ายกลของพวกมัน สิ่งที่
กำหนามน้ำแข็ง ออกแรงหมุนและบิด แทงลึกยิ่งขึ้น“อ๊ะ…” เฟิงเย่เสวียนล้มลงด้วยความเจ็บปวด เลือดตรงบาดแผลไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายกระตุก ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลืมตา ชั้น ‘หมอก’ ที่ปกคลุมตรงหน้าค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นฉากที่แท้จริงเหล่ามือสังหารล้มอยู่บนพื้นทั้งหมด ไร้ลมหายใจหัวหน้ามือสังหารคนนั้นกุมท้อง สะอึกเลือดในปากอย่างหายใจรวยริน “เออ…อ๊ะ…”ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ก้มมองคนที่อยู่ข้างเท้า“คนที่อ๋องเฟิงส่งมาก็ไม่เท่าไร อาศัยความสามารถแค่นี้ คิดจะฆ่าข้า?”นางกับเฟิงเย่เสวียนร่วมเตียงร่วมหมอนหนึ่งปีเต็ม มีหรือที่จะฟังไม่ออกแม้แต่เสียงของเฟิงเย่เสวียน? น่าขำ!ถีบร่างกายเขาจนคว่ำ ละลายแท่งหนามน้ำแข็งที่ตกอยู่บนพื้น ก้าวเท้ายาวกลับไปที่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน เพิ่งประคองเขา หมอกในดวงตาของเขาค่อยๆ สลาย สติค่อยๆ ฟื้นกลับคืน “เชียนหลี?”เขาตะลึงงัน “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เชียนหลี…ซี้ด!”กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับ กระตุกโดนมุมปาก รู้สึกเจ็บยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างตะลึงเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแสบใครตบเขา?ไอ้เวร ใครตบหน้าเขา?คนอื่นก็ค่อยๆ ตื่นเช่นกัน“พระชายา ท่านอย
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว