เจ็บปวดอย่างรุนแรง!หานเฟิงรีบดึงต้าหนิวกลับมา เห็นของสีดำกัดกร่อนมือของต้าหนิวอย่างรวดเร็วเหมือนกรดกำมะถัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้กลืนกินไปถึงแขนของเขาแล้ว!เป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องตายแน่นอน!ต้องตัดทิ้ง!เขาชักกระบี่ ฟันลงไปทันที“อ๊า!”เลือดพุ่งกระฉูด เสียงกรีดร้องราวกับฆ่าหมูดังลั่นทั้งป่า ทำเอานกฝูงหนึ่งตกใจจนบินหนี แขนครึ่งท่อนที่ตกอยู่บนพื้นถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงน้ำสีดำนองอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยมือของต้าหนิวถูกตัดออกจากข้อศอก เหลือเพียงแขนครึ่งท่อนบน เขากุมแขนอันเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้ กรีดร้องไม่หยุด“มือของข้า…อ๊ะ! มือของข้า…”ขาดแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะตาย“คิดไม่ถึงว่าดอกไม้นี่มีพิษรุนแรงเช่นนี้! มันเติบโตบนซากศพของกวางวิญญาณไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเลือดกวางวิญญาณสามารถแก้ร้อยพิษ มันก็ควรจะเป็นของดีสิ เหตุใดจึงกลายเป็นของมีพิษ?” แม้หานอิ๋งเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก็ต้องงุนงงเป็นครั้งแรก สำหรับดอกไม้แห่งความตายนี้เฟิงเย่เสวียนกวาดมองป่าครึ้มที่ไม่เห็นแสงอาทิตย์ตลอดปี “ในเมื่อสัตว์ยังรู้จักปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดพืชจะทำไม่
“ฮูหยิน ท่านดูนั่น!”ในป่า เสียงสูดลมเย็นเข้าปอดดังขึ้น เยว่เอ๋อร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดกลัว ตรงนั้น…เลือดเยอะมาก และมีศพล้มอยู่สี่ห้าศพ“ข้าลองเข้าไปดูหน่อย!” จางเฟยกลัวมีกับดัก ถือกระบี่เดินอยู่ข้างหน้าชายชุดดำห้าคนนอนจมกองเลือดบนพื้น บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ล้วนขาดใจหมดแล้ว สภาพศพแข็งทื่อ ตายมาแล้วประมาณหนึ่งวันเขานั่งยองลง ค้นเสื้อผ้าของศพ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย กวาดมองร่องรอยการต่อสู้ของสถานที่เกิดเหตุแวบหนึ่ง ระบุทิศทางหนึ่งได้คร่าวๆ “พวกเขาน่าจะไปทางนี้แล้ว”จากทิศทางนี้ คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะตามเฟิงเย่เสวียนทันรอช้าไม่ได้ ออกเดินทางทันทีขณะที่กำลังจะยกเท้า ตรงที่มืด มีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังขึ้นอย่างคลุมเครือ เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเหยียบใบไม้แห้งกองหนาๆ“ใครอยู่ตรงนั้น!” จางเฟยกวาดมองไปอย่างหวาดระแวงทันทีซ่าๆ…อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงลอยมาจากนั้นมีเสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง กิ่งไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นสั่น ทันใดนั้น มีหมาป่าขนสีเทา กรงเล็บแวววาวหลายตัวกระโดดออกมา!เป็นฝูงหมาป่า!พวกมันปิดล้อมฉู่เชียนหลีและคนอื่น กรงเล
ยกมือขึ้นแล้วเรียกจางเฟยกลับมา หลังจากนั้นยกเปลือกตา ตะโกนเข้าไปในดงป่า“เจ้าดำน้อย ถ้ายังวิ่งซี้ซั้วไปทั่ว ข้าไม่พาเจ้ากลับแล้วนะ!”เสริมอีกประโยค “สุนัขตัวเมียสิบตัวก็เลิกคิดไปได้เลย!”เพิ่งสิ้นเสียง ใบไม้ที่อยู่ไม่ไกลของดงป่าสั่น ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่งวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วง พุ่มหญ้าก็ขยับเป็นคลื่น“บรู้ว…”เสียงหมาป่าหอนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำลายความเงียบในป่า นกนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจบินหนีพลันด้วยการกระโดดอย่างแรง หมาป่าสีขาวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างมั่นคงทันที ใบไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ หัวหมาป่าอันสูงศักดิ์เชิดขึ้น ดวงตาแดงเหมือนเลือด สายเลือดอันสูงศักดิ์และบริสุทธิ์แต่โดยกำเนิดแผ่แรงข่มขวัญการข่มขวัญทางสายเลือด ทำให้หมาป่าสีเทาเหล่านั้นเห็นแล้ว ตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมทั้งสองเทียบกัน หมาป่าขาวสูงใหญ่น่าเกรงขาม สายเลือดสูงศักดิ์บริสุทธิ์ ในขณะที่หมาป่าเทาขนยุ่งเหยิง ตัวสีเทา ทั้งเตี้ย ทั้งผอม ทั้งตัวเล็ก ก็เหมือนกับเวลาแมวเจอหนู…เจ้าดำน้อยเลียกรงเล็บและเหลือบมองหนูเทาเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สู้น
ถ้าหากฝูงหมาป่าถูกคนล่อมา เช่นนั้นก็มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าที่เคยเจอกันแค่สองครั้งน่าสงสัยที่สุด——อาหวาฉู่เชียนหลีมองนาง “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก ข้าไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้ก็มาเจอกับฝูงหมาป่าอีก ตลอดทางที่มา เจ้าเป็นคนนำทาง พวกเราทุกคนเดินตามทางที่เจ้าบอก”อาหวาได้ยินคำนี้ ไม่พอใจทันที“ใช่ ข้าเป็นคนนำทาง แต่เขาชางฉยงกว้างใหญ่มาก แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่สามารถสำรวจจนทั่ว นับประสาอะไรกับข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?”“เจออันตรายในป่าบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เจออันตรายเป็นเรื่องปกติจริง แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ อันตรายเหล่านี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์!”ฉู่เชียนหลีเน้นคำว่า ‘การกระทำของมนุษย์’ เย็นชาเป็นพิเศษ นางพลิกฝ่ามือ ถือหญ้าต้นหนึ่งที่หลุดออกจากรากไว้“หญ้าต้นนี้ เจ้าเป็นคนใส่กระมัง?”อาหวาเห็นแล้ว ม่านตาหด…“หญ้าจื่อจิน ยางของมันเป็นกลิ่นคาว ขยี้มันจนเละ มันสามารถส่งกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นตัวการที่ดึงดูดฝูงหมาป่ามา” ฉู่เชียนหลีโยนหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวไปที่ข้างเท้านาง“ข้า…”อาหวาถอยหลังอย่างร้อนตัวครึ่งก้าว “ข้า…ข้า…”นางคาดคิดไม
“เลือดของหมาป่าเทาชนิดนี้ แค่ดื่มเข้าไป ก็สามารถแก้กู่ ดังนั้นข้าจึงล่อพวกมันมา…”แววตาของอาหวาเต็มไปด้วยความจริงใจ และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ“พี่สาว ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน และท่านยังได้มอบเงินมากมายเช่นนั้นให้ครอบครัวข้า ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร?”เบะปากเวลาพูด ดูน้อยใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่หันไปออกคำสั่งกับจางเฟย“ส่งคนไปจับหมาป่าหนึ่งตัว เอาเลือดของมันมาให้ข้า”จางเฟยชะงักเล็กน้อย “ฮูหยิน หรือท่านเชื่อ…”“ยังไม่รีบไปอีก?”“ขอรับ”จางเฟยไม่ได้ถามมากอีก แต่สั่งคนไปจับหมาป่าเพื่อเอาเลือดแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของอาหวา อาหวาผิดปกติ นางรู้สึกได้ แต่เรื่องที่มีกู่ในร่างกายของตนเอง นางก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกันใครกันที่วางกู่ใส่นาง แต่กู่นี้กลับไม่ได้ทำร้ายร่างกายของนาง?ตกลงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?หลังจากนั้นสองเค่อนำเลือดหมาป่าเทามา ฉู่เชียนหลีไม่ได้รีบดื่ม แต่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ทั้งกลุ่มเริ่มออกเดินทางอีกครั้งตามทิศทางที่ร่องรอยการต่อสู้ในท
รู้จักกันนานเช่นนี้แล้ว เคยเห็นสภาพของเฟิงเย่เสวียนเป็นเช่นนี้เมื่อไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ยกใบหน้าของเขาขึ้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยและไม่มีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาพึมพำไม่หยุด “เมียจ๋า เมียของข้าล่ะ”มองซ้าย มองขวา “เมียของข้าไปไหนแล้ว เมียจ๋า…ลืมไป เมียของข้าหนีไปกับเฟิงเจิ้งหลีแล้ว…แล้วลูกข้าล่ะ ลูกข้าไปไหนแล้ว…”“อ๊ะ…ลูกข้ายอมรับเฟิงเจิ้งหลีเป็นพ่อแล้ว ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร…”ผลักฉู่เชียนหลีออก ก็ไปหากระบี่จะฆ่าตัวตายฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น จับไหล่ของเขา “เฟิงเย่เสวียน! เจ้าตั้งสติหน่อย!”ตกลงมีความเข้าใจผิดอะไรกับนาง ถึงคิดว่านางหนีไปกับอ๋องหลีทั้งที่ยังท้องโต?แต่เฟิงเย่เสวียนเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนาง สายตายังคงเหม่อลอยมาก ปากก็พึมพำคำพูดประโยคเดียว “ข้ามีชีวิตอยู่ไม่มีความหมายแล้ว…ข้าไม่สมควรมีชีวิต…”หากระบี่จะหากระบี่จะฆ่าตัวตายกระบี่ล่ะ?“เฟิงเย่เสวียน!” ฉู่เชียนหลีเพิ่งจับเขาไว้ อีกด้านหนึ่ง เยว่เอ๋อร์ก็ตะโกนอีกครั้ง “ฮูหยิน แย่แล้ว ใต้เท้าหานเฟิงกับใต้เท้าหานอิ๋งตีกันแล้ว!”สองพี่น้องทะ
ฉู่เชียนหลีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็คือคนที่อ๋องเฟิงส่งมา?”รอยยิ้มบนใบหน้าหัวหน้ามือสังหารชะงัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ พระชายาอ๋องเฉินถือเป็นคนฉลาด ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปจากที่นี่”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรง เสร็จงานเร็ว กลับบ้านเร็ว“ฆ่าให้หมด!”เมื่อสิ้นเสียงที่เย็นชา สวมหน้ากากที่แปลกประหลาด“พระชายาระวัง!” สีหน้าจางเฟยเปลี่ยนฉับพลัน “เป็นวิชากลลวงน้ำลึก! อย่ามองหน้ากากของพวกมัน ระวังสูญเสียสติสัมปชัญญะ!”อ๋องเฉินและคนอื่นต้องถูกสะกดจิตแน่ จึงกลายเป็นเช่นนี้แม้จางเฟยเตือนทันเวลา แต่เยว่เอ๋อร์และคนของสำนักอู๋จี๋ก็ถูกสะกดจิตแล้วอาหวาตกใจจนซ่อนตัวในพุ่มไม้ ปิดปาก ขดตัวแน่น กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยฉู่เชียนหลีหลับตาทันที ใช้หูฟังแทนหลังจากปิดการมองเห็น การได้ยินมีสมาธิและตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น นางได้ยินคนกลุ่มนั้นก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หมุนหน้ากาก และวนรอบตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วหน้ากากเป็นกระแสวน การหมุนก็เป็นกระแสวน หากมองแค่ปราดเดียว ต้องถูกสะกดจิตแน่แต่ถ้าทำลายค่ายกลของพวกมัน สิ่งที่
กำหนามน้ำแข็ง ออกแรงหมุนและบิด แทงลึกยิ่งขึ้น“อ๊ะ…” เฟิงเย่เสวียนล้มลงด้วยความเจ็บปวด เลือดตรงบาดแผลไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายกระตุก ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลืมตา ชั้น ‘หมอก’ ที่ปกคลุมตรงหน้าค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นฉากที่แท้จริงเหล่ามือสังหารล้มอยู่บนพื้นทั้งหมด ไร้ลมหายใจหัวหน้ามือสังหารคนนั้นกุมท้อง สะอึกเลือดในปากอย่างหายใจรวยริน “เออ…อ๊ะ…”ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ก้มมองคนที่อยู่ข้างเท้า“คนที่อ๋องเฟิงส่งมาก็ไม่เท่าไร อาศัยความสามารถแค่นี้ คิดจะฆ่าข้า?”นางกับเฟิงเย่เสวียนร่วมเตียงร่วมหมอนหนึ่งปีเต็ม มีหรือที่จะฟังไม่ออกแม้แต่เสียงของเฟิงเย่เสวียน? น่าขำ!ถีบร่างกายเขาจนคว่ำ ละลายแท่งหนามน้ำแข็งที่ตกอยู่บนพื้น ก้าวเท้ายาวกลับไปที่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน เพิ่งประคองเขา หมอกในดวงตาของเขาค่อยๆ สลาย สติค่อยๆ ฟื้นกลับคืน “เชียนหลี?”เขาตะลึงงัน “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เชียนหลี…ซี้ด!”กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับ กระตุกโดนมุมปาก รู้สึกเจ็บยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างตะลึงเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแสบใครตบเขา?ไอ้เวร ใครตบหน้าเขา?คนอื่นก็ค่อยๆ ตื่นเช่นกัน“พระชายา ท่านอย
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต