“เฮ้อ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว เป็นเด็กดีนะ” จางเฟยตบหลังเยว่เอ๋อร์เบาๆ ค่อยๆ ปลอบใจนางการปลอบใจของท่านลุงวัยกลางคน การปกป้องของหานเฟิง ทำให้เยว่เอ๋อร์รู้สึกปลอดภัย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกอดเยว่เอ๋อร์ กล่าวเสียงเบา “ไปนั่งข้างๆ สักพัก หานเฟิง เอาน้ำมา จางเฟย เก็บกวาดสถานที่”ลองดูว่าบนตัวของมือสังหารเหล่านั้นมีของอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ทุกคนเริ่มทำงานของตนเองหลังจากฉู่เชียนหลีจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินตามเฟิงเย่เสวียนไปพูดคุยที่อีกด้านหนึ่งเฟิงเย่เสวียนพลางตอบคำถาม พลางชี้ไปทางกระดูกที่ขาวโพลง พูดเรื่องของดอกไม้แห่งความตายทั้งสองสนทนากันจุดที่ไม่ไกลนักอาหวามุดออกมาจากพงหญ้า สีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ดูไม่ดีนัก ต้าหนิวที่แขนขาดหนึ่งข้างนั่งอยู่ตรงหน้าของนางบนใบหน้าต้าหนิวเต็มไปด้วยคราบเลือด “อาหวา…”เสียงของเขาขมขื่น ในแววตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ก็มีปมด้อยหลายส่วนเช่นกันแขนขาดแล้ว ไม่สามารถช่วยตนเองในชีวิตประจำวัน และไม่สามารถล่าสัตว์ กลายเป็นคนพิการที่ทำอะไรไม่ได้เลยอาหวาเม้มปากแน่น ไม่อยากคุยกับเขา หันหน้าไปมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อ
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็น“ใช้กระบี่แงะดอกไม้ออกมา”“ใช้กระบี่ควบคุมยาก หากดอกไม้แห่งความตายได้รับความเสียหายล่ะ? ไม่สู้ใช้เสื้อผ้าห่อมือ ไปเด็ดดีกว่า”“ดอกไม้แห่งความตายนั่นสามารถกัดกร่อนแม้แต่ผิวหนังของมนุษย์ คิดว่ามีเสื้อผ้าห่อก็จะไม่กัดกร่อนแล้วหรือ?”“นี่…”เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ทุกคนมองหน้ากัน คิดจนศีรษะโล้นแล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีที่สามารถใช้ได้เฟิงเย่เสวียนครุ่นคิด กวาดมองกองกระดูกนั่น สังเกตเห็นดอกไม้แห่งความตายนั่นขึ้นบนเขากวางโดยบังเอิญถ้าหากนำเขากวางลงมาได้ ก็ไม่เท่ากับได้ดอกไม้แห่งความตายมาแล้วหรือ?กล่าวเสียงดัง “เอาเขากวาง”“ไม่ได้” ฉู่เชียนหลีห้ามทันที “เจ้าดูพืชของที่นี่ ต้นไม้โบราณพันปี เถาวัลย์ร้อยปี ดอกไม้แห่งความตายที่บานไม่ร่วง และยังมีสัตว์ที่คอยปกป้อง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดานานแล้ว”“ในสายตาของสัตว์ ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเจ้านำเขากวางไปโดยตรง ทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่อาจทำให้พวกมันโกรธ ก่อให้เกิดผลร้ายแรงที่ตามมา”อยู่ในเมือง มนุษย์สามารถควบคุมสัตว์แต่อยู่ในป่าแห่งนี้ เป็นถิ่นของเหล่าสัตว์ป่า จำเป็นต้องยำเกรงทุกชีวิตหานอิ๋งกลับรู้ส
“เจ้า?”ทุกคนตะลึงงันทันใดนั้นมีความคิดที่ไม่ดีผุดขึ้นในสมองของเฟิงเย่เสวียน ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จะคว้าตัวฉู่เชียนหลี แต่เท้าฉู่เชียนหลีก้าวออกไป ก็เข้าไปในกองกระดูกที่ขาวโพลงแล้ว“ฉู่เชียนหลี!”“พระชายา!”“ระวัง!”ทุกคนเบิกตากว้าง พริบตานั้นแม้แต่ลมหายใจก็หยุดชะงักในกองกระดูกที่ขาวโพลนเหล่านี้มีแมลงพิษและสัตว์ร้ายที่ค่อยปกป้องดอกไม้แห่งความตายซ่อนอยู่มากมาย เมื่อเข้าใกล้ต้องตายแน่ พระชายาเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นได้อย่างไร เฟิงเย่เสวียนยิ่งม่านตาหด หัวใจเต้นแรงมาก ในสมองยิ่งว่างเปล่า แทบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงผู้หญิงที่ใจกล้าคนนั้นหลังจากนั้นสองวินาทีไม่มีงูพิษโผล่ออกมา และไม่มีแมลงอย่างอื่นทุกคนเห็นภาพนี้ ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความงงงวย “?”นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ก่อนหน้านี้องครักษ์ไม่ระวังเดินหลงเข้าไป ถูกกัดตาย พวกเขาทุกคนล้วนเคยเห็นความร้ายกาจของกองกระดูกแห่งนี้ เหตุใดพระชายาจึงไม่เป็นอะไร? ฉู่เชียนหลีกวาดมองกองกระดูกอย่างสงบ รู้ว่าการคาดเดาของตนเองถูกต้อง นางยกเท้าอีกข้าง เลี่ยงโครงกระดูกเหล่านั้น เหยียบลงบนช่องว่างบนพื้นห
เกิดอะไรขึ้นจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งมาก?เหตุใดจึงรู้สึกเจ็บแสบเบ้าตาเล็กน้อย?เฟิงเย่เสวียนกะพริบตาปริบๆ แล้วขมวดคิ้ว ข่มหนังตาลง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแสบดวงตามากนิ้วมือปัดผ่าน ยังรู้สึกเจ็บด้วย“ซี้ด…”“เชียนหลี ช่วยข้าดูหน่อย ตาข้าเป็นอะไร?”แปลกมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ฉู่เชียนหลีกวาดมองแวบหนึ่ง เบ้าตาของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มากเกินไป หางตาเปียกชุ่ม ประกอบกับความแห้งกร้านในป่า สภาพผิวที่ผุกร่อนถูกน้ำตาขยี้ ผิวหนังจะแตกและเจ็บแสบ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องทาครีมบำรุงผิวในฤดูหนาวพูดออกมาสองคำโดยตรง “ร้องไห้มากเกินไป”เฟิงเย่เสวียน “?”ทุกคน “?”ร้องไห้?อ๋องเฉินร้องไห้จนตาแดง?เกรงว่านี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก ต่อให้คนทั้งโลกร้องไห้ อ๋องเฉินก็ไม่มีทางร้องไห้“เหตุใดจึงใช้สายตาที่สงสัยเช่นนี้มองข้า? เจ้าร้องไห้มากเกินไปจริงๆ หรือข้าจะโกหกเจ้า?” ฉู่เชียนหลีมองบนใส่เขาเฟิงเย่เสวียน “...”จมอยู่ในความสงสัยในตนเองเขาจะร้องไห้ได้อย่างไร?เงยหน้ามองไปทางหานเฟิง หานเฟิงรีบส่ายศีรษะ ติดตามนายท่านสิบห้าปี ไม่เคยเจอความลำบากเช่นไรบ้าง? ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นไรบ
นางรีบเดินไปข้างหน้า “เหมือนคุณชายจิ่งกับอวิ๋นอิงล้วนได้รับบาดเจ็บ คุณชายจิ่ง รีบวางอวิ๋นอิงลงเถอะ!”เยว่เอ๋อร์เอื้อมมือออกไปรับอวิ๋นอิงที่หมดสติ ประคองนางนั่งลงที่พื้นจิ่งอี้ที่สูญเสียแรงกดของน้ำหนัก ร่างกายที่สูงใหญ่โอนเอนอย่างไร้เรี่ยวแรง หน้ามืดจนเกือบล้ม“คุณชายจิ่งระวัง!” เยว่เอ๋อร์ปล่อยอวิ๋นอิงทันที ไปประคองจิ่งอี้แทนอาจเพราะทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนมัวแต่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเยว่เอ๋อร์ฉู่เชียนหลีรีบเดินไปข้างกายอวิ๋นอิง จับข้อมือของนาง เพื่อตรวจชีพจรให้นางเสียเลือดมากเกินไป!มีไข้สูง!“พวกเราเจอมือสังหารในป่า ไม่ระวังกลิ้งตกลงไปที่ตีนเขา นางขาหัก อาการสาหัสเกินไป ข้าได้แต่ห้ามเลือดให้นางก่อน…”เสียงของจิ่งอี้อ่อนแรงมากและหอบหายใจ น้ำเสียงที่แหบแห้งนั่นคนหายใจรวยรินที่ใกล้ตายขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แบกนางเดินมาพักใหญ่…ร่างกายของเขาฝืนจนถึงขีดจำกัด“คุณชาย ขาของท่าน…” จางเฟยสังเกตเห็นบาดแผลที่ขาของเขาจิ่งอี้ไม่อยากพูดถึงเรื่อง ‘ขา’พูดถึงเรื่องขา ก็จะนึกถึงอวิ๋นอิงหยิบก้อนหินขึ้นมาทุบเขาอย่างแรงเหมือนกัน
ยามราตรีของหมู่บ้านในป่าลึกมืดเป็นพิเศษ มืดจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้ว และเงียบเป็นพิเศษเช่นกัน ในคืนมืดมิดอันไกลโพ้น กบและจักจั่นร้องอ๊บๆ สัตว์ที่ไม่รู้จักวิ่งไปมา ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ บรรยากาศเงียบสงัด หลังอาหารทุกคนเก็บข้าวของเรียบร้อยฉู่เชียนหลีนั่งอยู่หน้าเตียง นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น หลังจากบิดแห้งแล้ว เช็ดตัวให้อวิ๋นอิงอย่างละเอียด บาดแผลของนางได้รับการจัดการเรียบร้อย หลังจากกินยา ไข้เพิ่งลด แต่ยังไม่ฟื้นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตาไฟ เติมฟืนเข้าไปในนั้นสองท่อน ฝุ่นและเศษปลิวไปทุกที่ ตกลงบนร่างกายของเขา“นายท่าน จัดกระบวนและม้าเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อขอรับ” หานเฟิงมารายงานเฟิงเย่เสวียนเป่าฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าแล้วกล่าว “พักผ่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้ากลับเมืองหลวงทันที”“ขอรับ”หานเฟิงจากไปแล้วจากบ้านแดนไกล มีหลายอย่างไม่สะดวก หานเฟิงกับคนของสำนักอู๋จี๋แทบไม่มีที่นอน ล้วนไปเบียดกันนอนบนรถม้าและเดิมทีห้องนี้เป็นห้องนอนของเฟิงเย่เสวียน มีเพียงเตียงเล็กๆ หนึ่งเตียง อวิ๋นอิงนอนแล้ว เฟิงเย่เสวียนกับฉู่เชียนหลีได้แต่อดหลับอดนอนหนึ่งครึ่งหลังจากน
พลันนางยิ้มจางๆ สองมือคล้องคอเฟิงเย่เสวียน ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย กลีบริมฝีปากประทับลงบนริมฝีปากบางของเขาลมหายใจประสานกันอุณหภูมิร่างกายผสานกันดวงตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่ที่จับเอวบางนางก็กระชับแน่นขึ้นหลายส่วน แต่ไม่นานฉู่เชียนหลีก็ขยับริมฝีปากออก กลับไปขดตัวในอ้อมแขนของเขาเห็นได้ชัด เอาแต่ขุดหลุม ไม่คิดจะไม่ฝัง เอาแต่ริเริ่ม ไม่คิดจะปิดจบสรุป : ไร้มโนธรรมดวงตาที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลี เหมือนไม่รู้อะไรเลย นางกล่าวถาม “ใช่แล้ว เจ้าถูกวิชากลลวงน้ำลึกนั่นสะกดจิตได้อย่างไร?”วันนี้ตอนอยู่ในป่า ภาพลวงตาที่เกิดจากมนตร์สะกดนั่น ปลอมเป็นรูปลักษณ์ของเฟิงเย่เสวียน ถูกนางมองออกในปราดเดียววิชากลลวงน้ำลึกที่ทำให้คนในยุทธภพอกสั่นขวัญผวา ดูเหมือนก็ไม่เท่าไรนี่นา?เอ่ยถึงเรื่องนี้ แววตาเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงทันที“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกหลุมพรางหรือ?”“เพราะข้า?!”นั่งอยู่ที่บ้านดีๆ ก็มีปัญหามาถึงที่จริงๆตราบาปแปลกๆ นี่ นางจะไม่แบกแน่นอน!สายตาของเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงอีกระดับ “เดิมทีข้าสามารถจัดการเศษสวะพวกนี้ แต่ว่า…‘อาเฉิน’ ของเจ้าคำเดียว ข้าก็พลาดท่
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ขณะที่ฉู่เชียนหลีเก็บสัมภาระ พบว่ากล่องที่ใส่ดอกไม้แห่งความตายว่างเปล่า และดอกไม้แห่งความตายที่อยู่ข้างในจู่ๆ ก็หายไปเอง…บนโต๊ะอาหารเช้าหัวหน้าหมู่บ้านถือตะเกียบกับชาม ใบหน้าเหลี่ยมที่เต็มไปด้วยริ้วรอย คิ้วที่เป็นสีขาว ดูเป็นคนใจดีมาก น้ำเสียงที่พูดก็เป็นมิตรมากเช่นกัน“หลายสิบปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของพวกเราไม่เคยมีแขกมาเยือน พวกเจ้ามาเร็วไปเร็ว ข้าเองก็ไม่มีของดีอะไรต้อนรับทุกคน เนื้อหมูป่านี่ต้าหนิวล่ามากับมือ ทุกคนต้องกินเยอะๆ นะ ท้องอิ่มจึงจะมีแรงเร่งการเดินทาง”“ฮูหยิน เอาเหล้าขาวมาหน่อย”“ได้เลย” มารดาของอาหวาเป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย นางถือไหเหล้าที่เปื้อนโคลนใบหนึ่ง รินเหล้าให้ทุกคนจิ่งอี้ประสานมือคำนับ “ขอบคุณ”มีบาดแผลตามร่างกาย ดื่มเหล้า ทั้งสามารถฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการปวด“ท่านป้า สองวันนี้รบกวนแล้ว ขอบคุณพวกท่าน” หานเฟิงก็กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ หานอิ๋ง จางเฟย คนของสำนักอู๋จี๋ ทุกคนสุภาพมาก“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องขอบคุณ” นางยิ้มอย่างอบอุ่น เช็ดมือบนผ้าคาดเอว พูดด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น “พวกเจ้าทุกคนกินก่อนเลย ข้าไปดูนางหนูที่อยู่ในห้องเป็นอย่างไรบ