“เฮ้อ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว เป็นเด็กดีนะ” จางเฟยตบหลังเยว่เอ๋อร์เบาๆ ค่อยๆ ปลอบใจนางการปลอบใจของท่านลุงวัยกลางคน การปกป้องของหานเฟิง ทำให้เยว่เอ๋อร์รู้สึกปลอดภัย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกอดเยว่เอ๋อร์ กล่าวเสียงเบา “ไปนั่งข้างๆ สักพัก หานเฟิง เอาน้ำมา จางเฟย เก็บกวาดสถานที่”ลองดูว่าบนตัวของมือสังหารเหล่านั้นมีของอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ทุกคนเริ่มทำงานของตนเองหลังจากฉู่เชียนหลีจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินตามเฟิงเย่เสวียนไปพูดคุยที่อีกด้านหนึ่งเฟิงเย่เสวียนพลางตอบคำถาม พลางชี้ไปทางกระดูกที่ขาวโพลง พูดเรื่องของดอกไม้แห่งความตายทั้งสองสนทนากันจุดที่ไม่ไกลนักอาหวามุดออกมาจากพงหญ้า สีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ดูไม่ดีนัก ต้าหนิวที่แขนขาดหนึ่งข้างนั่งอยู่ตรงหน้าของนางบนใบหน้าต้าหนิวเต็มไปด้วยคราบเลือด “อาหวา…”เสียงของเขาขมขื่น ในแววตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ก็มีปมด้อยหลายส่วนเช่นกันแขนขาดแล้ว ไม่สามารถช่วยตนเองในชีวิตประจำวัน และไม่สามารถล่าสัตว์ กลายเป็นคนพิการที่ทำอะไรไม่ได้เลยอาหวาเม้มปากแน่น ไม่อยากคุยกับเขา หันหน้าไปมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อ
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็น“ใช้กระบี่แงะดอกไม้ออกมา”“ใช้กระบี่ควบคุมยาก หากดอกไม้แห่งความตายได้รับความเสียหายล่ะ? ไม่สู้ใช้เสื้อผ้าห่อมือ ไปเด็ดดีกว่า”“ดอกไม้แห่งความตายนั่นสามารถกัดกร่อนแม้แต่ผิวหนังของมนุษย์ คิดว่ามีเสื้อผ้าห่อก็จะไม่กัดกร่อนแล้วหรือ?”“นี่…”เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ทุกคนมองหน้ากัน คิดจนศีรษะโล้นแล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีที่สามารถใช้ได้เฟิงเย่เสวียนครุ่นคิด กวาดมองกองกระดูกนั่น สังเกตเห็นดอกไม้แห่งความตายนั่นขึ้นบนเขากวางโดยบังเอิญถ้าหากนำเขากวางลงมาได้ ก็ไม่เท่ากับได้ดอกไม้แห่งความตายมาแล้วหรือ?กล่าวเสียงดัง “เอาเขากวาง”“ไม่ได้” ฉู่เชียนหลีห้ามทันที “เจ้าดูพืชของที่นี่ ต้นไม้โบราณพันปี เถาวัลย์ร้อยปี ดอกไม้แห่งความตายที่บานไม่ร่วง และยังมีสัตว์ที่คอยปกป้อง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดานานแล้ว”“ในสายตาของสัตว์ ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเจ้านำเขากวางไปโดยตรง ทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่อาจทำให้พวกมันโกรธ ก่อให้เกิดผลร้ายแรงที่ตามมา”อยู่ในเมือง มนุษย์สามารถควบคุมสัตว์แต่อยู่ในป่าแห่งนี้ เป็นถิ่นของเหล่าสัตว์ป่า จำเป็นต้องยำเกรงทุกชีวิตหานอิ๋งกลับรู้ส
“เจ้า?”ทุกคนตะลึงงันทันใดนั้นมีความคิดที่ไม่ดีผุดขึ้นในสมองของเฟิงเย่เสวียน ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จะคว้าตัวฉู่เชียนหลี แต่เท้าฉู่เชียนหลีก้าวออกไป ก็เข้าไปในกองกระดูกที่ขาวโพลงแล้ว“ฉู่เชียนหลี!”“พระชายา!”“ระวัง!”ทุกคนเบิกตากว้าง พริบตานั้นแม้แต่ลมหายใจก็หยุดชะงักในกองกระดูกที่ขาวโพลนเหล่านี้มีแมลงพิษและสัตว์ร้ายที่ค่อยปกป้องดอกไม้แห่งความตายซ่อนอยู่มากมาย เมื่อเข้าใกล้ต้องตายแน่ พระชายาเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นได้อย่างไร เฟิงเย่เสวียนยิ่งม่านตาหด หัวใจเต้นแรงมาก ในสมองยิ่งว่างเปล่า แทบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงผู้หญิงที่ใจกล้าคนนั้นหลังจากนั้นสองวินาทีไม่มีงูพิษโผล่ออกมา และไม่มีแมลงอย่างอื่นทุกคนเห็นภาพนี้ ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความงงงวย “?”นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ก่อนหน้านี้องครักษ์ไม่ระวังเดินหลงเข้าไป ถูกกัดตาย พวกเขาทุกคนล้วนเคยเห็นความร้ายกาจของกองกระดูกแห่งนี้ เหตุใดพระชายาจึงไม่เป็นอะไร? ฉู่เชียนหลีกวาดมองกองกระดูกอย่างสงบ รู้ว่าการคาดเดาของตนเองถูกต้อง นางยกเท้าอีกข้าง เลี่ยงโครงกระดูกเหล่านั้น เหยียบลงบนช่องว่างบนพื้นห
เกิดอะไรขึ้นจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งมาก?เหตุใดจึงรู้สึกเจ็บแสบเบ้าตาเล็กน้อย?เฟิงเย่เสวียนกะพริบตาปริบๆ แล้วขมวดคิ้ว ข่มหนังตาลง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแสบดวงตามากนิ้วมือปัดผ่าน ยังรู้สึกเจ็บด้วย“ซี้ด…”“เชียนหลี ช่วยข้าดูหน่อย ตาข้าเป็นอะไร?”แปลกมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ฉู่เชียนหลีกวาดมองแวบหนึ่ง เบ้าตาของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มากเกินไป หางตาเปียกชุ่ม ประกอบกับความแห้งกร้านในป่า สภาพผิวที่ผุกร่อนถูกน้ำตาขยี้ ผิวหนังจะแตกและเจ็บแสบ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องทาครีมบำรุงผิวในฤดูหนาวพูดออกมาสองคำโดยตรง “ร้องไห้มากเกินไป”เฟิงเย่เสวียน “?”ทุกคน “?”ร้องไห้?อ๋องเฉินร้องไห้จนตาแดง?เกรงว่านี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก ต่อให้คนทั้งโลกร้องไห้ อ๋องเฉินก็ไม่มีทางร้องไห้“เหตุใดจึงใช้สายตาที่สงสัยเช่นนี้มองข้า? เจ้าร้องไห้มากเกินไปจริงๆ หรือข้าจะโกหกเจ้า?” ฉู่เชียนหลีมองบนใส่เขาเฟิงเย่เสวียน “...”จมอยู่ในความสงสัยในตนเองเขาจะร้องไห้ได้อย่างไร?เงยหน้ามองไปทางหานเฟิง หานเฟิงรีบส่ายศีรษะ ติดตามนายท่านสิบห้าปี ไม่เคยเจอความลำบากเช่นไรบ้าง? ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นไรบ
นางรีบเดินไปข้างหน้า “เหมือนคุณชายจิ่งกับอวิ๋นอิงล้วนได้รับบาดเจ็บ คุณชายจิ่ง รีบวางอวิ๋นอิงลงเถอะ!”เยว่เอ๋อร์เอื้อมมือออกไปรับอวิ๋นอิงที่หมดสติ ประคองนางนั่งลงที่พื้นจิ่งอี้ที่สูญเสียแรงกดของน้ำหนัก ร่างกายที่สูงใหญ่โอนเอนอย่างไร้เรี่ยวแรง หน้ามืดจนเกือบล้ม“คุณชายจิ่งระวัง!” เยว่เอ๋อร์ปล่อยอวิ๋นอิงทันที ไปประคองจิ่งอี้แทนอาจเพราะทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนมัวแต่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเยว่เอ๋อร์ฉู่เชียนหลีรีบเดินไปข้างกายอวิ๋นอิง จับข้อมือของนาง เพื่อตรวจชีพจรให้นางเสียเลือดมากเกินไป!มีไข้สูง!“พวกเราเจอมือสังหารในป่า ไม่ระวังกลิ้งตกลงไปที่ตีนเขา นางขาหัก อาการสาหัสเกินไป ข้าได้แต่ห้ามเลือดให้นางก่อน…”เสียงของจิ่งอี้อ่อนแรงมากและหอบหายใจ น้ำเสียงที่แหบแห้งนั่นคนหายใจรวยรินที่ใกล้ตายขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แบกนางเดินมาพักใหญ่…ร่างกายของเขาฝืนจนถึงขีดจำกัด“คุณชาย ขาของท่าน…” จางเฟยสังเกตเห็นบาดแผลที่ขาของเขาจิ่งอี้ไม่อยากพูดถึงเรื่อง ‘ขา’พูดถึงเรื่องขา ก็จะนึกถึงอวิ๋นอิงหยิบก้อนหินขึ้นมาทุบเขาอย่างแรงเหมือนกัน
ยามราตรีของหมู่บ้านในป่าลึกมืดเป็นพิเศษ มืดจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้ว และเงียบเป็นพิเศษเช่นกัน ในคืนมืดมิดอันไกลโพ้น กบและจักจั่นร้องอ๊บๆ สัตว์ที่ไม่รู้จักวิ่งไปมา ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ บรรยากาศเงียบสงัด หลังอาหารทุกคนเก็บข้าวของเรียบร้อยฉู่เชียนหลีนั่งอยู่หน้าเตียง นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น หลังจากบิดแห้งแล้ว เช็ดตัวให้อวิ๋นอิงอย่างละเอียด บาดแผลของนางได้รับการจัดการเรียบร้อย หลังจากกินยา ไข้เพิ่งลด แต่ยังไม่ฟื้นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตาไฟ เติมฟืนเข้าไปในนั้นสองท่อน ฝุ่นและเศษปลิวไปทุกที่ ตกลงบนร่างกายของเขา“นายท่าน จัดกระบวนและม้าเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อขอรับ” หานเฟิงมารายงานเฟิงเย่เสวียนเป่าฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าแล้วกล่าว “พักผ่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้ากลับเมืองหลวงทันที”“ขอรับ”หานเฟิงจากไปแล้วจากบ้านแดนไกล มีหลายอย่างไม่สะดวก หานเฟิงกับคนของสำนักอู๋จี๋แทบไม่มีที่นอน ล้วนไปเบียดกันนอนบนรถม้าและเดิมทีห้องนี้เป็นห้องนอนของเฟิงเย่เสวียน มีเพียงเตียงเล็กๆ หนึ่งเตียง อวิ๋นอิงนอนแล้ว เฟิงเย่เสวียนกับฉู่เชียนหลีได้แต่อดหลับอดนอนหนึ่งครึ่งหลังจากน
พลันนางยิ้มจางๆ สองมือคล้องคอเฟิงเย่เสวียน ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย กลีบริมฝีปากประทับลงบนริมฝีปากบางของเขาลมหายใจประสานกันอุณหภูมิร่างกายผสานกันดวงตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่ที่จับเอวบางนางก็กระชับแน่นขึ้นหลายส่วน แต่ไม่นานฉู่เชียนหลีก็ขยับริมฝีปากออก กลับไปขดตัวในอ้อมแขนของเขาเห็นได้ชัด เอาแต่ขุดหลุม ไม่คิดจะไม่ฝัง เอาแต่ริเริ่ม ไม่คิดจะปิดจบสรุป : ไร้มโนธรรมดวงตาที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลี เหมือนไม่รู้อะไรเลย นางกล่าวถาม “ใช่แล้ว เจ้าถูกวิชากลลวงน้ำลึกนั่นสะกดจิตได้อย่างไร?”วันนี้ตอนอยู่ในป่า ภาพลวงตาที่เกิดจากมนตร์สะกดนั่น ปลอมเป็นรูปลักษณ์ของเฟิงเย่เสวียน ถูกนางมองออกในปราดเดียววิชากลลวงน้ำลึกที่ทำให้คนในยุทธภพอกสั่นขวัญผวา ดูเหมือนก็ไม่เท่าไรนี่นา?เอ่ยถึงเรื่องนี้ แววตาเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงทันที“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกหลุมพรางหรือ?”“เพราะข้า?!”นั่งอยู่ที่บ้านดีๆ ก็มีปัญหามาถึงที่จริงๆตราบาปแปลกๆ นี่ นางจะไม่แบกแน่นอน!สายตาของเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงอีกระดับ “เดิมทีข้าสามารถจัดการเศษสวะพวกนี้ แต่ว่า…‘อาเฉิน’ ของเจ้าคำเดียว ข้าก็พลาดท่
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ขณะที่ฉู่เชียนหลีเก็บสัมภาระ พบว่ากล่องที่ใส่ดอกไม้แห่งความตายว่างเปล่า และดอกไม้แห่งความตายที่อยู่ข้างในจู่ๆ ก็หายไปเอง…บนโต๊ะอาหารเช้าหัวหน้าหมู่บ้านถือตะเกียบกับชาม ใบหน้าเหลี่ยมที่เต็มไปด้วยริ้วรอย คิ้วที่เป็นสีขาว ดูเป็นคนใจดีมาก น้ำเสียงที่พูดก็เป็นมิตรมากเช่นกัน“หลายสิบปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของพวกเราไม่เคยมีแขกมาเยือน พวกเจ้ามาเร็วไปเร็ว ข้าเองก็ไม่มีของดีอะไรต้อนรับทุกคน เนื้อหมูป่านี่ต้าหนิวล่ามากับมือ ทุกคนต้องกินเยอะๆ นะ ท้องอิ่มจึงจะมีแรงเร่งการเดินทาง”“ฮูหยิน เอาเหล้าขาวมาหน่อย”“ได้เลย” มารดาของอาหวาเป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย นางถือไหเหล้าที่เปื้อนโคลนใบหนึ่ง รินเหล้าให้ทุกคนจิ่งอี้ประสานมือคำนับ “ขอบคุณ”มีบาดแผลตามร่างกาย ดื่มเหล้า ทั้งสามารถฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการปวด“ท่านป้า สองวันนี้รบกวนแล้ว ขอบคุณพวกท่าน” หานเฟิงก็กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ หานอิ๋ง จางเฟย คนของสำนักอู๋จี๋ ทุกคนสุภาพมาก“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องขอบคุณ” นางยิ้มอย่างอบอุ่น เช็ดมือบนผ้าคาดเอว พูดด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น “พวกเจ้าทุกคนกินก่อนเลย ข้าไปดูนางหนูที่อยู่ในห้องเป็นอย่างไรบ
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว