นางรีบเดินไปข้างหน้า “เหมือนคุณชายจิ่งกับอวิ๋นอิงล้วนได้รับบาดเจ็บ คุณชายจิ่ง รีบวางอวิ๋นอิงลงเถอะ!”เยว่เอ๋อร์เอื้อมมือออกไปรับอวิ๋นอิงที่หมดสติ ประคองนางนั่งลงที่พื้นจิ่งอี้ที่สูญเสียแรงกดของน้ำหนัก ร่างกายที่สูงใหญ่โอนเอนอย่างไร้เรี่ยวแรง หน้ามืดจนเกือบล้ม“คุณชายจิ่งระวัง!” เยว่เอ๋อร์ปล่อยอวิ๋นอิงทันที ไปประคองจิ่งอี้แทนอาจเพราะทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนมัวแต่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเยว่เอ๋อร์ฉู่เชียนหลีรีบเดินไปข้างกายอวิ๋นอิง จับข้อมือของนาง เพื่อตรวจชีพจรให้นางเสียเลือดมากเกินไป!มีไข้สูง!“พวกเราเจอมือสังหารในป่า ไม่ระวังกลิ้งตกลงไปที่ตีนเขา นางขาหัก อาการสาหัสเกินไป ข้าได้แต่ห้ามเลือดให้นางก่อน…”เสียงของจิ่งอี้อ่อนแรงมากและหอบหายใจ น้ำเสียงที่แหบแห้งนั่นคนหายใจรวยรินที่ใกล้ตายขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แบกนางเดินมาพักใหญ่…ร่างกายของเขาฝืนจนถึงขีดจำกัด“คุณชาย ขาของท่าน…” จางเฟยสังเกตเห็นบาดแผลที่ขาของเขาจิ่งอี้ไม่อยากพูดถึงเรื่อง ‘ขา’พูดถึงเรื่องขา ก็จะนึกถึงอวิ๋นอิงหยิบก้อนหินขึ้นมาทุบเขาอย่างแรงเหมือนกัน
ยามราตรีของหมู่บ้านในป่าลึกมืดเป็นพิเศษ มืดจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้ว และเงียบเป็นพิเศษเช่นกัน ในคืนมืดมิดอันไกลโพ้น กบและจักจั่นร้องอ๊บๆ สัตว์ที่ไม่รู้จักวิ่งไปมา ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ บรรยากาศเงียบสงัด หลังอาหารทุกคนเก็บข้าวของเรียบร้อยฉู่เชียนหลีนั่งอยู่หน้าเตียง นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น หลังจากบิดแห้งแล้ว เช็ดตัวให้อวิ๋นอิงอย่างละเอียด บาดแผลของนางได้รับการจัดการเรียบร้อย หลังจากกินยา ไข้เพิ่งลด แต่ยังไม่ฟื้นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตาไฟ เติมฟืนเข้าไปในนั้นสองท่อน ฝุ่นและเศษปลิวไปทุกที่ ตกลงบนร่างกายของเขา“นายท่าน จัดกระบวนและม้าเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อขอรับ” หานเฟิงมารายงานเฟิงเย่เสวียนเป่าฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าแล้วกล่าว “พักผ่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้ากลับเมืองหลวงทันที”“ขอรับ”หานเฟิงจากไปแล้วจากบ้านแดนไกล มีหลายอย่างไม่สะดวก หานเฟิงกับคนของสำนักอู๋จี๋แทบไม่มีที่นอน ล้วนไปเบียดกันนอนบนรถม้าและเดิมทีห้องนี้เป็นห้องนอนของเฟิงเย่เสวียน มีเพียงเตียงเล็กๆ หนึ่งเตียง อวิ๋นอิงนอนแล้ว เฟิงเย่เสวียนกับฉู่เชียนหลีได้แต่อดหลับอดนอนหนึ่งครึ่งหลังจากน
พลันนางยิ้มจางๆ สองมือคล้องคอเฟิงเย่เสวียน ร่างกายโน้มไปข้างหน้าเล็กน้อย กลีบริมฝีปากประทับลงบนริมฝีปากบางของเขาลมหายใจประสานกันอุณหภูมิร่างกายผสานกันดวงตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมลงเล็กน้อย ฝ่ามือใหญ่ที่จับเอวบางนางก็กระชับแน่นขึ้นหลายส่วน แต่ไม่นานฉู่เชียนหลีก็ขยับริมฝีปากออก กลับไปขดตัวในอ้อมแขนของเขาเห็นได้ชัด เอาแต่ขุดหลุม ไม่คิดจะไม่ฝัง เอาแต่ริเริ่ม ไม่คิดจะปิดจบสรุป : ไร้มโนธรรมดวงตาที่ไร้เดียงสาของฉู่เชียนหลี เหมือนไม่รู้อะไรเลย นางกล่าวถาม “ใช่แล้ว เจ้าถูกวิชากลลวงน้ำลึกนั่นสะกดจิตได้อย่างไร?”วันนี้ตอนอยู่ในป่า ภาพลวงตาที่เกิดจากมนตร์สะกดนั่น ปลอมเป็นรูปลักษณ์ของเฟิงเย่เสวียน ถูกนางมองออกในปราดเดียววิชากลลวงน้ำลึกที่ทำให้คนในยุทธภพอกสั่นขวัญผวา ดูเหมือนก็ไม่เท่าไรนี่นา?เอ่ยถึงเรื่องนี้ แววตาเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงทันที“หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าจะตกหลุมพรางหรือ?”“เพราะข้า?!”นั่งอยู่ที่บ้านดีๆ ก็มีปัญหามาถึงที่จริงๆตราบาปแปลกๆ นี่ นางจะไม่แบกแน่นอน!สายตาของเฟิงเย่เสวียนมืดมนลงอีกระดับ “เดิมทีข้าสามารถจัดการเศษสวะพวกนี้ แต่ว่า…‘อาเฉิน’ ของเจ้าคำเดียว ข้าก็พลาดท่
วันรุ่งขึ้นเช้าตรู่ ขณะที่ฉู่เชียนหลีเก็บสัมภาระ พบว่ากล่องที่ใส่ดอกไม้แห่งความตายว่างเปล่า และดอกไม้แห่งความตายที่อยู่ข้างในจู่ๆ ก็หายไปเอง…บนโต๊ะอาหารเช้าหัวหน้าหมู่บ้านถือตะเกียบกับชาม ใบหน้าเหลี่ยมที่เต็มไปด้วยริ้วรอย คิ้วที่เป็นสีขาว ดูเป็นคนใจดีมาก น้ำเสียงที่พูดก็เป็นมิตรมากเช่นกัน“หลายสิบปีที่ผ่านมา หมู่บ้านของพวกเราไม่เคยมีแขกมาเยือน พวกเจ้ามาเร็วไปเร็ว ข้าเองก็ไม่มีของดีอะไรต้อนรับทุกคน เนื้อหมูป่านี่ต้าหนิวล่ามากับมือ ทุกคนต้องกินเยอะๆ นะ ท้องอิ่มจึงจะมีแรงเร่งการเดินทาง”“ฮูหยิน เอาเหล้าขาวมาหน่อย”“ได้เลย” มารดาของอาหวาเป็นผู้หญิงที่เรียบง่าย นางถือไหเหล้าที่เปื้อนโคลนใบหนึ่ง รินเหล้าให้ทุกคนจิ่งอี้ประสานมือคำนับ “ขอบคุณ”มีบาดแผลตามร่างกาย ดื่มเหล้า ทั้งสามารถฆ่าเชื้อและบรรเทาอาการปวด“ท่านป้า สองวันนี้รบกวนแล้ว ขอบคุณพวกท่าน” หานเฟิงก็กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ หานอิ๋ง จางเฟย คนของสำนักอู๋จี๋ ทุกคนสุภาพมาก“ไม่ต้องขอบคุณ ไม่ต้องขอบคุณ” นางยิ้มอย่างอบอุ่น เช็ดมือบนผ้าคาดเอว พูดด้วยสำเนียงภาษาท้องถิ่น “พวกเจ้าทุกคนกินก่อนเลย ข้าไปดูนางหนูที่อยู่ในห้องเป็นอย่างไรบ
“เจ้าผายลม!” ต้าหนิวด่าคำหยาบคายโดยตรง “เขาชางฉยงเป็นของพวกเรา ต้นไม้ต้นหญ้าในป่าก็เป็นของพวกเราทั้งหมด ใครก็เอาไปไม่ได้! อีกอย่าง เพื่อเด็ดดอกไม้แห่งความตายนี่ ข้าต้องสูญเสียแขนครึ่งท่อน ไม่มีใครมีสิทธิ์ครอบครองมันมากกว่าพวกเราแล้ว!”เขาชูแขนขวาที่ขาดครึ่งท่อนขึ้น ดวงตาที่เกลียดชังแดงก่ำ กัดฟันแน่นหากไม่ใช่เพราะดอกไม้แห่งความตายดอกนี้ เขาก็ไม่กลายเป็นคนพิการ!ความคับข้องใจนี้ เขาจะระบายออกมาแน่นอน!หานอิ๋งขมวดคิ้ว “ตอนนั้น ไม่มีใครบังคับเจ้าเด็ดดอกไม้ เจ้าเป็นคนอาสาเอง ห้ามก็ห้ามไม่อยู่!”ต้าหนิวกล่าวด้วยความโกรธ “พวกเจ้าผลักข้าออกไปชัดๆ! พวกเจ้าอยากให้ข้าเด็ดก่อน ให้ข้าเป็นหนูทดลอง!”“เจ้า!”หานอิ๋งได้ยินคำนี้ โกรธจนจะชักกระบี่ หานเฟิงรีบคว้ามือของนางไว้ “พี่ ใจเย็นหน่อย!”การชักกระบี่หมายถึงเจตนาร้ายที่นี่มีแต่ชาวบ้านทั้งนั้น ถ้าหากชักกระบี่ ถึงเวลาก็กู้สถานการณ์ไม่กลับแล้วหานอิ๋งโกรธมากเห็นได้ชัดว่าต้าหนิวโลภเอง อยากเด็ดดอกไม้ จึงต้องพบกับจุดจบเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะนางตัดแขนของเขาอย่างมือว่องตาไว ของสิ่งนั้นจะกลืนกินต้าหนิวทั้งร่าง และตายในทันทีไอ้คนเนรคุณคนนี้ ไม่
อายุของเขาใกล้จะหกสิบปีแล้ว มีลูกสาวแค่คนเดียว หน้าที่สำคัญในการเป็นผู้นำหมู่บ้านจะต้องส่งต่อให้คนหนุ่มสาวในไม่ช้าก็เร็ว ถ้าหากต้าหนิวรับตำแหน่งของเขาในวันข้างหน้า…ดวงตาที่ขุ่นมัวมองไปทางต้าหนิวครั้งหนึ่งเด็กที่เขาเลี้ยงมากับมือ เป็นเด็กดีที่เชื่อฟังและรู้ความมาโดยตลอด วันนี้กลับเปลี่ยนไปราวกับเป็นอีกคน ดุร้ายมาก แม้แต่คำพูดที่พูดออกมาก็ไม่ไพเราะและอำมหิตมาก โดยเฉพาะใบหน้านั่นยิ่งแสยะและบิดเบี้ยว เหมือนกับปีศาจกลายเป็นคนแปลกหน้าโดยสิ้นเชิงเวลานี้ หัวหน้าหมู่บ้านลังเล…ฉู่เชียนหลีกล่าวเสียงเบา “ถ้าหากท่านคิดว่าดอกไม้หนึ่งดอกสามารถตัดสินโชคชะตาของหมู่บ้าน เช่นนั้นท่านก็ขายดอกไม้ดอกนี้ให้ข้า ข้าสามารถมอบความปลอดภัยให้หมู่บ้านของท่าน ชาวบ้านอยู่ร่มเย็นเป็นสุข มีกินมีใช้ เมื่อชาวบ้านป่วยมียารักษา เด็กมีหนังสือเรียน มอบอนาคตที่ดีกว่าให้หมู่บ้านของพวกท่าน”นางมองไปทางเฟิงเย่เสวียน “ผู้ชายคนนั้น…คืออ๋องเฉิน โอรสที่เจ็ดของฝ่าบาท”หัวหน้าหมู่บ้านตะลึงงันครู่หนึ่ง ที่แท้เป็นเชื้อพระวงศ์ ถึงว่าทั้งร่างมีแต่กลิ่นอายอันสูงศักดิ์ ถึงว่า…คุณชายท่านนี้คืออ๋องเฉิน เช่นนั้นฮูหยินท่านนี้ก็คือ
เป็นอาหวานางเดินออกมา กวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง สายตาไปหยุดอยู่ที่เฟิงเย่เสวียน พูดย้ำอีกหนึ่งรอบ“ดอกไม้แห่งความตายอยู่ในมือข้า”ต้าหนิวล้วงแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว ว่างเปล่า ดอกไม้แห่งความตายไม่อยู่แล้วจริงๆ ด้วย เขากลับไม่รู้ว่าถูกอาหวาเอาไปตั้งแต่เมื่อไร…ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเหตุใดรู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มซับซ้อนแล้ว?เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปาก “ข้าสัญญาว่ามาตรฐานชีวิตและด้านต่างๆ ของหมู่บ้านพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าห้าเท่า ดอกไม้แห่งความตาย คืนให้ข้า”เขายังรอเข้าวังเพื่อส่งมอบภารกิจตามหลักแล้ว เงื่อนไขที่ดีเช่นนี้แลกกับดอกไม้หนึ่งดอก เป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องเสียแรงอะไรเลยจู่ๆ อาหวากลับยิ้มแปลกๆ “ชาวบ้านจะเป็นอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้า? ท่านไม่ได้มอบผลประโยชน์ให้ข้าเสียหน่อย เหตุใดข้าต้องมอบดอกไม้แห่งความตายให้ท่าน?”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นขึ้นสามส่วนทันทีเป็นอย่างที่คิด สัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นถูกต้องอาหวาคนนี้ดูเหมือนเป็นเด็กดีและซื่อตรง ในความเป็นจริง ไม่ใช่บุคคลที่จัดการได้ง่ายๆ อะไรเลย“อาหวา เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร? ยังไม่รีบคืนดอกไม้แห่งความตายให้ผู้สูงศักดิ์อีก?” หัวหน้าหมู่บ้านพ
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เปลี่ยน โดยเฉพาะบรรยากาศภายในห้องโถงยิ่งแปลกๆ สายตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมเหมือนบ่อน้ำลึกโบราณ อุณหภูมิบนร่างกายลดต่ำจนถึงขีดสุด เยือกเย็นราวกับฤดูหนาวบนแผ่นดินใต้ฟ้าผืนนี้ คนที่กล้าบีบคั้นเฟิงเย่เสวียน ล้วนไปอยู่ในยมโลกหมดแล้ว!หัวหน้าหมู่บ้านตกใจมาก ด้วยสถานะของพวกเขาจะกล้าเพ้อฝันท่านอ๋องผู้สูงส่งได้อย่างไร? ต่อให้มอบความกล้าให้เขาเพียงใด ก็ไม่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา“อาหวา อาหวา…เจ้า เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ…”ฮูหยินหัวหน้าหมู่บ้านก็ตกใจจนปิดปากเช่นกัน คำพูดก็เริ่มติดขัดสองสามีภรรยาล้วนเป็นชาวไร่ ทำไร่มาหลายชั่วอายุคน นิสัยเรียบง่ายไร้เดียงสา และเป็นคนซื่อตรง ไม่เคยกล้าคิดเรื่องที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้อาหวาทำหน้าดุร้าย ในดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและดื้อรั้นเรื่องที่นางตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้!แม้แต่ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ก็สามารถแต่งงานกับอ๋องเฉิน แล้วเหตุใดนางจะไม่ได้?ถ้าหากไม่สามารถแต่งงานกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบคนนี้ นางรู้สึกว่าตนเองมีชีวิตอยู่ก็ไร้ความหมาย นางรู้สึกว่าตนเองคู่ควรกับผู้ชายเช่นนี้!นางไม่ได้แย่
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต