เป็นอาหวานางเดินออกมา กวาดมองทุกคนแวบหนึ่ง สายตาไปหยุดอยู่ที่เฟิงเย่เสวียน พูดย้ำอีกหนึ่งรอบ“ดอกไม้แห่งความตายอยู่ในมือข้า”ต้าหนิวล้วงแขนเสื้อโดยไม่รู้ตัว ว่างเปล่า ดอกไม้แห่งความตายไม่อยู่แล้วจริงๆ ด้วย เขากลับไม่รู้ว่าถูกอาหวาเอาไปตั้งแต่เมื่อไร…ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเหตุใดรู้สึกว่าเรื่องราวเริ่มซับซ้อนแล้ว?เฟิงเย่เสวียนเอ่ยปาก “ข้าสัญญาว่ามาตรฐานชีวิตและด้านต่างๆ ของหมู่บ้านพวกเจ้าจะดีขึ้นมากกว่าห้าเท่า ดอกไม้แห่งความตาย คืนให้ข้า”เขายังรอเข้าวังเพื่อส่งมอบภารกิจตามหลักแล้ว เงื่อนไขที่ดีเช่นนี้แลกกับดอกไม้หนึ่งดอก เป็นเรื่องดีที่ไม่ต้องเสียแรงอะไรเลยจู่ๆ อาหวากลับยิ้มแปลกๆ “ชาวบ้านจะเป็นอย่างไร เกี่ยวอะไรกับข้า? ท่านไม่ได้มอบผลประโยชน์ให้ข้าเสียหน่อย เหตุใดข้าต้องมอบดอกไม้แห่งความตายให้ท่าน?”คิ้วฉู่เชียนหลีขมวดแน่นขึ้นสามส่วนทันทีเป็นอย่างที่คิด สัญชาตญาณของผู้หญิงนั้นถูกต้องอาหวาคนนี้ดูเหมือนเป็นเด็กดีและซื่อตรง ในความเป็นจริง ไม่ใช่บุคคลที่จัดการได้ง่ายๆ อะไรเลย“อาหวา เจ้ากำลังพูดเหลวไหลอะไร? ยังไม่รีบคืนดอกไม้แห่งความตายให้ผู้สูงศักดิ์อีก?” หัวหน้าหมู่บ้านพ
เมื่อสิ้นเสียง สีหน้าของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์เปลี่ยน โดยเฉพาะบรรยากาศภายในห้องโถงยิ่งแปลกๆ สายตาของเฟิงเย่เสวียนขรึมเหมือนบ่อน้ำลึกโบราณ อุณหภูมิบนร่างกายลดต่ำจนถึงขีดสุด เยือกเย็นราวกับฤดูหนาวบนแผ่นดินใต้ฟ้าผืนนี้ คนที่กล้าบีบคั้นเฟิงเย่เสวียน ล้วนไปอยู่ในยมโลกหมดแล้ว!หัวหน้าหมู่บ้านตกใจมาก ด้วยสถานะของพวกเขาจะกล้าเพ้อฝันท่านอ๋องผู้สูงส่งได้อย่างไร? ต่อให้มอบความกล้าให้เขาเพียงใด ก็ไม่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา“อาหวา อาหวา…เจ้า เจ้าอย่าทำเรื่องโง่ๆ…”ฮูหยินหัวหน้าหมู่บ้านก็ตกใจจนปิดปากเช่นกัน คำพูดก็เริ่มติดขัดสองสามีภรรยาล้วนเป็นชาวไร่ ทำไร่มาหลายชั่วอายุคน นิสัยเรียบง่ายไร้เดียงสา และเป็นคนซื่อตรง ไม่เคยกล้าคิดเรื่องที่ผิดศีลธรรมเช่นนี้อาหวาทำหน้าดุร้าย ในดวงตาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและดื้อรั้นเรื่องที่นางตัดสินใจไปแล้ว ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้!แม้แต่ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้ก็สามารถแต่งงานกับอ๋องเฉิน แล้วเหตุใดนางจะไม่ได้?ถ้าหากไม่สามารถแต่งงานกับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบคนนี้ นางรู้สึกว่าตนเองมีชีวิตอยู่ก็ไร้ความหมาย นางรู้สึกว่าตนเองคู่ควรกับผู้ชายเช่นนี้!นางไม่ได้แย่
ทุกคนงงงวยโดยตรง “?”หานเฟิงตกใจ “พระชายา ท่าน?”เยว่เอ๋อร์ประหลาดใจ “พระชายา ท่านเลอะเลือนแล้ว?”จางเฟยส่ายศีรษะ “ไม่ใช่กระมัง?”จิ่งอี้ “?”ในดวงตาเฟิงเย่เสวียนก็เต็มไปด้วยความตะลึงงันเช่นกัน “เชียนหลี เจ้า…”ฉู่เชียนหลีหันกลับ เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน จับมือของเขา กล่าวด้วยรอยยิ้มจางๆ “อาเฉิน ข้าไม่ใช่ผู้หญิงประเภทจิตใจคับแคบ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ผู้ชายคนใดบ้างที่ไม่มากชู้หลายเมีย? หาอนุภรรยาให้เจ้าสองสามคน เป็นสิ่งที่ข้าควรทำ”“แม่นางอาหวามีความรู้ด้านยาสมุนไพร เก่งการล่าสัตว์ และมีพื้นฐานวรยุทธ์ในระดับหนึ่ง หน้าตาก็ไม่เลว ผู้หญิงที่ดีเช่นนี้ไม่รับเข้าจวนอ๋องเฉิน ไม่เสียดายแย่หรอกหรือ?”เฟิงเย่เสวียนค่อยๆ หลุบดวงตาที่ลึกซึ้งเล็กน้อยลง มองมือฉู่เชียนหลีที่จับมือของเขา…ราวกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างตอนที่เอ่ยปากอีกครั้ง น้ำเสียงอ่อนโยนลงมาก “ในเมื่อเป็นเจตนาของเจ้า ข้าไม่มีความคิดเห็น ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน มีผู้ชายคนใดที่ไม่ชอบเรือนส่วนหลังมีผู้หญิงเยอะ?”ทุกคน “?”พระชายาทำตัวแปลกๆ ก็ช่างเถอะ เหตุใดท่านอ๋องก็เหมือนกับกลายเป็นคนอีกคน?เกิดอะไรขึ้น?คนสอง
สีหน้าอาหวาเย็นชา หันกลับไปอย่างหมดความอดทน ไม่อยากพูดกับมารดาอีกแม้แต่คำเดียวแต่ฮูหยินหัวหน้าหมู่บ้านกลับเสียใจ กำลังมีเลือดหยดในหัวใจแล้ว!ลูกสาวที่เป็นเด็กดีและรู้ความของนางกลายเป็นเช่นนี้ นางที่เป็นแม่คนนี้ จะมีความสุขได้อย่างไร…นางพุ่งพรวดเข้าไป “อาหวา ฟังแม่พูดสักคำ! ของที่เจ้าฝืนเอามา มันรักษาไว้ไม่ได้! อ๋องเฉินไม่ใช่คนที่ล่วงเกินได้ง่ายเช่นนั้น!”อ๊ะ!น่ารำคาญ!“ล่วงเกินได้ไม่ได้ก็ช่างเขา ตอนนี้ก็เชื่อฟังคำข้าแต่โดยดีไม่ใช่หรือ? ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน วีรบุรุษยากจะผ่านด่านหญิงงาม รอข้าไปถึงจวนอ๋องเฉิน จะทำให้เขารักข้าอย่างหมดใจ!”“อาหวา!”สวรรค์!ใครก็ได้ช่วยลูกสาวของนางที่ธาตุไฟเข้าแทรกคนนี้หน่อย!ดื้อด้านไม่ยอมรับผิด ก็คือกำลังนำพาตนเองสู่ความพินาศนะ!ฮูหยินหัวหน้าหมู่บ้านจับมือลูกสาว “เจ้าอย่าปล่อยให้ความปรารถนาครอบงำจิตใจ พวกเราเป็นราษฎร พวกเราเป็นคนธรรมดา มีเพียงใช้ชีวิตที่เรียบง่ายอย่างสงบ จึงจะสามารถสงบสุข!”อาหวาเหวี่ยงนางออกด้วยความโกรธ “ใครว่าราษฎรไม่สามารถเป็นคนเหนือคน? ท่านดูถูกลูกสาวของตัวเองเช่นนี้เลย? ท่านยังเป็นแม่ของข้าหรือไม่!”“ก่อนหน้านี้ท่า
กลับถึงเมืองหลวง ก็เป็นเที่ยงวันของวันถัดไปฉู่เชียนหลีกลับจวนอ๋องเฉิน ส่วนเฟิงเย่เสวียนนำดอกไม้แห่งความตายเข้าวังเพื่อส่งมอบภารกิจห้องทรงพระอักษรฮ่องเต้ถือกล่องไม้หนานมู่ไว้ในมือ มองดูดอกตูมดอกนั้นอย่างละเอียด ถูกเด็ดออกจากกิ่งก้านหลายวัน กลับยังคงสดใหม่เหมือนมีชีวิต และส่องแสงประกายระยิบระยับในดวงตาของเขาเปล่งประกายความปลื้มปีติ เขาปิดฝากล่องเหมือนเป็นสมบัติล้ำค่า และใส่เข้าไปในลิ้นชักอย่างหวงแหนเป็นพิเศษ“เจ้าเจ็ด เจ้าไม่ได้ทำให้เราผิดหวัง หลายปีมานี้ ความสามารถของเจ้าเป็นที่ยอมรับมาโดยตลอด” เขาไม่ปกปิด ชื่นชมโดยตรง “ยังมีอีกหนึ่งเดือนก็เป็นวันเชงเม้งเซ่นไหว้บรรพชนแล้ว เราแก่แล้ว ทำไม่ไหวแล้ว เรื่องนี้ก็ให้เจ้าไปจัดการก็แล้วกัน”เต๋อฝูถือถาด เดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม“อ๋องเฉิน เชิญ”บนถาด มีฮู่[1]หยกเนื้อโปร่งใสชิ้นหนึ่งวางอยู่ เมื่อกษัตริย์มอบหมายงานสำคัญหรือให้ความสำคัญกับเรื่องใดเรื่องหนึ่ง มักจะใช้สิ่งของบางอย่างเป็นเครื่องยืนยัน แสดงความสำคัญของเรื่องนั้นๆเรื่องเซ่นไหว้บรรพชน หนึ่งปีมีหนึ่งครั้ง เชงเม้งกวาดสุสาน เซ่นไหว้บรรพชนและฮ่องเต้องค์ก่อนทุกรุ่นทุกยุคสมัยตลอดหล
น้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่สบายๆ ปลุกความเกลียดชังที่มองไม่เห็นขึ้น เฟิงเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปฉู่เชียนหลีถามเขา เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะความปรารถนาหรือไม่ไม่ความคิดของเขาชัดเจนมากเมื่อก่อนไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาและลูก ไม่มีความปรารถนา แค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถามใจตนเอง ไม่รู้สึกละอายก็พอ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เขาจะมอบสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้ครอบครัว และสร้างท้องฟ้าอันสดใสให้กับลูกที่ยังไม่เกิดใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ล้วนสมควรกำจัดทิ้งทีละคนต่อให้เป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ตามอ๋องเฟิงยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สายลมพัดผ่าน คำพูดของอ๋องเฉินเหมือนดังก้องอยู่ในหูพักใหญ่… ก่อนวันเชงเม้ง ออกจากเมืองหลวงตลอดไป ก็แสดงว่าเขาต้องสละสิทธิ์ของการสืบทอดราชบัลลังก์ เป็นอ๋องเจ้าสำราญทั้งชีวิตดูเหมือนในมือเฟิงเย่เสวียนมีจุดอ่อนของเขาแต่เขาจะเต็มใจได้อย่างไร?เขาไม่เต็มใจ!จวนอ๋องเฉินหลังจากฉู่เชียนหลีกลับมา เอาแต่ดูแลอวิ๋นอิงโดยไม่สนใจเรื่องพักผ่อน บาดแผลของอวิ๋นอิงสาหัสมาก ประกอบกับความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการเดินทาง จึงอยู่ในอาการสะลึมสะลือ นอนอยู่บนเตียงอ
วันถัดมา ช่วงเช้า หลังกินอาหารเช้า เฟิงเย่เสวียนก็ไปทำงานแล้ว ฉู่เชียนหลีนั่งอาบแดดอยู่ในสวน ถือกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่เรียวยาวขนาดเท่านิ้วมือหนึ่งกระบอก สิ่งที่อยู่ข้างในคือเลือดของหมาป่าเทานางนึกถึงคำพูดของอาหวาในร่างกายนางมีกู่ ดื่มเลือดหมาป่าเทาแก้ได้กู่ชนิดนี้จะไม่ทำร้ายร่างกายนาง ทว่าสามารถควบคุมความคิดของนางโดยที่ไม่รู้ตัวช่วงก่อนนางโทรมมาก อยู่ในอาการสะลึมสะลือทั้งวัน เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลานั้น นอกจากเฟิงเย่เสวียน คนที่ปรากฏตัวข้างกายนางบ่อยที่สุดก็คือ…อ๋องหลีนางพลิกกระบอกไม้ไผ่เล่น เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ข้างเท้านาง มันกระติกหางปุยขนาดใหญ่ไปมา พลางหาวอย่างเกียจคร้านทีหนึ่ง หัวหมาป่าขนาดใหญ่และขนปุกปุยยื่นไปข้างหน้า ทิ้งตัวลงข้างรองเท้าปักลายของฉู่เชียนหลี แล้วงีบหลับ“พระชายา กำลังคิดอะไรอยู่หรือ เหม่อลอยเช่นนี้ ระวังตากแดดนานจนผิวไหม้นะเจ้าคะ”นอกเรือน เยว่เอ๋อร์เตรียมผลไม้ที่ล้างเสร็จ ยกเข้ามาวางลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างเจ้าดำน้อยเห็นแล้ว เลียริมฝีปากทันทีฉู่เชียนหลีหยิบผิงกั่ว[1]ลูกหนึ่งขึ้นมา พลันชูมือขึ้น ก็โยนเข้าไปใน
นางเห็นจิ่งอี้ ย่อมคาดคิดไม่ถึงและประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูห้องของอวิ๋นอิง รอยยิ้มที่มุมปากแข็งทื่อหลายส่วน“คุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงหรือ?”จิ่งอี้เงยหน้า กวาดมองนางแวบหนึ่ง ยื่นขลุ่ยไม้ไผ่อันเล็กให้นาง“ของของนาง”เยว่เอ๋อร์รู้จักของสิ่งนี้มันเป็นคุยไม้ไผ่ที่พ่อของอวิ๋นอิงแกะสลักให้นาง อวิ๋นอิงพกติดตัวตลอดเวลา และหวงแหนมากนี่เป็นของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่พ่อนางเหลือไว้ให้นางเยว่เอ๋อร์รับมา แม้ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในมือคุณชายจิ่งได้อย่างไร แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือคุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงนางเม้มมุมปาก มองคนทั้งสองที่พูดคุยและหัวเราะในห้องแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มจางๆ“คุณชายจิ่งมาไม่ถูกเวลาจริงๆ ท่านโหวน้อยอยู่ที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ ทำเอาท่านโหวน้อยปวดใจมาก และยังบ่นพระชายาพักใหญ่เลย บอกว่าอะไรนะ ครั้งหน้าไม่ให้อวิ๋นอิงไปเสี่ยงอันตรายแล้ว”ในคำพูดที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นว่าท่านโหวน้อยให้ความสำคัญต่ออวิ๋นอิงภาพที่อยู่ในห้องกลมกลืนมาก และได้ยืนยันคำพูดของเยว่เอ๋อร์แล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคน
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต