น้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่สบายๆ ปลุกความเกลียดชังที่มองไม่เห็นขึ้น เฟิงเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปฉู่เชียนหลีถามเขา เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะความปรารถนาหรือไม่ไม่ความคิดของเขาชัดเจนมากเมื่อก่อนไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาและลูก ไม่มีความปรารถนา แค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถามใจตนเอง ไม่รู้สึกละอายก็พอ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เขาจะมอบสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้ครอบครัว และสร้างท้องฟ้าอันสดใสให้กับลูกที่ยังไม่เกิดใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ล้วนสมควรกำจัดทิ้งทีละคนต่อให้เป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ตามอ๋องเฟิงยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สายลมพัดผ่าน คำพูดของอ๋องเฉินเหมือนดังก้องอยู่ในหูพักใหญ่… ก่อนวันเชงเม้ง ออกจากเมืองหลวงตลอดไป ก็แสดงว่าเขาต้องสละสิทธิ์ของการสืบทอดราชบัลลังก์ เป็นอ๋องเจ้าสำราญทั้งชีวิตดูเหมือนในมือเฟิงเย่เสวียนมีจุดอ่อนของเขาแต่เขาจะเต็มใจได้อย่างไร?เขาไม่เต็มใจ!จวนอ๋องเฉินหลังจากฉู่เชียนหลีกลับมา เอาแต่ดูแลอวิ๋นอิงโดยไม่สนใจเรื่องพักผ่อน บาดแผลของอวิ๋นอิงสาหัสมาก ประกอบกับความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการเดินทาง จึงอยู่ในอาการสะลึมสะลือ นอนอยู่บนเตียงอ
วันถัดมา ช่วงเช้า หลังกินอาหารเช้า เฟิงเย่เสวียนก็ไปทำงานแล้ว ฉู่เชียนหลีนั่งอาบแดดอยู่ในสวน ถือกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่เรียวยาวขนาดเท่านิ้วมือหนึ่งกระบอก สิ่งที่อยู่ข้างในคือเลือดของหมาป่าเทานางนึกถึงคำพูดของอาหวาในร่างกายนางมีกู่ ดื่มเลือดหมาป่าเทาแก้ได้กู่ชนิดนี้จะไม่ทำร้ายร่างกายนาง ทว่าสามารถควบคุมความคิดของนางโดยที่ไม่รู้ตัวช่วงก่อนนางโทรมมาก อยู่ในอาการสะลึมสะลือทั้งวัน เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลานั้น นอกจากเฟิงเย่เสวียน คนที่ปรากฏตัวข้างกายนางบ่อยที่สุดก็คือ…อ๋องหลีนางพลิกกระบอกไม้ไผ่เล่น เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ข้างเท้านาง มันกระติกหางปุยขนาดใหญ่ไปมา พลางหาวอย่างเกียจคร้านทีหนึ่ง หัวหมาป่าขนาดใหญ่และขนปุกปุยยื่นไปข้างหน้า ทิ้งตัวลงข้างรองเท้าปักลายของฉู่เชียนหลี แล้วงีบหลับ“พระชายา กำลังคิดอะไรอยู่หรือ เหม่อลอยเช่นนี้ ระวังตากแดดนานจนผิวไหม้นะเจ้าคะ”นอกเรือน เยว่เอ๋อร์เตรียมผลไม้ที่ล้างเสร็จ ยกเข้ามาวางลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างเจ้าดำน้อยเห็นแล้ว เลียริมฝีปากทันทีฉู่เชียนหลีหยิบผิงกั่ว[1]ลูกหนึ่งขึ้นมา พลันชูมือขึ้น ก็โยนเข้าไปใน
นางเห็นจิ่งอี้ ย่อมคาดคิดไม่ถึงและประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูห้องของอวิ๋นอิง รอยยิ้มที่มุมปากแข็งทื่อหลายส่วน“คุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงหรือ?”จิ่งอี้เงยหน้า กวาดมองนางแวบหนึ่ง ยื่นขลุ่ยไม้ไผ่อันเล็กให้นาง“ของของนาง”เยว่เอ๋อร์รู้จักของสิ่งนี้มันเป็นคุยไม้ไผ่ที่พ่อของอวิ๋นอิงแกะสลักให้นาง อวิ๋นอิงพกติดตัวตลอดเวลา และหวงแหนมากนี่เป็นของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่พ่อนางเหลือไว้ให้นางเยว่เอ๋อร์รับมา แม้ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในมือคุณชายจิ่งได้อย่างไร แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือคุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงนางเม้มมุมปาก มองคนทั้งสองที่พูดคุยและหัวเราะในห้องแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มจางๆ“คุณชายจิ่งมาไม่ถูกเวลาจริงๆ ท่านโหวน้อยอยู่ที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ ทำเอาท่านโหวน้อยปวดใจมาก และยังบ่นพระชายาพักใหญ่เลย บอกว่าอะไรนะ ครั้งหน้าไม่ให้อวิ๋นอิงไปเสี่ยงอันตรายแล้ว”ในคำพูดที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นว่าท่านโหวน้อยให้ความสำคัญต่ออวิ๋นอิงภาพที่อยู่ในห้องกลมกลืนมาก และได้ยืนยันคำพูดของเยว่เอ๋อร์แล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคน
“?”“ผู้หญิงร้องไห้ไม่ใช่บาป ต่อให้เป็นคนที่แกร่งแค่ไหนก็มีสิทธิ์เหนื่อยล้า”“...”อวิ๋นอิงหน้าบูดบึ้ง เกือบโมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว คนคนนี้คงจะไม่ใช่ตัวตลกที่ลิงเชิญมากระมัง ตกลงวันๆ ในสมองคิดแต่อะไร?“ปล่อยข้าได้แล้ว”“อวิ๋นอิง อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งจริงๆ ข้ารู้ว่าแผลของเจ้าเจ็บมาก เจ้าแค่อายที่จะร้องไห้ออกมา เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร นี่เป็นความลับระหว่างพวกเราสองคน”“...”รัดโดนคอของนางแล้วยื่นมือออกไปจิกเนื้อนุ่มที่เอวเขาทีหนึ่ง“อ๊า!”หลิงเชียนอี้เจ็บจนกระโดดสูงสามเมตร หลังจากหายเจ็บแล้ว น้ำตาคลอเบ้าราวกับได้รับความขุ่นเคืองเพียงใด มองไปทางนางอย่างกล่าวโทษ เสียใจจนสูดจมูกฟึดๆผู้หญิงคนนี้…เหี้ยมมาก!“เจ้าใช้ความรุนแรงในครอบครัว”“?”“นี่เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจจริงๆ!”“?”“ทั่วหล้าก็มีแต่ข้าหลิงเชียนอี้คนนี้ที่สามารถอดทนต่อนิสัยแย่ๆ ของเจ้า หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่น ปลดเจ้าทิ้งไปนานแล้ว”“...”อวิ๋นอิงเม้มปาก เพิ่งจะสังเกตตอนนี้ รู้ตัวอีกที นางก็เข้าใกล้เขาอีกแล้ว…สถานะมีความแตกต่างเขาเป็นคนดีมาก แต่นางจะกล้าเพ้อฝันได
“อะไรนะ?!”เสียงเยว่เอ๋อร์ดังขึ้นกะทันหัน ปฏิกิริยารุนแรงยิ่งกว่าอวิ๋นอิงที่เป็นเจ้าตัว“เพราะเหตุใด? เขาดีกับเจ้าเช่นนั้น เหตุใดเจ้าไม่ชอบเขา! หรือยังมีอะไรที่เจ้าไม่พอใจ? หรือคนที่เจ้าชอบเป็นคนอื่น?”ไม่ใช่ว่าดีกับคนคนหนึ่ง ก็จะต้องอยู่กับเขาเวลาพูดถึงความรักมันก็คือความรู้สึก แต่ในความเป็นจริงซับซ้อนกว่าที่คิดนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่มันเป็นเรื่องของสองครอบครัว“พี่เยว่เอ๋อร์ ท่านมองเรื่องราวง่ายเกินไปแล้ว ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก” อวิ๋นอิงปิดปากไม่อยากพูดเยว่เอ๋อร์จับมือของนาง จะพูดให้ได้“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าเลอะเลือน ผู้ชายที่ดีเช่นนั้นอย่างท่านโหวน้อย ต่อให้ถือโคมไฟส่องก็หาไม่เจอ ถ้าหากพลาดไป ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้วนะ!”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว“ตัวข้าเป็นอย่างไร ข้ารู้ดี”“เจ้า!”อะไรเป็นอย่างไร ขอแค่ชอบ เช่นนั้นก็อยู่ด้วยกันก็เหมือนกับนางเป็นสาวใช้ของพระชายา คุณชายจิ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพระชายา พวกเขาอยู่ด้วยกันก็มีสถานะเท่าเทียม ฐานะเหมาะสมกันอวิ๋นอิงเป็นสาวใช้ของพระชายา ได้รับความสำคัญจากพระชายามาก ท่านโหวน้อยเป็นหลานของพระชายา พวกเขาอยู่ด
แต่ตอนที่นางกลับถึงจวนอ๋องเฟิง อ๋องเฟิงไม่อยู่ เวลานี้อ๋องเฟิงกำลังหารือกับอ๋องเจวี๋ยกันสองคน ในห้องส่วนตัวลับๆ ของหอน้ำชาแห่งหนึ่ง ประตูและหน้าต่างปิดสนิท บรรยากาศเคร่งขรึมเล็กน้อยข้างโต๊ะ ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน สีหน้าต่างก็เคร่งขรึมมาก“ความหมายของท่านคือ เฟิงเย่เสวียนรู้ว่าท่านเป็นคนส่งมือสังหารไป? แต่พวกเขารับเงินทำงาน มีหลักการมาก ไม่มีทางเปิดเผยตัวตนของผู้ว่าจ้าง เขารู้ได้อย่างไร…”อ๋องเจวี๋ยขมวดคิ้ว สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดอ๋องเฟิงก็ไม่รู้ว่าเฟิงเย่เสวียนรู้ได้อย่างไรเช่นกัน แต่ในมือเฟิงเย่เสวียนมีจุดอ่อนของเขาระดับหนึ่ง ถ้าหากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาจ้างมือสังหารเข่นฆ่าพี่น้อง ต้องผิดหวังมากแน่นอนถึงเวลานั้น อยากกู้สถานการณ์ก็ยากแล้วปวดหัวมากเฟิงเย่เสวียนคนนี้ เป็นน้องคนเล็กสุดของพวกเขา และเป็นคนฉลาดที่สุด จัดการยากที่สุดคนหนึ่ง“น้องสาม เรื่องจ้างมือสังหารนี่ พวกเราแอบวางแผนด้วยกัน หากข้าถูกลดศักดินา เกรงว่าเจ้าก็ต้องลำบากเช่นกัน?” อ๋องเฟิงกล่าวข่มขู่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเขาจะเป็นแพะรับบาปคนเดียวไม่ได้ ต้องลากอ๋องเจวี๋ยลงน้ำไปด้วยกันบนใบหน้าอ๋องเจวี๋ย
สายตาของเฟิงเจิ้งหลีที่มองไปทางนางยังคงเปล่งประกาย “เข้ามาคุยข้างใน เจ้าตั้งครรภ์อยู่ อย่ายืนอยู่อย่างนั้น”ฉู่เชียนหลีเม้มปาก คิดแล้วคิดอีก ยกเท้าเดินเข้าไปข้างในห้องโถงหลักยกน้ำชาเข้ามา คนรับใช้ถอยออกไป เฟิงเจิ้งหลีนั่งลงที่ข้างกายนาง สายตาของเขาจ้องไปที่นางตลอดฉู่เชียนหลีจับฝาถ้วยชาจับแล้วจับอีก ไม่มีเจตนาที่จะดื่มชา วางชาลง หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่เล็กเรียวแท่งหนึ่งออกมา แล้วดันไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเจิ้งหลีสงสัย “นี่คืออะไร?”หยิบขึ้นมา ดึงจุกไม้ออก กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าโพรงจมูก“เลือดของหมาป่าเทา” ฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เสริมอีกประโยค “สามารถแก้พิษกู่”“!”พริบตานั้น ร่างของเขาสั่นสะท้าน ฝ่ามือแข็งฉับพลัน กระบอกไม้ไผ่เกือบหล่นลงพื้น และปฏิกิริยานี้เอง ทำให้แววตาของนางมืดมนลงปฏิกิริยาของเขา ก็คือคำตอบที่ดีที่สุดเป็นเขาจริงๆ ด้วย…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาปกป้องนางหลายครั้ง และปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ นางคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้ มีเพียงนางฝ่ายเดียวที่คิดเช่นนี้เหอะ…แม้แต่เพื่อนก็เชื่อใจไม่ได้ เช่นนั้นควรเชื่อใครมนุษ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปชั่วขณะ ย่อมเป็นเพราะคาดคิดไม่ถึง เป็นเพราะนางไม่ใส่ใจจึงมองข้าม? หรือเป็นเพราะนางตั้งครรภ์แล้วสมองใช้การได้ไม่ดี? จึงไม่สังเกตเห็น… ถ้าหากเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ นางยิ่งใกล้ชิดเขาไม่ได้แล้ว!สีหน้าเย็นชาลง “เฟิงเจิ้งหลี ปล่อยข้า! ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่!”“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดๆ ที่ข้ามีสติเท่ากับตอนนี้แล้ว!” เฟิงเย่เสวียนมองดวงตาทั้งคู่ของนางตรงๆ “ข้ารู้ว่าไม่ควรล้ำเส้น เจ้าข้าต่างก็มีครอบครัวแล้ว ข้าพยายามข่มความรู้สึกมากแล้ว ข้าจะไม่ไปยุ่งกับเจ้า และยิ่งไม่รบกวนความสงบของเจ้าในตอนนี้”เรื่องของกู่พิษนั่น…อูหนูเป็นคนเสนอในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บุ่มบ่ามก็รับข้อเสนอของอูหนูไปแล้วแต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดแล้วเมื่อเทียบกับเลิกคบหา ไม่สู้เป็นเหมือนเมื่อก่อน อยู่เคียงข้างและปกป้องนางในฐานะเพื่อนสนิท แม้ไม่ได้มาครอบครอง แต่สามารถเฝ้าดูทุกวัน“ต่อไปข้าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้ว ฉู่เชียนหลี เจ้าเชื่อข้านะ ข้าจะไม่ทำเรื่องที่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกแล้ว!” เขาให้สัญญาด้วยน้ำเสียงร้อนรน หวังเพียงได้รับความเชื่อใจจากนางฉู่เชียนห