น้ำเสียงที่เรียบเฉยแต่สบายๆ ปลุกความเกลียดชังที่มองไม่เห็นขึ้น เฟิงเย่เสวียนสะบัดแขนเสื้อเดินจากไปฉู่เชียนหลีถามเขา เขาจะสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะความปรารถนาหรือไม่ไม่ความคิดของเขาชัดเจนมากเมื่อก่อนไม่มีครอบครัว ไม่มีภรรยาและลูก ไม่มีความปรารถนา แค่อยากทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด ถามใจตนเอง ไม่รู้สึกละอายก็พอ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว เขาจะมอบสภาพแวดล้อมที่มั่นคงให้ครอบครัว และสร้างท้องฟ้าอันสดใสให้กับลูกที่ยังไม่เกิดใครก็ตามที่เป็นปรปักษ์กับเขา ล้วนสมควรกำจัดทิ้งทีละคนต่อให้เป็นพี่น้องแท้ๆ ก็ตามอ๋องเฟิงยืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม สายลมพัดผ่าน คำพูดของอ๋องเฉินเหมือนดังก้องอยู่ในหูพักใหญ่… ก่อนวันเชงเม้ง ออกจากเมืองหลวงตลอดไป ก็แสดงว่าเขาต้องสละสิทธิ์ของการสืบทอดราชบัลลังก์ เป็นอ๋องเจ้าสำราญทั้งชีวิตดูเหมือนในมือเฟิงเย่เสวียนมีจุดอ่อนของเขาแต่เขาจะเต็มใจได้อย่างไร?เขาไม่เต็มใจ!จวนอ๋องเฉินหลังจากฉู่เชียนหลีกลับมา เอาแต่ดูแลอวิ๋นอิงโดยไม่สนใจเรื่องพักผ่อน บาดแผลของอวิ๋นอิงสาหัสมาก ประกอบกับความเหนื่อยล้าที่เกิดจากการเดินทาง จึงอยู่ในอาการสะลึมสะลือ นอนอยู่บนเตียงอ
วันถัดมา ช่วงเช้า หลังกินอาหารเช้า เฟิงเย่เสวียนก็ไปทำงานแล้ว ฉู่เชียนหลีนั่งอาบแดดอยู่ในสวน ถือกระบอกไม้ไผ่เล็กๆ ที่เรียวยาวขนาดเท่านิ้วมือหนึ่งกระบอก สิ่งที่อยู่ข้างในคือเลือดของหมาป่าเทานางนึกถึงคำพูดของอาหวาในร่างกายนางมีกู่ ดื่มเลือดหมาป่าเทาแก้ได้กู่ชนิดนี้จะไม่ทำร้ายร่างกายนาง ทว่าสามารถควบคุมความคิดของนางโดยที่ไม่รู้ตัวช่วงก่อนนางโทรมมาก อยู่ในอาการสะลึมสะลือทั้งวัน เหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง ในช่วงเวลานั้น นอกจากเฟิงเย่เสวียน คนที่ปรากฏตัวข้างกายนางบ่อยที่สุดก็คือ…อ๋องหลีนางพลิกกระบอกไม้ไผ่เล่น เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างเจ้าดำน้อยหมอบอยู่ข้างเท้านาง มันกระติกหางปุยขนาดใหญ่ไปมา พลางหาวอย่างเกียจคร้านทีหนึ่ง หัวหมาป่าขนาดใหญ่และขนปุกปุยยื่นไปข้างหน้า ทิ้งตัวลงข้างรองเท้าปักลายของฉู่เชียนหลี แล้วงีบหลับ“พระชายา กำลังคิดอะไรอยู่หรือ เหม่อลอยเช่นนี้ ระวังตากแดดนานจนผิวไหม้นะเจ้าคะ”นอกเรือน เยว่เอ๋อร์เตรียมผลไม้ที่ล้างเสร็จ ยกเข้ามาวางลงบนโต๊ะเล็กๆ ที่อยู่ด้านข้างเจ้าดำน้อยเห็นแล้ว เลียริมฝีปากทันทีฉู่เชียนหลีหยิบผิงกั่ว[1]ลูกหนึ่งขึ้นมา พลันชูมือขึ้น ก็โยนเข้าไปใน
นางเห็นจิ่งอี้ ย่อมคาดคิดไม่ถึงและประหลาดใจ แต่เมื่อเห็นจิ่งอี้ยืนอยู่หน้าประตูห้องของอวิ๋นอิง รอยยิ้มที่มุมปากแข็งทื่อหลายส่วน“คุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงหรือ?”จิ่งอี้เงยหน้า กวาดมองนางแวบหนึ่ง ยื่นขลุ่ยไม้ไผ่อันเล็กให้นาง“ของของนาง”เยว่เอ๋อร์รู้จักของสิ่งนี้มันเป็นคุยไม้ไผ่ที่พ่อของอวิ๋นอิงแกะสลักให้นาง อวิ๋นอิงพกติดตัวตลอดเวลา และหวงแหนมากนี่เป็นของดูต่างหน้าเพียงหนึ่งเดียวที่พ่อนางเหลือไว้ให้นางเยว่เอ๋อร์รับมา แม้ไม่รู้ว่ามันไปอยู่ในมือคุณชายจิ่งได้อย่างไร แต่สิ่งที่สามารถมั่นใจได้คือคุณชายจิ่งมาหาอวิ๋นอิงนางเม้มมุมปาก มองคนทั้งสองที่พูดคุยและหัวเราะในห้องแวบหนึ่ง จู่ๆ ก็เอ่ยปากด้วยรอยยิ้มจางๆ“คุณชายจิ่งมาไม่ถูกเวลาจริงๆ ท่านโหวน้อยอยู่ที่นี่ การเดินทางครั้งนี้ อวิ๋นอิงได้รับบาดเจ็บ ทำเอาท่านโหวน้อยปวดใจมาก และยังบ่นพระชายาพักใหญ่เลย บอกว่าอะไรนะ ครั้งหน้าไม่ให้อวิ๋นอิงไปเสี่ยงอันตรายแล้ว”ในคำพูดที่พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม แสดงให้เห็นว่าท่านโหวน้อยให้ความสำคัญต่ออวิ๋นอิงภาพที่อยู่ในห้องกลมกลืนมาก และได้ยืนยันคำพูดของเยว่เอ๋อร์แล้ว ยิ่งแสดงให้เห็นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคน
“?”“ผู้หญิงร้องไห้ไม่ใช่บาป ต่อให้เป็นคนที่แกร่งแค่ไหนก็มีสิทธิ์เหนื่อยล้า”“...”อวิ๋นอิงหน้าบูดบึ้ง เกือบโมโหจนหัวเราะออกมาแล้ว คนคนนี้คงจะไม่ใช่ตัวตลกที่ลิงเชิญมากระมัง ตกลงวันๆ ในสมองคิดแต่อะไร?“ปล่อยข้าได้แล้ว”“อวิ๋นอิง อยู่ต่อหน้าข้า เจ้าไม่ต้องแสร้งทำเป็นเข้มแข็งจริงๆ ข้ารู้ว่าแผลของเจ้าเจ็บมาก เจ้าแค่อายที่จะร้องไห้ออกมา เจ้าวางใจได้ ข้าจะไม่บอกเรื่องนี้กับใคร นี่เป็นความลับระหว่างพวกเราสองคน”“...”รัดโดนคอของนางแล้วยื่นมือออกไปจิกเนื้อนุ่มที่เอวเขาทีหนึ่ง“อ๊า!”หลิงเชียนอี้เจ็บจนกระโดดสูงสามเมตร หลังจากหายเจ็บแล้ว น้ำตาคลอเบ้าราวกับได้รับความขุ่นเคืองเพียงใด มองไปทางนางอย่างกล่าวโทษ เสียใจจนสูดจมูกฟึดๆผู้หญิงคนนี้…เหี้ยมมาก!“เจ้าใช้ความรุนแรงในครอบครัว”“?”“นี่เป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจจริงๆ!”“?”“ทั่วหล้าก็มีแต่ข้าหลิงเชียนอี้คนนี้ที่สามารถอดทนต่อนิสัยแย่ๆ ของเจ้า หากเปลี่ยนเป็นผู้ชายคนอื่น ปลดเจ้าทิ้งไปนานแล้ว”“...”อวิ๋นอิงเม้มปาก เพิ่งจะสังเกตตอนนี้ รู้ตัวอีกที นางก็เข้าใกล้เขาอีกแล้ว…สถานะมีความแตกต่างเขาเป็นคนดีมาก แต่นางจะกล้าเพ้อฝันได
“อะไรนะ?!”เสียงเยว่เอ๋อร์ดังขึ้นกะทันหัน ปฏิกิริยารุนแรงยิ่งกว่าอวิ๋นอิงที่เป็นเจ้าตัว“เพราะเหตุใด? เขาดีกับเจ้าเช่นนั้น เหตุใดเจ้าไม่ชอบเขา! หรือยังมีอะไรที่เจ้าไม่พอใจ? หรือคนที่เจ้าชอบเป็นคนอื่น?”ไม่ใช่ว่าดีกับคนคนหนึ่ง ก็จะต้องอยู่กับเขาเวลาพูดถึงความรักมันก็คือความรู้สึก แต่ในความเป็นจริงซับซ้อนกว่าที่คิดนี่ไม่ใช่แค่เรื่องของคนสองคน แต่มันเป็นเรื่องของสองครอบครัว“พี่เยว่เอ๋อร์ ท่านมองเรื่องราวง่ายเกินไปแล้ว ต่อไปไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีก” อวิ๋นอิงปิดปากไม่อยากพูดเยว่เอ๋อร์จับมือของนาง จะพูดให้ได้“อวิ๋นอิง เจ้าอย่าเลอะเลือน ผู้ชายที่ดีเช่นนั้นอย่างท่านโหวน้อย ต่อให้ถือโคมไฟส่องก็หาไม่เจอ ถ้าหากพลาดไป ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสเช่นนี้อีกแล้วนะ!”อวิ๋นอิงขมวดคิ้ว“ตัวข้าเป็นอย่างไร ข้ารู้ดี”“เจ้า!”อะไรเป็นอย่างไร ขอแค่ชอบ เช่นนั้นก็อยู่ด้วยกันก็เหมือนกับนางเป็นสาวใช้ของพระชายา คุณชายจิ่งเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของพระชายา พวกเขาอยู่ด้วยกันก็มีสถานะเท่าเทียม ฐานะเหมาะสมกันอวิ๋นอิงเป็นสาวใช้ของพระชายา ได้รับความสำคัญจากพระชายามาก ท่านโหวน้อยเป็นหลานของพระชายา พวกเขาอยู่ด
แต่ตอนที่นางกลับถึงจวนอ๋องเฟิง อ๋องเฟิงไม่อยู่ เวลานี้อ๋องเฟิงกำลังหารือกับอ๋องเจวี๋ยกันสองคน ในห้องส่วนตัวลับๆ ของหอน้ำชาแห่งหนึ่ง ประตูและหน้าต่างปิดสนิท บรรยากาศเคร่งขรึมเล็กน้อยข้างโต๊ะ ทั้งสองคนหันหน้าเข้าหากัน สีหน้าต่างก็เคร่งขรึมมาก“ความหมายของท่านคือ เฟิงเย่เสวียนรู้ว่าท่านเป็นคนส่งมือสังหารไป? แต่พวกเขารับเงินทำงาน มีหลักการมาก ไม่มีทางเปิดเผยตัวตนของผู้ว่าจ้าง เขารู้ได้อย่างไร…”อ๋องเจวี๋ยขมวดคิ้ว สำหรับเรื่องนี้ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดอ๋องเฟิงก็ไม่รู้ว่าเฟิงเย่เสวียนรู้ได้อย่างไรเช่นกัน แต่ในมือเฟิงเย่เสวียนมีจุดอ่อนของเขาระดับหนึ่ง ถ้าหากเสด็จพ่อรู้ว่าเขาจ้างมือสังหารเข่นฆ่าพี่น้อง ต้องผิดหวังมากแน่นอนถึงเวลานั้น อยากกู้สถานการณ์ก็ยากแล้วปวดหัวมากเฟิงเย่เสวียนคนนี้ เป็นน้องคนเล็กสุดของพวกเขา และเป็นคนฉลาดที่สุด จัดการยากที่สุดคนหนึ่ง“น้องสาม เรื่องจ้างมือสังหารนี่ พวกเราแอบวางแผนด้วยกัน หากข้าถูกลดศักดินา เกรงว่าเจ้าก็ต้องลำบากเช่นกัน?” อ๋องเฟิงกล่าวข่มขู่ด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาเขาจะเป็นแพะรับบาปคนเดียวไม่ได้ ต้องลากอ๋องเจวี๋ยลงน้ำไปด้วยกันบนใบหน้าอ๋องเจวี๋ย
สายตาของเฟิงเจิ้งหลีที่มองไปทางนางยังคงเปล่งประกาย “เข้ามาคุยข้างใน เจ้าตั้งครรภ์อยู่ อย่ายืนอยู่อย่างนั้น”ฉู่เชียนหลีเม้มปาก คิดแล้วคิดอีก ยกเท้าเดินเข้าไปข้างในห้องโถงหลักยกน้ำชาเข้ามา คนรับใช้ถอยออกไป เฟิงเจิ้งหลีนั่งลงที่ข้างกายนาง สายตาของเขาจ้องไปที่นางตลอดฉู่เชียนหลีจับฝาถ้วยชาจับแล้วจับอีก ไม่มีเจตนาที่จะดื่มชา วางชาลง หยิบกระบอกไม้ไผ่ที่เล็กเรียวแท่งหนึ่งออกมา แล้วดันไปหาเฟิงเจิ้งหลีเฟิงเจิ้งหลีสงสัย “นี่คืออะไร?”หยิบขึ้นมา ดึงจุกไม้ออก กลิ่นคาวเลือดโชยเข้าโพรงจมูก“เลือดของหมาป่าเทา” ฉู่เชียนหลีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เสริมอีกประโยค “สามารถแก้พิษกู่”“!”พริบตานั้น ร่างของเขาสั่นสะท้าน ฝ่ามือแข็งฉับพลัน กระบอกไม้ไผ่เกือบหล่นลงพื้น และปฏิกิริยานี้เอง ทำให้แววตาของนางมืดมนลงปฏิกิริยาของเขา ก็คือคำตอบที่ดีที่สุดเป็นเขาจริงๆ ด้วย…ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาปกป้องนางหลายครั้ง และปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจ นางคิดว่าพวกเขาเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาโดยตลอด แต่ดูเหมือนตอนนี้ มีเพียงนางฝ่ายเดียวที่คิดเช่นนี้เหอะ…แม้แต่เพื่อนก็เชื่อใจไม่ได้ เช่นนั้นควรเชื่อใครมนุษ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันไปชั่วขณะ ย่อมเป็นเพราะคาดคิดไม่ถึง เป็นเพราะนางไม่ใส่ใจจึงมองข้าม? หรือเป็นเพราะนางตั้งครรภ์แล้วสมองใช้การได้ไม่ดี? จึงไม่สังเกตเห็น… ถ้าหากเป็นอย่างที่เขาพูดจริงๆ นางยิ่งใกล้ชิดเขาไม่ได้แล้ว!สีหน้าเย็นชาลง “เฟิงเจิ้งหลี ปล่อยข้า! ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านกำลังพูดอะไรอยู่!”“ข้าย่อมรู้อยู่แล้ว ไม่มีช่วงเวลาใดๆ ที่ข้ามีสติเท่ากับตอนนี้แล้ว!” เฟิงเย่เสวียนมองดวงตาทั้งคู่ของนางตรงๆ “ข้ารู้ว่าไม่ควรล้ำเส้น เจ้าข้าต่างก็มีครอบครัวแล้ว ข้าพยายามข่มความรู้สึกมากแล้ว ข้าจะไม่ไปยุ่งกับเจ้า และยิ่งไม่รบกวนความสงบของเจ้าในตอนนี้”เรื่องของกู่พิษนั่น…อูหนูเป็นคนเสนอในตอนนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร บุ่มบ่ามก็รับข้อเสนอของอูหนูไปแล้วแต่ตอนนี้เขารู้สึกผิดแล้วเมื่อเทียบกับเลิกคบหา ไม่สู้เป็นเหมือนเมื่อก่อน อยู่เคียงข้างและปกป้องนางในฐานะเพื่อนสนิท แม้ไม่ได้มาครอบครอง แต่สามารถเฝ้าดูทุกวัน“ต่อไปข้าจะไม่ทำเรื่องโง่ๆ อีกแล้ว ฉู่เชียนหลี เจ้าเชื่อข้านะ ข้าจะไม่ทำเรื่องที่ทำให้เจ้าผิดหวังอีกแล้ว!” เขาให้สัญญาด้วยน้ำเสียงร้อนรน หวังเพียงได้รับความเชื่อใจจากนางฉู่เชียนห
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท