“ฮูหยิน ท่านดูนั่น!”ในป่า เสียงสูดลมเย็นเข้าปอดดังขึ้น เยว่เอ๋อร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดกลัว ตรงนั้น…เลือดเยอะมาก และมีศพล้มอยู่สี่ห้าศพ“ข้าลองเข้าไปดูหน่อย!” จางเฟยกลัวมีกับดัก ถือกระบี่เดินอยู่ข้างหน้าชายชุดดำห้าคนนอนจมกองเลือดบนพื้น บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ล้วนขาดใจหมดแล้ว สภาพศพแข็งทื่อ ตายมาแล้วประมาณหนึ่งวันเขานั่งยองลง ค้นเสื้อผ้าของศพ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย กวาดมองร่องรอยการต่อสู้ของสถานที่เกิดเหตุแวบหนึ่ง ระบุทิศทางหนึ่งได้คร่าวๆ “พวกเขาน่าจะไปทางนี้แล้ว”จากทิศทางนี้ คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะตามเฟิงเย่เสวียนทันรอช้าไม่ได้ ออกเดินทางทันทีขณะที่กำลังจะยกเท้า ตรงที่มืด มีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังขึ้นอย่างคลุมเครือ เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเหยียบใบไม้แห้งกองหนาๆ“ใครอยู่ตรงนั้น!” จางเฟยกวาดมองไปอย่างหวาดระแวงทันทีซ่าๆ…อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงลอยมาจากนั้นมีเสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง กิ่งไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นสั่น ทันใดนั้น มีหมาป่าขนสีเทา กรงเล็บแวววาวหลายตัวกระโดดออกมา!เป็นฝูงหมาป่า!พวกมันปิดล้อมฉู่เชียนหลีและคนอื่น กรงเล
ยกมือขึ้นแล้วเรียกจางเฟยกลับมา หลังจากนั้นยกเปลือกตา ตะโกนเข้าไปในดงป่า“เจ้าดำน้อย ถ้ายังวิ่งซี้ซั้วไปทั่ว ข้าไม่พาเจ้ากลับแล้วนะ!”เสริมอีกประโยค “สุนัขตัวเมียสิบตัวก็เลิกคิดไปได้เลย!”เพิ่งสิ้นเสียง ใบไม้ที่อยู่ไม่ไกลของดงป่าสั่น ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่งวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วง พุ่มหญ้าก็ขยับเป็นคลื่น“บรู้ว…”เสียงหมาป่าหอนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำลายความเงียบในป่า นกนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจบินหนีพลันด้วยการกระโดดอย่างแรง หมาป่าสีขาวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างมั่นคงทันที ใบไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ หัวหมาป่าอันสูงศักดิ์เชิดขึ้น ดวงตาแดงเหมือนเลือด สายเลือดอันสูงศักดิ์และบริสุทธิ์แต่โดยกำเนิดแผ่แรงข่มขวัญการข่มขวัญทางสายเลือด ทำให้หมาป่าสีเทาเหล่านั้นเห็นแล้ว ตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมทั้งสองเทียบกัน หมาป่าขาวสูงใหญ่น่าเกรงขาม สายเลือดสูงศักดิ์บริสุทธิ์ ในขณะที่หมาป่าเทาขนยุ่งเหยิง ตัวสีเทา ทั้งเตี้ย ทั้งผอม ทั้งตัวเล็ก ก็เหมือนกับเวลาแมวเจอหนู…เจ้าดำน้อยเลียกรงเล็บและเหลือบมองหนูเทาเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สู้น
ถ้าหากฝูงหมาป่าถูกคนล่อมา เช่นนั้นก็มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าที่เคยเจอกันแค่สองครั้งน่าสงสัยที่สุด——อาหวาฉู่เชียนหลีมองนาง “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก ข้าไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้ก็มาเจอกับฝูงหมาป่าอีก ตลอดทางที่มา เจ้าเป็นคนนำทาง พวกเราทุกคนเดินตามทางที่เจ้าบอก”อาหวาได้ยินคำนี้ ไม่พอใจทันที“ใช่ ข้าเป็นคนนำทาง แต่เขาชางฉยงกว้างใหญ่มาก แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่สามารถสำรวจจนทั่ว นับประสาอะไรกับข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?”“เจออันตรายในป่าบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เจออันตรายเป็นเรื่องปกติจริง แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ อันตรายเหล่านี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์!”ฉู่เชียนหลีเน้นคำว่า ‘การกระทำของมนุษย์’ เย็นชาเป็นพิเศษ นางพลิกฝ่ามือ ถือหญ้าต้นหนึ่งที่หลุดออกจากรากไว้“หญ้าต้นนี้ เจ้าเป็นคนใส่กระมัง?”อาหวาเห็นแล้ว ม่านตาหด…“หญ้าจื่อจิน ยางของมันเป็นกลิ่นคาว ขยี้มันจนเละ มันสามารถส่งกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นตัวการที่ดึงดูดฝูงหมาป่ามา” ฉู่เชียนหลีโยนหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวไปที่ข้างเท้านาง“ข้า…”อาหวาถอยหลังอย่างร้อนตัวครึ่งก้าว “ข้า…ข้า…”นางคาดคิดไม
“เลือดของหมาป่าเทาชนิดนี้ แค่ดื่มเข้าไป ก็สามารถแก้กู่ ดังนั้นข้าจึงล่อพวกมันมา…”แววตาของอาหวาเต็มไปด้วยความจริงใจ และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ“พี่สาว ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน และท่านยังได้มอบเงินมากมายเช่นนั้นให้ครอบครัวข้า ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร?”เบะปากเวลาพูด ดูน้อยใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่หันไปออกคำสั่งกับจางเฟย“ส่งคนไปจับหมาป่าหนึ่งตัว เอาเลือดของมันมาให้ข้า”จางเฟยชะงักเล็กน้อย “ฮูหยิน หรือท่านเชื่อ…”“ยังไม่รีบไปอีก?”“ขอรับ”จางเฟยไม่ได้ถามมากอีก แต่สั่งคนไปจับหมาป่าเพื่อเอาเลือดแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของอาหวา อาหวาผิดปกติ นางรู้สึกได้ แต่เรื่องที่มีกู่ในร่างกายของตนเอง นางก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกันใครกันที่วางกู่ใส่นาง แต่กู่นี้กลับไม่ได้ทำร้ายร่างกายของนาง?ตกลงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?หลังจากนั้นสองเค่อนำเลือดหมาป่าเทามา ฉู่เชียนหลีไม่ได้รีบดื่ม แต่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ทั้งกลุ่มเริ่มออกเดินทางอีกครั้งตามทิศทางที่ร่องรอยการต่อสู้ในท
รู้จักกันนานเช่นนี้แล้ว เคยเห็นสภาพของเฟิงเย่เสวียนเป็นเช่นนี้เมื่อไร?ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ยกใบหน้าของเขาขึ้น มองเห็นอย่างชัดเจนว่าดวงตาของเขาเหม่อลอยและไม่มีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติเขาพึมพำไม่หยุด “เมียจ๋า เมียของข้าล่ะ”มองซ้าย มองขวา “เมียของข้าไปไหนแล้ว เมียจ๋า…ลืมไป เมียของข้าหนีไปกับเฟิงเจิ้งหลีแล้ว…แล้วลูกข้าล่ะ ลูกข้าไปไหนแล้ว…”“อ๊ะ…ลูกข้ายอมรับเฟิงเจิ้งหลีเป็นพ่อแล้ว ข้ามันไร้ประโยชน์จริงๆ ข้ามีชีวิตอยู่จะมีความหมายอะไร…”ผลักฉู่เชียนหลีออก ก็ไปหากระบี่จะฆ่าตัวตายฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วแน่น จับไหล่ของเขา “เฟิงเย่เสวียน! เจ้าตั้งสติหน่อย!”ตกลงมีความเข้าใจผิดอะไรกับนาง ถึงคิดว่านางหนีไปกับอ๋องหลีทั้งที่ยังท้องโต?แต่เฟิงเย่เสวียนเหมือนไม่ได้ยินเสียงของนาง สายตายังคงเหม่อลอยมาก ปากก็พึมพำคำพูดประโยคเดียว “ข้ามีชีวิตอยู่ไม่มีความหมายแล้ว…ข้าไม่สมควรมีชีวิต…”หากระบี่จะหากระบี่จะฆ่าตัวตายกระบี่ล่ะ?“เฟิงเย่เสวียน!” ฉู่เชียนหลีเพิ่งจับเขาไว้ อีกด้านหนึ่ง เยว่เอ๋อร์ก็ตะโกนอีกครั้ง “ฮูหยิน แย่แล้ว ใต้เท้าหานเฟิงกับใต้เท้าหานอิ๋งตีกันแล้ว!”สองพี่น้องทะ
ฉู่เชียนหลีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็คือคนที่อ๋องเฟิงส่งมา?”รอยยิ้มบนใบหน้าหัวหน้ามือสังหารชะงัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ พระชายาอ๋องเฉินถือเป็นคนฉลาด ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปจากที่นี่”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรง เสร็จงานเร็ว กลับบ้านเร็ว“ฆ่าให้หมด!”เมื่อสิ้นเสียงที่เย็นชา สวมหน้ากากที่แปลกประหลาด“พระชายาระวัง!” สีหน้าจางเฟยเปลี่ยนฉับพลัน “เป็นวิชากลลวงน้ำลึก! อย่ามองหน้ากากของพวกมัน ระวังสูญเสียสติสัมปชัญญะ!”อ๋องเฉินและคนอื่นต้องถูกสะกดจิตแน่ จึงกลายเป็นเช่นนี้แม้จางเฟยเตือนทันเวลา แต่เยว่เอ๋อร์และคนของสำนักอู๋จี๋ก็ถูกสะกดจิตแล้วอาหวาตกใจจนซ่อนตัวในพุ่มไม้ ปิดปาก ขดตัวแน่น กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยฉู่เชียนหลีหลับตาทันที ใช้หูฟังแทนหลังจากปิดการมองเห็น การได้ยินมีสมาธิและตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น นางได้ยินคนกลุ่มนั้นก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หมุนหน้ากาก และวนรอบตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วหน้ากากเป็นกระแสวน การหมุนก็เป็นกระแสวน หากมองแค่ปราดเดียว ต้องถูกสะกดจิตแน่แต่ถ้าทำลายค่ายกลของพวกมัน สิ่งที่
กำหนามน้ำแข็ง ออกแรงหมุนและบิด แทงลึกยิ่งขึ้น“อ๊ะ…” เฟิงเย่เสวียนล้มลงด้วยความเจ็บปวด เลือดตรงบาดแผลไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายกระตุก ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลืมตา ชั้น ‘หมอก’ ที่ปกคลุมตรงหน้าค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นฉากที่แท้จริงเหล่ามือสังหารล้มอยู่บนพื้นทั้งหมด ไร้ลมหายใจหัวหน้ามือสังหารคนนั้นกุมท้อง สะอึกเลือดในปากอย่างหายใจรวยริน “เออ…อ๊ะ…”ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ก้มมองคนที่อยู่ข้างเท้า“คนที่อ๋องเฟิงส่งมาก็ไม่เท่าไร อาศัยความสามารถแค่นี้ คิดจะฆ่าข้า?”นางกับเฟิงเย่เสวียนร่วมเตียงร่วมหมอนหนึ่งปีเต็ม มีหรือที่จะฟังไม่ออกแม้แต่เสียงของเฟิงเย่เสวียน? น่าขำ!ถีบร่างกายเขาจนคว่ำ ละลายแท่งหนามน้ำแข็งที่ตกอยู่บนพื้น ก้าวเท้ายาวกลับไปที่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน เพิ่งประคองเขา หมอกในดวงตาของเขาค่อยๆ สลาย สติค่อยๆ ฟื้นกลับคืน “เชียนหลี?”เขาตะลึงงัน “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เชียนหลี…ซี้ด!”กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับ กระตุกโดนมุมปาก รู้สึกเจ็บยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างตะลึงเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแสบใครตบเขา?ไอ้เวร ใครตบหน้าเขา?คนอื่นก็ค่อยๆ ตื่นเช่นกัน“พระชายา ท่านอย
“เฮ้อ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว เป็นเด็กดีนะ” จางเฟยตบหลังเยว่เอ๋อร์เบาๆ ค่อยๆ ปลอบใจนางการปลอบใจของท่านลุงวัยกลางคน การปกป้องของหานเฟิง ทำให้เยว่เอ๋อร์รู้สึกปลอดภัย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกอดเยว่เอ๋อร์ กล่าวเสียงเบา “ไปนั่งข้างๆ สักพัก หานเฟิง เอาน้ำมา จางเฟย เก็บกวาดสถานที่”ลองดูว่าบนตัวของมือสังหารเหล่านั้นมีของอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ทุกคนเริ่มทำงานของตนเองหลังจากฉู่เชียนหลีจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินตามเฟิงเย่เสวียนไปพูดคุยที่อีกด้านหนึ่งเฟิงเย่เสวียนพลางตอบคำถาม พลางชี้ไปทางกระดูกที่ขาวโพลง พูดเรื่องของดอกไม้แห่งความตายทั้งสองสนทนากันจุดที่ไม่ไกลนักอาหวามุดออกมาจากพงหญ้า สีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ดูไม่ดีนัก ต้าหนิวที่แขนขาดหนึ่งข้างนั่งอยู่ตรงหน้าของนางบนใบหน้าต้าหนิวเต็มไปด้วยคราบเลือด “อาหวา…”เสียงของเขาขมขื่น ในแววตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ก็มีปมด้อยหลายส่วนเช่นกันแขนขาดแล้ว ไม่สามารถช่วยตนเองในชีวิตประจำวัน และไม่สามารถล่าสัตว์ กลายเป็นคนพิการที่ทำอะไรไม่ได้เลยอาหวาเม้มปากแน่น ไม่อยากคุยกับเขา หันหน้าไปมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อ