ฉู่เชียนหลีมองพวกเขาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าก็คือคนที่อ๋องเฟิงส่งมา?”รอยยิ้มบนใบหน้าหัวหน้ามือสังหารชะงัก รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ไม่นานก็หัวเราะเสียงดัง “ฮ่าๆ พระชายาอ๋องเฉินถือเป็นคนฉลาด ให้เจ้ารู้ก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรเสียวันนี้พวกเจ้าก็ไม่สามารถไปจากที่นี่”ไม่พูดพร่ำทำเพลง ลงมือโดยตรง เสร็จงานเร็ว กลับบ้านเร็ว“ฆ่าให้หมด!”เมื่อสิ้นเสียงที่เย็นชา สวมหน้ากากที่แปลกประหลาด“พระชายาระวัง!” สีหน้าจางเฟยเปลี่ยนฉับพลัน “เป็นวิชากลลวงน้ำลึก! อย่ามองหน้ากากของพวกมัน ระวังสูญเสียสติสัมปชัญญะ!”อ๋องเฉินและคนอื่นต้องถูกสะกดจิตแน่ จึงกลายเป็นเช่นนี้แม้จางเฟยเตือนทันเวลา แต่เยว่เอ๋อร์และคนของสำนักอู๋จี๋ก็ถูกสะกดจิตแล้วอาหวาตกใจจนซ่อนตัวในพุ่มไม้ ปิดปาก ขดตัวแน่น กลัวจนไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่น้อยฉู่เชียนหลีหลับตาทันที ใช้หูฟังแทนหลังจากปิดการมองเห็น การได้ยินมีสมาธิและตอบสนองเร็วยิ่งขึ้น นางได้ยินคนกลุ่มนั้นก่อตัวเป็นวงกลมขนาดใหญ่ หมุนหน้ากาก และวนรอบตัวพวกเขาอย่างรวดเร็วหน้ากากเป็นกระแสวน การหมุนก็เป็นกระแสวน หากมองแค่ปราดเดียว ต้องถูกสะกดจิตแน่แต่ถ้าทำลายค่ายกลของพวกมัน สิ่งที่
กำหนามน้ำแข็ง ออกแรงหมุนและบิด แทงลึกยิ่งขึ้น“อ๊ะ…” เฟิงเย่เสวียนล้มลงด้วยความเจ็บปวด เลือดตรงบาดแผลไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ร่างกายกระตุก ดิ้นรนครั้งสุดท้ายก่อนตายฉู่เชียนหลีค่อยๆ ลืมตา ชั้น ‘หมอก’ ที่ปกคลุมตรงหน้าค่อยๆ หายไป เผยให้เห็นฉากที่แท้จริงเหล่ามือสังหารล้มอยู่บนพื้นทั้งหมด ไร้ลมหายใจหัวหน้ามือสังหารคนนั้นกุมท้อง สะอึกเลือดในปากอย่างหายใจรวยริน “เออ…อ๊ะ…”ฉู่เชียนหลีเดินเข้าไป ก้มมองคนที่อยู่ข้างเท้า“คนที่อ๋องเฟิงส่งมาก็ไม่เท่าไร อาศัยความสามารถแค่นี้ คิดจะฆ่าข้า?”นางกับเฟิงเย่เสวียนร่วมเตียงร่วมหมอนหนึ่งปีเต็ม มีหรือที่จะฟังไม่ออกแม้แต่เสียงของเฟิงเย่เสวียน? น่าขำ!ถีบร่างกายเขาจนคว่ำ ละลายแท่งหนามน้ำแข็งที่ตกอยู่บนพื้น ก้าวเท้ายาวกลับไปที่ตรงหน้าเฟิงเย่เสวียน เพิ่งประคองเขา หมอกในดวงตาของเขาค่อยๆ สลาย สติค่อยๆ ฟื้นกลับคืน “เชียนหลี?”เขาตะลึงงัน “เป็นเจ้าจริงๆ ด้วย เชียนหลี…ซี้ด!”กล้ามเนื้อบนใบหน้าขยับ กระตุกโดนมุมปาก รู้สึกเจ็บยกมือขึ้นลูบใบหน้าอย่างตะลึงเล็กน้อย รู้สึกเจ็บแสบใครตบเขา?ไอ้เวร ใครตบหน้าเขา?คนอื่นก็ค่อยๆ ตื่นเช่นกัน“พระชายา ท่านอย
“เฮ้อ ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร ไม่ต้องกลัว เป็นเด็กดีนะ” จางเฟยตบหลังเยว่เอ๋อร์เบาๆ ค่อยๆ ปลอบใจนางการปลอบใจของท่านลุงวัยกลางคน การปกป้องของหานเฟิง ทำให้เยว่เอ๋อร์รู้สึกปลอดภัย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกอดเยว่เอ๋อร์ กล่าวเสียงเบา “ไปนั่งข้างๆ สักพัก หานเฟิง เอาน้ำมา จางเฟย เก็บกวาดสถานที่”ลองดูว่าบนตัวของมือสังหารเหล่านั้นมีของอะไรที่เป็นประโยชน์หรือไม่ทุกคนเริ่มทำงานของตนเองหลังจากฉู่เชียนหลีจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็เดินตามเฟิงเย่เสวียนไปพูดคุยที่อีกด้านหนึ่งเฟิงเย่เสวียนพลางตอบคำถาม พลางชี้ไปทางกระดูกที่ขาวโพลง พูดเรื่องของดอกไม้แห่งความตายทั้งสองสนทนากันจุดที่ไม่ไกลนักอาหวามุดออกมาจากพงหญ้า สีหน้าบูดบึ้งเล็กน้อย ดูไม่ดีนัก ต้าหนิวที่แขนขาดหนึ่งข้างนั่งอยู่ตรงหน้าของนางบนใบหน้าต้าหนิวเต็มไปด้วยคราบเลือด “อาหวา…”เสียงของเขาขมขื่น ในแววตาเต็มไปด้วยความรัก แต่ก็มีปมด้อยหลายส่วนเช่นกันแขนขาดแล้ว ไม่สามารถช่วยตนเองในชีวิตประจำวัน และไม่สามารถล่าสัตว์ กลายเป็นคนพิการที่ทำอะไรไม่ได้เลยอาหวาเม้มปากแน่น ไม่อยากคุยกับเขา หันหน้าไปมองเห็นชายหญิงคู่หนึ่งที่อ
ทุกคนต่างแสดงความคิดเห็น“ใช้กระบี่แงะดอกไม้ออกมา”“ใช้กระบี่ควบคุมยาก หากดอกไม้แห่งความตายได้รับความเสียหายล่ะ? ไม่สู้ใช้เสื้อผ้าห่อมือ ไปเด็ดดีกว่า”“ดอกไม้แห่งความตายนั่นสามารถกัดกร่อนแม้แต่ผิวหนังของมนุษย์ คิดว่ามีเสื้อผ้าห่อก็จะไม่กัดกร่อนแล้วหรือ?”“นี่…”เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ทุกคนมองหน้ากัน คิดจนศีรษะโล้นแล้ว แต่ก็ไม่มีวิธีที่สามารถใช้ได้เฟิงเย่เสวียนครุ่นคิด กวาดมองกองกระดูกนั่น สังเกตเห็นดอกไม้แห่งความตายนั่นขึ้นบนเขากวางโดยบังเอิญถ้าหากนำเขากวางลงมาได้ ก็ไม่เท่ากับได้ดอกไม้แห่งความตายมาแล้วหรือ?กล่าวเสียงดัง “เอาเขากวาง”“ไม่ได้” ฉู่เชียนหลีห้ามทันที “เจ้าดูพืชของที่นี่ ต้นไม้โบราณพันปี เถาวัลย์ร้อยปี ดอกไม้แห่งความตายที่บานไม่ร่วง และยังมีสัตว์ที่คอยปกป้อง ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดานานแล้ว”“ในสายตาของสัตว์ ที่นี่คือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากเจ้านำเขากวางไปโดยตรง ทำลายสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่อาจทำให้พวกมันโกรธ ก่อให้เกิดผลร้ายแรงที่ตามมา”อยู่ในเมือง มนุษย์สามารถควบคุมสัตว์แต่อยู่ในป่าแห่งนี้ เป็นถิ่นของเหล่าสัตว์ป่า จำเป็นต้องยำเกรงทุกชีวิตหานอิ๋งกลับรู้ส
“เจ้า?”ทุกคนตะลึงงันทันใดนั้นมีความคิดที่ไม่ดีผุดขึ้นในสมองของเฟิงเย่เสวียน ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว จะคว้าตัวฉู่เชียนหลี แต่เท้าฉู่เชียนหลีก้าวออกไป ก็เข้าไปในกองกระดูกที่ขาวโพลงแล้ว“ฉู่เชียนหลี!”“พระชายา!”“ระวัง!”ทุกคนเบิกตากว้าง พริบตานั้นแม้แต่ลมหายใจก็หยุดชะงักในกองกระดูกที่ขาวโพลนเหล่านี้มีแมลงพิษและสัตว์ร้ายที่ค่อยปกป้องดอกไม้แห่งความตายซ่อนอยู่มากมาย เมื่อเข้าใกล้ต้องตายแน่ พระชายาเอาชีวิตของตนเองมาล้อเล่นได้อย่างไร เฟิงเย่เสวียนยิ่งม่านตาหด หัวใจเต้นแรงมาก ในสมองยิ่งว่างเปล่า แทบลืมทุกสิ่งทุกอย่าง ราวกับว่าระหว่างฟ้าดินเหลือเพียงผู้หญิงที่ใจกล้าคนนั้นหลังจากนั้นสองวินาทีไม่มีงูพิษโผล่ออกมา และไม่มีแมลงอย่างอื่นทุกคนเห็นภาพนี้ ยิ่งเบิกตากว้างด้วยความงงงวย “?”นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น?ก่อนหน้านี้องครักษ์ไม่ระวังเดินหลงเข้าไป ถูกกัดตาย พวกเขาทุกคนล้วนเคยเห็นความร้ายกาจของกองกระดูกแห่งนี้ เหตุใดพระชายาจึงไม่เป็นอะไร? ฉู่เชียนหลีกวาดมองกองกระดูกอย่างสงบ รู้ว่าการคาดเดาของตนเองถูกต้อง นางยกเท้าอีกข้าง เลี่ยงโครงกระดูกเหล่านั้น เหยียบลงบนช่องว่างบนพื้นห
เกิดอะไรขึ้นจู่ๆ ก็รู้สึกซาบซึ้งมาก?เหตุใดจึงรู้สึกเจ็บแสบเบ้าตาเล็กน้อย?เฟิงเย่เสวียนกะพริบตาปริบๆ แล้วขมวดคิ้ว ข่มหนังตาลง แต่ก็ยังรู้สึกเจ็บแสบดวงตามากนิ้วมือปัดผ่าน ยังรู้สึกเจ็บด้วย“ซี้ด…”“เชียนหลี ช่วยข้าดูหน่อย ตาข้าเป็นอะไร?”แปลกมาก เมื่อก่อนเขาไม่เคยเป็นเช่นนี้ฉู่เชียนหลีกวาดมองแวบหนึ่ง เบ้าตาของเขาแดงก่ำ เห็นได้ชัดว่าร้องไห้มากเกินไป หางตาเปียกชุ่ม ประกอบกับความแห้งกร้านในป่า สภาพผิวที่ผุกร่อนถูกน้ำตาขยี้ ผิวหนังจะแตกและเจ็บแสบ นี่ก็เป็นสาเหตุที่ต้องทาครีมบำรุงผิวในฤดูหนาวพูดออกมาสองคำโดยตรง “ร้องไห้มากเกินไป”เฟิงเย่เสวียน “?”ทุกคน “?”ร้องไห้?อ๋องเฉินร้องไห้จนตาแดง?เกรงว่านี่คงเป็นเรื่องตลกที่สุดในโลก ต่อให้คนทั้งโลกร้องไห้ อ๋องเฉินก็ไม่มีทางร้องไห้“เหตุใดจึงใช้สายตาที่สงสัยเช่นนี้มองข้า? เจ้าร้องไห้มากเกินไปจริงๆ หรือข้าจะโกหกเจ้า?” ฉู่เชียนหลีมองบนใส่เขาเฟิงเย่เสวียน “...”จมอยู่ในความสงสัยในตนเองเขาจะร้องไห้ได้อย่างไร?เงยหน้ามองไปทางหานเฟิง หานเฟิงรีบส่ายศีรษะ ติดตามนายท่านสิบห้าปี ไม่เคยเจอความลำบากเช่นไรบ้าง? ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นไรบ
นางรีบเดินไปข้างหน้า “เหมือนคุณชายจิ่งกับอวิ๋นอิงล้วนได้รับบาดเจ็บ คุณชายจิ่ง รีบวางอวิ๋นอิงลงเถอะ!”เยว่เอ๋อร์เอื้อมมือออกไปรับอวิ๋นอิงที่หมดสติ ประคองนางนั่งลงที่พื้นจิ่งอี้ที่สูญเสียแรงกดของน้ำหนัก ร่างกายที่สูงใหญ่โอนเอนอย่างไร้เรี่ยวแรง หน้ามืดจนเกือบล้ม“คุณชายจิ่งระวัง!” เยว่เอ๋อร์ปล่อยอวิ๋นอิงทันที ไปประคองจิ่งอี้แทนอาจเพราะทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุกคนมัวแต่เป็นห่วงอาการบาดเจ็บ ดังนั้นจึงไม่มีใครสังเกตเห็นการกระทำของเยว่เอ๋อร์ฉู่เชียนหลีรีบเดินไปข้างกายอวิ๋นอิง จับข้อมือของนาง เพื่อตรวจชีพจรให้นางเสียเลือดมากเกินไป!มีไข้สูง!“พวกเราเจอมือสังหารในป่า ไม่ระวังกลิ้งตกลงไปที่ตีนเขา นางขาหัก อาการสาหัสเกินไป ข้าได้แต่ห้ามเลือดให้นางก่อน…”เสียงของจิ่งอี้อ่อนแรงมากและหอบหายใจ น้ำเสียงที่แหบแห้งนั่นคนหายใจรวยรินที่ใกล้ตายขาของเขาก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แบกนางเดินมาพักใหญ่…ร่างกายของเขาฝืนจนถึงขีดจำกัด“คุณชาย ขาของท่าน…” จางเฟยสังเกตเห็นบาดแผลที่ขาของเขาจิ่งอี้ไม่อยากพูดถึงเรื่อง ‘ขา’พูดถึงเรื่องขา ก็จะนึกถึงอวิ๋นอิงหยิบก้อนหินขึ้นมาทุบเขาอย่างแรงเหมือนกัน
ยามราตรีของหมู่บ้านในป่าลึกมืดเป็นพิเศษ มืดจนยื่นมือออกไปก็มองไม่เห็นนิ้ว และเงียบเป็นพิเศษเช่นกัน ในคืนมืดมิดอันไกลโพ้น กบและจักจั่นร้องอ๊บๆ สัตว์ที่ไม่รู้จักวิ่งไปมา ดวงดาวบนท้องฟ้าส่องแสงระยิบระยับ บรรยากาศเงียบสงัด หลังอาหารทุกคนเก็บข้าวของเรียบร้อยฉู่เชียนหลีนั่งอยู่หน้าเตียง นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำอุ่น หลังจากบิดแห้งแล้ว เช็ดตัวให้อวิ๋นอิงอย่างละเอียด บาดแผลของนางได้รับการจัดการเรียบร้อย หลังจากกินยา ไข้เพิ่งลด แต่ยังไม่ฟื้นเฟิงเย่เสวียนนั่งอยู่ข้างเตาไฟ เติมฟืนเข้าไปในนั้นสองท่อน ฝุ่นและเศษปลิวไปทุกที่ ตกลงบนร่างกายของเขา“นายท่าน จัดกระบวนและม้าเรียบร้อย พร้อมออกเดินทางทุกเมื่อขอรับ” หานเฟิงมารายงานเฟิงเย่เสวียนเป่าฝุ่นที่อยู่บนเสื้อผ้าแล้วกล่าว “พักผ่อนหนึ่งคืน พรุ่งนี้เช้ากลับเมืองหลวงทันที”“ขอรับ”หานเฟิงจากไปแล้วจากบ้านแดนไกล มีหลายอย่างไม่สะดวก หานเฟิงกับคนของสำนักอู๋จี๋แทบไม่มีที่นอน ล้วนไปเบียดกันนอนบนรถม้าและเดิมทีห้องนี้เป็นห้องนอนของเฟิงเย่เสวียน มีเพียงเตียงเล็กๆ หนึ่งเตียง อวิ๋นอิงนอนแล้ว เฟิงเย่เสวียนกับฉู่เชียนหลีได้แต่อดหลับอดนอนหนึ่งครึ่งหลังจากน
ทุกคนรออยู่ที่นอกประตูเมือง เฟิงเย่เสวียนขี่ม้าเข้าไปใกล้ สายตาจ้องฉู่เชียนหลีอย่างลึกซึ้งหลายวินาทีฉู่เชียนหลียิ้มระหว่างทั้งสองคน คำพูดมากมายไม่จำเป็นต้องพูด แค่สบตากัน ก็สามารถเข้าใจกันแล้วผ่านไปครู่หนึ่งเขาถอนสายตากลับ กระตุกม้าให้หยุดลง โน้มกายและเอื้อมมือไปรับลูก“ส่งเขาให้ข้า”เฟิงเจิ้งหลียิ้มได้อ่อนโยนมาก ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างเชื่อฟัง ยกมือทั้งสองข้างขึ้นเล็กน้อย ส่งเด็กที่อยู่ในมือออกไป“น้องเจ็ด เดินทางปลอดภัย”เขาเน้นเสียงคำว่า ‘ปลอดภัย’ เป็นพิเศษ เหมือนมีความหมายที่ลึกซึ้งซ่อนอยู่อ๋องเฉินยื่นมือออกมาแล้ว ขณะที่กำลังจะสัมผัสโดนเด็ก เฟิงเจิ้งหลีปล่อยมือกะทันหันทันใดนั้นเด็กสูญเสียแรงยึดเหนี่ยว ร่วงลงไปโดยตรง!“จื่อเยี่ย!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก กระโดดลงจากม้าด้วยความเร็วที่เร็วที่สุด ก็เห็นอ๋องหลีรับเด็กไว้แล้ว และก็เพราะพริบตาที่เขาเผลอนี้ จึงถูกธนูลับดอกหนึ่งยิงเข้าที่สะบักฉึก…“อาเฉิน!”“ท่านอ๋อง!”เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่มีใครรับมือทันเวลาเฟิงเจิ้งหลีใช้มือซ้ายอุ้มเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มือขวาจับตัวฉู่เชียนหลี ถอยหลังเจ็ดแปดก้าว ขณะ
เฟิงเย่เสวียนเดินออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว “ปล่อยฉู่เชียนหลีกับเด็ก ข้าอยู่เอง เจ้าจับฉู่เชียนหลีไม่มีประโยชน์ มีเพียงจับข้าเท่านั้น เจ้าจึงจะสามารถนั่งราชบัลลังก์ได้อย่างมั่นคง”เฟิงเจิ้งหลีเย้ยหยัน“อย่ามาต่อรองกับข้า ข้ายอมถอยให้แล้ว ถ้าหากยังได้คืบจะเอาศอก ข้าไม่ถือสาที่จะพินาศไปพร้อมกัน”ฉู่เชียนหลีรีบถอยกลับมาจับข้อมือเฟิงเย่เสวียน กล่าวเสียงเบา “เจ้าพาจื่อเยี่ยไป!”“เชียนหลี…”“คนที่เขาต้องการคือข้า มีเพียงเจ้าไปและมีชีวิตรอดต่อไปเท่านั้น จึงจะมีโอกาสพลิกสถานการณ์ จื่อเยี่ยไปแล้ว ข้าจึงจะวางใจ ถึงเวลานั้น เขาก็ไม่มีข้อได้เปรียบอีก และไม่จำเป็นต้องกลัวเขาอีกแล้ว” ฉู่เชียนหลีวิเคราะห์เบาๆ อย่างฉับไวเฟิงเจิ้งหลีไม่มีทางฆ่านางใช้นางคนเดียว แลกกับความปลอดภัยของจื่อเยี่ย แลกกับความปลอดภัยของทุกคน อย่างไรก็ดีกว่าสู้กันตายไปข้างหนึ่ง เลือดนองเหมือนแม่น้ำไม่ใช่ว่านางจะถูกขังอยู่ในเมืองหลวงตลอดไปตราบใดที่ยังมีชีวิต ก็มีโอกาสเฟิงเย่เสวียนรู้ผลได้ผลเสียในนี้ เด็กคนนี้อย่างไรก็ต้องช่วย แต่เขาจะทิ้งฉู่เชียนหลีไว้คนเดียวได้อย่างไร“เชียนหลี ข้ามันไร้ประโยชน์”“ข้าไม่อนุญาตให้เจ
เมื่อพรรคของอ๋องหลีได้ยินเช่นนี้ ก็กลัวทันทีดูท่าทีของพระชายาอ๋องเฉิน นี่กำลังจะเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ในวังชัดๆ!ฆ่าคนติดต่อกันสองคน ไม่กระพริบตาแม้แต่ทีเดียวเลือดกระเซ็นโดนใบหน้า ก็เย็นเฉียบท่าทางที่ชั่วร้ายเหมือนปีศาจนั่น ทำให้ขุนนางหลายคนเกิดความกลัว ลองถามคนทั่วหล้า จะมีสักกี่คนที่ไม่กลัว? อยู่ต่อหน้าความเป็นความตาย ทุกคนล้วนเห็นแก่ตัวพวกเขาไม่อยากตายขุนนางคนหนึ่งกลัวจนพูดติดอ่าง“อ๋อง อ๋องหลี…อย่างไรเด็กที่อยู่ในมือท่านก็เป็นพระนัดดาองค์โต เป็นสายเลือดของราชวงศ์ ถ้าหากฆ่าเขา ในวันข้างหน้า มลทินของท่านจะถูกบันทึกไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์ เกรงว่าจะถูกคนรุ่นหลังด่าทอต่อๆ กันเป็นหมื่นปี”ขุนนางอีกคนก็กล่าวเสียงสั่น“อ๋องเฉินโปรดพิจารณา…”ถ้าหากสู้กันจริงๆ พวกเขาสู้ไม่ไหวอ๋องเฉินมีฮ่องเต้หนุนหลัง มีกองทัพ มีกำลังทหาร อ๋องเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบทุกด้านในมืออ๋องหลี นอกจากพระนัดดาองค์โต ก็ไม่มีเบี้ยอย่างอื่นแล้ว อีกทั้ง ทหารรักษาพระองค์ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ทหารองครักษ์เงาของอ๋องเฉินเมื่อไรที่สู้กัน พวกเขาจะตายกันหมดไม่จำเป็นต้องตายไปครั้งหนึ่ง บางครั้ง เมื่อเห็นว่าพอแล้วก
เฟิงเย่เสวียนแค่ขมวดคิ้วทีหนึ่ง ก็ข่มความเจ็บปวดนี้ลงไปผู้บัญชาการจางฟาดอย่างดุร้ายลองคิดดูเขาที่เป็นขุนนางคนหนึ่ง สามารถใช้แส้ฟาดองค์ชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด นี่เป็นเรื่องที่น่าภาคภูมิใจเพียงใด พูดคำนี้ออกไป เขาสามารถอวดสามสิบปียิ่งฟาดยิ่งรู้สึกสนุก ยิ่งฟาดยิ่งแรงเพี๊ยะ!เพี๊ยะๆๆ!ทุกคนร้อนใจจนกระทืบเท้า แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไป อ๋องหลีบ้าไปแล้ว เขาไม่ใช่อ๋องหลีที่เข้าถึงได้ง่ายอีกแล้ว!ฉู่เชียนหลีเพิ่งคิดจะกระโจนเข้าไป ก็ถูกอ๋องหลีสั่งให้คนคุมตัวไปยืนอยู่ข้างๆ บังคับให้นางมองดูต่อหน้าต่อตา“ฉู่เชียนหลี ข้าเคยบอกแล้ว เจ้าจะต้องเสียใจ คนไร้ประโยชน์อย่างเฟิงเย่เสวียน แม้แต่ลูกชายก็ปกป้องไม่ได้ มีประโยชน์อะไร”แววตาเฟิงเจิ้งหลีเปล่งแสงที่บ้าคลั่ง“เขาเป็นแค่คนไร้ประโยชน์ ฝ่าบาทจะให้ความสำคัญกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ได้อย่างไร? ฉู่เชียนหลี เจ้าว่าเจ้าตาบอดใช่หรือไม่? เจ้าดูสภาพที่สะบักสะบอมของเขาตอนนี้ เหมือนสุนัขตัวหนึ่ง เจ้าก็ยังชอบเขา เช่นนั้นเจ้าก็เป็นสุนัขตัวเมียที่แพศยา”เขายิ้มอย่างชั่วร้าย สิ่งที่พูดออกมายิ่งไม่น่าฟังทุกคนตาแดง อยากพุ่งเข้าไปสับอ๋องหลีเป็นชิ้นๆ เสีย
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต