ที่ลับ ตอนที่จิ่งอี้ที่ตามมาติดๆ กำลังจะก้าวไปข้างหน้า ก็เห็นสาวน้อยหมุนเอวอย่างปราดเปรียว ตัดเชือก แล้วร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคงแต่เขา เป็นเพราะเสียสมาธิ จึงติดกับดักโดยไม่ทันระวังเช่นกันสวบ!เมื่ออวิ๋นอิงทรงตัวได้ ได้ยินเสียงที่ด้านหลัง รีบหันหน้ากลับไปมองอย่างรวดเร็ว ความระแวงระวังบนใบหน้าตอนที่เห็นชายหนุ่ม ได้กลายเป็นความงุนงงไปโดยสิ้นเชิง“คุณชายจิ่ง เหตุใดท่านจึงไปห้อยอยู่บนต้นไม้?”จิ่งอี้ “...”ไม่ใช่ว่าเขาเดินมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่งหรอกหรือ?ไม่ใช่ว่าเขาไม่เดินไปทางเดียวกันนางหรอกหรือ? เหตุใดถึงได้มาปรากฏตัวอยู่ที่ด้านหลังของนาง? หรือว่าเขาเปลี่ยนใจกะทันหันงั้นหรือ?จิ่งอี้ชักกระบี่อ่อนออกมา ตัดเชือกขาด แล้วร่อนลงมาบนพื้น เสื้อคลุมสีดำวาดรัศมีโค้งที่เย็นเยียบ กวาดใบไม้ร่วงหลายใบขึ้นมา ท่าทางเย็นยะเยือกเป็นอย่างยิ่งดวงตาที่เย็นเยือกเป็นอย่างยิ่งคู่นั้นเหลือบมองอวิ๋นอิง“สนุกมากหรือ?” น้ำเสียงเย็นยะเยือกเป็นอย่างมากอวิ๋นอิงที่ได้สติกลับคืนมารีบหุบปาก ก้มหน้า แสร้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นนางไม่มีทางบอกคนอื่น เรื่องที่เขาถูกห้อยอยู่บนต้นไม้...ในเวลานี้เอง อาก
ด้านข้างเป็นเนินภูเขาที่สูงชัน เต็มไปด้วยวัชพืชและหนาม ร่างของคนทั้งสองกลิ้งตกลงไป เนื่องจากผลของแรงเฉื่อย จึงหยุดไม่อยู่ ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว ยิ่งกลิ้งยิ่งเร็ว…มือสังหารวิ่งไปที่ข้างเนินเขา มองไปข้างล่างต้นไม้ต้นหญ้าเล็กที่ถูกทับจนล้มดีดกลับมา สามารถมองเห็นร่องรอยของการลื่นไถลสายหนึ่งจางๆ“ใต้เท้า พวกเราจะตามหรือไม่?”หัวหน้ามือสังหารกวาดมองแวบหนึ่ง กล่าวอย่างเย็นชา “เนินเขานี่มีโขดหินเต็มไปหมด พวกเขากลิ้งลงไป ต่อให้ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิต ไม่จำเป็นต้องมาเสียเวลาบนตัวพวกเขา ไปตามหาอ๋องเฉินก่อน”“ขอรับ!”“อ๊ะ…”เนินเขานี้ทั้งชันและยาว กลิ้งแล้วกลิ้งอีก กลิ้งแล้วกลิ้งอีก ร่างกายของอวิ๋นอิงสูญเสียการควบคุม กลิ้งจนนางเวียนศีรษะ โลกหมุนติ้วๆ ไม่รู้ว่ากลิ้งอยู่นานเท่าไร ชนใส่ลำต้นไม้ต้นหนึ่ง“อ๊า!”ภายใต้ผลของแรงเฉื่อย ชนใส่อย่างแรง เจ็บที่ต้นขาอย่างรุนแรง ราวกับแทบหักแล้วเจ็บ!เจ็บจนเกือบเป็นลมอวิ๋นอิงกัดปลายลิ้นแน่น หากหมดสติในภูเขาลึกป่ากลางคืนนี้ ถ้าเจอพวกสัตว์ป่าหรืองูพิษ จะเป็นอันตรายถึงชีวิต ต่อให้เจ็บเพียงใด ก็ต้องฝืนทนอย่างสุดชีวิต คว้าต้นหญ้าที่อยู่ข้างๆ ลุกขึ้นนั่
อวิ๋นอิงกำก้อนหินที่เปื้อนเลือดแน่น ร่างกายหดเกร็ง จ้องเขาอย่างหวาดระแวง“ท่านอย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ!”แม้นางได้รับบาดเจ็บ แม้คุณหนูไม่อยู่ แต่ถ้าหากเขาอยากฆ่านาง นางไม่ยอมง่ายๆ แน่!“...”สีหน้าของจิ่งอี้น่าเกลียดอีกครั้งเขาแค่อยากดูบาดแผลให้นาง ตกลงในสมองของผู้หญิงที่สมควรตายคนนี้คิดอะไรอยู่!บ้าจริง!ลองขยับขาที่บาดเจ็บดู กระดูกบอบช้ำ ปวดมากจนแทบจะก้าวขาไม่ได้จ้องนางอย่างเย็นชา “เจ้าคิดจะนั่งอยู่ที่นี่ทั้งชีวิต ไม่ไปไหนแล้วหรือ? สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ควรออกจากที่นี่หรือ? รอให้มือสังหารเหล่านั้นไล่ตามมา?”ควรรีบออกจากที่นี่โดยเร็วจริงๆ นั่นแหละอวิ๋นอิงจับลำต้นไม้ ลากขาขวาที่ได้รับบาดเจ็บ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ เจ็บจนกัดริมฝีปากล่าง สีหน้าซีดขาว อดกลั้นเป็นพิเศษ เดินแค่หนึ่งก้าวก็เซจนเกือบล้มฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งประคองนางไว้เงยหน้า ก็ประสานสายตาที่ยังคงดุร้ายของจิ่งอี้“หรือเจ้าคิดว่าข้าจะฆ่าเจ้า?” ในน้ำเสียงที่เย็นชา มีความไม่สบอารมณ์และตำหนิแฝงอยู่ และยิ่งมีความเยือกเย็นที่อยากบีบคอนางให้ตายทั้งเป็น อวิ๋นอิงเม้มปากแล้วเม้มปากอีก รู้ว่าตนเองเข้าใจอะไรบางอย่างผิ
หลังจากพักบรรเทาความเจ็บปวดที่ขาครู่หนึ่ง หันไปมองเขาด้วยความโกรธ ยังไม่ทันได้อ้าปาก ก็ถูกเขาสกัดจุดชีพจร ยืนตัวแข็งอยู่ตรงนั้น ไม่สามารถขยับทันทีมีเพียงลูกตาที่สามารถกลอกไปมาร่างที่สูงใหญ่ของจิ่งอี้ยืนอยู่ตรงหน้าเด็กสาว ก้มมองนางที่ร่างกายครึ่งท่อนจมอยู่ในบ่อน้ำเล็กๆ เลิกแขนเสื้อขึ้นอย่างเชื่องช้า นั่งยองลงไปปลดกางเกงของนางอวิ๋นอิงเบิกตากว้าง ราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ“ท่านทำอะไร!”ขยับไม่ได้ ร่างกายแข็งทื่อเหมือนท่อนไม้ ดวงตาที่เบิกกว้างแทบหลุดออกมาจากเบ้าตา“อย่าแตะต้องข้า!”จิ่งอี้ถอดกางเกงนางโดยไม่พูดอะไรสักคำ“อ๊ะ! จิ่งอี้!”ความเย็นของร่างกายท่อนล่าง และยังเปียกน้ำ ทำให้นางรู้สึกอับอายจนแทบอยากหารูมุดเข้าไปซ่อนตัวเสียเดี๋ยวนี้ ตั้งแต่เล็กจนโต ยังไม่เคยมีผู้ชายคนใดเห็นร่างกายของนางเมื่อไม่มีกางเกง และยังขยับไม่ได้ ต่อให้เป็นคนที่เข้มแข็งเพียงใด เมื่อมาถึงจุดนี้ ก็ต้องแสดงความอ่อนแอ“จิ่งอี้! ข้าผิดไปแล้ว! ข้าไม่ได้มีเจตนาแอบดูเจ้าอาบน้ำ และไม่เคยบอกตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนหลังเจ้าให้ผู้อื่นรู้ เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ! ข้าไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่หักหลังเจ้าจริงๆ!”อวิ๋นอ
สีหน้าของเขาหวาดกลัว สองมือประสานกันที่หน้าอกอย่างจริงใจ โขกศีรษะไปพลาง ขอความเมตตาไปพลางหานอิ๋งกวาดมองป่าโบราณแห่งนี้ที่นี่ล้วนเป็นต้นไม้โบราณที่มีอายุหลายร้อยปี เถาวัลย์พันกันสลับซับซ้อนไปมา ใบไม้ที่เขียวชอุ่มก่อตัวเป็นม่านธรรมชาติ กันแสงอาทิตย์ไว้ข้างนอกทั้งหมด ภายในป่าที่ร่มเย็น แสงสลัว เงาของต้นไม้สะท้อนลงมาที่พื้น แล้วหักเหกลับไป ทำให้ยิ่งมืดครึ้มบรรยากาศอันวังเวงลอยเข้ามาปะทะหน้า… นางกล่าว “นายท่าน หากที่นี่เป็นสถานที่อัปมงคลอะไร มันก็สมเหตุสมผล แต่สถานที่ที่เทพอาศัย…”เทพองค์ใดอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มืดมนเช่นนี้?นอกเสียจากเป็นปีศาจจากนรก“มีเทพ มีจริงๆ นะ บรรพบุรุษของพวกเราเคยพูดไว้ว่า…” ชายหนุ่มโบกมือห้ามอย่างตื่นตระหนก “อย่าเข้าไปเลย เข้าไปไม่ได้จริงๆ ตายได้เลยนะ!”เขาคือต้าหนิวว่าที่ลูกเขยของหัวหน้าหมู่บ้าน คู่หมั้นของอาหวา และเป็นคนนำทางให้เฟิงเย่เสวียนด้วยเช่นกันหานเฟิงถือกระบี่ไว้ เริ่มรู้สึกสนใจแล้ว โตจนปูนนี้แล้ว ไม่เคยเชื่อเรื่องงมงาย“นายท่าน ข้าน้อยจะลองเข้าไปดูก่อนขอรับ”โยนกระบี่ที่อยู่ในมือขวามามือซ้าย หลังจากกำแน่น ก็ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปแล้วต้าห
“เขากวางนี่หน้าตาแปลกๆ” หานเฟิงกล่าวหลังจากแยกออกจากกวาง ตามหลักแล้ว เขากวางคู่นี้ก็จะค่อยๆ เหลืองและเหี่ยวย่น แต่เขากวางคู่นี้เหมือนดูดซับสารอาหารจากต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เพื่อเลี้ยงตนเองภาพนี้ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดที่สมเหตุสมผลต้าหนิวเห็นแล้ว คุกเข่าลงพื้นอย่างหวาดกลัว โขกศีรษะไม่หยุดอีกครั้ง ในปากก็พึมพำคำพูด เช่น เทพ โปรดให้อภัย ล่วงเกินต่างๆ นานาหานอิ๋งเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า แหงนมองเขากวางที่ถูกแขวนไว้สูงถึงยี่สิบเมตร สัมผัสลำต้นของต้นไม้โบราณพันปีที่เหี่ยวเฉา กล่าวเสียงเบาอย่างครุ่นคิด“ต้นไม้พันปี ชุบเลี้ยงกวางวิญญาณ เทพเยือนแปดทิศ กวางวิญญาณชีวิตนิรันดร์…”“พี่ ท่านกำลังพูดอะไร?” หานเฟิงที่ได้ยินไม่ชัดขยับเข้ามาใกล้“ไม่มีอะไร” หานอิ๋งเดินกลับไปที่ตรงหน้าอ๋องเฉิน “นายท่าน พวกเรามาถูกที่แล้วเจ้าค่ะ โดยรอบนี้น่าจะมีเป็นของที่พวกเราตามหา”เฟิงเย่เสวียนยกริมฝีปาก “หา”“เจ้าค่ะ!”กระจายกำลังออกตามหาโดยมีต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เป็นศูนย์กลางเป็นอย่างที่คิดไว้ เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป ตรงจุดที่อยู่ห่างจากต้นไม้โบราณหลายสิบเมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ทรงแท่นกลมตั้งอยู่ตรงนั้
ถ้าหากสามารถเก็บได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ดอกไม้ชนิดนี้จะบานเป็นพันปี และอยู่ที่นี่มาโดยตลอดได้อย่างไร?“กระดูกของที่นี่สะสมมาเป็นพันปี ตลอดทั้งปีไม่มีคนมา ไม่เพียงชุบเลี้ยงซากกระดูก แต่ยังชุบเลี้ยงแมลงพิษและสัตว์ร้ายต่างๆ ในเมื่อสัตว์ป่าคิดว่าสถานที่หลับใหลตลอดกาลของกวางวิญญาณเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมพิทักษ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่ให้คนนอกมารบกวน”งูพิษตัวเมื่อครู่ ก็คือผู้พิทักษ์นอกจากมันแล้ว เกรงว่ายังมีสัตว์ไม่น้อยที่ค่อยพิทักษ์อยู่ที่นี่ ใครก็ตามที่บุ่มบ่ามบุกรุกเข้ามา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!ดวงตาที่ลึกล้ำของเฟิงเย่เสวียนกวาดมองไปจากตรงนี้ถึงกวางวิญญาณที่มีดอกไม้แห่งความตาย ระยะทางอย่างน้อยยี่สิบเมตร คิดจะเก็บดอกไม้แห่งความตาย ก็จำเป็นต้องเดินเข้าไปใช้มือเด็ด แต่ระยะที่ไกลเช่นนี้ และยังมีอันตรายมากมายที่ไม่รู้จักซ่อนอยู่ แค่เข้าใกล้ดอกไม้แห่งความตายก็ยากเหมือนปีนขึ้นสวรรค์แล้วขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“เชือกที่เอามายาวแค่ไหน?”หานเฟิงตอบกลับทันที “เป็นเชือกปีนเขา มีกรงเล็บเหล็กติดมาด้วย ยาวสี่สิบเมตรขอรับ”“พอใช้แล้ว”
เจ็บปวดอย่างรุนแรง!หานเฟิงรีบดึงต้าหนิวกลับมา เห็นของสีดำกัดกร่อนมือของต้าหนิวอย่างรวดเร็วเหมือนกรดกำมะถัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้กลืนกินไปถึงแขนของเขาแล้ว!เป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องตายแน่นอน!ต้องตัดทิ้ง!เขาชักกระบี่ ฟันลงไปทันที“อ๊า!”เลือดพุ่งกระฉูด เสียงกรีดร้องราวกับฆ่าหมูดังลั่นทั้งป่า ทำเอานกฝูงหนึ่งตกใจจนบินหนี แขนครึ่งท่อนที่ตกอยู่บนพื้นถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงน้ำสีดำนองอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยมือของต้าหนิวถูกตัดออกจากข้อศอก เหลือเพียงแขนครึ่งท่อนบน เขากุมแขนอันเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้ กรีดร้องไม่หยุด“มือของข้า…อ๊ะ! มือของข้า…”ขาดแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะตาย“คิดไม่ถึงว่าดอกไม้นี่มีพิษรุนแรงเช่นนี้! มันเติบโตบนซากศพของกวางวิญญาณไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเลือดกวางวิญญาณสามารถแก้ร้อยพิษ มันก็ควรจะเป็นของดีสิ เหตุใดจึงกลายเป็นของมีพิษ?” แม้หานอิ๋งเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก็ต้องงุนงงเป็นครั้งแรก สำหรับดอกไม้แห่งความตายนี้เฟิงเย่เสวียนกวาดมองป่าครึ้มที่ไม่เห็นแสงอาทิตย์ตลอดปี “ในเมื่อสัตว์ยังรู้จักปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดพืชจะทำไม่
ชัดมาก!เสียงดังเป็นพิเศษ!จวินลั่วยวนกุมแก้มที่เริ่มเจ็บ รู้สึกเพียงใบหน้าชาไปครึ่งหนึ่ง เลือดไหลออกจากมุมปากที่แตก กินคาวเลือดฟุ้งอยู่ในปาก ถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าหากนางยังไม่เข้าใจอีก ก็โง่แล้วอ๋องเฉินจงใจตบนาง!เชิญนางมากินข้าวเป็นเรื่องโกหก ตบนางคือเรื่องจริง!“เพราะอะไร!”นางเงยหน้าขึ้น “ตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่เสด็จพ่อเสด็จแม่ก็ไม่เคยตีข้า เหตุใดท่านต้องตีข้า!”ฉู่เชียนหลีมาฟ้องใช่หรือไม่ ดังนั้นอ๋องเฉินจึงระบายความคับข้องใจให้ฉู่เชียนหลี“ท่านตีผู้หญิง!”เฟิงเย่เสวียนยิ้มอย่างเย็นชา “เจ้าจงใจทำลายความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับข้า ตบเจ้ายังเบาไปด้วยซ้ำ”เขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิงแต่ เขาไม่เห็นจวนลั่วยวนเป็นผู้หญิง“ข้าไม่ได้อยากทำลายความร่วมมือ เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ท่านจงใจปล่อยเพื่อใส่ความข้า!”“แล้วอย่างไร?”“ท่าน!”มองดูเฟิงเย่เสวียนที่ยอมรับอย่างตรงไปตรงมา จวินลั่วยวนรู้สึกเพียงเหมือนมีอะไรติดคอ พูดไม่ออกแม้แต่คำเดียวบ้าจริง!เขายอมรับ!แต่ที่น่าเจ็บใจคือต่อให้เขายอมรับ นางก็ไม่สามารถหาเหตุผลมาโต้แย้ง และถึงขั้นเกิดความรู้สึกเร่าร้อนที่คลั่งไคล้ขึ้นในใจเจ้าจะต้
ถ้าหากไม่ใช่เพราะนาง เฟิงเย่เสวียนกับเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่สู้กัน…อวิ๋นอิงสัมผัสได้ถึงอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของฉู่เชียนหลี รีบกล่าวทันที“ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน องค์ชายของราชวงศ์ใดไม่แย่งชิงอำนาจ? แล้วฮ่องเต้องค์ใดขึ้นครองบัลลังก์อย่างใสสะอาด? ฮ่องเต้หลีมีความทะเยอทะยานสูง อ๋องเฉินต่อกรกับเขา ก็เพื่อปกป้องแคว้นตงหลิง ปกป้องราษฎร พวกเจ้าโยนความผิดให้ผู้หญิงบริสุทธิ์คนหนึ่งได้อย่างไร?”เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลีวิธีการต่ำช้า?เหตุใดไม่โทษฮ่องเต้หลี?พระชายาผิดอะไร?อวิ๋นอิงขยิบตาให้องครักษ์สองคนนั้น“พวกเจ้าประคองท่านลุงท่านนี้กลับไปพักผ่อนก่อน นอกจากนี้ จ่ายค่าทำศพและค่าทำขวัญให้เพียงพอ จัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”“ขอรับ!”องครักษ์ทั้งสองดำเนินการทันที ไม่นานก็เชิญชายวัยกลางคนกลับไปปลอบใจแล้วเสียงเอะอะเงียบลงยังมีชาวบ้านไม่น้อยที่มุงดูอยู่ คำพูดเมื่อครู่ของชายวัยกลางคน พวกเขาทุกคนล้วนได้ยิน แม้ปากไม่กล้าพูด แต่ก็เริ่มมีความคิดอย่างอื่นในใจแล้วในบรรดาคนเหล่านี้ ลูกชายและบิดามากมายในครอบครัวของพวกเขาก็ไปเข้าร่วมกับกองทัพแล้วมีคนตายทุกวันครอบครัวนับไม่ถ้วนต้องพลัดพรากทุกวันถ้าห
“อะไรนะ?!” จวินชิงอวี่ได้ยินคำนี้กะทันหัน ตะลึงไปชั่วขณะจวินลั่วยวนขมวดคิ้ว นางกล่าว“ฉู่เชียนหลีเลวมาก อีกทั้งยังขี้ริษยา ท่านสั่งสอนนาง นางต้องมารังแกข้าแน่นอน!”“ท่านพี่ ท่านฆ่านางเถอะ นางตายแล้ว ข้าจึงจะปลอดภัย”มีเพียงนางตายแล้ว นางจึงจะได้อ๋องเฉินมาครอบครอง!จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ฟังจากที่น้องหญิงพูด อดไม่ได้ที่จะนึกถึงท่าทางที่เย่อหยิ่งของฉู่เชียนหลี ตอนเขาใช้มีดสั้นแทงนาง สายตาของนางที่มองเขา หนักแน่นไม่ยอมก้มหัวนางบอกว่า นางไม่ผิดนางบอกว่า นางถามใจไม่รู้สึกผิดน้ำเสียงนั่น สายตานั่น ทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเข้าใจผิดไปชั่วขณะมองยวนเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้า “ยวนเอ๋อร์ ฆ่านาง จะทำเกินไปหรือไม่?”ฉู่เชียนหลีแค่ว่าร้ายยวนเอ๋อร์สองสามประโยค เหมือนโทษยังไม่ถึงตายกระมัง?“หรือข้าจะถูกรังแกโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย?”“ยวนเอ๋อร์ ความหมายของข้าไม่ใช่เช่นนี้ ข้าแค่รู้สึกว่า…เมื่อก่อนเจ้าไม่กล้าดูคนฆ่าไก่ด้วยซ้ำ และยังมักจะไปขอพรให้เสด็จพ่อเสด็จแม่ที่วัด กับช่วยคนในวังที่ทำผิดอยู่บ่อยๆ…”วันนี้ กลับพูดคำพูดที่โหดร้ายเช่นนี้ออกมาจวินลั่วยวนรู้ตัวว่าเผลอควบคุมอารมณ์ไม่ได้ นา
กลับถึงศาลาพักมาเมื่อเปิดประตูเดินเข้าไป พบว่าเสด็จแม่กำลังนั่งมองเศษจี้หยกชิ้นหนึ่งในมืออย่างเหม่อลอยที่ข้างโต๊ะ“เสด็จแม่?”กระทั่งจวินชิงอวี่เดินไปถึงตรงหน้า ฮองเฮาหนานยวนจึงจะหวนคืนสติ “อ้าว…”นางเงยหน้าอย่างงงงวย มองใบหน้าของลูกชายที่คล้ายคลึงนางห้าส่วน สีหน้าดูสับสนเล็กน้อย“ชิงอวี่กลับมาแล้วหรือ”“สุขภาพของเจ้าเพิ่งหายดี อย่าเดินพล่านไปทั่ว”จวินชิงอวี่นั่งลงที่ข้างๆ นาง “เพิ่งมาเมืองน้ำเจียงหนานครั้งแรก ทิวทัศน์ของที่นี่แตกต่างจากแคว้นหนานยวน ข้าเกิดความอยากรู้อยากเห็น ก็เลยเดินออกไปสูดอากาศ ทำให้เสด็จแม่เป็นห่วงแล้ว”น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ยิ้มอย่างสง่างาม ทำให้ใบหน้าที่มีเสน่ห์ของเขายิ่งดูหล่อเหลามากขึ้นสายตาของเขามองไปที่มือนาง“เสด็จแม่ เหตุใดท่านจึงจ้องมันจนเหม่ออีกแล้ว?”จี้หยกชิ้นนี้มีเพียงครึ่งเดียวมันตกแตกเริ่มตั้งแต่เขามีความทรงจำ เสด็จแม่มักจะนั่งจ้องเศษจี้หยกชิ้นนี้จนเหม่อลอยตลอดสิบกว่าปีมานี้ เสด็จแม่มักจะทำเช่นนี้ตลอดเสด็จพ่อบอกว่า จี้หยกชิ้นนี้เป็นของแทนใจที่เสด็จพ่อมอบให้เสด็จแม่ตอนพบกันครั้งแรก เสด็จแม่ไม่ระวังทำตก เพราะคิดถึงความรักในอดีต จ
เจ็บ!แพร่กระจายไปทั่วร่าง คมมีดฉีกบาดแผล เลือดทะลักออกมาเหมือนสายน้ำ เขายังคงถือมีดสั้น ทำร้ายนางอย่างเจตนาร้ายฉู่เชียนหลีเจ็บจนกำหมัด สีหน้าซีดเผือก เกือบเป็นลมแล้ว นางกัดลิ้นอดกลั้นเอาไว้โต้ตอบไม่ได้!เพื่อการสนับสนุนจากกองทัพของแคว้นหนานยวน! “ข้าไม่ผิด” นางเงยหน้าอย่างยากลำบาก เลือดที่ทะลักออกมายิ่งทำให้หน้าของนางดูซีด ประกายแสงในแววตาดื้อรั้นเป็นพิเศษ“จวินลั่วยวนยั่วยวนผู้ชายของข้า หน้าของนางก็นางล้มเอง ข้าถามใจตัวเองไม่รู้สึกผิด”สีหน้าจวินชิงอวี่เย็นสุดขีด“ยังกล้าปากแข็งอีก!”ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตาถือมีดสั้น แทงเข้าไปอย่างแรงอีกครั้ง“อ่า!” ฉู่เชียนหลีเจ็บจนเหงื่อไหลเหมือนสายน้ำ“ยวนเอ๋อร์จิตใจดี รักเนื้อสงวนตัว เจ้าไม่ควรไปรังแกเด็กผู้หญิงที่บริสุทธิ์เหมือนนางฟ้า ตอนที่เจ้าว่าร้ายนาง ไม่รู้สึกผิดเลยหรือ?” เขาตำหนิเสียงเย็นฉู่เชียนหลีเจ็บจนหัวเราะ“ฮ่าๆ!”จวินลั่วยวนจิตใจดี?นางฟ้า?บริสุทธิ์?“ฮ่าๆๆๆ!”สมกับที่ล้วนแซ่จวิน ไม่ใช่คนบ้านเดียวกัน อยู่ด้วยกันไม่ได้จริงๆ“ดูเหมือนองค์ชายสามไม่เพียงตาบอด ใจยังบอดด้วย…อ่อ ขอโทษ ข้าผิดไปแล้ว ตามความคิดของ
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำพูดนี้ แค่อยากหัวเราะ“องค์ชายสามตั้งใจหลอกข้าออกมา ก็เพื่อระบายความคับข้องใจให้น้องสาว?”“บนถนน จวินลั่วยวนทำลายชื่อเสียงของข้าต่อหน้าผู้คน นางเป็นคนบอกว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย ตอนนี้กลับโยนความผิดให้ข้า ทำไม? ข้าไม่ช่วยท่านก็ผิดหรือ?”เห็นนางเป็นพระแม่ซานเซิ่ง?จวินชิงอวี่ขมวดคิ้ว“อย่ามาพูดให้ร้ายยวนเอ๋อร์”ตอนนั้น ถ้าหากไม่ใช่ยวนเอ๋อร์พาเขากลับศาลาพักม้า ไม่แน่เขาอาจจะโรคกำเริบตายไปแล้วในใจของเขา น้องหญิงดีที่สุด ใจดีที่สุด ชาตินี้ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต ก็ต้องปกป้องนางให้ได้ฉู่เชียนหลีกล้าทำร้ายยวนเอ๋อร์ เขาจะให้ฉู่เชียนหลีชดใช้!“นี่คือนิสัยเฉพาะของคนตระกูลจวินหรือ? ก้าวร้าว ไร้เหตุผล ปัดความรับผิดชอบ ไม่ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็โยนความผิดให้ผู้อื่น”ฉู่เชียนหลีมองเขา กล่าวอย่างเย็นชา“ท่านไม่ได้ตรวจสอบเรื่องที่น้องหญิงของเจ้ายั่วยวนสามีข้าก่อนมาเลยหรือ”จวินชิงอวี่ขมวดคิ้วแน่น “หุบปาก!”ยวนเอ๋อร์จะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?“ยวนเอ๋อร์คือองค์หญิง เป็นแก้วตาดวงใจของแคว้นหนานยวน ราชบุตรเขยแบบไหนที่นางต้องการแล้วไม่มี? จำเป็นต้องไปยั่วยวนอ๋องเฉิน
“พระชายา ได้ยินมาว่าองค์ชายสามแห่งแคว้นหนานยวนมาแล้ว กำลังหารือกับท่านอ๋องที่ห้องหนังสือเจ้าค่ะ” เสียวอูมารายงานฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วเมื่อเช้าเขาเพิ่งเป็นลมหมดสติ ช่วงบ่ายก็มาพบเฟิงเย่เสวียนแล้ว ฟื้นฟูเร็วเช่นนี้เลย?“อืม รู้แล้ว”ฉู่เชียนหลีพอจะคาดเดาเนื้อหาที่พวกเขาหารือกันได้ จึงไม่ได้สนใจผ่านไปสักพัก อวิ๋นเจี๋ยวน้อยก็ตื่นแล้วฉู่เชียนหลีอุ้มเด็กไปให้แม่นมป้อนนม หลังจากป้อนนมเสร็จ ก็เห็นองค์ชายสามหนานยวนเดินออกมาจากห้องหนังสือบทสนทนาจบเร็วเช่นนี้เลย?นางอุ้มเด็กกลับถึงห้องนอน คืนให้อวิ๋นอิง ตอนที่ออกมา เห็นผู้ชายสวมชุดเพ้าสีแดงยืนอยู่ที่อีกด้านหนึ่งของโถงทางเดินโดยบังเอิญเหมือนกำลังรอนางนางไม่รู้เพราะเหตุใดเดินเข้าไปทักทายเขาก่อน “องค์ชายสาม”จวินชิงอวี่พยักหน้าอย่างอ่อนโยน “พระชายาอ๋องเฉิน”หน้าตาของเขางดงามมาก ใบหน้าหล่อเหลา อวัยวะสัมผัสทั้งห้าละเอียดอ่อน ดวงตาเรียวยาว หางคิ้วชี้ขึ้นข้างบน ดูมีเสน่ห์มากเหมือนจิ้งจอก โดยเฉพาะดวงตาที่อ่อนโยนเหมือนน้ำ ทำให้อยากเข้าใกล้โดยไม่รู้ตัวเสียงของเขานุ่มนวล“ข้ารู้เรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนวันนี้แล้ว ต้องขออภัยที่สร้างปัญหาให
ทำเนียบ“มีข่าวของแคว้นซีอวี้หรือไม่?” ฉู่เชียนหลีถามหานเฟิง ที่จริงก็เท่ากับกำลังถามข่าวของจิ่งอี้หานเฟิงส่ายศีรษะ“ไม่มีข่าวของจิ่งอี้ขอรับ แต่ว่าแคว้นซีอวี้ส่งทูตมาพบกับฮ่องเต้หลีที่ตงหลิง เกรงว่าทั้งสองฝ่ายใกล้จะบรรลุข้อตกลงกันแล้ว”สถานการณ์สงครามในตอนนี้ ฮ่องเต้หลีพ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง อยู่ในช่วงคับขันแล้วเมื่อไรที่แคว้นซีอวี้เข้ามาแทรก ด้วยกำลังสนับสนุนทางทหารที่แข็งแกร่ง ไม่นานฮ่องเต้หลีก็สามารถต่อกรกับอ๋องเฉินสงครามที่เดิมทีจะจบในสองเดือน กำลังจะเข้าสู่วงจรต่อไป“ตามที่คาดไว้”ฉู่เชียนหลีกล่าวเฟิงเจิ้งหลีไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เฟิงเย่เสวียนก็เช่นกัน“แคว้นซีอวี้ทหารแกร่งม้าแข็งแรง สิ่งที่แคว้นของพวกเขาเชี่ยวชาญที่สุดก็คือการขี่ม้ากับยิงธนู และรวมถึงการเลี้ยงสัตว์ ทหารของพวกเขาร่างกายกำยำ แต่ละคนสามารถสู้หนึ่งต่อห้า ล้วนเป็นมือดีทั้งสิ้น” หานเฟิงกล่าวอย่างกังวลฉู่เชียนหลีจับประเด็นได้“ความหมายของเจ้าคือ เมื่อไรที่แคว้นซีอวี้แทรกแซง เฟิงเย่เสวียนยากจะต้านศัตรู”“ขอรับ”นายท่านครอบครองเจียงหนาน มีอิทธิพลเพียงครึ่งหนึ่งของแคว้น ส่วนฮ่องเต้หลีบวกกับแคว้นซีอวี้ เป็นสองแค
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว