สีหน้าของเขาหวาดกลัว สองมือประสานกันที่หน้าอกอย่างจริงใจ โขกศีรษะไปพลาง ขอความเมตตาไปพลางหานอิ๋งกวาดมองป่าโบราณแห่งนี้ที่นี่ล้วนเป็นต้นไม้โบราณที่มีอายุหลายร้อยปี เถาวัลย์พันกันสลับซับซ้อนไปมา ใบไม้ที่เขียวชอุ่มก่อตัวเป็นม่านธรรมชาติ กันแสงอาทิตย์ไว้ข้างนอกทั้งหมด ภายในป่าที่ร่มเย็น แสงสลัว เงาของต้นไม้สะท้อนลงมาที่พื้น แล้วหักเหกลับไป ทำให้ยิ่งมืดครึ้มบรรยากาศอันวังเวงลอยเข้ามาปะทะหน้า… นางกล่าว “นายท่าน หากที่นี่เป็นสถานที่อัปมงคลอะไร มันก็สมเหตุสมผล แต่สถานที่ที่เทพอาศัย…”เทพองค์ใดอาศัยอยู่ในสถานที่ที่มืดมนเช่นนี้?นอกเสียจากเป็นปีศาจจากนรก“มีเทพ มีจริงๆ นะ บรรพบุรุษของพวกเราเคยพูดไว้ว่า…” ชายหนุ่มโบกมือห้ามอย่างตื่นตระหนก “อย่าเข้าไปเลย เข้าไปไม่ได้จริงๆ ตายได้เลยนะ!”เขาคือต้าหนิวว่าที่ลูกเขยของหัวหน้าหมู่บ้าน คู่หมั้นของอาหวา และเป็นคนนำทางให้เฟิงเย่เสวียนด้วยเช่นกันหานเฟิงถือกระบี่ไว้ เริ่มรู้สึกสนใจแล้ว โตจนปูนนี้แล้ว ไม่เคยเชื่อเรื่องงมงาย“นายท่าน ข้าน้อยจะลองเข้าไปดูก่อนขอรับ”โยนกระบี่ที่อยู่ในมือขวามามือซ้าย หลังจากกำแน่น ก็ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปแล้วต้าห
“เขากวางนี่หน้าตาแปลกๆ” หานเฟิงกล่าวหลังจากแยกออกจากกวาง ตามหลักแล้ว เขากวางคู่นี้ก็จะค่อยๆ เหลืองและเหี่ยวย่น แต่เขากวางคู่นี้เหมือนดูดซับสารอาหารจากต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เพื่อเลี้ยงตนเองภาพนี้ ไม่สามารถอธิบายด้วยคำพูดที่สมเหตุสมผลต้าหนิวเห็นแล้ว คุกเข่าลงพื้นอย่างหวาดกลัว โขกศีรษะไม่หยุดอีกครั้ง ในปากก็พึมพำคำพูด เช่น เทพ โปรดให้อภัย ล่วงเกินต่างๆ นานาหานอิ๋งเดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า แหงนมองเขากวางที่ถูกแขวนไว้สูงถึงยี่สิบเมตร สัมผัสลำต้นของต้นไม้โบราณพันปีที่เหี่ยวเฉา กล่าวเสียงเบาอย่างครุ่นคิด“ต้นไม้พันปี ชุบเลี้ยงกวางวิญญาณ เทพเยือนแปดทิศ กวางวิญญาณชีวิตนิรันดร์…”“พี่ ท่านกำลังพูดอะไร?” หานเฟิงที่ได้ยินไม่ชัดขยับเข้ามาใกล้“ไม่มีอะไร” หานอิ๋งเดินกลับไปที่ตรงหน้าอ๋องเฉิน “นายท่าน พวกเรามาถูกที่แล้วเจ้าค่ะ โดยรอบนี้น่าจะมีเป็นของที่พวกเราตามหา”เฟิงเย่เสวียนยกริมฝีปาก “หา”“เจ้าค่ะ!”กระจายกำลังออกตามหาโดยมีต้นไม้โบราณพันปีต้นนี้เป็นศูนย์กลางเป็นอย่างที่คิดไว้ เวลาไม่ถึงครึ่งก้านธูป ตรงจุดที่อยู่ห่างจากต้นไม้โบราณหลายสิบเมตร มีก้อนหินขนาดใหญ่ทรงแท่นกลมตั้งอยู่ตรงนั้
ถ้าหากสามารถเก็บได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ดอกไม้ชนิดนี้จะบานเป็นพันปี และอยู่ที่นี่มาโดยตลอดได้อย่างไร?“กระดูกของที่นี่สะสมมาเป็นพันปี ตลอดทั้งปีไม่มีคนมา ไม่เพียงชุบเลี้ยงซากกระดูก แต่ยังชุบเลี้ยงแมลงพิษและสัตว์ร้ายต่างๆ ในเมื่อสัตว์ป่าคิดว่าสถานที่หลับใหลตลอดกาลของกวางวิญญาณเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็ย่อมพิทักษ์สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ไม่ให้คนนอกมารบกวน”งูพิษตัวเมื่อครู่ ก็คือผู้พิทักษ์นอกจากมันแล้ว เกรงว่ายังมีสัตว์ไม่น้อยที่ค่อยพิทักษ์อยู่ที่นี่ ใครก็ตามที่บุ่มบ่ามบุกรุกเข้ามา ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!ดวงตาที่ลึกล้ำของเฟิงเย่เสวียนกวาดมองไปจากตรงนี้ถึงกวางวิญญาณที่มีดอกไม้แห่งความตาย ระยะทางอย่างน้อยยี่สิบเมตร คิดจะเก็บดอกไม้แห่งความตาย ก็จำเป็นต้องเดินเข้าไปใช้มือเด็ด แต่ระยะที่ไกลเช่นนี้ และยังมีอันตรายมากมายที่ไม่รู้จักซ่อนอยู่ แค่เข้าใกล้ดอกไม้แห่งความตายก็ยากเหมือนปีนขึ้นสวรรค์แล้วขมวดคิ้ว ครุ่นคิดครู่หนึ่ง กวาดมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ จู่ๆ ก็เอ่ยปาก“เชือกที่เอามายาวแค่ไหน?”หานเฟิงตอบกลับทันที “เป็นเชือกปีนเขา มีกรงเล็บเหล็กติดมาด้วย ยาวสี่สิบเมตรขอรับ”“พอใช้แล้ว”
เจ็บปวดอย่างรุนแรง!หานเฟิงรีบดึงต้าหนิวกลับมา เห็นของสีดำกัดกร่อนมือของต้าหนิวอย่างรวดเร็วเหมือนกรดกำมะถัน ในเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่อึดใจ ก็ได้กลืนกินไปถึงแขนของเขาแล้ว!เป็นเช่นนี้ต่อไป ต้องตายแน่นอน!ต้องตัดทิ้ง!เขาชักกระบี่ ฟันลงไปทันที“อ๊า!”เลือดพุ่งกระฉูด เสียงกรีดร้องราวกับฆ่าหมูดังลั่นทั้งป่า ทำเอานกฝูงหนึ่งตกใจจนบินหนี แขนครึ่งท่อนที่ตกอยู่บนพื้นถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว เหลือเพียงน้ำสีดำนองอยู่ตรงนั้นเล็กน้อยมือของต้าหนิวถูกตัดออกจากข้อศอก เหลือเพียงแขนครึ่งท่อนบน เขากุมแขนอันเจ็บปวดแต่ทำอะไรไม่ได้ กรีดร้องไม่หยุด“มือของข้า…อ๊ะ! มือของข้า…”ขาดแล้วนี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด ถ้าหากไม่ทำเช่นนี้ เขาก็จะตาย“คิดไม่ถึงว่าดอกไม้นี่มีพิษรุนแรงเช่นนี้! มันเติบโตบนซากศพของกวางวิญญาณไม่ใช่หรือ? ในเมื่อเลือดกวางวิญญาณสามารถแก้ร้อยพิษ มันก็ควรจะเป็นของดีสิ เหตุใดจึงกลายเป็นของมีพิษ?” แม้หานอิ๋งเชี่ยวชาญทักษะการแพทย์ แต่ก็ต้องงุนงงเป็นครั้งแรก สำหรับดอกไม้แห่งความตายนี้เฟิงเย่เสวียนกวาดมองป่าครึ้มที่ไม่เห็นแสงอาทิตย์ตลอดปี “ในเมื่อสัตว์ยังรู้จักปกป้องตัวเอง แล้วเหตุใดพืชจะทำไม่
“ฮูหยิน ท่านดูนั่น!”ในป่า เสียงสูดลมเย็นเข้าปอดดังขึ้น เยว่เอ๋อร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งด้วยความหวาดกลัว ตรงนั้น…เลือดเยอะมาก และมีศพล้มอยู่สี่ห้าศพ“ข้าลองเข้าไปดูหน่อย!” จางเฟยกลัวมีกับดัก ถือกระบี่เดินอยู่ข้างหน้าชายชุดดำห้าคนนอนจมกองเลือดบนพื้น บนร่างกายมีบาดแผลฉกรรจ์ ล้วนขาดใจหมดแล้ว สภาพศพแข็งทื่อ ตายมาแล้วประมาณหนึ่งวันเขานั่งยองลง ค้นเสื้อผ้าของศพ หาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสถานะฉู่เชียนหลีเดินเข้ามาใกล้เล็กน้อย กวาดมองร่องรอยการต่อสู้ของสถานที่เกิดเหตุแวบหนึ่ง ระบุทิศทางหนึ่งได้คร่าวๆ “พวกเขาน่าจะไปทางนี้แล้ว”จากทิศทางนี้ คาดว่าอีกไม่นานก็น่าจะตามเฟิงเย่เสวียนทันรอช้าไม่ได้ ออกเดินทางทันทีขณะที่กำลังจะยกเท้า ตรงที่มืด มีเสียง ‘ซ่าๆ’ ดังขึ้นอย่างคลุมเครือ เป็นเสียงที่เหมือนมีอะไรบางอย่างเหยียบใบไม้แห้งกองหนาๆ“ใครอยู่ตรงนั้น!” จางเฟยกวาดมองไปอย่างหวาดระแวงทันทีซ่าๆ…อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงลอยมาจากนั้นมีเสียงดังมาจากทุกทิศทุกทาง กิ่งไม้ใบหญ้าที่หนาแน่นสั่น ทันใดนั้น มีหมาป่าขนสีเทา กรงเล็บแวววาวหลายตัวกระโดดออกมา!เป็นฝูงหมาป่า!พวกมันปิดล้อมฉู่เชียนหลีและคนอื่น กรงเล
ยกมือขึ้นแล้วเรียกจางเฟยกลับมา หลังจากนั้นยกเปลือกตา ตะโกนเข้าไปในดงป่า“เจ้าดำน้อย ถ้ายังวิ่งซี้ซั้วไปทั่ว ข้าไม่พาเจ้ากลับแล้วนะ!”เสริมอีกประโยค “สุนัขตัวเมียสิบตัวก็เลิกคิดไปได้เลย!”เพิ่งสิ้นเสียง ใบไม้ที่อยู่ไม่ไกลของดงป่าสั่น ร่างเงาสีดำขนาดใหญ่สายหนึ่งวิ่งมาทางนี้อย่างรวดเร็ว ใบไม้นับไม่ถ้วนร่วง พุ่มหญ้าก็ขยับเป็นคลื่น“บรู้ว…”เสียงหมาป่าหอนดังลั่นไปทั่วท้องฟ้า ทำลายความเงียบในป่า นกนับไม่ถ้วนที่เกาะอยู่บนกิ่งไม้ตกใจบินหนีพลันด้วยการกระโดดอย่างแรง หมาป่าสีขาวที่ร่างกายสูงใหญ่กว่ามนุษย์ตกลงบนพื้นอย่างมั่นคงทันที ใบไม้นับไม่ถ้วนลอยขึ้นกลางอากาศ หัวหมาป่าอันสูงศักดิ์เชิดขึ้น ดวงตาแดงเหมือนเลือด สายเลือดอันสูงศักดิ์และบริสุทธิ์แต่โดยกำเนิดแผ่แรงข่มขวัญการข่มขวัญทางสายเลือด ทำให้หมาป่าสีเทาเหล่านั้นเห็นแล้ว ตัวสั่นอย่างไม่สามารถควบคุมทั้งสองเทียบกัน หมาป่าขาวสูงใหญ่น่าเกรงขาม สายเลือดสูงศักดิ์บริสุทธิ์ ในขณะที่หมาป่าเทาขนยุ่งเหยิง ตัวสีเทา ทั้งเตี้ย ทั้งผอม ทั้งตัวเล็ก ก็เหมือนกับเวลาแมวเจอหนู…เจ้าดำน้อยเลียกรงเล็บและเหลือบมองหนูเทาเหล่านั้นอย่างเกียจคร้าน ไม่ได้สู้น
ถ้าหากฝูงหมาป่าถูกคนล่อมา เช่นนั้นก็มีเพียงผู้หญิงแปลกหน้าที่เคยเจอกันแค่สองครั้งน่าสงสัยที่สุด——อาหวาฉู่เชียนหลีมองนาง “ก่อนหน้านี้ตอนพวกเราหลงเข้าไปในป่าม่านหมอก ข้าไม่ได้คิดมาก แต่ตอนนี้ก็มาเจอกับฝูงหมาป่าอีก ตลอดทางที่มา เจ้าเป็นคนนำทาง พวกเราทุกคนเดินตามทางที่เจ้าบอก”อาหวาได้ยินคำนี้ ไม่พอใจทันที“ใช่ ข้าเป็นคนนำทาง แต่เขาชางฉยงกว้างใหญ่มาก แม้แต่บรรพบุรุษของพวกเราก็ไม่สามารถสำรวจจนทั่ว นับประสาอะไรกับข้าที่เป็นเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง?”“เจออันตรายในป่าบ้าง มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เจออันตรายเป็นเรื่องปกติจริง แต่สิ่งที่ไม่ปกติคือ อันตรายเหล่านี้ล้วนเกิดจากการกระทำของมนุษย์!”ฉู่เชียนหลีเน้นคำว่า ‘การกระทำของมนุษย์’ เย็นชาเป็นพิเศษ นางพลิกฝ่ามือ ถือหญ้าต้นหนึ่งที่หลุดออกจากรากไว้“หญ้าต้นนี้ เจ้าเป็นคนใส่กระมัง?”อาหวาเห็นแล้ว ม่านตาหด…“หญ้าจื่อจิน ยางของมันเป็นกลิ่นคาว ขยี้มันจนเละ มันสามารถส่งกลิ่นคาวของเลือด มันเป็นตัวการที่ดึงดูดฝูงหมาป่ามา” ฉู่เชียนหลีโยนหญ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวไปที่ข้างเท้านาง“ข้า…”อาหวาถอยหลังอย่างร้อนตัวครึ่งก้าว “ข้า…ข้า…”นางคาดคิดไม
“เลือดของหมาป่าเทาชนิดนี้ แค่ดื่มเข้าไป ก็สามารถแก้กู่ ดังนั้นข้าจึงล่อพวกมันมา…”แววตาของอาหวาเต็มไปด้วยความจริงใจ และกัดริมฝีปากล่างเบาๆ“พี่สาว ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริงๆ ข้ากับท่านไม่มีความแค้นต่อกัน และท่านยังได้มอบเงินมากมายเช่นนั้นให้ครอบครัวข้า ข้าจะทำร้ายท่านได้อย่างไร?”เบะปากเวลาพูด ดูน้อยใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีกวาดมองนางตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยสายตาที่เรียบเฉย ไม่ได้บอกว่าเชื่อ และไม่ได้บอกว่าไม่เชื่อ แต่หันไปออกคำสั่งกับจางเฟย“ส่งคนไปจับหมาป่าหนึ่งตัว เอาเลือดของมันมาให้ข้า”จางเฟยชะงักเล็กน้อย “ฮูหยิน หรือท่านเชื่อ…”“ยังไม่รีบไปอีก?”“ขอรับ”จางเฟยไม่ได้ถามมากอีก แต่สั่งคนไปจับหมาป่าเพื่อเอาเลือดแล้วฉู่เชียนหลีไม่ได้เชื่อคำพูดทั้งหมดของอาหวา อาหวาผิดปกติ นางรู้สึกได้ แต่เรื่องที่มีกู่ในร่างกายของตนเอง นางก็ไม่กล้ามองข้ามเช่นกันใครกันที่วางกู่ใส่นาง แต่กู่นี้กลับไม่ได้ทำร้ายร่างกายของนาง?ตกลงมีจุดประสงค์อะไรกันแน่?หลังจากนั้นสองเค่อนำเลือดหมาป่าเทามา ฉู่เชียนหลีไม่ได้รีบดื่ม แต่เก็บไว้ในแขนเสื้อ ทั้งกลุ่มเริ่มออกเดินทางอีกครั้งตามทิศทางที่ร่องรอยการต่อสู้ในท
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท