ทำแบบนี้ได้ด้วย?ได้ความรู้ใหม่แล้ว!พระชายาอ๋องติ้งยิ้มอย่างอ่อนโยน “อันที่จริงผู้ชายน่ะ ก็ไม่ใช่พวกที่ซับซ้อนอะไร ขอเพียงแค่ควบคุมจุดอ่อนของเขาได้ ก็สามารถจัดการเขาได้อย่างอยู่หมัด ก็เหมือนกับที่เจ้าควบคุมเจ้าเจ็ดได้”“ข้าหรือ?”นางควบคุมอ๋องเฉินได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?ฉู่เชียนหลีพูดไม่ออก “พี่อวี๋ ท่านอย่าล้อเล่นเลย สามีของข้าเหมือนกับลูกเนรคุณ เอาแต่ทะเลาะกับข้าทั้งวัน แล้วก็ไม่มีเหตุผลอีกด้วย ข้าไม่ได้กินอาหารเผ็ด ๆ มาเดือนกว่าแล้ว เกือบจะร้องไห้จนตายแล้ว!”ร้องไห้คร่ำครวญเพื่อให้เห็นใจ?ไม่ นี่เรียกว่าตัวอยู่ในความสุขต่างหากพระชายาอ๋องติ้งยิ้มแต่ไม่พูดจา มีประโยคหนึ่งพูดเอาไว้ได้ดี ผู้เล่นมักดูเกมไม่ออก แต่ผู้ชมมักอ่านเกมได้ทะลุปรุโปร่ง คนทั่วทั้งแคว้นตงหลินต่างรู้ดี อ๋องเฉินเป็นพวกกลัวเมียจุดอ่อนของอ๋องเฉินก็คือฉู่เชียนหลีเพียงแค่ฉู่เชียนหลีเอ่ยปาก แม้ว่าจะเป็นดวงดาวบนท้องฟ้า เขาก็จะคิดหาหนทางเด็ดมันลงมาให้“ใกล้จะถึงฤดูใบไม้ผลิแล้ว” นางหันหน้า มองออกไปทางด้านนอกหน้าต่างที่กองหิมะกำลังละลายลงอย่างช้า ๆผ่านตรุษจีนแล้ว ใบไม้ผลิเริ่มต้นขึ้น อีกไม่นานก็เป็นเทศกาลแขวน
ฉู่เชียนหลีเกาหัว “?”แต่ว่าที่จริงนี่คือหมูปีนี้เป็นปีหมู เฟิงเย่เสวียนเกิดปีหมู ลูกของพวกเขาก็เกิดปีหมู ไม่ใช่หมูงั้นหรือ?“เจ้าโง่หรือไง ปีนี้เจ้าอายุยี่สิบสี่ปี เจ้ากับลูกชายเจ้าเป็นหมูด้วยกันทั้งคู่ ก่อนหน้านี้เจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่หรือว่าหมูเป็นสัตว์ที่ดวงดีที่สุดในบรรดาสิบสองนักกษัตริย์ เจ้ายังดูชอบหมูมากอีกด้วย”เฟิงเย่เสวียน “...”ถึงแม้ว่าเขากับลูกชายจะเกิดปีหมู แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของฉู่เชียนหลี เหตุใดจึงรู้สึกว่าสองแง่สองง่ามอยู่หน่อย ๆ?“อันที่จริงข้าเองก็ชอบหมูมากเช่น ชอบมากเสียจนขาดไม่ได้”เขา “...”เขาสงสัยว่านางกำลังจงใจดื้อด้านยกมือหยิบเสื้อตัวน้อยตัวนั้นขึ้นมา วางลงบนฝ่ามือ เหลือบตามองเล็กน้อย ถึงแม้ว่าฝีมือจะขี้เหร่ไปหน่อย เส้นด้ายจะไม่ประณีตไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าดูไม่ได้ฝืนใจรับเอาไว้แล้วกัน“มีแม่แบบเจ้า ลำบากลูกชายของเจ้าจริง ๆ เลย”“? เจ้าหมายความว่ายังไง?”“ดึกมาแล้ว นอนเถอะ”เฟิงเย่เสวียนดับเทียน ดึงผ้าห่ม ห่มทั้งสองคนเอาไว้ แขนยาวโอบเอวของนางเข้ามาในอ้อมกอด ฝ่ามือใหญ่อีกข้างกุมท้องน้อยที่นูนออกมาเล็กน้อยของนางเอาไว้ แล้วหลับตาลงแต
“ท่านน้าสะใภ้มีความสุขก็พอ”เฮอะเฮอะหลิงเชียนอี้หัวเราะด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ จากนั้นก็ขยับก้นห่างออกไป แล้วย้ายเก้าอี้ เพื่อขยับเข้าไปใกล้อวิ๋นอิงเจ้าเด็กคนนี้ ไม่รู้ความเสียเลย อย่างแรกที่จะทำให้อวิ๋นอิงจดจำไม่ควรจะเป็นการเอาใจนางหรอกหรือ?ต่อไปเขาจะต้องลำบากมากแน่เชียนหลีจับคันเบ็ด มองดูปลาหลีฮื้อที่แหวกว่ายไปมาในน้ำ ปลามากมายจนแน่นขนัด แต่ว่าไม่กินเบ็ด ความรู้สึกนี้เหมือนกับเด็กน้อยที่กำลังตกปลา อยู่ในสนามเด็กเล่นตลอดครึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ รู้สึกหดหู่ใจมากจริง ๆหางตาเหลือบมองเฟิงเย่เสวียนที่อยู่ด้านข้าง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ยอมให้ต่อรอง“อีกสองวัน ครรภ์ของข้าก็จะครบสามเดือนแล้ว อายุครรภ์สามเดือนถือว่าคงที่แล้ว ถึงเวลานั้นข้าอยากทำอะไรก็จะทำ ใครขวางข้าเป็นหมา”สามเดือนแรก เป็นช่วงที่ทารกในครรภ์อ่อนแอที่สุด แท้งได้ง่ายนางพยายามอดทนมาเกินครึ่งเดือน กินแต่ของดี ดื่มแต่ของดีทุกวัน บำรุงสารพัดอย่าง เพื่อบำรุงครรภ์ให้ทั้งอ้วนทั้งคงที่ วิ่งสักสิบกิโลในรวดเดียวก็ไม่ใช่ปัญหาเฟิงเย่เสวียนลูบหัวเล็ก ๆ ของนาง “ลำบากเชียนหลีแล้ว”เขารู้ว่านางอึดอัดจะแย่แล้ว ย่อมไม่มีทางขัดขวางน
อวิ๋นอิง “?”เกรงใจนางทำไมกัน?หลิงเชียนอี้หันซ้าย มองขวา หลังจากแน่ใจว่าไม่มีใครมองมา ก็ค่อย ๆ แอบขยับเข้าไปใกล้อวิ๋นอิง มือลูบ ๆ คลำ ๆ บริเวณหน้าอก จากนั้นควักลูกบอลแพรปักสีฟ้าลูกหนึ่งออกมาลูกบอลแพรอันเล็กปักด้วยนกยวนยาง ด้านในใส่กระดิ่งอันเล็กเอาไว้ มีระย้าห้อยยาว ทั้งงดงามทั้งประณีต สวยงามเป็นอย่างยิ่ง“ให้เจ้า”เหมือนว่าเขากลัวว่าจะถูกใครเห็นเข้า นำสิ่งของยัดใส่ในมือของอวิ๋นอิงอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิงตะลึงไป “นี่มัน...”“อีกสองวันก็จะเป็นเทศกาลแขวนโคมไปแล้ว เลยให้ของขวัญเจ้า”บอลแพรปักกับนกยวนยาง โดยปกติแล้วเป็นสิ่งของแทนความคิดถึง แล้วก็เป็นสิ่งของที่ฝั่งหญิงสาวใช้แสดงความรู้สึกอีกด้วยหลิงเชียนอี้แฝงความหมายบางประการเอาไว้ เขาคิดว่าอวิ๋นอิงจะสามารถเข้าใจความหมายของเขาได้อวิ๋นอิงยกบอลปักผ้าแพรลูกนั้นขึ้นมา แต่กลับถามว่า “บัวลอย?”หลิงเชียนอี้ “...”นี่คือความคิดถึง!ความคิดถึง!หญิงสาวทั่วทั้งใต้หล้านี้ล้วนแต่รู้ความหมายของบอลผ้าแพรปัก เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจล่ะ?นางช่างไม่เหมือนผู้หญิงเอาเสียเลยแม่นางคนอื่นดีพิณ วาดรูป เล่นหมากรุกและเขียนหนังสือ แต่นางวัน ๆ เอาแต่
“ใส่กางเกงแล้วมีความทุกข์อะไร เจ้ากำลังพูดเรื่องลามกอะไร? ช้าก่อน! เจ้าอย่าลากข้า! ทำอะไร...อื้อ ๆ...”“อื้อ”เสียงด้านหลังถูกกลืนหายไป เปลวเทียนในห้องดับลง อุณหภูมิเพิ่มสูงขึ้น เกิดความสัมพันธ์ของคู่รักเช้าวันรุ่งขึ้นเทศกาลแขวนโคมไฟ จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ร่วมกินอาหารฉู่เชียนหลีนอนอย่างเกียจคร้าน ตอนที่ลืมตา ก็เกือบจะเที่ยงวันแล้ว ลุกขึ้นมานั่ง เห็นชายหนุ่มกำลังทำงาน ด้วยสีหน้าอารมณ์ดี กระปรี้กระเปร่า เต็มไปด้วยพลัง ราวกับได้ฉีดเลือดไก่ ก็อดไม่ได้ที่จะสีหน้าหมองคล้ำ เขาสบายตัว“ตื่นแล้วหรือ?” ชายหนุ่มพับฎีกาในมือ เหลือบตามองมาฉู่เชียนหลีเลิกผ้าห่มแล้วลงจากเตียง เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงเข้ามาปรนนิบัติ“ยามใดแล้ว?”“พระชายา ใกล้เที่ยงแล้ว”“เที่ยงแล้ว? ข้ายังต้องไปกินอาหารร่วมกับครอบครัวที่จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่...” การกินอาหารร่วมกับครอบครัวไม่ใช่เรื่องสำคัญ ที่สำคัญคือในที่สุดก็ได้ออกจากบ้านอวิ๋นอิงกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนไปกินอาหารร่วมกับครอบครัว เจ้ายังไปไม่ถึง ใครจะกล้าขยับตะเกียบก่อน?”ไปเร็วก็ดี ไปสายก็ช่าง ให้คนพวกนั้นรออย่างว่าง่าย“ถูกต้อง!” เยว่เอ๋อ
“บัณฑิตกล้าหาญมาก ยอมเสียสละทุกอย่าง เพื่อความรัก นี่สิถึงเรียกว่าความรักที่แท้จริง เขาคงจะไม่ตายหรอกใช่หรือไม่ ฮือ ๆ ๆ” เยว่เอ๋อร์ซาบซึ้งใจจนสะบัดผ้าเช็ดหน้าไปมา ร้องไห้น้ำตาร่วงแหม่ะ ๆฉู่เชียนหลีแสบจมูก“ตามบททั่วไปแล้ว น่าจะไม่ตายหรอก ตายแล้วละครเล่มนี้ก็ต้องจบใช่หรือไม่?”อาจจะเป็นเพราะกำลังตั้งครรภ์ นางจึงกลายเป็นคนอารมณ์อ่อนไหว บ่อน้ำตาตื้น อารมณ์อ่อนแอ บทละครเรื่องเดียวก็ทำให้นางซาบซึ้งใจได้ขนาดนี้แล้ว นางไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนอวิ๋นอิงประคองหนังบทละคร กล่าว“การเสียสละชีวิต เพื่อคนที่เรารัก เป็นสิ่งที่คุ้มค่า แม้ว่าจะตายไปแล้ว ก็จะจดจำอยู่ภายในใจของคนนั้นตลอดไป”หญิงสาวสามคนถูกเรื่องเล่าเรื่องนี้ทำให้ซาบซึ้งใจเป็นอย่างยิ่งเฟิงเย่เสวียนที่กำลังทำกิจราชการสีหน้าหม่นหมอง “...”ยกโทษที่เขาไม่สามารถเข้าใจได้ แค่การอ่านบทละคร มีอะไรน่าร้องไห้กัน?องค์หญิงแต่งงานกับบัณฑิต?ความรักอันบริสุทธิ์?บัณฑิตมีวรยุทธ์สูงส่ง?บทละครพวกนี้ล้วนเป็นเรื่องแต่งขึ้นมาทั้งนั้น เรื่องจริงมักจะโหดร้ายกว่าในบทละครมากนัก ในความเป็นจริง มีองค์หญิงองค์ไหนบ้างที่ไม่แต่งงานกับท่านอ๋อง ท่านโหว แม
จวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ เทศกาลแขวนโคมไฟ กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตา งานเลี้ยงจัดขึ้นยามเว่ย (เวลาบ่ายสามโมง) แต่ฉู่เชียนหลีมาถึงสี่โมงทุกคนพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ ฮูหยินฉู่ นางอัน ฉู่หงหลวน ฉู่ซวงกับหานมู่ซี ฉู่เจียวเจียวกับอ๋องหลีทุกคนรอมาเป็นเวลาเกินครึ่งชั่วยามแล้ว ฉู่เชียนหลีถึงได้แบกท้อง ค่อย ๆ เดินเข้ามาจวนอ๋องเฉินขบวนใหญ่โต อ๋องเฉินมาด้วย องครักษ์ลับคุ้มกัน สาวใช้คอยปรนนิบัติ เด็กรับใช้เปิดทาง คนสิบกว่าคนห้อมล้อมพระชายาอ๋องเฉิน การอารักขาแน่นหนา จนไม่มีแม้กระทั่งโอกาสที่จะล้มฉู่เชียนหลีเดินเล่นมาตลอดทาง ทั้งซื้อของ กินดื่ม จนกระทั่งตอนที่ถึงจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ก็เดินเล่นมาจนพอใจแล้วนางยิ้ม “ขออภัย ที่ทำให้ทุกคนต้องรอนาน ข้าคงจะไม่ได้มาช้าไปใช่หรือไม่?”นางไม่ได้อยากจะมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาอะไรไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน แล้วก็ไม่มีธุระอะไร แล้วก็ยังไม่มีความรู้สึกผูกพันอีกด้วย กินข้าวอะไรกัน?ภายนอกพูดว่ากินข้าว ใครจะรู้ว่าในหัวของคนพวกนี้มีแผนชั่วอะไรอยู่?ฉู่ซวงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ “แน่นอนว่าเจ้ามาช้า! เจ้าดูเวลาสิว่าตอนนี้มันยามใดแล้ว...”“ซว
ทุกคนมองฉู่เชียนหลีด้วยความสงสัย หลงอ้าวเทียน? ใครคือหลงอ้าวเทียน?ฉู่เชียนหลีเช็ดปากอย่างสง่างาม ช่วงนี้อ่านนิยายเยอะเกินไป อินกับบทมากเกินไป กินข้าวก็ยังนึกถึง“ข้ากินอิ่มแล้ว ทุกคนค่อยๆ กิน ไม่ต้องรีบ”จิบชาบ้วนปากสองคำ ลุกขึ้นยืน พยุงเอวก็เดินจากไปอย่างสบายใจแล้วฉู่ซวงถลนตา “?”ไปทั้งเช่นนี้แล้ว?ท่านพ่อยังนั่งอยู่ตรงนั้นเลย นางที่เป็นเด็กรุ่นหลังคนหนึ่งไปโดยไม่เห็นหัวใครทั้งเช่นนี้? มีเช่นนี้ที่ไหนกัน?นางตบโต๊ะลุกขึ้นยืน ตอนที่กำลังจะระเบิดอารมณ์ นางอันเผยอมุมปาก ถอนหายใจเบาๆ“เฮ้อ นายท่าน ท่านอย่าไปถือสาเสียวฉู่เลย ตอนนี้นางตั้งครรภ์ อารมณ์แปรปรวน หากมีตรงไหนที่ไม่ได้ดั่งใจนาง กระทบต่อลูกในท้อง เกรงว่าหากฝ่าบาทรู้จะกล่าวโทษเอานะ”คำพูดที่มาถึงปลายลิ้นของฉู่ซวง ถูกกลืนกลับเข้าไปทั้งเช่นนี้อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อยู่ในแวดวงขุนนางมานานหลายปี ย่อมไม่อารมณ์เสียเพราะเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้ในครอบครัว สีหน้าของเขาไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เพียงแค่พยักหน้าอย่างเรียบเฉย“แล้วแต่นางเถอะ”แล้วนางอันก็หันไปมองทางฮูหยินฉู่ กล่าวด้วยรอยยิ้ม“ฮูหยิน ท่านก็ควรจะเกลี้ยกล่อมคุณหนูใหญ่ห
ศาลาพักม้า“ชิงอวี่ ไม่ต้องกลัวนะ เสด็จแม่อยู่นี่ เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร…ท่านหมอ จะต้องรักษาเขาให้หายนะ! ขอร้อง!”ฮองเฮาหนานยวนจับมือของจวินชิงอวี่ลูกชายคนที่สามไว้แน่น มองใบหน้าที่ซีดเผือกของลูกชาย พึมพำอย่างปวดใจหมอกำลังรักษาอย่างเต็มที่จวินลั่วยวนยืนอยู่ตรงประตู กัดฟันกล่าวเสียงเบา“ก็แค่เป็นไข้ ไม่ตายสักหน่อย ตั้งแต่เล็กจนโตอาการของเขาเคยกำเริบครั้งนับไม่ถ้วน มีอะไรต้องกังวล?”เมื่อซวงซวงได้ยิน รีบก้มหน้าอย่างหวาดกลัว“ข้าถูกฉู่เชียนหลีตบหน้าต่อหน้าผู้คน เสด็จแม่ไม่ช่วยข้า เสด็จพี่สามแค่เป็นลม ก็กังวลเช่นนี้แล้ว ดูเหมือนนางจะให้ความสำคัญผู้ชายมากกว่าผู้หญิง”“ไม่ยุติธรรมเลย แม่ที่ลำเอียงเช่นนี้ ไม่ต่างอะไรกับแม่เลี้ยงของข้า”ซวงซวงหวาดกลัว“องค์หญิง…”จวินลั่วยวนหันไป จู่ๆ ใบหน้าน้อยที่งดงามก็บิดเบี้ยว “หรือข้าพูดผิด?”ซวงซวงจับแขนเสื้อของตัวเองอย่างตื่นตระหนกรับใช้องค์หญิงสิบกว่าปี นางเป็นคนสนิทขององค์หญิง ก็เพราะเป็นคนขี้ขลาด ไม่กล้าไปพูดอะไรข้างนอก หลายครั้งที่องค์หญิงอยู่ต่อหน้านาง จึงพูดจาไม่คิดเมื่อนางได้ยินก็เก็บไว้ในใจ ไม่กล้าไปพูดกับคนอื่นนางก้มหน้ากล่าว
จวินลั่วยวนพูดโกหกหน้าตาย ฉวยโอกาสใส่ความฉู่เชียนหลีด้วยคำพูดที่ไม่น่าฟังต่างๆ“อ๋องเฉินไม่สามารถทำให้เจ้าพอใจหรือ?”“เจ้าเป็นแม่ที่มีลูกถึงสองคนแล้ว ไม่รู้จักคำว่า ‘ยางอาย’ เลยหรือ?”“เจ้าสำส่อนจัง!”สายตายฉู่เชียนหลีเย็นลง เดินไปที่ตรงหน้านางจู่ๆ ก็เข้าใกล้กลิ่นอายอันเย็นเยียบพุ่งเข้ามากะทันหัน ทำเอาจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก ถอยหลังครึ่งก้าวอย่างไม่สามารถควบคุม หลังจากตั้งสติได้ สีหน้าบูดบึ้งทันทีนางกลัวฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ไม่!เป็นไปไม่ได้!ฉู่เชียนหลีจ้องนาง “เสด็จพี่สามของเจ้าป่วยหนัก เขาขอให้ข้าช่วย ข้าจึงแสดงความเมตตา ประคองเขาไปที่โรงหมอ ถ้าหากเจ้าคิดว่าข้ามีเจตนาไม่ดี ข้าไม่สนใจเขาก็สิ้นเรื่อง”เมื่อสิ้นเสียง เดินไปที่ข้างกาย คลายจุดชีพจรที่สกัดไว้เมื่อครู่“อ่า!”ทันใดนั้น ลมปราณของเขาไหลเวียน สีหน้าเปลี่ยนฉับ อุณหภูมิร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาคว้าคอเสื้อของตัวเองอย่างเจ็บปวด หอบหายใจอย่างทรมานเมื่อจวินลั่วยวนเห็นแล้วเลิกคิ้ว“เจ้าช่วยเขา? น่าขำ เห็นได้ชัดว่าเจ้าพิศวาสในความงามของเขา”นางสั่งให้ซวงซวงเขียนจดหมายให้เสด็จพี่สาม คิดไม่ถึงว่าเสด็จพี่สาม
“อ่า…”ชายคนนั้นล้มอยู่บนพื้น สองมือกอดร่างกายตัวเองแน่น ใบหน้าที่ละเอียดละออจนยากจะแยกออกว่าเป็นเพศใดแดงก่ำ เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทรมานดวงตาหงส์ที่เรียวยาวพร่ามัว เจ็บจนแทบไม่มีสติแล้วฉู่เชียนหลีขมวดคิ้ว ตรวจชีพจรเขาครู่หนึ่งตัวร้อนจนหน้าตกใจชีพจรยุ่งเหยิงและอ่อนมากถูกพิษ แต่ก็ไม่เหมือนถูกพิษ ไข้สูง แต่ก็ไม่เหมือนไข้สูง ป่วย แต่ก็ไม่เหมือนป่วย รักษาคนมาหลายปี เพิ่งเคยพบอาการแปลกๆ เช่นนี้ครั้งแรกหลังจากครุ่นคิด ทำได้เพียงสกัดจุดชีพจรที่สำคัญต่างๆ ของเขา“ช่วย…ช่วยข้า…”เขาเจ็บมาก มีเส้นเลือดสีฟ้าปูดขึ้นที่หน้าผากเขาคว้าข้อมือของฉู่เชียนหลีไว้มือของเขาร้อนมาก!ดวงตาแดงก่ำฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก กวาดมองซ้ายขวา เมื่อเห็นมีโรงหมอที่ท้ายถนน ก็รีบประคองเขาขึ้นมาเตรียมตัวส่งคนไปที่โรงหมอ แต่เนื่องจากรูปร่างของเขาสูงใหญ่และหนักมาก กว่าจะลุกขึ้นได้ น้ำหนักตัวเขาก็ล้มทับไปทางฉู่เชียนหลีทั้งหมดหนึ่งร้อยกว่าชั่ง ทับจนฉู่เชียนหลีล้มลงบนพื้นทันทีปัง!ฉู่เชียนหลีอยู่ข้างล่าง เขาอยู่ข้างบนบนถนน ท่าทางที่เป็นจุดเด่นของคนทั้งสอง ดึงดูดผู้คนไม่น้อยทันที มีชาวบ้านคนหนึ่งยิ
สงครามนำไปสู่ความวุ่นวายพริบตาเดี๋ยวก็ผ่านไปเจ็ดวันแล้ว“รายงาน…”ทหารส่งสารวิ่งเข้าตำหนัก คุกเข่าอยู่บนพื้น กล่าวรายงานด้วยสีหน้าที่หวาดกลัว “ทูล ทูลฝ่าบาท เมืองเจียหนาน…ถูกยึดแล้วพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของเหล่าขุนนางเปลี่ยนฉับพลันบนราชบัลลังก์ เฟิงเจิ้งหลีได้ยินข่าวนี้ สีหน้าสงบ เรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเงียบหลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะกล่าวอย่างเรียบเฉย“ฮืม”ทหารส่งสารหวาดกลัว กองทัพของอ๋องเฉินมาอย่างดุดัน และโจมตีกะทันหัน บุกโจมตีอย่างดุเดือด เมืองเจียหนานต้านไม่ไหว แค่คืนเดียวก็ถูกยึดแล้วเหล่าขุนศึกกล่าวอย่างร้อนใจ“เมืองเจียหนานขุดเหมืองมากมาย แร่เหล่าหลายหมื่นชั่งล้วนอยู่ที่นั่น หากไม่มีแร่เหล็ก อาวุธของเราก็จะลดลงอย่างมาก เมื่อเกิดการสู้รบ ก็เหมือนกับแม่ครัวไม่มีข้าวให้หุง…”ไม่มีอาวุธจะได้อย่างไร?“เหตุใดอ๋องเฉินโดดข้ามสองเมือง โจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน?”“ไม่มีเหตุผลเลย!”“ใช่”“เมืองมากมายไม่โจมตี ดันไปโจมตีเมืองเจียหนานกะทันหัน…”เหล่าขุนนางเจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า ถกเถียงเรื่องนี้กันเบาๆ คนละหนึ่งประโยค บรรยากาศวุ่นวายไปหมดเฟิงเจิ้งหลีหลุบตาเล็กน้อย
พลันจวินลั่วยวนแน่นหน้าอก เมื่อเห็นเสด็จแม่ทำหน้าจริงจัง รีบอธิบายทันที“เสด็จแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น…ข้า ข้า…”“ข้าทุ่มเทให้เจ้าทั้งกายและใจ ทุกอย่างที่ทำไม่เคยหวังสิ่งตอบแทนเลย”นางรัก ‘ลูกสาว’ คนหนึ่งที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดมากเช่นนี้ ลองถามใจตัวเองดู นางรู้สึกว่าตัวเองทำดีที่สุดแล้วเพราะหาลูกสาวแท้ๆ ไม่เจอเพราะรู้สึกผิดดังนั้นจึงยิ่งดีกับจวินลั่วยวนมากๆ หวังเพียงสิ่งที่ตัวเองทำด้วยใจ จะสามารถทำให้สวรรค์ซาบซึ้ง ประทานพรทั้งหมดให้ลูกสาวแท้ๆ หวังว่าลูกสาวแท้ๆ อยู่ในสถานที่ที่นางไม่รู้จัก ก็มีแม่คนหนึ่งที่ดีกับนางเช่นนี้“เสด็จพ่อของเจ้ารักเจ้า พี่ชายทั้งสามของเจ้าตามใจเจ้าทุกอย่าง ทุกคนล้วนเอาเจ้าเป็นที่ตั้ง ทั้งแคว้นหนานยวนขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้า หรือข้ายังดีกับเจ้าไม่พออีก?”ฮองเฮาหนานยวนกล่าวอย่างปวดใจช่างเถอะพูดมากไปก็ไม่มีประโยชน์เป็นเพราะพวกเขาปกป้องยวนเอ๋อร์ดีเกินไป ส่งผลให้นางอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ยังไม่มีความสามารถในการดูแลตัวเอง และไม่เข้าใจสัจธรรมทางโลกอย่างไรก็เป็นลูกที่นางเลี้ยงมากับมือสิบเจ็ดปี โทษลูกสาวไม่ลง ถอนหายใจแล้วกล่าว“กลั
“ความงามของค่าพังหมดแล้ว!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว!”“ข้าจะฆ่าเจ้า! อ๊ะ!”จวินลั่วยวนนั่งอยู่บนพื้น กรีดร้องถีบเท้างอแงเหมือนเด็กคนหนึ่ง มือทั้งสองข้างก็ทั้งโบกทั้งเหวี่ยงท่าทางที่ป่าเถื่อนนั่น ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้เรื่องราวบานปลายไม่นาน ฮองเฮาหนานยวนมาแล้ว“เสด็จแม่!”เมื่อจวินลั่วยวนเห็นมารดา ก็ปล่อยโฮร้องไห้ทันที “เสด็จแม่ ท่านต้องแก้แค้นให้ยวนเอ๋อร์นะเพคะ พระชายาอ๋องเฉินตีหน้าข้า นางอิจฉาความงามของข้า นางจะทำลายโฉมของข้า!”“ข้ากลายเป็นคนอัปลักษณ์แล้ว ทำอย่างไรดี อ๊ะ! ข้าไม่อยากเป็นคนอัปลักษณ์! ฮือๆ…”นางกล่าวทั้งน้ำตาฮองเฮาหนานยวนยกคางของจวินลั่วยวนขึ้น เมื่อดูอย่างละเอียดบนผิวหนังบริเวณแก้มมีรอยขีดข่วนเล็กๆ และมีเลือดออกเล็กน้อย นอกจากนี้ก็ไม่มีบาดแผลอื่นนางดูจนคิ้วขมวด“ยวนเอ๋อร์!”แผลแค่นี้ ร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย ทำเอาคนทั้งทำเนียบเจียงหนานวุ่นวายไปหมด ไม่สมกับเป็นองค์หญิงแห่งแคว้นเลยทำให้ผู้คนหัวเราะเยาะจวินลั่วยวนกำลังเสียใจ ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียว“ข้าไม่สวยแล้ว! ใบหน้าของข้าได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง เสด็จแม่ ท่านต้องออก
หลังจากกล่าวจบ ในความมืด เสียงลมหายใจของเฟิงเย่เสวียนแรงขึ้นแรงน้อย“ครึ่งปีมานี้ เขาดีกับเขา และดีกับจื่อเยี่ยมาก ไม่เคยทำร้ายพวกเราเลย ตอนข้าเลือกที่จะหักหลังเขา ไม่รู้เพราะเหตุใด ในใจรู้สึกผิดอย่างน่าประหลาด”ฉู่เชียนหลีจับหน้าอก อธิบายความรู้สึกนี้ไม่ถูก“ถ้าหากเจ้าได้รับชัยชนะของจุดจบ ไม่ฆ่าเขาได้หรือไม่? ทำให้เขาพิการก็ได้ กักบริเวณทั้งชีวิตก็ได้ ข้าไม่อยากให้เขาตายเพราะทำดีกับข้า”สายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม มือที่วางอยู่บนเอวของนางกระชับแน่นขึ้นเล็กน้อยเหมือนกำลังข่มอารมณ์แต่แค่สองวินาที ก็คลายมือออกอย่างเงียบๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอแค่คำเดียว“อืม”ทั้งคืนไร้คำพูดวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีเพิ่งกินข้าวเช้าเสร็จ มีเสียงที่เกรี้ยวกราดดังขึ้นจากนอกประตู“ฉู่เชียนหลี!”จวินลั่วหยวนสีหน้านางดูโกรธมาก เดินปรี่เข้ามา ไฟโทสะทั้งหมดมุ่งเป้ามาที่ฉู่เชียนหลีสาวใช้เสียวอู่เข้าไปขวางทันที“เจ้าออกไปก่อน” ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองผู้มา “มีอะไร?”จวินลั่วหยวนกล่าวด้วยความโกรธ“ข้าเจ็บที่หน้า ยังไม่ทันมาหาเรื่องเจ้า แต่เจ้ากลับกล้าส่งคนออกไปปล่อยข่าวลือที่ข้างนอก ทำลายชื่อเสียงข
จะไม่ขอพบอีก…อวิ๋นอิงกล่าวอย่างเด็ดขาดเด็ดเดี่ยว เฉียบขาดไร้ความรู้สึกใดๆ ในแววตาชีวิตที่เหลือ นางและเจี๋ยวเจี๋ยวพึ่งพากันและกัน ไม่คิดไม่ต้องการสิ่งใดๆ ทั้งสิ้น ถูกหรือผิดล้วนไม่ยุ่งเกี่ยวชีวิตที่เหลือ อยู่เพื่อเจี๋ยวเจี๋ยวเท่านั้นฉู่เชียนหลีอ้าปาก ยังอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่อวิ๋นอิงตัดสินใจไปแล้ว พูดมากมีแต่จะยิ่งทำให้นางรู้สึกต่อต้านถอนหายใจเบาๆช่างเถอะ!ส่วนวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล ใครจะรู้ว่าพรุ่งนี้กับเรื่องไม่คาดคิด อันไหนจะมาก่อนกัน“เจ้าพักผ่อนเถอะ ข้าช่วยเจ้าอุ้มลูกออกไปก่อน แม่นมก็เตรียมไว้แล้ว เจ้าผอมเกินไป อย่าป้อนนมแม่เอง”น้ำนมหนึ่งหยด ก็คือเลือดหนึ่งหยดฉู่เชียนหลียุ่งเรื่องทางนี้เสร็จ เมื่อกลับถึงห้องก็ดึกแล้วหนึ่งวันที่แสนวุ่นวายสิ้นสุดลง ไม่ง่ายเลยที่จะมีเวลาได้นอนกับเว่ยซีและจื่อเยี่ย ยังไม่ทันนอนลงไป ก็ถูกเฟิงเย่เสวียนที่กลับมาไล่ออกไป เปลี่ยนเป็นเขามานอนกับนางแทนตั้งแต่กลับมา ยังไม่เคยได้นอนกับลูกชายและลูกสาวเพียงลำพังเลยถูกเขาไล่ออกไปทุกครั้งเขากล่าว“นี่เป็นเตียงของข้า”ค
จ้านหู่จากไปพร้อมกับคำด่าทอ เหมือนกับเม่นที่อารมณ์ไม่ดีตัวหนึ่งฉู่เชียนหลีไม่ได้มีเจตนาจะฆ่าเขา คิดเสียว่าเป็นการผูกมิตรแม้จ้านหู่เป็นคนของฮองเฮาซีอวี้ แต่ในใจยังมีความอ่อนโยนอยู่ หวังว่ากันผูกมิตรนี้ของนาง วันข้างหน้าจะสามารถช่วยจิ่งอี้กลับห้องอารมณ์ของอวิ๋นอิงสงบลงมากแล้วฉู่เชียนหลีนั่งอยู่ที่ขอบเตียง “ร่างกายของเจ้ารับปัญหาอะไรไม่ไหวแล้ว ต่อจากนี้สามเดือน เจ้าพักฟื้นเถอะ”พักฟื้นหลังคลอดหนึ่งร้อยวันอวิ๋นอิงไม่สนใจเรื่องนี้ นางกอดลูกที่ได้คืนมาหลังจากสูญเสียไว้แน่น เบ้าตาแดงก่ำ“พระชายา ขอบคุณมาก!”“ขอบคุณที่ท่านช่วยเอาลูกสาวของข้ากลับคืนมา!”ตื้นตันจนน้ำตาไหลฉู่เชียนหลีเช็ดน้ำตาให้นาง “ยายโง่ ระหว่างเจ้ากับข้าต้องใช้คำพูดเช่นนี้ด้วยหรือ? ครึ่งปีที่ข้าไม่อยู่ เจ้าช่วยค่าดูแลเว่ยซีกับลู่ฉิน คนที่ควรพูดขอบคุณคือข้า”“ระหว่างพักฟื้น ห้ามร้องไห้เด็ดขาด และห้ามนั่งนาน ระหว่างทิ้งต้นตอของโรคไว้”“อืม!”อวิ๋นอิงกอดลูกไว้แน่น พยักหน้าแรงๆฉู่เชียนหลีมองเด็กที่นอนหลับสนิทในผ้าห่อทารกตัวน้อยๆ หนังเหี่ยวย่น แก้มแดง ท่าทางคล้ายจิ่งอี้ คิ้วบางเหมือนอวิ๋นอิง และยังมีกลีบริม