ฉู่เชียนหลี “?”หล่อเท่องอาจเผด็จการ?เมื่อมองตรงๆ ใบหน้าของเด็กหนุ่มคนนี้หล่อเหลาคมคาย กลิ่นอายที่สูงศักดิ์บนร่างกายก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ระหว่างคิ้วที่ยังวัยเยาว์นั้น มีกลิ่นอายน่าเกรงขามที่ยังไม่เบ่งบาน ก็เหมือนกับลูกเสือตัวน้อยที่เพิ่งหัดล่าเหยื่อ ดูเหมือนโอนเอนไม่มั่นคง แต่จริงๆ แล้วแค่ต้องการโอกาสที่เหมาะสม พุ่งทะยานสู่ฟ้าฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม “ข้าไม่ต้องการอะไรเลย”ที่จริงนางไม่คิดจะลงมือ เพียงแต่เด็กหนุ่มที่ชื่อหยางเหวินเฉิงใช้กลอุบายลับหลัง มีดทำร้ายคนที่ผ่านมานางเกลียดคนเล่นสกปรกประเภทนี้ที่สุดไม่พอใจก็สู้สู้ไม่ได้ก็ไสหัวไปลอบโจมตีหมายความว่าอย่างไร?“ไม่ต้องการอะไรเลย?” หลิงเชียนอี้ได้ยินคำพูดประโยคนี้ คิ้วอันละเอียดอ่อนของเขาก็ขมวดทันทีทันใดนั้น ไม่พอใจมากกว่าเดิม“ข้าต้องการลมได้ลม ต้องการฝนได้ฝน สถานะสูงศักดิ์ สูงส่งไม่อาจเอื้อม เจ้ากลับไม่ต้องการอะไรเลย? เจ้าผู้หญิงคนนี้ตาบอดใช่หรือไม่?”“?”เอาก็ผิด?ไม่เอาก็ผิด?เหตุใดเจ้าเด็กคนนี้จึงประพฤติตนเหมือนเฟิงเย่เสวียน?หรือว่านี่ก็คือความสัมพันธ์น้าหลาน?“ท่านโหว ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?”“เจ้าไม่ได้รั
คดีโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ?ก็แค่การปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ สามารถชกต่อยกันถึงขั้นนี้?ทันใดนั้นฉู่เชียนหลีเงียบขรึม “...”ตลอดสิบกว่าปีของนาง นางได้กลายเป็นคุณป้าที่อายุเกือบจะสี่สิบแล้ว นางไม่เข้าใจโลกของคนหนุ่มสาว ก็เหมือนกับที่เด็กแว้นไม่เข้าใจชาวร็อก“เรียบร้อย”นางตัดผ้าก๊อซ แล้วเก็บส่วนที่เหลือเข้ากำไลเฉียนคุน ลุกขึ้นตบจีบที่ชายกระโปรงของนาง“บนตัวพวกเจ้ามีบาดแผลไม่มากก็น้อย ช่วงเวลาต่อจากนี้ห้ามกินของเผ็ด พยายามอย่าโดนน้ำ ห้ามดื่มเหล้า…”“เหล้า?!”ดวงตาหลิงเชียนอี้เป็นประกาย พลันลุกพรวดขึ้นมา“เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าก็แล้วกัน”“?”“เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกว่าห้ามดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ…”“ไป!”หลิงเชียนอี้จับข้อมือของฉู่เชียนหลี สับขาก็ไปทันที อายุแค่นี้ ตัวผอมเช่นนี้ กลับลากฉู่เชียนหลีตัวปลิว และวิ่งเร็วมาก“?”เมื่อภาพเปลี่ยนไป ก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีการบริการกินดื่มเที่ยวครบครันที่นี่มีหญิงงามนับไม่ถ้วน เต้นระบำบรรเลงเพลง เอวเพรียวไหว และมีสุราชั้นยอดกับอาหารรสเลิศเช่น กระตุ้นความอยากของผู้คน ยิ่งกว่านั้นมีการแบ่งพื้นที่อย่างชัด
มองดูชายสองคนที่อ้อนแอ้นอรชร เวลานี้ฉู่เชียนหลีแค่อยากกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และแอบหลั่งน้ำตาสวรรค์!เหตุใดสวรรค์จึงต้องแย่งชิงความงามของนางไป?อยากปลดปล่อยความเป็นตัวเอง แต่ก็กังวลว่าเมื่อถอดผ้าคลุมหน้า จะทำให้คนตกใจหนีกระเจิง ทั้งๆ ที่ควรจะไปแล้ว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ผู้ชายสองคนที่เหมือนดอกไม้คล้ายหยก สองจิตสองใจจนเกิดสงครามชักเย่อครั้งใหญ่ในใจฮือๆ…ไม่สนใจแล้ว!มนุษย์ยืนอยู่บนโลกใบนี้ ก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แสวงหาความสุขให้เต็มที่ อ๋องเฉินนั่นไม่ชอบนาง นางก็ไม่ได้รักอ๋องเฉิน จะมาแขวนคอตายบนต้นไม้ใหญ่ไร้ค่าที่ชื่ออ๋องเฉินไม่ได้เด็ดขาดอ่า…ภายใต้ความหุนหันพลันแล่น นางรับแก้วเหล้า ยกแขนเสื้อปิดปังใบหน้า หันกายไปด้านข้าง ดื่มหมดแก้วในคราวเดียว“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าชอบ” หลิงเชียนอี้ตบโต๊ะหัวเราะเสียงดัง “แม่นาง ขอแค่เจ้าเอ่ยปาก ไม่ว่าเจ้าต้องการผู้ชายกี่คน ก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา”บางคนก็อ้วนบางคนก็ผอม ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตนเอง“ข้าอยากได้สามสิบคน!”หลิงเชียนอี้ “เอ่อ? เจ้าก็โลภเกินไปแล้วกระมัง…”ตู้หนิงตบโต๊ะ “โอ้โฮ แม่นางเป็นคนใจถึง ข้าชอบ มา พวกเราชนหนึ่งแก้ว”ซูม
“ทั่วไป อันดับสามของโลก…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ความเมาที่เข้มข้นสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง สะอึกเหล้าหนึ่งทีอย่างไม่สามารถควบคุม สองเท้าอ่อนแรงราวกับเหยียบอยู่บนสำลีคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์หลังดื่มของนารีแดงจะแรงเช่นนั้นนางคอแข็งกว่าคนทั่วไป ปกติดื่มสองชั่งก็ไม่เมา วันนี้กลับล้มเพราะนารีแดงเล็กๆ ขวดเดียวฉู่เชียนหลีจับแขนหลิงเชียนอี้ไว้แน่น พยุงร่างกายไว้อย่างทุลักทุเล ยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น สายตาที่พร่ามัวพยายามมองข้างหน้าจวนอ๋องเฉินราวกลับกลายเป็นเงาซ้อนสิบกว่าสาย หมุนแล้วหมุนอีกนางสะบัดศีรษะ พยายามมองดู“ข้า…ข้าถึงแล้ว…”หลิงเชียนอี้ไม่ได้เมาหนักมากนัก สามารถมองเห็นป้ายของจวนอย่างชัดเจน “จวน…อ๋อง…เฉิน?”เอ๋?นี่เป็นบ้านของน้าชายเขาไม่ใช่หรือ?“แม่นาง เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า…เอ่อ…หรือเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องเฉิน?”“นางเป็นผู้หญิงของข้า!”ในอากาศ มีเสียงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสองดังขึ้น เหมือนลูกดอกที่แหลมคมนับไม่ถ้วนยิงใส่ร่างกายหลิงเชียนอี้ ทำให้เขาหนาวจนสั่นสะท้านเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง เห็นผู้ชายสวมชุดผาวสีหมึกเดินมือไพล่หลังเข้ามา สมองกำลังงงงวย“ท่าน…ท่านน้า?
สีหน้าเฟิงเย่เสวียนบึ้งตึง เดินเข้าไปข้างใน ไม่อยากฟังแม้แต่คำเดียวฉู่เชียนหลีอึดอัด สองมือปัดกระชากเขา“กด…กดปอดเจ้าสิ…ข้า ข้าเวียนหัว…อ๊า!”ร่างกายลอยออกไปกะทันหัน ลอยเคว้งกลางอากาศเป็นเส้นโค้ง ตกลงบนเตียงอย่างแรง เด้งขึ้นแล้วตกลงมาอีกครั้ง เวียนศีรษะจนแทบลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยอายเย็นปกคลุมทั่วร่างเฟิงเย่เสวียน สีหน้าเย็นชาจนสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”เขาเป็นถึงอ๋องแห่งแคว้น!ผู้หญิงของเขา จะไปสถานที่อย่างหมิงเฮ่าเซวียนได้อย่างไร? แล้วจะถือสถานะอันสูงศักดิ์โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไปทำให้เขาเสียหน้าข้างนอกได้อย่างไร? เขาจ้องมองอย่างโมโหฉู่เชียนหลี : สะลึมสะลือเขา “...”พุ่งไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของนาง แต่ร่างกายของนางลื่นไหลลงไปอย่างอ่อนระทวย เสื้อผ้าอยู่ในมือของเขา ถูกกระชากหลุดสามส่วน เผยให้เห็นไหล่งามอันเรียบเนียนหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเรียบเนียนเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเหมือนไข่ไก่ที่ปอกเปลือก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย สะบักหลังอันประณีตนั้นยิ่งลึก สายตาเลื่อนลงไปข้างล่าง ในส่วนลึกของคอเสื้อมีร่อง…สายตาเฟิงเย่เสวียนขรึมฉับพลั
ในคืนนี้ ฉู่เชียนหลีหลับใหลอยู่ในความฝันที่ยาวนานมาก…ในฝัน นางใช้จ่ายอย่างอู้ฟู่เพื่อซื้อคฤหาสน์หนูที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยตารางเมตร จ้างคนรับใช้หนึ่งร้อยคน และเลี้ยงผู้ชายสิบแปดคนในคราวเดียวบรรดาผู้ชายเป็นเด็กดี หยิ่งผยอง เผด็จการ เชื่อฟัง อ่อนโยน ออดอ้อน…พวกเขารุมล้อมนาง โอ๋นาง เอาใจนาง ทำตามใจนางทุกอย่าง เอาอกเอาใจนางเหมือนเป็นบรรพบุรุษ ทำให้นางมีความสุขถึงจุดสูงสุดของชีวิตทันใดนั้น นอกประตู ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามที่สุดในปฐพีเข้ามาแย่งความโปรดปราน“นายหญิง เหตุใดท่านจึงโปรดปรานแต่พวกเขา กลับไม่ลองมองข้า? ใบหน้าของข้า รูปร่างของข้า ยี่สิบเซนนี่ มีตรงไหนที่สู้พวกเขาไม่ได้บ้าง?”ฉู่เชียนหลีจับใบหน้าของบรรพบุรุษน้อย ‘เป็นเด็กดีนะ อย่าเสียงดัง รักทุกคน นายหญิงรักเจ้าที่สุด’ชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น คิ้วดาบนั่น ตาดำนั่น ริมฝีปากบาง โครงหน้าเรียวที่เห็นเส้นชัด…เฟิงเย่เสวียน!“อ๊า!” ฉู่เชียนหลีตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ความรู้สึกวิงเวียนสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในศีรษะ บีบให้นางล้มลงไปอีกครั้งฝัน…ฝันเหรอ?“ตื่นแล้ว”ข้างหู น้ำเสียงสุขุมและเย็นชา
เสียงของฉู่เชียนหลีเปี่ยมไปด้วยร้อยอารมณ์พันความรู้สึก แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อนุญาตให้สงสัย ความรู้สึกจากใจจริงนั้นยิ่งทำให้ผู้ฟังซาบซึ้งน้ำตาไหลเฟิงเย่เสวียนฟังจนเกือบเชื่อแล้วเหลือบมองใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยปานของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เรื่องของเมื่อคืนปรากฏขึ้นในศีรษะ…เมื่อคืน…สายตาของเขาเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“ปากเก่งดีนัก”“ในเมื่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมไม่สามารถทำผิดต่อพระชายา ที่นี่มีภารกิจหนึ่งอย่าง มอบให้พระชายาไปทำ”ฉู่เชียนหลี “?”เห็นนางเป็นแรงงานฟรี?ไม่มีทางในโลกปัจจุบัน มีคนมากน้อยเพียงใดเข้าแถวขอให้นางรักษา ขอให้นางจ่ายยา ขอให้นางทำงาน ของขวัญที่ส่งมากองเป็นภูเขา นางไม่เคยแม้แต่จะยกเปลือกตามองนางเป็นคนมีอีโก้——นายคิดว่านายเป็นใคร นายคิดว่าทุกคนบนโลกต้องเดินหมุนรอบตัวนายเหรอ? นายบอกให้ทำงานก็ทำงาน?เฟิงเย่เสวียนพูดเสริมอีกประโยคด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หลังทำงานเสร็จ ข้าตอบรับคำขอของพระชายาหนึ่งข้อโดยไม่มีเงื่อนไข”“ข้ายินดีทำงานเพื่อท่านอ๋องอย่างยิ่ง!”บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏกะทันหัน ยิ้มหวานยิ่งกว่าดอกไม้ สดใสยิ่งกว่าแสงแดด
เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋
ตอนที่ตื่น ก็เป็นเที่ยงของวันใหม่แล้ว เฟิงเย่เสวียนรู้จักเตียงนานแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินอะไรง่ายๆ ก็ไปที่สำนักหมอหลวง หมกมุ่นอยู่กับตำราแพทย์พริบตาเดียวก็กลางคืนแล้วนางกำนัลมารายงาน ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ฉู่เชียนหลีไปตำหนักผานหลง ฮ่องเต้นอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง นิ้วมือหยิกงอ ร่างกายครึ่งหนึ่งแข็งเหมือนท่อนไม้ ปากก็เบี้ยวจนมีน้ำลายไหลยืดเขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบทะลักออกมาแล้ว นางกำนัลที่ปรนนิบัติกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปปรนนิบัติฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา“ฝ่าบาททรงฟื้นเมื่อไร”“เมื่อหนึ่งเค่อก่อนเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบ“ดื่มโอสถหรือยัง?”“หนึ่งวันสามมื้อ ป้อนตรงเวลาเจ้าค่ะ”“อืม”นางเดินไปที่หน้าเตียง จับชีพจรของฮ่องเต้ ลักษณะชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ร่างกายได้รับหญ้าหมาเฟ้ยมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายชาจนไม่ตอบสนอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี จึงจะสามารถสลายหญ้าหมาเฟ้ยเหล่านี้หมดถึงเวลา ก็สามารถกลับมาเป็นปกติ“ดูแลดีๆ ต้องมีคนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอดอย่างน้อยสองคน” นางกำชับนางกำนัลเวลานี้เอง ที่นอกประตู อวิ๋นอิงอุ้มน้องสาวมาแล้ว“พระชายา ท่านเอาแต่ยุ่งทั้งวัน ลู่ฉิ
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่
กล่าวจบ เขาหมุนกาย นั่งขัดสมาธิลงบนกระดานไม้ที่เย็นเยียบ หันหลังให้นางฉู่เชียนหลีมองไม่เห็นสีหน้าของเขา และไม่แน่ใจคำพูดนี้ของหมายความว่าอย่างไร ยืนอยู่ตรงนั้นครู่หนึ่งก็จากไปแล้วออกจากคุกหลวง ข้างนอกท้องฟ้าสดใส อากาศสดชื่น“ส่งพระชายาอ๋องหลีไปอยู่ตำหนักเจาหยางชั่วคราว ปรนนิบัติให้ดี ห้ามละเลยเด็ดขาด” นางสั่งให้องครักษ์ลับคนหนึ่งคุ้มกันส่ง ในความเป็นจริงก็สั่งให้คนจับตาดูฉู่เจียวเจียวด้วยหลังไปแล้วท้องฟ้า ละอองฝนโปรยปรายลงมาเมื่อเงยหน้าก็ปะทะลม ละอองฝนตกใส่ใบหน้า หนาวจนรู้สึกเจ็บแสบเล็กน้อย ใบไม้เหี่ยวหลุดจากกิ่งก้าน ล่องลอยไปตามสายลมรู้ตัวอีกทีก็เข้าหน้าหนาวแล้วมองดูท้องฟ้าอึมครึมที่ถูกเมฆดำปกคลุม นึกถึงคำพูดของอ๋องหลี รู้สึกกดดันอย่างน่าประหลาด และไม่สบายใจเล็กน้อย เหมือนมีเรื่องบางอย่างกำลังจะเกิดขึ้นก้มหน้าอก รีบไปที่ห้องทรงอักษรเฟิงเย่เสวียนยุ่งมากฮ่องเต้ป่วย อ๋องหลีถูกจับ ราชสำนัก บ้านเมือง พรรคอ๋องหลี เรื่องราวต่างๆ มารวมกัน กดทับอยู่บนไหล่เฟิงเย่เสวียนทั้งหมด เขายุ่งจนตัวหมุน ไม่ได้หลับตาพักผ่อนมาสองวันแล้วฉู่เชียนหลีเดินเข้าห้องทรงอักษร “จับอูหนูได้หรือย
ฉู่เชียนหลีกวาดมองหมอหลวงที่อยู่โดยรอบแวบหนึ่ง ยกเท้าเดินออกไป “เจ้าตามข้ามา”เมื่อฉู่เจียวเจียวได้ยินก็ดีใจ รีบกอดลูกแน่น แล้วเดินตามออกไปอย่างไวคุกหลวงองครักษ์เงาเฝ้ายาม เมื่อพวกเขาเห็นผู้มา ก็คำนับอย่างนอบน้อม “พระชายา”ฉู่เชียนหลีพยักหน้า เดินเข้าไปในคุกหลวงหัวใจฉู่เจียวเจียวบีบรัดแน่น ฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆ หลังจากเดินผ่านทางเดินยาวที่มืดสลัว มาถึงห้องขังที่อยู่ห้องท้ายสุด เมื่อเห็นผู้ชายที่ถูกขังอยู่ข้างใน รู้สึกเจ็บหน้าอกฉับพลัน“ท่านโหว!”เดินปรี่เข้าไป เอาข้างหนึ่งอุ้มลูก มืออีกข้างจับราวลูกกรงอย่างร้อนใจ“ท่านอ๋อง ท่านไม่เป็นอะไรกระมัง!”ไม่เจอกันแค่คืนเดียว สภาพของเฟิงเจิ้งหลีโทรมมากสภาพแวดล้อมในห้องขังเปียกชื้นมืดสลัว ตรงที่มุมมีแมลงสาบกับหนูเกาะอยู่ ชุดเพ้าสีขาวเปื้อนไปด้วยสิ่งสกปรกและความโชคร้าย ตรงคางเริ่มมีตอนหนวดปรากฏให้เห็น สภาพดูสะบักสะบอมมากผ่านไปครู่หนึ่งเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ เงยหน้า เมื่อเห็นเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ย มีประกายที่ปกปิดสายหนึ่งแลบผ่าน“ถ้าไม่เป็นอะไร…”เขาลุกขึ้นยืน เสียงแหบไร้เรี่ยวแรงฉู่เจียวเจียวตาแดงทันที “คุกหลวงสกปรกเช่นนี้ เหม็นเช่นน