เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
เวลานี้เอง ในที่สุดหมาป่าศึกก็เงยหน้าขึ้น มองฉู่เชียนหลีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหัวแล้วหันหัวอีก เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีมองอย่างตั้งใจนี่มันกำลัง…เชือก!ที่คอมันมีเชือกเส้นหนาที่ทำจากหนังวัวผูกอยู่ และความหมายของมันคือกำลังบอกนางว่า มันถูกพันธนาการ…สวรรค์!ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที เหมือนว่าสุนัขตัวนี้เข้าใจสิ่งที่นางพูด และยัง ‘ตอบ’ นางด้วย ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!นางมองซ้ายมองขวาแวบหนึ่ง ภายในลานไร้คนลังเลครู่หนึ่ง นางกล่าวเสียงเบา“ข้าเข้าไปช่วยเจ้าแก้เชือก แต่เจ้าห้ามกัดข้า ห้ามเห่า ยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ เข้าใจหรือไม่?”หมาป่าศึกมองนางแวบหนึ่ง เหมือนกำลังตอบ มันวางอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง หมอบอยู่เบาะนุ่มในท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทางจะโจมตีใดๆฉู่เชียนหลีเห็นสถานการณ์ ปีนขึ้นขอบกำแพงแล้วกระโดดลงมาก้าวเท้ายาวไปที่เสาเหล็ก กลับพบว่าเชือกถูกลงกลอนไว้กับเสาเหล็ก และยังลงกลอนด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่กระตุกสองที แม่กุญแจตัวนี้มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เปิดไม่ออกอีกด้านหนึ่ง…นางมองไปทางหมาป่าศึกท่าทางดุร้าย และขนาดตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ พลันค่อยๆ เดินเข้าใกล้ “ข้าช่
เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหมาป่าหายไปกะทันหัน คนในร้านตกใจจนขวัญหนีกระเจิง ข่าวนี้ยิ่งถูกส่งไปถึงจวนที่โอ่อ่าแห่งหนึ่ง“เจ้าว่าอะไรนะ?!”บนที่นั่ง องค์รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน มีไฟโทสะแฝงอยู่ในเสียงที่เคร่งขรึมนั่นเป็นหมาป่าศึกสายเลือดบริสุทธิ์ที่เขาใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมากจับมาจากเขาคุนหลุน หลายปีมานี้ เพื่อเลี้ยงสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ดี เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจและทรัพยากรเยอะมากนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ยิ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์อำนาจ สถานะ ราชาผู้สยบสรรพสิ่งของเขาคนรับใช้คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา “รัช รัช รัชทายาทโปรดไว้ชีวิต…บ่าว บ่าว…”“รายงาน…”เวลานี้เอง มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากนอกประตูอย่างเร่งรีบ“เรียนองค์รัชทายาท เมื่อสองเค่อก่อน ผู้น้อยเหมือนเห็นหมาป่าศึกของท่านคาบผู้หญิงคนหนึ่งออกจากเมือง หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นอัปลักษณ์ เหมือนจะเป็น…พระชายาอ๋องเฉินขอรับ”สายตาของเฟิงเจิ้งอวี้ขรึมลงพระชายาอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียน!เขากำลังจะเอ่ยปาก ใต้ที่นั่ง ชายวัยกลางคนสวมชุดผาวสีน้ำตาลคนหนึ่งเอ่ยปากอย่างไม่เร่งไม่รีบ“หมาป่าตัวนั้นมีนิสัยดุร้าย ไม่แน่อาจจะก
ฉู่เชียนหลีจับมือนางอย่างกระตือรือร้น “เหตุใดมือเจ้าจึงเย็นเช่นนี้? เหตุใดอาการไอนี้ยังไม่หายดี? ต้องสวมเสื้อผ้าให้เยอะๆ ดูแลร่างกายให้ดีๆ วันข้างหน้าจึงจะสามารถมีลูกที่แข็งแรงให้ท่านอ๋องนะ”เซียวจือฮว่าได้ยินเช่นนี้ แก้มแดงทันทีนางก้มศีรษะ กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“พี่หญิงล้อเล่นแล้ว…”“นี่เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? จวนอ๋องเฉินต้องอาศัยเจ้าแตกกิ่งก้านสาขาแล้ว” ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม ท่าทางที่สนิทสนมนั่น ก็เหมือนกับปฏิบัติต่อน้องสาวแท้ๆ ก็มิปานเซียวจือฮว่าเกิดความสงสัยในใจ จู่ๆ ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้เอาใจใส่ถึงเพียงนี้ กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?บนใบหน้า แสร้งทำเป็นเขินอาย “พี่หญิงก็ควรพยายามถึงจะถูก อย่างไรเสียพี่หญิงจึงจะเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องแต่งภรรยาต่อหน้าสาธารณะ ข้าไม่ควรครอบครองท่านอ๋องไว้คนเดียว…”การพูดเช่นนี้ มันคือการโอ้อวดอย่างไร้รูป :ท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงคนเดียว เจ้าเข้าจวนสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยจับกระทั่งมือท่านอ๋อง เจ้ารีบสละตำแหน่งตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ! ——ฉันพยายามผีบ้าอะไร ฉันไม่มีทางทิ้งป่าทั้งผืนเพื่อต้นไม้เอียงแค่ต้นเดียวหรอก!ฉู่เชียนหลียิ้มแ
เขาเป็นคนให้นางไปจัดการหมาป่าตัวนั้น แต่สุดท้ายเขากลับบอกนางว่าหมาป่าตัวนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ นางล่วงเกินไม่ได้ ผลกรรมทุกอย่างล้วนเกิดจากการกระทำของนางเอง!เขาจงใจ!เขาไม่เคยคิดจะให้สัญญาอะไรกับนางตั้งแต่แรก“อยู่จวนอ๋องอย่างสงบจิตสงบใจ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่นอน เรื่องของรัชทายาท ข้าก็จะช่วยเจ้าจัดการเช่นกัน” เฟิงเย่เสวียนมองนางผู้คนต่างพูดว่าคุณหนูสี่ของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อัปลักษณ์ไร้ความงาม เป็นที่รังเกียจของผู้คนแต่ใครจะรู้เล่า ภายใต้โฉมหน้าที่อัปลักษณ์นี้ จะซ่อนปัญญา ทักษะการแพทย์ที่เหนือคน มีความกล้ามีกลอุบาย สามารถรุกและถอยเช่นไรเอาไว้ มีด้านใดบ้างที่ไม่ใช่ความสามารถเกินมนุษย์ฉู่เชียนหลีโมโหจนร้องไห้ทันที——อะไรคือช่วยฉันจัดการ? เดิมทีมันก็เป็นปัญหาที่นายไปหามาเอง เกี่ยวอะไรกับฉัน?——วันแต่งเมียน้อย นายเตะฉันตายในทีเดียว ตอนนี้ก็มาวางแผนเล่นงานฉันอีก ‘ฉู่เชียนหลี’ นอกจากตาบอด ควักลูกตาของตัวเอง ถึงจะตกหลุมรักผู้ชายที่ทั้งกากและชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่างนาย! น่าโมโหชะมัด!ฉู่เชียนหลีโมโหจนถอนเท้าจากไป ไม่คิดจะสนใจเขาอีกเฟิงเย่เสวียนมองดูแผ่นหลังท
“ฉู่เชียนหลี!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก มือที่จับไหล่ของนางเปลี่ยนเป็นช้อนอุ้มขึ้นมา เขาถีบประตูห้องหนังสือ ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป“ใครก็ได้ ไปเอายามา!”วางคนลงบนเก้าอี้นวมเล็ก จับเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บของนางไว้ ถอดรองเท้าปักลายดอกไม้ ดึงถุงเท้าออก นิ้วเท้าที่เรียบเนียนได้บวมฉึ่งเหมือนกับตุ๊กตาหัวอ้วนสีแดงห้าตัวสาวใช้เดินเข้ามา เห็นภาพนี้แล้วตกใจจนสะดุ้งท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายา…นางไม่กล้าพูดมาก รีบก้มหน้าลง ระงับความตกใจในใจ ส่งยาเสร็จก็ออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนรีบควักยามาทาที่นิ้วเท้าของนางฉู่เชียนหลีตกใจจนถีบเท้า “เจ้าทำอะไร…”“อย่าขยับ!”เสียงของเขาทุ้มต่ำ ฝ่ามือใหญ่และมีกำลังจับข้อเท้าของนางไว้แน่น ทายาที่อยู่บนปลายนิ้วลงไป และเริ่มลูบเบาๆ ให้กระจายออกซี้ด…เย็นจังร่างกายของฉู่เชียนหลีหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว มองผู้ชายที่คุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าเท้า และทายาให้นางอย่างคาดคิดไม่ถึงเล็กน้อย ในศีรษะเต็มไปด้วยความตะลึงงันเขาบ้าไปแล้ว?เมื่อก่อนเขาตบตีดุด่าว่านาง จอมเผด็จการผู้หล่อเหลาที่ใช้สายตาฆ่านางคนนั้นไปไหนแล้ว?เฟิงเย่เสวียนพลางทายาให้นาง พลางกล่าวตำหนิอย่างเย็
เขายกใบหน้าผิวสีแทนขึ้น น้ำเสียงหนักแน่นทรงพลัง เสียงดังชัดเจน ไม่สามารถรู้สึกถึงเจตนาขอโทษใดๆ ในน้ำเสียงของเขา กลับกันให้ความรู้สึกไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลังเล็กน้อยเฟิงเย่เสวียนวางฉู่เชียนหลีลง กวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”ด้านข้าง ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งตอบอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย“นิ้วข้างขวาของรองแม่ทัพเจียงถูกฟัน…ขาดไปสี่นิ้ว เหลือ เหลือแค่นิ้วโป้ง…”ในกองทัพ ความพิการคือข้อห้ามสูงสุด บาดแผลตรงมือยิ่งสำคัญอย่างยิ่งไม่มีนิ้วมือจะถือกระบี่อย่างไร? จะเข้าสนามรบอย่างไร?รองแม่ทัพเจียงนิ้วมือขาด ไม่สามารถฆ่าศัตรูบนสนามรบอีกต่อไป ทั้งชีวิตจบสิ้นแล้ว…“ข้าน้อยไม่มีเจตนาขอรับ” รองแม่ทัพโหวเอ่ยปากอีกครั้ง “ตอนประลองยุทธ์ กระบี่ที่ข้าน้อยฟันออกไปเก็บไม่ทัน นี่ถึงได้พลาดทำร้ายรองแม่ทัพเจียง ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก”พูดจบ เขาถอนหายใจอย่างเสียดายฉู่เชียนหลีมองคนคนนี้แวบหนึ่ง ความกล้าหาญแฝงระหว่างคิ้ว เยือกเย็นทั่วร่าง แต่ดวงตาคู่นั้นแคบยาว ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนจิตใจคับแคบ ชอบคิดเล็กคิดน้อยเวลานี้ หานอิ่งเดินออกมาจากในกระโจม“นายท่าน ห้ามเลือด
หานอิ่งตะลึงงันหนึ่งวินาที พลันพยักหน้าอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”“พระชายา เชิญตามข้ามา” นางเดินนำหน้า ฉู่เชียนหลีเดินกะเผลกตามหลังเฟิงเย่เสวียนเห็นแล้ว คิ้วขมวด ก้าวออกไปกอดเอวของนาง ยกขึ้นเบาๆ อุ้มคนเข้าไปในกระโจมข้างนอกหลังจากอ๋องเฉินเข้าไปในกระโจม มีทหารหลายคนล้อมรอบรองแม่ทัพโหว กล่าวอย่างเลื่อมใส“ใต้เท้าโหว วรยุทธ์และความสามารถของท่านอยู่เหนือรองแม่ทัพเจียง ท่านสมควรนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการมากกว่า”“วรยุทธ์ของใต้เท้าโหว พวกเราเลื่อมใส…”“ร้ายกาจมาก…”รองแม่ทัพโหวถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ ฟังคำพูดประจบสอพลอเหล่านั้น ศีรษะของเขายกขึ้นเล็กน้อย เชิดคาง มีความภาคภูมิปรากฏขึ้นในแววตาหลายส่วนความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่ารองแม่ทัพเจียง เหตุใดท่านอ๋องไม่ให้ความสำคัญเขา?นี่ก็คือผลของการไม่ให้ความสำคัญเขา!เขาใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารองแม่ทัพเจียงเป็นคนไร้ประโยชน์ อีกอย่าง ประลองยุทธ์พลาดบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ ต่อให้ท่านอ๋องไม่พอใจ ก็ไม่สามารถลงโทษเขาตำแหน่งผู้บัญชาการ ต้องเป็นของเขาเท่านั้น!ภายในกระโจมกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูก บนเตียงเล็ก มีชายหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยก
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท
ในเวลาต่อมา กลางคืนฉู่เชียนหลีอยู่กับเฟิงเย่เสวียน นอนกับเขา กลางวันอยู่กับลูก มองดูลูกทั้งสองเติบโตขึ้นวันแล้ววันเล่าเป็นเช่นนี้ สามเดือนผ่านในสามเดือนนี้ เฟิงเย่เสวียนไม่ได้ออกจากทำเนียบเลย หนึ่งวันสิบสองชั่วยาม อยู่ในห้องสิบชั่วยาม ที่เหลืออีกสองชั่วยามไปดูลูก เมื่อนานวันเข้า เขาเริ่มดูซูบผอม สีหน้าเศร้าหมอง ดูแก่กว่าวัยสิบกว่าปี ทุกคนล้วนกังวลมาก ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อ๋องเฉินจะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ แต่ใครเกลี้ยกล่อมก็ไม่มีประโยชน์ฉู่เชียนหลีเห็นเห็นแล้วปวดใจนางคุยและเกลี้ยกล่อมเขาทุกวัน แต่เขาไม่ได้ยินอยู่ใกล้แค่เอื้อมกลับเหมือนอยู่ไกลสุดขอบฟ้าความเจ็บปวดเช่นนี้ ไม่มีใครสามารถเข้าใจเวลานี้ ทำทำเหมือนเช่นเคย เข้านอนพร้อมกับเฟิงเย่เสวียน แต่จู่ๆ ก็ถูกพลังอันทรงพลังสายหนึ่งดูดเข้าไปในความมืด ไม่รู้จากทิศทางใด มีเสียงที่ชราภาพและน่าเกรงขามสายหนึ่งดังขึ้น “เจ้าตายแล้ว ไม่ควรอยู่ในโลกคนเป็น ทำลายความสมดุลหยินหยาง”เสียงที่ทรงพลังนี้ ราวกับดังมาจากขอบฟ้าอันไกลโพ้น แต่ก็เหมือนอยู่ใกล้แค่ข้างหู ไร้ตัวตน จับต้องไม่ได้ใครกำลังพูด?สะเทือนจนทำให้นางแสบแก้วหู“ข้าจะ
สามวันแล้วที่เฟิงเย่เสวียนอยู่ข้างกายนางไม่ห่างแม้แต่ก้าวเดียวอย่างหมดอาลัยตายอยาก ฉู่เชียนหลีก็เฝ้าเขาสามวันเต็มๆ แล้วคนรับใช้ที่เป็นห่วงมาแล้วก็ไป ไปแล้วก็มา พยายามเกลี้ยกล่อมไม่หยุด“ท่านอ๋อง ท่านต้องสู้นะ”“พระชายาถูกฝังไปแล้ว ถ้าหากนางมาเห็นท่านในเวลานี้ จะต้องปวดใจแน่นอน”“เว่ยซีกับจื่อเยี่ยจะเสียใจ…”มนุษย์ต้องกินอาหาร ไม่ได้กินหนึ่งมื้อยังทนได้ แต่หนึ่งวัน สองวัน สามวันล่ะ? หิวตายได้เลยนะฉู่เชียนหลีเพิ่งจะรู้ พิธีศพของตัวเองเสร็จสิ้นแล้ว และเฟิงเย่เสวียนปิดบังทุกคน ขุดศพของนางขึ้นมา ใช้วิธีป้องกันการเน่าเปื่อยแบบพิเศษ เก็บนางไว้ข้างกายมองดูเขาที่ซูบผอมและเศร้าโศก รู้สึกปวดใจมาก“อาเฉิน ถ้าหากเป็นเช่นนี้ต่อไป สุขภาพของเจ้าจะแย่เอานะ”“เส้นทางของวันข้างหน้ายังอีกยาวไกล เว่นซีกับจื่อเยี่ยล้วนต้องการเจ้า ต่อให้เจ้าไม่คำนึงถึงตัวเอง ก็ต้องคิดถึงลูกด้วย…”“อย่าทำเช่นนี้เลย…”อาจเพราะได้ยินเสียงหัวใจของนาง จู่ๆ แววตาที่เหม่อลอยของเฟิงเย่เสวียน ก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้นแล้ว“ลูก…”เขาค่อยๆ ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะ รีบมองซ้ายมองขวา“ซีเอ๋อร์ จื่อเยี่ย…ลูก…”เหมือนกับค้นพบเป้าหมาย
คนตายแล้ว จะไปไหน?ฉู่เชียนหลีก็ไม่รู้ตอนนางตกจากกำแพงเมือง สูญเสียสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้าย ราวกับว่านางตกลงไปในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด ไร้ขอบเขต ไร้เสียง ไร้ทิศทาง ไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด ไม่รู้สึกหิว ล่องลอยอยู่กลางอากาศมีชีวิต?ตายแล้ว?วัฏสงสาร?กลับชาติมาเกิด?นางไม่รู้อะไรเลยและไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหนแล้ว ลืมตาขึ้นอีกครั้ง พบว่าตัวเองกลับมาอยู่ในทำเนียบแล้วนางเบิกตากว้างอย่างตะลึง มองดูร่างกายและมือที่สะอาดของตัวเอง และแสงแดดอันเฉื่อยชาเหนือศีรษะ ราวกับว่านางอยู่ในความฝันที่ยาวนานมากนางยังไม่ตาย?“ท่านอ๋อง ท่านกินอะไรหน่อยเถอะ…” ข้างนอก มีเสียงพูดฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นผู้ติดตามหลายคนเดินตามหลังเฟิงเย่เสวียน เฟิงเย่เสวียนเข้าไปในห้องเพียงลำพัง สั่งให้พวกเขาออกไปพลันนางดีใจ“อาเฉิน!”รีบวิ่งเข้าไป ตอนที่เข้าใกล้เขา ร่างกายของนางกลับทะลุผ่านร่างกายเฟิงเย่เสวียนไร้แก่นสาร!พริบตานั้น รอยยิ้มบนใบหน้านางแข็งทื่อ ราวกับเลือดแข็งตัวนาง…ตายแล้วนางในตอนนี้เป็นวิญญาณนางเห็นเฟิงเย่เสวียนเปิดประตูเข้าห้อง และยังเห็นร่างกายของนางที่นอนอยู่บนเตียง!หมอส
จวินลั่วยวนนอนจมกองเลือดบนพื้น หายใจรวยริน สะบักสะบอมเหมือนสุนัขเฟิงเย่เสวียนถือกระบี่เดินเข้าไป ยังไม่ทันแทงซ้ำ จู่ๆ ก็มีระเบิดควันหลายลูกถูกโยนเข้ามาปัง!พริบตาเดียว ควันหนาทึบพวยพุ่งเขาขมวดคิ้ว รีบคว้าไปทางจวินลั่วยวน แต่ควันที่หนาทึบบดบังวิสัยทัศน์ ยังไม่ทันเข้าใกล้ เห็นเพียงจวินลั่วยวนถูกคนชุดดำคนหนึ่งแบกไว้บนไหล่ และหนีออกไปอย่างรวดเร็วทั้งหมดนี้ใช้เวลาเพียงสามวินาที“องครักษ์อาภรณ์เทพของเสด็จพ่อ!”จวินชิงอวี่จำได้ในปราดเดียวคนกลุ่มนี้สังกัดราชวงศ์หนานยวน มีการสืบทอดต่อกันมานานหลายร้อยปี ลึกลับมาก วรยุทธ์ของพวกเขาสูงมาก แต่ละคนสามารถหนึ่งสู้ร้อย ล้วนเป็นมือดีที่ลงมือไม่เคยพลาดพวกเขาช่วยจวินลั่วยวนไปแล้ว“ดูเหมือนเสด็จพ่อรู้เรื่องที่เจียงหนานแล้ว ตั้งแต่เล็กจนโต เขารักหยวนเอ๋อร์ที่สุด”ต่อให้ฮ่องเต้หนานยวนรู้ว่าจวินลั่วยวนไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ก็ยังคงปกป้องและรักนางเหมือนเมื่อก่อนจวินอวี้หยางขมวดคิ้ว“เสด็จพ่ออาจจะไม่รู้ว่าจวินลั่วยวนทำอะไรลงไป รอหลังจากเขารู้แล้ว ก็คงจะรู้สึกเหมือนพวกเรา”ทั้งสามคิดไม่ถึงว่าองครักษ์อาภรณ์เทพจะมาแขกที่ไม่ได้รับเชิญไม่ทันตั้งตัว
“พวกเจ้าทุกคนล้วนเป็นฆาตกร อย่าคิดจะให้ข้ารับผิดชอบคนเดียว พวกเจ้าทุกคนล้วนมีความผิด! ต่อให้ฉู่เชียนหลีกลายเป็นผี ปล่อยปรากฏตัวในฝันของพวกเจ้า ชาติหน้า ชาติหน้าหน้า ก็ไม่มีวันให้อภัยพวกเจ้า!”“ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆๆ!”จวินลั่วยวนแหงนหน้าหัวเราะเหมือนบ้าไปแล้วสีหน้าของฮองเฮาหนานยวน และพวกจวินอวี้หยางน่าเกลียดมากคำพูดของจวินลั่วยวนแทงใจดำพวกเขา พวกเขาเม้มปากแน่น แต่ละคนเถียงไม่ออกสักคำ กำมือที่ห้อยอยู่ข้างกายแน่น แม้แต่ร่างกายก็กำลังสั่นเฟิงเย่เสวียนย่อมจะสั่งสอนพวกเขาทีละคน เริ่มจากจวินลั่วยวนคือคนแรก!พลันแทงกระดูกไหปลาร้าของนาง“อ๊ะ!”เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่ง ถูกแทนที่ด้วยเสียงกรีดร้อง“ในเมื่อเจ้าก่อกรรมทำเข็ญมากมายเช่นนี้ มือสองข้างนี้เก็บไว้ก็ไม่มีประโยชน์!” สิ้นเสียงที่เย็นชา ฟันกระบี่ออกไปฉึก…ตรงข้อมือ เลือดพุ่งกระฉูด เส้นเอ็นสีขาวที่เปื้อนเลือดถูกตัดจนขาดมือสองข้างของนางห้อยลงทันที และสูญเสียความรู้สึก ไม่ว่านางจะออกแรงอย่างไร สิบนิ้วก็ไม่ขยับ ฝ่ามือทั้งสองข้างก็ใช้งานไม่ได้แล้ว“มือของข้า…อ๊า!”นางกลายเป็นคนพิการแล้ว!ไม่!องค์หญิงแห่งแคว้นหนานยวน จะเป็นคนพิการได้อย
นางโมโหจนตาแดง ใช้มือผลักอย่างแรงจนคนล้มโดยตรง “เจ้าไม่รู้สึกผิดเลย ทำเรื่องชั่วช้ามากมาย ยังทำเหมือนว่าตัวเองมีเหตุผล ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป ความสัมพันธ์แม่ลูกสิบเจ็ดปีของพวกเรา จบลงเพียงเท่านี้!”“เสด็จแม่!”จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง รีบกระโจนเข้าไป คว้าชายกระโปรงของฮองเฮาหนานยวน “เสด็จแม่ อย่านะ!”นางจะเป็นองค์หญิง!นางไม่อยากเป็นคุณหนูลูกอนุภรรยาของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ นางเป็นองค์หญิงเพียงหนึ่งเดียวของแคว้นหนานยวนนะ!“เสด็จแม่ หม่อมฉันจะเป็นเด็กดี จะกตัญญูต่อท่าน จะทำในสิ่งที่ท่านมีความสุข ความสัมพันธ์สิบเจ็ดปีของพวกเรา บอกจะตัดก็ตัดเลยได้อย่างไร? แม้พวกเราไม่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือด แต่ในใจของหม่อมฉัน เสด็จแม่ก็คือมารดาแท้ๆ ของหม่อมฉัน!”หลักๆ คือตำแหน่งองค์หญิงนางที่เป็นองค์หญิงผู้อรชรอ้อนแอ้น จะลดตัวไปจวนอัครมหาเสนาบดี นับอนุภรรยาคนหนึ่งเป็นแม่ได้อย่างไร?ฮองเฮาหนานยวนมองนางอย่างไร้เยื่อใย“ฮืม การแสดงความกตัญญูต่อข้าของเจ้า ก็คือวางยาพิษข้า ทำให้ข้าเป็นใบ้?”ร่างกายจวินลั่วยวนสั่นสะท้าน เงยหน้าอย่างตะลึง สบตากับดวงตาที่เย็นชาของฮองเฮาหนานยวนนางรู้ความจริงแล้ว…พร