เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
เวลานี้เอง ในที่สุดหมาป่าศึกก็เงยหน้าขึ้น มองฉู่เชียนหลีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหัวแล้วหันหัวอีก เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีมองอย่างตั้งใจนี่มันกำลัง…เชือก!ที่คอมันมีเชือกเส้นหนาที่ทำจากหนังวัวผูกอยู่ และความหมายของมันคือกำลังบอกนางว่า มันถูกพันธนาการ…สวรรค์!ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที เหมือนว่าสุนัขตัวนี้เข้าใจสิ่งที่นางพูด และยัง ‘ตอบ’ นางด้วย ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!นางมองซ้ายมองขวาแวบหนึ่ง ภายในลานไร้คนลังเลครู่หนึ่ง นางกล่าวเสียงเบา“ข้าเข้าไปช่วยเจ้าแก้เชือก แต่เจ้าห้ามกัดข้า ห้ามเห่า ยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ เข้าใจหรือไม่?”หมาป่าศึกมองนางแวบหนึ่ง เหมือนกำลังตอบ มันวางอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง หมอบอยู่เบาะนุ่มในท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทางจะโจมตีใดๆฉู่เชียนหลีเห็นสถานการณ์ ปีนขึ้นขอบกำแพงแล้วกระโดดลงมาก้าวเท้ายาวไปที่เสาเหล็ก กลับพบว่าเชือกถูกลงกลอนไว้กับเสาเหล็ก และยังลงกลอนด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่กระตุกสองที แม่กุญแจตัวนี้มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เปิดไม่ออกอีกด้านหนึ่ง…นางมองไปทางหมาป่าศึกท่าทางดุร้าย และขนาดตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ พลันค่อยๆ เดินเข้าใกล้ “ข้าช่
เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหมาป่าหายไปกะทันหัน คนในร้านตกใจจนขวัญหนีกระเจิง ข่าวนี้ยิ่งถูกส่งไปถึงจวนที่โอ่อ่าแห่งหนึ่ง“เจ้าว่าอะไรนะ?!”บนที่นั่ง องค์รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน มีไฟโทสะแฝงอยู่ในเสียงที่เคร่งขรึมนั่นเป็นหมาป่าศึกสายเลือดบริสุทธิ์ที่เขาใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมากจับมาจากเขาคุนหลุน หลายปีมานี้ เพื่อเลี้ยงสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ดี เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจและทรัพยากรเยอะมากนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ยิ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์อำนาจ สถานะ ราชาผู้สยบสรรพสิ่งของเขาคนรับใช้คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา “รัช รัช รัชทายาทโปรดไว้ชีวิต…บ่าว บ่าว…”“รายงาน…”เวลานี้เอง มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากนอกประตูอย่างเร่งรีบ“เรียนองค์รัชทายาท เมื่อสองเค่อก่อน ผู้น้อยเหมือนเห็นหมาป่าศึกของท่านคาบผู้หญิงคนหนึ่งออกจากเมือง หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นอัปลักษณ์ เหมือนจะเป็น…พระชายาอ๋องเฉินขอรับ”สายตาของเฟิงเจิ้งอวี้ขรึมลงพระชายาอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียน!เขากำลังจะเอ่ยปาก ใต้ที่นั่ง ชายวัยกลางคนสวมชุดผาวสีน้ำตาลคนหนึ่งเอ่ยปากอย่างไม่เร่งไม่รีบ“หมาป่าตัวนั้นมีนิสัยดุร้าย ไม่แน่อาจจะก
ฉู่เชียนหลีจับมือนางอย่างกระตือรือร้น “เหตุใดมือเจ้าจึงเย็นเช่นนี้? เหตุใดอาการไอนี้ยังไม่หายดี? ต้องสวมเสื้อผ้าให้เยอะๆ ดูแลร่างกายให้ดีๆ วันข้างหน้าจึงจะสามารถมีลูกที่แข็งแรงให้ท่านอ๋องนะ”เซียวจือฮว่าได้ยินเช่นนี้ แก้มแดงทันทีนางก้มศีรษะ กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“พี่หญิงล้อเล่นแล้ว…”“นี่เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? จวนอ๋องเฉินต้องอาศัยเจ้าแตกกิ่งก้านสาขาแล้ว” ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม ท่าทางที่สนิทสนมนั่น ก็เหมือนกับปฏิบัติต่อน้องสาวแท้ๆ ก็มิปานเซียวจือฮว่าเกิดความสงสัยในใจ จู่ๆ ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้เอาใจใส่ถึงเพียงนี้ กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?บนใบหน้า แสร้งทำเป็นเขินอาย “พี่หญิงก็ควรพยายามถึงจะถูก อย่างไรเสียพี่หญิงจึงจะเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องแต่งภรรยาต่อหน้าสาธารณะ ข้าไม่ควรครอบครองท่านอ๋องไว้คนเดียว…”การพูดเช่นนี้ มันคือการโอ้อวดอย่างไร้รูป :ท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงคนเดียว เจ้าเข้าจวนสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยจับกระทั่งมือท่านอ๋อง เจ้ารีบสละตำแหน่งตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ! ——ฉันพยายามผีบ้าอะไร ฉันไม่มีทางทิ้งป่าทั้งผืนเพื่อต้นไม้เอียงแค่ต้นเดียวหรอก!ฉู่เชียนหลียิ้มแ
เขาเป็นคนให้นางไปจัดการหมาป่าตัวนั้น แต่สุดท้ายเขากลับบอกนางว่าหมาป่าตัวนั้นมีประวัติความเป็นมาที่ยิ่งใหญ่ นางล่วงเกินไม่ได้ ผลกรรมทุกอย่างล้วนเกิดจากการกระทำของนางเอง!เขาจงใจ!เขาไม่เคยคิดจะให้สัญญาอะไรกับนางตั้งแต่แรก“อยู่จวนอ๋องอย่างสงบจิตสงบใจ ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าแน่นอน เรื่องของรัชทายาท ข้าก็จะช่วยเจ้าจัดการเช่นกัน” เฟิงเย่เสวียนมองนางผู้คนต่างพูดว่าคุณหนูสี่ของจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่อัปลักษณ์ไร้ความงาม เป็นที่รังเกียจของผู้คนแต่ใครจะรู้เล่า ภายใต้โฉมหน้าที่อัปลักษณ์นี้ จะซ่อนปัญญา ทักษะการแพทย์ที่เหนือคน มีความกล้ามีกลอุบาย สามารถรุกและถอยเช่นไรเอาไว้ มีด้านใดบ้างที่ไม่ใช่ความสามารถเกินมนุษย์ฉู่เชียนหลีโมโหจนร้องไห้ทันที——อะไรคือช่วยฉันจัดการ? เดิมทีมันก็เป็นปัญหาที่นายไปหามาเอง เกี่ยวอะไรกับฉัน?——วันแต่งเมียน้อย นายเตะฉันตายในทีเดียว ตอนนี้ก็มาวางแผนเล่นงานฉันอีก ‘ฉู่เชียนหลี’ นอกจากตาบอด ควักลูกตาของตัวเอง ถึงจะตกหลุมรักผู้ชายที่ทั้งกากและชอบใช้ความรุนแรงในครอบครัวอย่างนาย! น่าโมโหชะมัด!ฉู่เชียนหลีโมโหจนถอนเท้าจากไป ไม่คิดจะสนใจเขาอีกเฟิงเย่เสวียนมองดูแผ่นหลังท
“ฉู่เชียนหลี!”พลันเฟิงเย่เสวียนแน่นหน้าอก มือที่จับไหล่ของนางเปลี่ยนเป็นช้อนอุ้มขึ้นมา เขาถีบประตูห้องหนังสือ ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป“ใครก็ได้ ไปเอายามา!”วางคนลงบนเก้าอี้นวมเล็ก จับเท้าข้างที่ได้รับบาดเจ็บของนางไว้ ถอดรองเท้าปักลายดอกไม้ ดึงถุงเท้าออก นิ้วเท้าที่เรียบเนียนได้บวมฉึ่งเหมือนกับตุ๊กตาหัวอ้วนสีแดงห้าตัวสาวใช้เดินเข้ามา เห็นภาพนี้แล้วตกใจจนสะดุ้งท่านอ๋องปฏิบัติต่อพระชายา…นางไม่กล้าพูดมาก รีบก้มหน้าลง ระงับความตกใจในใจ ส่งยาเสร็จก็ออกไปแล้วเฟิงเย่เสวียนรีบควักยามาทาที่นิ้วเท้าของนางฉู่เชียนหลีตกใจจนถีบเท้า “เจ้าทำอะไร…”“อย่าขยับ!”เสียงของเขาทุ้มต่ำ ฝ่ามือใหญ่และมีกำลังจับข้อเท้าของนางไว้แน่น ทายาที่อยู่บนปลายนิ้วลงไป และเริ่มลูบเบาๆ ให้กระจายออกซี้ด…เย็นจังร่างกายของฉู่เชียนหลีหดเกร็งโดยไม่รู้ตัว มองผู้ชายที่คุกเข่าข้างหนึ่งตรงหน้าเท้า และทายาให้นางอย่างคาดคิดไม่ถึงเล็กน้อย ในศีรษะเต็มไปด้วยความตะลึงงันเขาบ้าไปแล้ว?เมื่อก่อนเขาตบตีดุด่าว่านาง จอมเผด็จการผู้หล่อเหลาที่ใช้สายตาฆ่านางคนนั้นไปไหนแล้ว?เฟิงเย่เสวียนพลางทายาให้นาง พลางกล่าวตำหนิอย่างเย็
เขายกใบหน้าผิวสีแทนขึ้น น้ำเสียงหนักแน่นทรงพลัง เสียงดังชัดเจน ไม่สามารถรู้สึกถึงเจตนาขอโทษใดๆ ในน้ำเสียงของเขา กลับกันให้ความรู้สึกไม่กลัวเพราะมีคนหนุนหลังเล็กน้อยเฟิงเย่เสวียนวางฉู่เชียนหลีลง กวาดมองเขาอย่างเฉยเมยแวบหนึ่ง “อาการบาดเจ็บเป็นอย่างไรบ้าง?”ด้านข้าง ทหารชั้นผู้น้อยคนหนึ่งตอบอย่างหวาดกลัวเล็กน้อย“นิ้วข้างขวาของรองแม่ทัพเจียงถูกฟัน…ขาดไปสี่นิ้ว เหลือ เหลือแค่นิ้วโป้ง…”ในกองทัพ ความพิการคือข้อห้ามสูงสุด บาดแผลตรงมือยิ่งสำคัญอย่างยิ่งไม่มีนิ้วมือจะถือกระบี่อย่างไร? จะเข้าสนามรบอย่างไร?รองแม่ทัพเจียงนิ้วมือขาด ไม่สามารถฆ่าศัตรูบนสนามรบอีกต่อไป ทั้งชีวิตจบสิ้นแล้ว…“ข้าน้อยไม่มีเจตนาขอรับ” รองแม่ทัพโหวเอ่ยปากอีกครั้ง “ตอนประลองยุทธ์ กระบี่ที่ข้าน้อยฟันออกไปเก็บไม่ทัน นี่ถึงได้พลาดทำร้ายรองแม่ทัพเจียง ข้ารู้สึกเสียใจยิ่งนัก”พูดจบ เขาถอนหายใจอย่างเสียดายฉู่เชียนหลีมองคนคนนี้แวบหนึ่ง ความกล้าหาญแฝงระหว่างคิ้ว เยือกเย็นทั่วร่าง แต่ดวงตาคู่นั้นแคบยาว ดูแล้วให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนจิตใจคับแคบ ชอบคิดเล็กคิดน้อยเวลานี้ หานอิ่งเดินออกมาจากในกระโจม“นายท่าน ห้ามเลือด
หานอิ่งตะลึงงันหนึ่งวินาที พลันพยักหน้าอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”“พระชายา เชิญตามข้ามา” นางเดินนำหน้า ฉู่เชียนหลีเดินกะเผลกตามหลังเฟิงเย่เสวียนเห็นแล้ว คิ้วขมวด ก้าวออกไปกอดเอวของนาง ยกขึ้นเบาๆ อุ้มคนเข้าไปในกระโจมข้างนอกหลังจากอ๋องเฉินเข้าไปในกระโจม มีทหารหลายคนล้อมรอบรองแม่ทัพโหว กล่าวอย่างเลื่อมใส“ใต้เท้าโหว วรยุทธ์และความสามารถของท่านอยู่เหนือรองแม่ทัพเจียง ท่านสมควรนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการมากกว่า”“วรยุทธ์ของใต้เท้าโหว พวกเราเลื่อมใส…”“ร้ายกาจมาก…”รองแม่ทัพโหวถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ ฟังคำพูดประจบสอพลอเหล่านั้น ศีรษะของเขายกขึ้นเล็กน้อย เชิดคาง มีความภาคภูมิปรากฏขึ้นในแววตาหลายส่วนความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่ารองแม่ทัพเจียง เหตุใดท่านอ๋องไม่ให้ความสำคัญเขา?นี่ก็คือผลของการไม่ให้ความสำคัญเขา!เขาใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารองแม่ทัพเจียงเป็นคนไร้ประโยชน์ อีกอย่าง ประลองยุทธ์พลาดบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ ต่อให้ท่านอ๋องไม่พอใจ ก็ไม่สามารถลงโทษเขาตำแหน่งผู้บัญชาการ ต้องเป็นของเขาเท่านั้น!ภายในกระโจมกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูก บนเตียงเล็ก มีชายหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยก
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ
เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ
ฉู่เจียวเจียวได้ยินคำนี้ แค่อยากหัวเราะดังๆนี่มันเวลาไหนแล้ว นางกำนัลตัวน้อยๆ คนหนึ่งก็กล้าขวางนาง?“ข้าอยากให้ใครตาย คนคนนั้นก็ต้องตาย ข้าอยากฆ่าเจ้า ก็ง่ายเหมือนบี้มดตัวหนึ่ง”มดตัวน้อยๆ ยังกล้ากระโดดออกมาเรียกร้องความสนใจ?น่าขำ!ขันทีคนหนึ่งเดินเข้าไปใช้มือคว้าคอของไฉ่เซียไว้“อ่า!”ออกแรงบีบ!ไฉ่เซียหายใจไม่ออก หน้าแดงก่ำ ดิ้นรนอย่างเจ็บปวด“คนอย่างเจ้าก็กล้าออกหน้าแทนฉู่เชียนหลี? รนหาที่ตาย นี่ก็คือจุดจบของเจ้า!” ฉู่เจียวเจียวมองอย่างเย็นชาฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วพลันยกเขาถีบขันทีคนนั้นจนหน้าหงาย“แค่ก…แค่กๆ…” ไฉ่เซียล้มลงพื้นอย่างเจ็บปวด หอบหายใจและน้ำตาคลอเบ้า“กลับไป” ฉู่เชียนหลีหลุบตาไฉ่เซียพักหายใจครู่หนึ่ง เงยหน้าขึ้น จับชายกระโปรงของฉู่เชียนหลี “บ่าวไม่ไป”นางรับใช้แม่นางฉู่ครึ่งปี แม่นางฉู่ดีกับนางมาก และนางก็ชอบจื่อเยี่ยน้อยมาก มีความผูกพันต่อกัน“ฝ่าบาทเคยสั่งไว้ ต้องดูแลท่านให้ดี บ่าวจะปล่อยให้ท่านตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?”เขาหอยหายใจ ลุกขึ้นอย่างโซซัดโซเซ“ฮองเฮา ท่านขัดเจตนาของฝ่าบาท หลังจากฝ่าบาทกลับมา ต้องลงโทษท่านแน่”ฉู่เจียวเจียวโกรธทันทีนา
ข้าเกือบจะจมอยู่ในโลกของเจ้าแล้ว รักเจ้า ปกป้องเจ้า ตามใจเจ้า ในใจในสายตาล้วนมีแต่เจ้าสุดท้ายแล้วกลับบอกเขาว่า นี่เป็นเพียงแผนลวงฉู่เชียนหลี เจ้าเป็นเด็กดื้อจริงๆการอยู่ด้วยกันที่ยาวนานถึงครึ่งปี ข้าทุ่มเทให้เจ้าทุกอย่าง เจ้าไม่รู้สึกซาบซึ้งเลยหรือ? ไม่มีความผูกพันเลยหรือ?ต่อให้เป็นก้อนหิน ก็ควรจะกุมจนอุ่นนานแล้วต่อให้เป็นน้ำแข็ง ก็ควรกุมจนละลายนานแล้วหัวใจของเจ้าทำด้วยอะไร?เหตุใดจึงแข็งยิ่งกว่าก้อนหิน เย็นยิ่งกว่าหิมะน้ำแข็ง แต่ข้า…กลับรักเจ้าองครักษ์ลับคุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างกระวนกระวาย หัวใจกระสับกระส่าย หางตากวาดมองสีหน้าเขาอย่างระมัดระวัง และกล่าวอย่างระมัดระวัง“นายท่านวางใจได้ ผู้บัญชาการจางจับตัวไว้แล้ว”อาศัยแค่แม่นางฉู่คนเดียว และเด็กอายุครึ่งขวบคนหนึ่ง ต่อให้ติดปีกก็ยากจะหนีออกจากเมืองหลวงเฟิงเจิ้งหลีค่อยๆ หลุบตา เสียงที่เฉยเมยฟังอารมณ์ไม่ออก“อย่าทำร้ายนาง”“ขอรับ…”เวลานี้แล้ว นายท่านยังห่วงความปลอดภัยของแม่นางฉู่เฮ้อตั้งแต่อดีตรักมากก็เจ็บมากองครักษ์ลับรับคำสั่ง ขี่ม้าเร็วกลับเมืองหลวง เวลาเดียวกัน ทหารส่งสารของเมืองเทียนสู่ก็ส่งจดหมายมา“รายงา