หานอิ่งตะลึงงันหนึ่งวินาที พลันพยักหน้าอย่างนอบน้อม “เจ้าค่ะ”“พระชายา เชิญตามข้ามา” นางเดินนำหน้า ฉู่เชียนหลีเดินกะเผลกตามหลังเฟิงเย่เสวียนเห็นแล้ว คิ้วขมวด ก้าวออกไปกอดเอวของนาง ยกขึ้นเบาๆ อุ้มคนเข้าไปในกระโจมข้างนอกหลังจากอ๋องเฉินเข้าไปในกระโจม มีทหารหลายคนล้อมรอบรองแม่ทัพโหว กล่าวอย่างเลื่อมใส“ใต้เท้าโหว วรยุทธ์และความสามารถของท่านอยู่เหนือรองแม่ทัพเจียง ท่านสมควรนั่งตำแหน่งผู้บัญชาการมากกว่า”“วรยุทธ์ของใต้เท้าโหว พวกเราเลื่อมใส…”“ร้ายกาจมาก…”รองแม่ทัพโหวถูกทหารกลุ่มหนึ่งล้อมรอบ ฟังคำพูดประจบสอพลอเหล่านั้น ศีรษะของเขายกขึ้นเล็กน้อย เชิดคาง มีความภาคภูมิปรากฏขึ้นในแววตาหลายส่วนความสามารถของเขาแข็งแกร่งกว่ารองแม่ทัพเจียง เหตุใดท่านอ๋องไม่ให้ความสำคัญเขา?นี่ก็คือผลของการไม่ให้ความสำคัญเขา!เขาใช้ความสามารถพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ารองแม่ทัพเจียงเป็นคนไร้ประโยชน์ อีกอย่าง ประลองยุทธ์พลาดบาดเจ็บเป็นเรื่องปกติ ต่อให้ท่านอ๋องไม่พอใจ ก็ไม่สามารถลงโทษเขาตำแหน่งผู้บัญชาการ ต้องเป็นของเขาเท่านั้น!ภายในกระโจมกลิ่นคาวเลือดโชยมาเตะจมูก บนเตียงเล็ก มีชายหนุ่มที่อยู่ในช่วงวัยก
ภายในกระโจม ฉู่เชียนหลีเริ่มทำการผ่าตัดอย่างจริงจัง ภายนอกกระโจม ก็เป็นภาพอีกฉากหนึ่งบนเวทีประลอง ร่างเงาสองสายยืนประจันหน้าเข้าหา รองแม่ทัพโหวถือกระบี่ไว้ในมือ ฝั่งตรงข้าม ชายชุดผาวสีหมึกยืนมือไขว้หลัง ชายเสื้อยาวพลิ้วไหวไปตามสายลม กลิ่นอายที่สูงศักดิ์ก่อเกิดตามธรรมชาติใต้เวทีประลอง ทหารจำนวนนับไม่ถ้วนยืนล้อมข้างในสามชั้น ข้างนอกสาม มองดูภาพนี้อย่างประหม่าท่านอ๋องเสนอจะประลองยุทธ์กับรองแม่ทัพโหวความแข็งแกร่งของท่านอ๋องเป็นที่ประจักษ์ของผู้คน รองแม่ทัพโหวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของท่านอ๋องเลย ประลองกับท่านอ๋อง ไม่เท่ากับรนหาที่ตายหรอกหรือ?รองแม่ทัพโหวพลางเช็ดคมกระบี่ พลางชำเลืองมองชายฝั่งตรงข้ามอ๋องเฉินอายุน้อยกว่าเขาถึงสิบสามปี กลับกลายเป็น ‘เทพสงครามไร้พ่าย’ ในใจราษฎร แต่คนที่ขายชีวิตเพื่ออ๋องเฉินคือเขาและเหล่าทหารนับไม่ถ้วนคนที่ตายคือทหารคนที่เสียสละคือทหารคนที่บ้านแตกคนสิ้นก็คือทหารเช่นกันอ๋องเฉินนอกจากบัญชาการ เขายังเสียสละอะไรอีก?ในเมื่ออ๋องเฉินจะออกหน้าแทนรองแม่ทัพเจียง เช่นนั้นก็ให้เขามาลองเจอกับเด็กน้อยอายุยี่สิบต้นๆ คนนี้เสียหน่อย“ท่านอ๋อง เชิญ!” เขาเตรียมพร้อม
“ท่านอ๋อง…ท่าน…เอ่อ…อ๊า!”“อุ๊ก…”ต่อจากนั้น รองแม่ทัพโหวโดนซัดจนไม่มีแม้แต่โอกาสจะพูด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงตอบโต้แล้ว ถูกโจมตีถอยอย่างต่อเนื่อง แม้ล้มลงพื้นไปแล้ว ก็ยังไม่หยุดเหล่าทหารดูจนตกตะลึง นี่ท่านอ๋องกำลังโกรธ!สุดท้ายรองแม่ทัพโหวล้มลงพื้นอย่างอ่อนระทวย ไม่มีแรงลุกขึ้นอีกแล้ว ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือด ลมหายใจรวยริน ดวงตาทั้งคู่ไร้ชีวิตโดยเฉพาะมือขวาของเขามือขวาของเขาถูกเฟิงเย่เสวียนเตะจนหัก กระดูกที่แหลมคมแทงทะลุข้อมือออกมาให้เห็นโดยตรง ดูสยดสยองน่ากลัวเป็นยิ่งนัก…ฉู่เชียนหลีผ่าตัดเสร็จ เดินออกมาจากในกระโจมก็มองเห็นภาพนี้พอดี :สีหน้าของเฟิงเย่เสวียนเย็นชา เยือกเย็นราวกับดอกไม้น้ำค้างแข็งในเดือนสิบสอง ชายเสื้ออันสูงศักดิ์มีเลือดหยด ทำให้อุณหภูมิโดยรอบของเขายิ่งเย็น ช่วยสะท้อนบุคลิกโหดของเขาหลายส่วนรองแม่ทัพโหวหอบหายใจอย่างหนัก แหงนหน้ามองร่างเงาอันสูงศักดิ์สายนั้น ปากแทบไม่สามารถพูดเป็นประโยคที่สมบูรณ์“เจ้า…จง จงใจ…อ๊า!”พลันเฟิงเย่เสวียนกระทืบลงไปอย่างเย็นชา เหยียบอยู่บนมือที่หักของเขา ทำให้เขากรีดร้องราวกับเสียงฆ่าหมูทุกคนขมวดคิ้ว มองดูภาพนี้ ยิ่งไม่กล้ากระท
เฟิงเย่เสวียนเห็นมือขวาของเขาถูกห่อด้วยผ้าพันแผล นิ้วมือทั้งห้าล้วนอยู่ครบ ไม่ขาดไม่เกินแม้แต่นิ้วเดียว และยังสามารถขยับเบาๆ ทันใดนั้น สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีซับซ้อนขึ้นหลายส่วนนางมักทำให้เขาประหลาดใจเสมอ…นางก็เหมือนหมอกก้อนหนึ่ง ลึกลงไปในหมอกซ่อนความลับที่ไม่มีใครรู้เอาไว้ ยิ่งแผ่เสน่ห์ที่ดึงดูดใจคนทั่วร่าง ทำให้เขาอยากเข้าใกล้ ทำให้เขาอยากสำรวจนางอยากได้หนังสือหย่า แต่เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะปล่อยนางไป…“รองแม่ทัพเจียง เจ้าพักฟื้นให้เต็มที่ หากมีเรื่องอะไรก็มาจวนอ๋องเฉิน”“ขอรับ ขอบคุณท่านอ๋อง ขอบคุณพระชายา!”หลังจากรองแม่ทัพเจียงขอบคุณอย่างจริงใจ เฟิงเย่เสวียนก็พาฉู่เชียนหลีจากไปแล้วระหว่างทางกลับความคิดในใจฉู่เชียนหลีค่อนข้างไม่มั่นคง——ผู้ชายคนนี้ทำร้ายรองแม่ทัพโหวสาหัส เพราะเรื่องของรองแม่ทัพเจียง แค่ดูก็รู้ว่าให้ความสำคัญรองแม่ทัพเจียงมาก เธอช่วยต่อนิ้วคืนให้รองแม่ทัพเจียง สามารถขอรางวัลหรือเปล่านะ?——ถ้าหากเธออยากหย่า…อย่าแม้แต่จะคิด!เฟิงเย่เสวียนกำหมัด เอ่ยปากกะทันหัน “มีเรื่องที่พระชายาไม่รู้ ข้านำทัพขึ้นเหนือครั้งนี้ เพื่อสยบซยงหนู ในกองทัพปรากฏคนทรยศห
เหตุใดนางถึงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ?เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบาง “ศึกใหญ่ครั้งนี้ เดิมทีข้าได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ เตรียมตัวปราบซยงหนูให้ราบคาบ แต่ในกองทัพกลับมีคนทรยศ ส่งผลให้ฝ่ายเราบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากความตาย”“หากไม่ใช่เพราะฝ่าฟันจนสามารถเปิดเส้นทางเลือดสายหนึ่ง ข้าก็ไม่มีทางได้กลับมา”เอ่ยถึงเรื่องของศึกใหญ่ครั้งนี้ น้ำเสียงของเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม แววตายิ่งมืดครึ้มสงบ เยือกเย็น เงียบสงัด…ภาพที่มีเลือดนองเต็มพื้น มือขาดขาขาด ศพกองเป็นภูเขา ธรรมดาราวกับการกินข้าวดื่มน้ำ“หลายปีมานี้ ทุกเส้นทางที่ข้าเคยเดิน ล้วนเหยียบย่ำศพนับไม่ถ้วน” เสียงของเขาเฉยเมย เงยหน้าขึ้นมองนาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงรังเกียจเจ้า?”ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน นางส่ายศีรษะ“เมื่อสามเดือนกว่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่เจ้าวางยาข้า”สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดในชีวิตคือการใช้กลอุบาย และพวกคนประเภทจงใจเข้าหาเขา ภายใต้หน้ากากที่ประจบสอพลอและใจแคบ“จุดประสงค์ที่เจ้าเข้าหาข้าไม่บริสุทธิ์ หากข้าไม่ระแวดระวัง ท่ามกลางความผันผวนที่วุ่นวายในมุมมืดของราชวงศ์ ไม่รู้ว่าข้าจะ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันแล้วนี่เขาขอโทษนาง?ไม่ใช่กระมัง?ในความทรงจำ เขาทั้งเย็นชาทั้งพูดน้อย และยังลงมือโหดเหี้ยมมาก เหมือนเทพสงครามที่สังหารคนมากมายในสนามรบ คนเช่นนี้หรือจะยอมก้มศีรษะอันสูงส่งของตนเอง?ต้องเป็นภาพหลอนแน่!ฉู่เชียนหลีคิดเช่นนี้ ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม“ท่านอ๋องกล่าวหนักแล้ว ข้าลืมเรื่องในวันนั้นไปนานแล้ว ในสายตาของข้า ท่านอ๋องมีภาพลักษณ์ที่สง่าองอาจ สูงส่ง ไร้ข้อผูกมัด หล่อเหลา รอบคอบมีไหวพริบ และอ่อนโยนเสมอ”“และตอนนี้ท่านก็ยังอุ้มข้าด้วยตัวเอง ข้ารู้สึกดีใจมาก”——ก่อนหน้านี้พาฉันเข้าวังร่วมงานเลี้ยง แล้วก็ไปร่วมงานเลี้ยงจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ตอนนี้ยังอุ้มฉันอีก ถ้านายบอกว่านายไม่มีแผน ฉันยอมเด็ดหัวลงมาเตะแทนบอลเลย!เฟิงเย่เสวียนสูดลมเข้าลึกๆ รักษาการแสดงออกบนใบหน้าไว้สิ่งที่สมควรพูดก็พูดไปแล้ว ในเมื่อนางไม่เชื่อ เช่นนั้นก็คอยดูกันต่อไปในไม่ช้าก็เร็วสักวัน เขาจะทำให้นางรักเขา ไปจากเขาไม่ได้!จวนอ๋องเฉินหลังจากกลับมาถึงฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองแยกทางกัน ฉู่เชียนหลีกลับเรือนข้างของตนเอง ส่วนเฟิงเย่เสวียนไปเรือนหมิงเยว่ในเรือนหมิงเยว่อาหารบนโต๊ะอุ่นแล้วถูกปล่
เรือนข้างหลังจากฉู่เชียนหลีกลับมา เหนื่อยจนล้มตัวนอนบนเตียง ถีบรองเท้าออก ไม่อยากขยับตัวแล้วเยว่เอ๋อร์ถือน้ำอุ่นเข้ามาหนึ่งกะละมัง วางกะละมังน้ำบนชั้นวาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระชายา รีบล้างหน้าก่อนค่อยนอน ไม่เช่นนั้นไม่สบายตัวเจ้าค่ะ”“เหนื่อย”อย่างไรก็ไม่มีผู้ชาย เช่นนั้นก็ไม่ล้างแล้วเยว่เอ๋อร์นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ บีบน้ำให้แห้ง จากนั้นใช้สองมือส่งไปถึงหน้าเตียง ปรนนิบัติอย่างรอบด้านเป็นพิเศษฉู่เชียนหลีรับมา “เจ้ารู้ใจข้ามาก เพื่อเป็นรางวัล ในอนาคตข้าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้เจ้า แล้วเลี้ยงผู้ชายให้เจ้าหกคน”“วันละหนึ่งคน สุดสัปดาห์พักผ่อน เป็นอย่างไร”“...”เยว่เอ๋อร์หน้าแดงก่ำทันที เขินอายจนอยากหารูมุดเข้าไปพระชายาพูดออกมาได้…เป็นสาวเป็นแส้ จะพูดคำพูดที่ไม่สงวนตัวเช่นนี้ได้อย่างไร หากผู้อื่นได้ยินเข้า จะถูกจับไปจุ่มกรงหมูนะฉู่เชียนหลีเช็ดหน้าอย่างยิ้มแย้มเยว่เอ๋อร์กลับกรี๊ดกะทันหัน “ว้าย!”นางเบิกตากว้าง สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีราวกับเห็นผี นิ้วมือที่สั่นเทา ชี้นางอย่างสั่นเครือ“พระ พระ พระชายา…หน้า หน้าของท่าน…”“หน้าของข้ามันทำ…”ฉู่เชียนหลีหันไปมองกระจกสัมฤ
ขนของมันดำเช่นนั้น น่าจะชื่อเจ้าดำกระมัง?แต่นางเรียกอยู่หลายครั้ง ในป่าไม่มีการตอบสนองฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ลองเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ “เจ้าล่ำ”ก็ยังไม่มีการตอบสนอง“เจ้าสูง? พี่ใหญ่? เจ้าขายาว? เจ้าขนยาว? เจ้าขนดำ? เจ้าน่าเกรงขาม? เจ้าฉลาด…”ฟู่…ไม่รู้ว่าเป็นชื่อใดที่เรียกถูก มีเสียงการเคลื่อนไหวดังออกมาจากในป่า เห็นเพียงภายในป่าที่มืดสลัว ดวงตาสีเขียวเข้มคู่หนึ่งราวกับดวงไฟผีพุ่งเข้ามาใกล้กะทันหันลมเย็นปะทะหน้าวินาทีต่อมา เงาสีดำร่างใหญ่ที่เลือนลานปรากฏตรงหน้าฉู่เชียนหลีคือมัน!แต่ว่า…ขนของมันยุ่งเหยิง บนตัวยังมีลูกกระชับติดเต็มไปหมด ทำให้ขนที่เงางามของมันติดกันเป็นก้อนๆ ท่าทางที่ตกอับของมันก็เหมือนชนชั้นสูงที่สภาพทางการเงินตกต่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าสะบักสะบอมแค่ไหนพอมันเห็นนางก็เหมือนกับน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย หมอบอยู่บนพื้น ใช้หัวถูขาของนาง ราวกับกำลังออดอ้อนฉู่เชียนหลีถึงกับตะลึงงันแล้ว“เจ้าใช่หมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาจริงหรือ?!”แต่ไม่ใช่สุนัขดำตัวน้อยที่กระดิกหาง?หมาป่ารบเหวี่ยงหางใหญ่ที่ขนฟูทีหนึ่ง หัวพลางถูรองเท้านาง กลิ้งอยู่บนพื้นหนึ่งรอบ บ