เหตุใดนางถึงไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นนะ?เฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากบาง “ศึกใหญ่ครั้งนี้ เดิมทีข้าได้วางแผนไว้อย่างรอบคอบ เตรียมตัวปราบซยงหนูให้ราบคาบ แต่ในกองทัพกลับมีคนทรยศ ส่งผลให้ฝ่ายเราบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก ต้องหนีเอาชีวิตรอดจากความตาย”“หากไม่ใช่เพราะฝ่าฟันจนสามารถเปิดเส้นทางเลือดสายหนึ่ง ข้าก็ไม่มีทางได้กลับมา”เอ่ยถึงเรื่องของศึกใหญ่ครั้งนี้ น้ำเสียงของเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึม แววตายิ่งมืดครึ้มสงบ เยือกเย็น เงียบสงัด…ภาพที่มีเลือดนองเต็มพื้น มือขาดขาขาด ศพกองเป็นภูเขา ธรรมดาราวกับการกินข้าวดื่มน้ำ“หลายปีมานี้ ทุกเส้นทางที่ข้าเคยเดิน ล้วนเหยียบย่ำศพนับไม่ถ้วน” เสียงของเขาเฉยเมย เงยหน้าขึ้นมองนาง “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเพราะเหตุใดข้าจึงรังเกียจเจ้า?”ฉู่เชียนหลีมองเขาอย่างตะลึงงัน นางส่ายศีรษะ“เมื่อสามเดือนกว่าก่อนหน้านี้ เรื่องที่เจ้าวางยาข้า”สิ่งที่เขาเกลียดมากที่สุดในชีวิตคือการใช้กลอุบาย และพวกคนประเภทจงใจเข้าหาเขา ภายใต้หน้ากากที่ประจบสอพลอและใจแคบ“จุดประสงค์ที่เจ้าเข้าหาข้าไม่บริสุทธิ์ หากข้าไม่ระแวดระวัง ท่ามกลางความผันผวนที่วุ่นวายในมุมมืดของราชวงศ์ ไม่รู้ว่าข้าจะ
ฉู่เชียนหลีตะลึงงันแล้วนี่เขาขอโทษนาง?ไม่ใช่กระมัง?ในความทรงจำ เขาทั้งเย็นชาทั้งพูดน้อย และยังลงมือโหดเหี้ยมมาก เหมือนเทพสงครามที่สังหารคนมากมายในสนามรบ คนเช่นนี้หรือจะยอมก้มศีรษะอันสูงส่งของตนเอง?ต้องเป็นภาพหลอนแน่!ฉู่เชียนหลีคิดเช่นนี้ ใบหน้าเผยให้เห็นรอยยิ้ม“ท่านอ๋องกล่าวหนักแล้ว ข้าลืมเรื่องในวันนั้นไปนานแล้ว ในสายตาของข้า ท่านอ๋องมีภาพลักษณ์ที่สง่าองอาจ สูงส่ง ไร้ข้อผูกมัด หล่อเหลา รอบคอบมีไหวพริบ และอ่อนโยนเสมอ”“และตอนนี้ท่านก็ยังอุ้มข้าด้วยตัวเอง ข้ารู้สึกดีใจมาก”——ก่อนหน้านี้พาฉันเข้าวังร่วมงานเลี้ยง แล้วก็ไปร่วมงานเลี้ยงจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่ ตอนนี้ยังอุ้มฉันอีก ถ้านายบอกว่านายไม่มีแผน ฉันยอมเด็ดหัวลงมาเตะแทนบอลเลย!เฟิงเย่เสวียนสูดลมเข้าลึกๆ รักษาการแสดงออกบนใบหน้าไว้สิ่งที่สมควรพูดก็พูดไปแล้ว ในเมื่อนางไม่เชื่อ เช่นนั้นก็คอยดูกันต่อไปในไม่ช้าก็เร็วสักวัน เขาจะทำให้นางรักเขา ไปจากเขาไม่ได้!จวนอ๋องเฉินหลังจากกลับมาถึงฟ้าก็มืดแล้ว ทั้งสองแยกทางกัน ฉู่เชียนหลีกลับเรือนข้างของตนเอง ส่วนเฟิงเย่เสวียนไปเรือนหมิงเยว่ในเรือนหมิงเยว่อาหารบนโต๊ะอุ่นแล้วถูกปล่
เรือนข้างหลังจากฉู่เชียนหลีกลับมา เหนื่อยจนล้มตัวนอนบนเตียง ถีบรองเท้าออก ไม่อยากขยับตัวแล้วเยว่เอ๋อร์ถือน้ำอุ่นเข้ามาหนึ่งกะละมัง วางกะละมังน้ำบนชั้นวาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พระชายา รีบล้างหน้าก่อนค่อยนอน ไม่เช่นนั้นไม่สบายตัวเจ้าค่ะ”“เหนื่อย”อย่างไรก็ไม่มีผู้ชาย เช่นนั้นก็ไม่ล้างแล้วเยว่เอ๋อร์นำผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำ บีบน้ำให้แห้ง จากนั้นใช้สองมือส่งไปถึงหน้าเตียง ปรนนิบัติอย่างรอบด้านเป็นพิเศษฉู่เชียนหลีรับมา “เจ้ารู้ใจข้ามาก เพื่อเป็นรางวัล ในอนาคตข้าจะสร้างบ้านหลังใหญ่ให้เจ้า แล้วเลี้ยงผู้ชายให้เจ้าหกคน”“วันละหนึ่งคน สุดสัปดาห์พักผ่อน เป็นอย่างไร”“...”เยว่เอ๋อร์หน้าแดงก่ำทันที เขินอายจนอยากหารูมุดเข้าไปพระชายาพูดออกมาได้…เป็นสาวเป็นแส้ จะพูดคำพูดที่ไม่สงวนตัวเช่นนี้ได้อย่างไร หากผู้อื่นได้ยินเข้า จะถูกจับไปจุ่มกรงหมูนะฉู่เชียนหลีเช็ดหน้าอย่างยิ้มแย้มเยว่เอ๋อร์กลับกรี๊ดกะทันหัน “ว้าย!”นางเบิกตากว้าง สายตาที่มองไปทางฉู่เชียนหลีราวกับเห็นผี นิ้วมือที่สั่นเทา ชี้นางอย่างสั่นเครือ“พระ พระ พระชายา…หน้า หน้าของท่าน…”“หน้าของข้ามันทำ…”ฉู่เชียนหลีหันไปมองกระจกสัมฤ
ขนของมันดำเช่นนั้น น่าจะชื่อเจ้าดำกระมัง?แต่นางเรียกอยู่หลายครั้ง ในป่าไม่มีการตอบสนองฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ลองเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ “เจ้าล่ำ”ก็ยังไม่มีการตอบสนอง“เจ้าสูง? พี่ใหญ่? เจ้าขายาว? เจ้าขนยาว? เจ้าขนดำ? เจ้าน่าเกรงขาม? เจ้าฉลาด…”ฟู่…ไม่รู้ว่าเป็นชื่อใดที่เรียกถูก มีเสียงการเคลื่อนไหวดังออกมาจากในป่า เห็นเพียงภายในป่าที่มืดสลัว ดวงตาสีเขียวเข้มคู่หนึ่งราวกับดวงไฟผีพุ่งเข้ามาใกล้กะทันหันลมเย็นปะทะหน้าวินาทีต่อมา เงาสีดำร่างใหญ่ที่เลือนลานปรากฏตรงหน้าฉู่เชียนหลีคือมัน!แต่ว่า…ขนของมันยุ่งเหยิง บนตัวยังมีลูกกระชับติดเต็มไปหมด ทำให้ขนที่เงางามของมันติดกันเป็นก้อนๆ ท่าทางที่ตกอับของมันก็เหมือนชนชั้นสูงที่สภาพทางการเงินตกต่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าสะบักสะบอมแค่ไหนพอมันเห็นนางก็เหมือนกับน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย หมอบอยู่บนพื้น ใช้หัวถูขาของนาง ราวกับกำลังออดอ้อนฉู่เชียนหลีถึงกับตะลึงงันแล้ว“เจ้าใช่หมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาจริงหรือ?!”แต่ไม่ใช่สุนัขดำตัวน้อยที่กระดิกหาง?หมาป่ารบเหวี่ยงหางใหญ่ที่ขนฟูทีหนึ่ง หัวพลางถูรองเท้านาง กลิ้งอยู่บนพื้นหนึ่งรอบ บ
“เจ้าดำน้อย พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่เชียนหลีลูบหูที่มีขนปุกปุยของมัน “เจ้าจะเข้าเมืองไม่ได้นะ ถ้าองค์รัชทายาทพบเข้า จะต้องจับตัวเจ้ากลับไปแน่ ข้าจะต้องคิดหาวิธีจัดการเจ้าอย่างรัดกุมก่อน เจ้ารอข้าคิดก่อนนะ”หนึ่งคนหนึ่งหมาป่ากำลังก้าวเดินผู้หญิงเดินนำหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อย กำลังลูบคาง เดินพลางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้หมาป่าดำกำลังสาวอุ้งเท้า เดินตามอยู่ด้านหลังช้า ๆภายใต้แสงจันทร์ที่มืดสลัว บนทางอันเงียบเหงาสองสายที่เดินอยู่แลดูกลมเกลียดเป็นพิเศษ ทำให้ความมืดยามราตรียิ่งสงบมากขึ้นทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น“โอ๊ย ไอ้…!”ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นชายหนุ่มกระโดดสูงสามฉื่อ กอดต้นไม้เอาไว้ด้วยความตกใจ “นี่ไม่ใช่จวี้เฟิงฮ่าวของท่านลุงรัชทายาทหรอกหรือ?!”หลิงเชียนอี้คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่กลับบ้าน ยังต้องเจอสัตว์ป่าดุร้ายอีก ตกใจจนขวัญเสียได้ยินมาว่า ท่านลุงรัชทายาทจะต้องป้อนเนื้อสดให้มันวันละยี่สิบชั่ง มีครั้งหนึ่งที่มันกินไม่อิ่มจึงกัดคนรับใช้ที่เลี้ยงดูจนตาย แล้วกลืนลงท้องไปเลย...หลิงเชียนอี้ตกใจจนปีนต้นไม้ ถึงสังเกตเห็นถึงฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างตัวหมาป่าดำยังไม่ได้ถามนางว
ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ในเมื่อท่านโหวน้อยช่วยเหลือนาง เช่นนั้นการที่นางจะช่วยเขาขอภาพวาดภาพหนึ่งก็เป็นเรื่องสมควรหมาป่าตัวนี้มีสายเลือดที่ค่อนข้างหายาก ต่อไปอาจจะสามารถช่วยชีวิตนางในช่วงเวลาคับขันได้ และนางช่วยรองแม่ทัพเจียง นางขอภาพวาดภาพหนึ่งกับอ๋องเฉินเพื่อเป็นรางวัล คงไม่เกินไปหรอกกระมัง?หลังจากครุ่นคิด บรรลุความร่วมมือ“ถ้าเป็นไปตามคาด ท่านก็มารับได้ในพลบค่ำวันพรุ่งนี้เถอะ”“ดี เด็ดขาดจริง ๆ!”วันรุ่งขึ้นหลังจากฉู่เชียนหลีตื่นนอน ในระหว่างกำลังกินอาหารเช้าก็ครุ่นคิดถึงเรื่องภาพวาดนั้น ในเมื่อแขวนอยู่ที่ห้องหนังสือ เช่นนั้นนางก็จะไปที่ห้องหนังสือรีบร้อนกินข้าว เช็ดปาก ยกขนมที่กินไม่หมดที่อยู่บนโต๊ะจานนั้น เดินมาที่เรือนหานเฟิง“พระชายานี่คือ...”หานเฟิงเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ ตอนที่นายท่านทำงาน หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ชอบให้ผู้ใดมารบกวนฉู่เชียนหลีมองไปยังประตูห้องหนังสือที่ปิดเอาไว้ ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยเสียงอ่อนโยน“ท่านอ๋องกำลังยุ่งหรือ? ข้าทำขนมเองกับมือจำนวนหนึ่ง อยากจะเอามาให้ท่านอ๋องลองชิมน่ะ”หานเฟิงชะงักไปเล็กน้อยนายท่านไม่เคยเบนความสนใจเพราะเรื่องแบบนี้มาก่
ขนมในมือหมดความหอมไปทันทีเฟิงเย่เสวียนวางกลับที่เดิม แล้วหยิบฎีกาขึ้นมาใหม่ “ข้ามีงานยุ่ง มีธุระอะไรค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้”“งั้นขนมนี่...”“วางเอาไว้”เมื่อพูดจบ ก็หลุบตาลงอ่านฎีกาฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ อยากจะพูดถึงเรื่องของหมาป่ากับเขา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเขากับองค์รัชทายาท หากทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันขึ้นมา นางจะปัดความรับผิดชอบได้ยากเมื่อคิดดูแล้ว ไม่พูดดีกว่ากวาดตามองภาพแขวนที่ราคาสูง ความเป็นมายิ่งใหญ่ที่อยู่บนฉากบังลมรูปนั้น ก็เลียริมฝีปากก่อนจะเอ่ย“ท่านอ๋อง อันที่จริงข้ามาเพื่อที่จะสอบถามอาการของรองแม่ทัพเจียงสักหน่อย”“อันที่จริงอาการของรองแม่ทัพเจียงสาหัสมาก จะต้องจับตาดูตลอดเวลา ทันทีที่ใช้ยาไม่ถูกต้องหรือว่าเกิดเรื่องผิดพลาดตรงไหน มือของเขาอาจจะพิการได้ และมีแต่ข้าที่มียา”ว่าแล้วนางก็ล้วงยาปฏิชีวนะออกมาจากในแขนเสื้อนิ้วที่ถูกตัดสามารถต่อกลับไปใหม่ได้ ต้องการเวลาในการเติบโตใหม่ การฉีดยาปฏิชีวนะสามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของนิ้วที่ขาดได้เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองวัตถุที่อยู่ในมือของนางนางมักจะหยิบสิ่งของที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็น
เห็นแก่ภาพวาดบนนั้น หลังจากฉู่เชียนหลีสังเกตแผนที่อย่างจริงจังก็เอ่ยขึ้น“ท่านอ๋อง ยอดเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย สูงเสียเสียดฟ้า เกรงว่าจะเป็นสถานการณ์หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน อยากจะขึ้นยอดเขา ไม่ลองกำจัดสิ่งกีดขวางออกทีละอย่างดูก่อน แล้วค่อยขึ้นยอดเขาก็ยังไม่สาย”“อ้อ?”ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อยเขายังไม่ทันบอกว่าความลึกลับบนภูเขาลูกนี้ นางกลับมองออกเสียแล้วไม่เลวจึงซักถามต่อ “ตามความเห็นของพระชายา จะใช้วิธีใดถึงจะปีนไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ โดยเกิดการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด?”ฉู่เชียนหลีลูบคาง ตกอยู่ในความคิดยอดเขานี้สูงชัน ทั้งสี่ด้านล้วนเป็นหน้าผา น่ากลัวว่าจะมีทางขึ้นเขาเพียงสายเดียว ทั้งยังอันตรายมาก ทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนคอยขัดขวางการขึ้นเขาอีกด้วย ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มพูนถ้าอยากจะให้มีการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด...หลังจากพึมพำเสียงต่ำเล็กน้อย จู่ ๆ ก็เกิดความคิดสวนทาง“ในเมื่อมีคนคอยขัดขวาง เหตุใดขึงไม่ให้เขาเป็นฝ่ายลงมา ยกเลิกการป้องกันก่อนล่ะ?”นางชี้ไปที่ยอดเขา “เพียงแค่ใช้วิธีการบีบบังคับให้พวกเขาลงมา พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ นอกเสียจากว่าภูเขา