ในเวลานี้ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน ด้านหลังกำแพงเรือน มีสองสามร่างกำลัง ชะโงกหัวเยี่ยม ๆ มอง ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ “ระวังหน่อย ๆ อย่าให้ถูกจับได้”บรรดาองครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของจวนอ๋อง “...”คุณชายทุกท่าน เชิญพวกท่านทำต่อไป พวกข้าตาบอด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเป็นหลิงเชียนอี้รวมทั้งสหายที่ไม่เอาการเอางานทั้งสามคนตู้หนิงเป็นบุตรชายตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของเจียงหนาน นิสัยหุนหันพลันแล่นตรงไปตรงมา “ใช้ได้นี่ เหล่าหลิง เจ้าเอาผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหวังอันมาได้จริง ๆ งั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าอ๋องเฉินเก็บรักษาภาพวาดนี้เอาไว้อย่างทะนุถนอม หวงแหนมาก”บิดาของซูมู่เป็นไท่ฟู่[footnoteRef:1] ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เขาจึงเงียบขรึมและอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย [1: อาจารย์ของรัชทายาท] “ท่านโหวน้อย เหตุใดท่านถึงสนใจในตัวของฉู่เชียนหลี ข้าได้ยินมาว่านางไม่ได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน...”เริ่นอันหรานเงียบขรึมที่สุด สุขุมที่สุด แล้วก็ชำนาญในเรื่องการชั่งน้ำหนักและวิเคราะห์มากที่สุด“อย่าได้ดูถูกสตรี”โดยเฉพาะสตรีที่อายุน้อย และมีความคิดสตรีอยากจะเปลี่ยนฐานะตนเองง่ายกว่าบุรุษมากนักบนใบหน้าข
ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเอ่ยถึงอ๋องเฉิน ทุกคนล้วนเคารพยำเกรง เคารพนับถือ ประจบประแจง มีเพียงแค่ฉู่เชียนหลี มีเพียงนางที่กล้าพูดความในใจออกมาหลิงเชียนอี้รู้สึกว่าฉู่เชียนหลีได้กระตุ้นความเป็นหัวอกเดียวกันของเขา รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาทันที ตื้นตันใจจนไม่รู้จะพูดอะไรหลังจากความตื้นตันใจผ่านไป จึงดึงมือของฉู่เชียนหลี “จะต้องให้ท่านน้าเฉินที่รังแกท่านชดใช้!”“ถูกต้อง ข้าไม่ยอมก้มหัวให้หรอก”“ฉู่เชียนหลี ข้าสนับสนุนท่าน!”ทั้งสองคนรู้สึกเช่นเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน เสียดายที่รู้จักกันช้าไปดังนั้น ทั้งสองคนจึงเหมือนกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาสิบกว่าปี เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กลับไปที่เรือนซอมซ่อ ศึกษาค้นคว้าหนทางที่จะนำภาพวาดนั้นมาให้ได้ฉู่เชียนหลีไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านถึงต้องอยากได้ภาพนั้น?”หลิงเชียนอี้ตกใจทันที อะไรบางอย่างแวบผ่านดวงตาด้วยความรวดเร็ว เอ่ยขึ้น“ฉู่เชียนหลีท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ท่านน้าของข้ามีความชอบพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสะสมวัตถุโบราณ อย่างเช่นพวกกระบี่โบราณ ของเล่นโบราณเหล่านั้น สิ่งของที่ขุดขึ้นมาจากสุสาน รวมทั้งภาพวาดที่มีความเป็นมาล้ำค่า ผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหว
กรอบภาพวาดนี้ราวกับถูกยึดอยู่บนฉากบังลม ทั้งยังมีตัวเกี่ยวลับ จะหยิบลงมาเลยไม่ได้ฉู่เชียนหลีมือหนึ่งยกกรอบภาพ อีกมือหนึ่งยื่นเข้าไปในช่องว่างระหว่างกรอบภาพกับฉากบังลม คลำหาตำแหน่งของตัวเกี่ยวลับอย่างละเอียดนางคลำหาอย่างตั้งใจ แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลิงเชียนอี้ได้กระโดดออกทางหน้าต่างไปแล้ว ก็มีเงาดำที่สูงส่งเงาหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านหลังของนาง...คลำถูกดหาทันใดนั้น ปลายนิ้วก็สัมผัสถึงตำแหน่งที่นูนออกมาเล็กน้อยแห่งหนึ่ง ออกแรงกดเล็กน้อย ได้ยินเสียง‘แกรก’ทีหนึ่ง กรอบภาพก็คลายออก“ข้าเอาลงมาได้แล้ว!” ฉู่เชียนหลีกอดกรอบภาพเอาไว้ หันหลังกลับไปด้วยความดีใจ “หลิง...”เสียงพูดหยุดกึกรอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อไปทันทีเห็นเฟิงเย่เสวียนในชุดสีดำยืนอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลัง กำลังสำรวจนางด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ท่าทางที่ดูสงบ ราวกับว่าได้มาถึงตรงนี้นานแล้ว แล้วก็มองไปยังห้องหนังสือ ที่ไม่มีเงาของหลิงเชียนอี้ตั้งนานแล้วทันใดนั้นฉู่เชียนหลีที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็กระทืบเท้าอย่างโมโหไอ้เลว!หลิงเชียนอี้ นายมันไอ้คนไม่มีคุณธรรม ทรยศฉัน!“พระชายากำลังทำ
โตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าหลอกลวงนางไอ้เด็กเปรต!“หลิงเชียนอี้ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าหลบครั้งนี้ได้ แต่หลบตลอดไปไม่ได้หรอก ถ้าข้าจับตัวเจ้าได้ เจ้าตายแน่!”ฉู่เชียนหลีกำหมัด ตะโกนเสียงดัง เมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ทั้งน่าตกใจและอันตรายนั้น นางก็โมโหจนลำคอแดงก่ำถ้าหากไม่ใช่เพราะนางฉลาดปราดเปรื่องหนีไว ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องโหดร้ายอะไรขึ้นหลิงเชียนอี้ไอ้คนน่ารังเกียจ!ยังพูดว่าเสียดายที่เจอกับนางช้าไป อยากจะเป็นเพื่อนสนิทอะไรต่าง ๆ นานา พริบตาเดียวก็ทรยศนางเสียแล้ว“ไอ้สารเลว!”“พี่หญิง...”ทันใดนั้น น้ำเสียงประหลาดใจเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามาฉู่เชียนหลีชะงักไปทันที หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นเซียวจือฮว่ายืนอยู่บนทางเดินเล็ก ๆ ที่เป็นหินกรวด ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร กำลังกุมปาก มองมาทางนางด้วยสีหน้าด้วยใบหน้าตื่นตะลึงพี่หญิงกำลัง...สบถด่าอยู่งั้นหรือ?พระชายาอ๋องเฉินมีฐานะเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ ฐานะสูงส่ง เหตุใดถึงได้ทำตัวเยี่ยงหญิงบ้านป่า?ฉู่เชียนหลีเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นเอามือลง จัดระเบียบเสื้อผ้า และทัดลูกผมไว้ข้างหู ทำสีหน้าท่าทางสง่างามดังเดิมทันที บนใบห
เขายิ่งพูดยิ่งรีบร้อน ยิ่งกำมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉู่เชียนหลีจะออกแรงขนาดไหนก็สะบัดเขาไม่หลุด“ปล่อยข้า!”“เสียวฉู่ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโมโหเรื่องที่ข้ากับคุณหนูรองฉู่คบหากัน แต่เจ้าวางใจ ในใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น แม้ว่าบนใบหน้าของเจ้าจะมีปาน ข้าก็ไม่เคยใส่ใจมาก่อน หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้า หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ?”“ปล่อยมือ!”“เสียวฉู่ อย่าเก็บความรู้สึกภายในใจของตนเองเลย ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด!”ออกแรงกอดแน่นฉู่เชียนหลีมุดหัวเข้าไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม ทั่วทั้งหน้ามุดเข้าไปในทรวงอกของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแรงของชายหนุ่มถึงได้มากมายขนาดนี้ รัดนางเอาไว้แน่น อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกนางพยายามต่อสู้ ดิ้นรน ยิ่งพยายาม ชายหนุ่มยิ่งกอดแน่นอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างทั้งสองคนกำลังหลั่งไหล ไม่มีใครเห็นเงาร่างสีดำที่ยืนอยู่บริเวณไม่ไกลจากตรอก ฉากนี้สะท้อนอยู่นัยน์ตาดำขลับที่ยากจะหยั่งถึงตั้งนานแล้ว...หันหลังกลับ แล้วเดินจากไปในที่สุด!ฉู่เชียนหลีกระทืบเท้าของเขาทีหนึ่งถึงได้ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของเขาได้ ถอยหลังออกไปไกล เอ่ยเสียงเย็นชา“คุณชายหาน‘ฉู่เชียนห
ครืดเสียงโซ่เหล็กดังขึ้นเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้ามองไป พริบตาเดียว ท่าโน้มตัวของเขานั้นราวกับกำลังรอเหยื่อ ดวงตามืดมนราวกับบ่อน้ำโบราณที่มองไม่เห็นก้นบ่อ อากาศเย็นที่ซ่อนอยู่ในนั้นยิ่งทำให้อากาศหนาวเป็นน้ำแข็งริมฝีปากบางเผยอออก“เข้ามา”คำพูดที่เย็นชาสองคำ แทบจะแยกแยะอารมณ์ของเขาไม่ออกไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจของฉู่เชียนหลีบีบรัดทันที แต่นางไม่ได้ทำเรื่องละอายใจอะไร จะละอายใจทำไม?เมื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในทันใดนั้น ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้น ปล่อยกำลังภายในกลุ่มหนึ่ง กระแทกเข้าไปที่ประตูปัง!ฉู่เชียนหลีหันหน้าไปมองตามจิตสำนึก เมื่อเห็นว่าประตูปิดลงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ได้กลิ่นอายที่อันตรายกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้นางเมื่อหันหน้ากลับไป ก็เห็นชายหนุ่มลุกขึ้น เดินมาทางนาง ร่างกายที่สูงใหญ่กำยำทอดเงาขนาดมหึมา เข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ แสงดำมืดแผ่คลุมนางทีละนิด ๆ ปลายนิ้วของเขากำลังเล่นกับโซ่เหล็กด้วยท่าทางสบาย ๆ“ท่าน...”แผ่นหลังของฉู่เชียนหลีเย็นขึ้นเล็กน้อย ร่างกายเกร็งขึ้นบางส่วนอย่างอดไม่ได้“ท่าน...เป็นอะไรไป?”เขาจ้องมองนางด
นางบิดร่างกาย พยายามถีบขาบิดตัว พยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ ขัดขืนการเข้าใกล้ของชายหนุ่มเป็นอย่างหนักชายหนุ่มใช้กำลังกดนางเอาไว้ น้ำหนักของร่างกายราวกับภูเขาลูกใหญ่ ลมหายใจที่รุนแรง พันธนาการอย่างเผด็จการ ยิ่งไม่ให้ขัดขืนนางจำต้องยอมรับ สิ่งที่เขาพยายามยัดเยียดให้!“ข้าไม่ต้องการ!”“ปล่อยข้า!”“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีกรีดร้อง จ้องเขม็งอย่างโกรธแค้น พยายามดิ้นรน มีชีวิตมาสองชาติยังไม่เคยเจอกับเรื่องประเภทนี้ ชายหนุ่มใช้ความได้เปรียบทางพละกำลังที่มีมาแต่กำเนิดกดนางเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือเท้าทั้งสองข้างขยับเขยื้อนไม่ได้ นางก็เหมือนกับปลาที่ถูกตรึงอยู่บนเขียง ได้เพียงยอมให้ฆ่าแกงเสื้อผ้าไหลลงจากหัวไหล่มาที่แขนหัวไหล่และหน้าอกรู้สึกหนาว...ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ขยับ ภายใต้ความตื่นตระหนก เงยหน้ากระแทกเข้ากับบ่าของชายหนุ่ม อ้าปากแล้วออกแรงกัดทีหนึ่ง“อือ!”ชายหนุ่มเจ็บปวด การกระทำชะงักไปเล็กน้อยการกัดครั้งนี้ ไม่ออมแรงแม้แต่น้อย ได้ลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดโดยตรงชายหนุ่มกวาดสายตาที่เย็นยะเยือกไปยังศีรษะเล็กที่อยู่บริเวณหัวไหล่ ปลายนิ้วที่เย็นเยือกบีบคางของหญิงสาวเอาไว้ ออกแร
ด้านนอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีคว้าเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง วิ่งที่ด้านหลังภูเขาปลอมด้วยท่าทางตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก วิ่งเข้าไปหลบในสถานที่ลับตาคนถึงจะกล้าหยุดวิ่งกระหืดกระหอบ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยือกเป็นน้ำตา...นางลูบใบหน้าที่เปียกชื้นอย่างตกใจกลัว นางไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน ฝีมืออยู่กับตัว กล้าหือกับทุกคน แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนทำให้ตกใจจนร้องไห้ออกมา?ไม่เอาไหนจริง ๆ !เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อครู่นี้ สีหน้าของนางก็หม่นหมองลงอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเป็นเซียวจือฮว่าบอกนาง ว่ามีคนมาหานางเฟิงเย่เสวียนก็รู้เรื่องที่นางไปพบกับหานมู่ซีเดาออกได้ไม่ยาก เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของเซียวจือฮว่าเซียวจือฮว่า!ฉู่เชียนหลีจัดเสื้อผ้า นำผมที่ยุ่งเหยิงทัดข้างหูเรียบร้อย ปรับลมหายใจเรียบร้อย รอจนกระทั่งตอนที่มองความผิดปกติใดๆไม่ออก ถึงได้เดินออกมาจากด้านหลังภูเขาปลอม เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนหมิงเยว่ด้วยสายตาที่มืดครึ้มระหว่างทาง มีคนจำนวนไม่น้อยจ้องมองนางเดิมทีอยากจะทำความเคารพ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมบึ้งตึงนั้นของพระชายาก็ตกใจจนก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดมากจ