โตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าหลอกลวงนางไอ้เด็กเปรต!“หลิงเชียนอี้ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าหลบครั้งนี้ได้ แต่หลบตลอดไปไม่ได้หรอก ถ้าข้าจับตัวเจ้าได้ เจ้าตายแน่!”ฉู่เชียนหลีกำหมัด ตะโกนเสียงดัง เมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ทั้งน่าตกใจและอันตรายนั้น นางก็โมโหจนลำคอแดงก่ำถ้าหากไม่ใช่เพราะนางฉลาดปราดเปรื่องหนีไว ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องโหดร้ายอะไรขึ้นหลิงเชียนอี้ไอ้คนน่ารังเกียจ!ยังพูดว่าเสียดายที่เจอกับนางช้าไป อยากจะเป็นเพื่อนสนิทอะไรต่าง ๆ นานา พริบตาเดียวก็ทรยศนางเสียแล้ว“ไอ้สารเลว!”“พี่หญิง...”ทันใดนั้น น้ำเสียงประหลาดใจเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามาฉู่เชียนหลีชะงักไปทันที หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นเซียวจือฮว่ายืนอยู่บนทางเดินเล็ก ๆ ที่เป็นหินกรวด ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร กำลังกุมปาก มองมาทางนางด้วยสีหน้าด้วยใบหน้าตื่นตะลึงพี่หญิงกำลัง...สบถด่าอยู่งั้นหรือ?พระชายาอ๋องเฉินมีฐานะเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ ฐานะสูงส่ง เหตุใดถึงได้ทำตัวเยี่ยงหญิงบ้านป่า?ฉู่เชียนหลีเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นเอามือลง จัดระเบียบเสื้อผ้า และทัดลูกผมไว้ข้างหู ทำสีหน้าท่าทางสง่างามดังเดิมทันที บนใบห
เขายิ่งพูดยิ่งรีบร้อน ยิ่งกำมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉู่เชียนหลีจะออกแรงขนาดไหนก็สะบัดเขาไม่หลุด“ปล่อยข้า!”“เสียวฉู่ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโมโหเรื่องที่ข้ากับคุณหนูรองฉู่คบหากัน แต่เจ้าวางใจ ในใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น แม้ว่าบนใบหน้าของเจ้าจะมีปาน ข้าก็ไม่เคยใส่ใจมาก่อน หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้า หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ?”“ปล่อยมือ!”“เสียวฉู่ อย่าเก็บความรู้สึกภายในใจของตนเองเลย ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด!”ออกแรงกอดแน่นฉู่เชียนหลีมุดหัวเข้าไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม ทั่วทั้งหน้ามุดเข้าไปในทรวงอกของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแรงของชายหนุ่มถึงได้มากมายขนาดนี้ รัดนางเอาไว้แน่น อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกนางพยายามต่อสู้ ดิ้นรน ยิ่งพยายาม ชายหนุ่มยิ่งกอดแน่นอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างทั้งสองคนกำลังหลั่งไหล ไม่มีใครเห็นเงาร่างสีดำที่ยืนอยู่บริเวณไม่ไกลจากตรอก ฉากนี้สะท้อนอยู่นัยน์ตาดำขลับที่ยากจะหยั่งถึงตั้งนานแล้ว...หันหลังกลับ แล้วเดินจากไปในที่สุด!ฉู่เชียนหลีกระทืบเท้าของเขาทีหนึ่งถึงได้ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของเขาได้ ถอยหลังออกไปไกล เอ่ยเสียงเย็นชา“คุณชายหาน‘ฉู่เชียนห
ครืดเสียงโซ่เหล็กดังขึ้นเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้ามองไป พริบตาเดียว ท่าโน้มตัวของเขานั้นราวกับกำลังรอเหยื่อ ดวงตามืดมนราวกับบ่อน้ำโบราณที่มองไม่เห็นก้นบ่อ อากาศเย็นที่ซ่อนอยู่ในนั้นยิ่งทำให้อากาศหนาวเป็นน้ำแข็งริมฝีปากบางเผยอออก“เข้ามา”คำพูดที่เย็นชาสองคำ แทบจะแยกแยะอารมณ์ของเขาไม่ออกไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจของฉู่เชียนหลีบีบรัดทันที แต่นางไม่ได้ทำเรื่องละอายใจอะไร จะละอายใจทำไม?เมื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในทันใดนั้น ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้น ปล่อยกำลังภายในกลุ่มหนึ่ง กระแทกเข้าไปที่ประตูปัง!ฉู่เชียนหลีหันหน้าไปมองตามจิตสำนึก เมื่อเห็นว่าประตูปิดลงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ได้กลิ่นอายที่อันตรายกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้นางเมื่อหันหน้ากลับไป ก็เห็นชายหนุ่มลุกขึ้น เดินมาทางนาง ร่างกายที่สูงใหญ่กำยำทอดเงาขนาดมหึมา เข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ แสงดำมืดแผ่คลุมนางทีละนิด ๆ ปลายนิ้วของเขากำลังเล่นกับโซ่เหล็กด้วยท่าทางสบาย ๆ“ท่าน...”แผ่นหลังของฉู่เชียนหลีเย็นขึ้นเล็กน้อย ร่างกายเกร็งขึ้นบางส่วนอย่างอดไม่ได้“ท่าน...เป็นอะไรไป?”เขาจ้องมองนางด
นางบิดร่างกาย พยายามถีบขาบิดตัว พยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ ขัดขืนการเข้าใกล้ของชายหนุ่มเป็นอย่างหนักชายหนุ่มใช้กำลังกดนางเอาไว้ น้ำหนักของร่างกายราวกับภูเขาลูกใหญ่ ลมหายใจที่รุนแรง พันธนาการอย่างเผด็จการ ยิ่งไม่ให้ขัดขืนนางจำต้องยอมรับ สิ่งที่เขาพยายามยัดเยียดให้!“ข้าไม่ต้องการ!”“ปล่อยข้า!”“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีกรีดร้อง จ้องเขม็งอย่างโกรธแค้น พยายามดิ้นรน มีชีวิตมาสองชาติยังไม่เคยเจอกับเรื่องประเภทนี้ ชายหนุ่มใช้ความได้เปรียบทางพละกำลังที่มีมาแต่กำเนิดกดนางเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือเท้าทั้งสองข้างขยับเขยื้อนไม่ได้ นางก็เหมือนกับปลาที่ถูกตรึงอยู่บนเขียง ได้เพียงยอมให้ฆ่าแกงเสื้อผ้าไหลลงจากหัวไหล่มาที่แขนหัวไหล่และหน้าอกรู้สึกหนาว...ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ขยับ ภายใต้ความตื่นตระหนก เงยหน้ากระแทกเข้ากับบ่าของชายหนุ่ม อ้าปากแล้วออกแรงกัดทีหนึ่ง“อือ!”ชายหนุ่มเจ็บปวด การกระทำชะงักไปเล็กน้อยการกัดครั้งนี้ ไม่ออมแรงแม้แต่น้อย ได้ลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดโดยตรงชายหนุ่มกวาดสายตาที่เย็นยะเยือกไปยังศีรษะเล็กที่อยู่บริเวณหัวไหล่ ปลายนิ้วที่เย็นเยือกบีบคางของหญิงสาวเอาไว้ ออกแร
ด้านนอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีคว้าเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง วิ่งที่ด้านหลังภูเขาปลอมด้วยท่าทางตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก วิ่งเข้าไปหลบในสถานที่ลับตาคนถึงจะกล้าหยุดวิ่งกระหืดกระหอบ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยือกเป็นน้ำตา...นางลูบใบหน้าที่เปียกชื้นอย่างตกใจกลัว นางไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน ฝีมืออยู่กับตัว กล้าหือกับทุกคน แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนทำให้ตกใจจนร้องไห้ออกมา?ไม่เอาไหนจริง ๆ !เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อครู่นี้ สีหน้าของนางก็หม่นหมองลงอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเป็นเซียวจือฮว่าบอกนาง ว่ามีคนมาหานางเฟิงเย่เสวียนก็รู้เรื่องที่นางไปพบกับหานมู่ซีเดาออกได้ไม่ยาก เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของเซียวจือฮว่าเซียวจือฮว่า!ฉู่เชียนหลีจัดเสื้อผ้า นำผมที่ยุ่งเหยิงทัดข้างหูเรียบร้อย ปรับลมหายใจเรียบร้อย รอจนกระทั่งตอนที่มองความผิดปกติใดๆไม่ออก ถึงได้เดินออกมาจากด้านหลังภูเขาปลอม เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนหมิงเยว่ด้วยสายตาที่มืดครึ้มระหว่างทาง มีคนจำนวนไม่น้อยจ้องมองนางเดิมทีอยากจะทำความเคารพ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมบึ้งตึงนั้นของพระชายาก็ตกใจจนก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดมากจ
เซียว เป็นแซ่ของเซียวกุ้ยเฟยมารดาของอ๋องเฉินนางเป็นหลานสาวของเซียวกุ้ยเฟย!ฉู่เชียนหลีถูกเซียวจือฮว่าผลักอย่างรุนแรง ถอยหลังไปสามสี่ก้าว ความโกรธครอบงำจิตใจ จึงเข้าไปชนผลักนางคืน“อ๊า!”เซียวจือฮว่าถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวอย่างไม่ทันตั้งตัว กระแทกเข้ากับมุมโต๊ะ ศีรษะกระแทกลงบนพื้น หน้าผากแตกเลือดไหลอาบ“นายหญิง!”เป่าอวี้ตกใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา “เลือด...อ๊า! เลือดไหล...!”ฉู่เชียนหลีแสยะมุมปากอย่างเย็นชา เหลือบตามองลงไปยังคนที่อยู่แทบเท้า เอ่ยเยาะหยัน“กล้าผลักข้า? เจ้าคิดว่าข้ารังแกได้ง่าย ๆ สินะ! ข้าจัดการเฟิงเย่เสวียนไม่ได้ หรือว่าจะจัดการดอกบัวขาวที่กระโดดโลดเต้นมั่วไปทั่วเช่นเจ้าไม่ได้?”เป็นถึงหมอเทวดาแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด จะยอมถูกนังแพศยาคนนี้รังแกได้อย่างนั้นเหรอ?ถ้าหากมีครั้งหน้า ก็คงไม่ใช่แค่การผลักทีเดียวง่าย ๆ แบบนี้อีกแล้ว!เฮอะ!นางนวดหัวไหล่ที่เจ็บปวด สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาแล้วเดินจากไปเซียวจือฮว่าล้มอยู่บนพื้นด้วยท่าทางอ่อนแอ เจ็บปวดจนหายใจหอบเป็นระยะ รู้สึกว่าเลือดนั้นไหลเข้าตา ย้อมสายตาที่มองเห็นเป็นสีแดง แต่นางกลับค่อย ๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกประหล
“แค่ก ๆ... แค่ก...”บนตั่งนอน เซียวจือฮว่าร่างกายแขนขาอ่อนแรง “แค่ก...เฉิน ไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่หญิง...แค่ก ๆ”เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว นางพูดด้วยความลำบากยิ่ง ไอไม่หยุด หลังจากพูดจบ ก็หายใจติดขัด ใบหน้างามยิ่งซีดเซียวบาดดวงตาเฟิงเย่เสวียนกดบ่านางเอาไว้ “นอนดี ๆ เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าย่อมต้องทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า”ทันทีที่เซียวจือฮว่าได้ยินประโยคนี้ก็ร้อนใจ มือเล็กที่เย็นเฉียบรีบคว้ามือของชายหนุ่มเอาไว้“อย่า อย่า...เป็นฮว่าเอ๋อร์...แค่ก ๆ ที่ไม่ระวังล้มเอง...แค่ก...”“อย่าทำให้พี่หญิงลำบากใจ...แค่ก ๆ!”ตัวนางบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ยังไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองคิดแทนพระชายา ฉากนี้อยู่ในสายตาของบรรดาคนรับใช้ เบ้าตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้พระชายารองเซียวจิตใจเมตตาเกินไปแล้ว!พระชายารังแกนางถึงขนาดนั้น แล้วยังทำให้อายุขัยของนางลดไปสามสิบปี คิดไม่ถึงว่านางเลือกที่จะให้อภัยเป่าอวี้ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบแห้ง“นายหญิง ท่านอย่าดื้อรั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องจะคืนความเป็นธรรมให้ท่าน ถ้าหากท่านไม่ยอมพูด เช่นนั้นบ่าวจะพูดเองเจ้าค่ะ!”เซียวจือฮว่าร้อนใจทัน
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินสองคำนี้ ก็อยากจะหัวเราะทันทีให้นางก้มหัว?นอกเสียจากจะตีนางให้ตาย“นางผลักข้าก่อน ข้าก็แค่เอาคืนเท่านั้น เหตุใดต้องขอโทษ? ถ้าหากจะพูดขอโทษ ไม่ใช่ว่านางต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษข้าหรอกหรือ?”ชายหนุ่มสายตาเย็นชาลงเซียวจือฮว่าผลักนาง?แต่เรื่องจริงที่เขาได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้“จือฮว่าร่างกายอ่อนแอมาตลอด เหตุใดนางจึงต้องผลักเจ้าโดยไม่มีสาเหตุ? เจ้าจงใจไปถึงเรือนหมิงเยว่ ก็คือเป็นฝ่ายไปหาถึงที่ เพื่อให้จือฮว่าผลักเจ้า?”ฉู่เชียนหลีสะอึกทันทีคิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคนี้นางจะไม่มีเหตุผลมาหักล้าง“เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ในจวนมีคนรับใช้สิบกว่าคนเห็นเจ้า บุกเข้าไปที่เรือนหมิงเยว่ด้วยสีหน้าดุร้ายและโกรธเคือง เจ้ายังกล้าพูดว่าจือฮว่ารังแกเจ้า?”เขาก้าวไปด้านหน้า คว้าข้อมือเรียวเล็กของนางเอาไว้ กระชากนางมาข้างหน้าด้วยท่าทางเย็นยะเยือก“ฉู่เชียนหลี ในใจของเจ้ามีความโกรธก็มาระบายกับข้าซิ รังแกเซียวจือฮว่าที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงนับว่าเก่งอะไร?”“ตามข้าไปขอโทษนาง!”ฉู่เชียนหลีรีบหย่อนก้น ออกแรงถอยไปด้านหลังแล้วเกร็งตัว“ข้าไม่ไป!”นางไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องยอมก้มหัวให
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท