โตมาจนป่านนี้ ยังไม่เคยมีใครกล้าหลอกลวงนางไอ้เด็กเปรต!“หลิงเชียนอี้ ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่นี่ เจ้าหลบครั้งนี้ได้ แต่หลบตลอดไปไม่ได้หรอก ถ้าข้าจับตัวเจ้าได้ เจ้าตายแน่!”ฉู่เชียนหลีกำหมัด ตะโกนเสียงดัง เมื่อหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ทั้งน่าตกใจและอันตรายนั้น นางก็โมโหจนลำคอแดงก่ำถ้าหากไม่ใช่เพราะนางฉลาดปราดเปรื่องหนีไว ยังไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องโหดร้ายอะไรขึ้นหลิงเชียนอี้ไอ้คนน่ารังเกียจ!ยังพูดว่าเสียดายที่เจอกับนางช้าไป อยากจะเป็นเพื่อนสนิทอะไรต่าง ๆ นานา พริบตาเดียวก็ทรยศนางเสียแล้ว“ไอ้สารเลว!”“พี่หญิง...”ทันใดนั้น น้ำเสียงประหลาดใจเสียงหนึ่งก็แทรกเข้ามาฉู่เชียนหลีชะงักไปทันที หันหน้ากลับไปมอง ก็เห็นเซียวจือฮว่ายืนอยู่บนทางเดินเล็ก ๆ ที่เป็นหินกรวด ห่างออกไปไม่กี่ร้อยเมตร กำลังกุมปาก มองมาทางนางด้วยสีหน้าด้วยใบหน้าตื่นตะลึงพี่หญิงกำลัง...สบถด่าอยู่งั้นหรือ?พระชายาอ๋องเฉินมีฐานะเป็นถึงคุณหนูตระกูลใหญ่ ฐานะสูงส่ง เหตุใดถึงได้ทำตัวเยี่ยงหญิงบ้านป่า?ฉู่เชียนหลีเงียบไปเล็กน้อย จากนั้นเอามือลง จัดระเบียบเสื้อผ้า และทัดลูกผมไว้ข้างหู ทำสีหน้าท่าทางสง่างามดังเดิมทันที บนใบห
เขายิ่งพูดยิ่งรีบร้อน ยิ่งกำมือทั้งสองข้างของนางเอาไว้แน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ตามฉู่เชียนหลีจะออกแรงขนาดไหนก็สะบัดเขาไม่หลุด“ปล่อยข้า!”“เสียวฉู่ ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังโมโหเรื่องที่ข้ากับคุณหนูรองฉู่คบหากัน แต่เจ้าวางใจ ในใจของข้ามีเพียงเจ้าเท่านั้น แม้ว่าบนใบหน้าของเจ้าจะมีปาน ข้าก็ไม่เคยใส่ใจมาก่อน หัวใจของข้าที่มีต่อเจ้า หรือว่าเจ้ายังไม่เข้าใจ?”“ปล่อยมือ!”“เสียวฉู่ อย่าเก็บความรู้สึกภายในใจของตนเองเลย ให้ข้ากอดเจ้าหน่อยเถิด!”ออกแรงกอดแน่นฉู่เชียนหลีมุดหัวเข้าไปในอ้อมอกของชายหนุ่ม ทั่วทั้งหน้ามุดเข้าไปในทรวงอกของเขา แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมแรงของชายหนุ่มถึงได้มากมายขนาดนี้ รัดนางเอาไว้แน่น อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออกนางพยายามต่อสู้ ดิ้นรน ยิ่งพยายาม ชายหนุ่มยิ่งกอดแน่นอารมณ์ที่ลึกซึ้งระหว่างทั้งสองคนกำลังหลั่งไหล ไม่มีใครเห็นเงาร่างสีดำที่ยืนอยู่บริเวณไม่ไกลจากตรอก ฉากนี้สะท้อนอยู่นัยน์ตาดำขลับที่ยากจะหยั่งถึงตั้งนานแล้ว...หันหลังกลับ แล้วเดินจากไปในที่สุด!ฉู่เชียนหลีกระทืบเท้าของเขาทีหนึ่งถึงได้ดิ้นหลุดออกจากอ้อมกอดของเขาได้ ถอยหลังออกไปไกล เอ่ยเสียงเย็นชา“คุณชายหาน‘ฉู่เชียนห
ครืดเสียงโซ่เหล็กดังขึ้นเบา ๆ เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงฝีเท้าจึงเงยหน้ามองไป พริบตาเดียว ท่าโน้มตัวของเขานั้นราวกับกำลังรอเหยื่อ ดวงตามืดมนราวกับบ่อน้ำโบราณที่มองไม่เห็นก้นบ่อ อากาศเย็นที่ซ่อนอยู่ในนั้นยิ่งทำให้อากาศหนาวเป็นน้ำแข็งริมฝีปากบางเผยอออก“เข้ามา”คำพูดที่เย็นชาสองคำ แทบจะแยกแยะอารมณ์ของเขาไม่ออกไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หัวใจของฉู่เชียนหลีบีบรัดทันที แต่นางไม่ได้ทำเรื่องละอายใจอะไร จะละอายใจทำไม?เมื่อสงบสติอารมณ์แล้วก็ก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านในทันใดนั้น ชายหนุ่มยกแขนเสื้อขึ้น ปล่อยกำลังภายในกลุ่มหนึ่ง กระแทกเข้าไปที่ประตูปัง!ฉู่เชียนหลีหันหน้าไปมองตามจิตสำนึก เมื่อเห็นว่าประตูปิดลงแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ได้กลิ่นอายที่อันตรายกลุ่มหนึ่งเข้ามาใกล้นางเมื่อหันหน้ากลับไป ก็เห็นชายหนุ่มลุกขึ้น เดินมาทางนาง ร่างกายที่สูงใหญ่กำยำทอดเงาขนาดมหึมา เข้ามาใกล้ทีละก้าว ๆ แสงดำมืดแผ่คลุมนางทีละนิด ๆ ปลายนิ้วของเขากำลังเล่นกับโซ่เหล็กด้วยท่าทางสบาย ๆ“ท่าน...”แผ่นหลังของฉู่เชียนหลีเย็นขึ้นเล็กน้อย ร่างกายเกร็งขึ้นบางส่วนอย่างอดไม่ได้“ท่าน...เป็นอะไรไป?”เขาจ้องมองนางด
นางบิดร่างกาย พยายามถีบขาบิดตัว พยายามดิ้นรนอย่างเต็มที่ ขัดขืนการเข้าใกล้ของชายหนุ่มเป็นอย่างหนักชายหนุ่มใช้กำลังกดนางเอาไว้ น้ำหนักของร่างกายราวกับภูเขาลูกใหญ่ ลมหายใจที่รุนแรง พันธนาการอย่างเผด็จการ ยิ่งไม่ให้ขัดขืนนางจำต้องยอมรับ สิ่งที่เขาพยายามยัดเยียดให้!“ข้าไม่ต้องการ!”“ปล่อยข้า!”“อ๊า!”ฉู่เชียนหลีกรีดร้อง จ้องเขม็งอย่างโกรธแค้น พยายามดิ้นรน มีชีวิตมาสองชาติยังไม่เคยเจอกับเรื่องประเภทนี้ ชายหนุ่มใช้ความได้เปรียบทางพละกำลังที่มีมาแต่กำเนิดกดนางเอาไว้อย่างแน่นหนาด้วยมือเท้าทั้งสองข้างขยับเขยื้อนไม่ได้ นางก็เหมือนกับปลาที่ถูกตรึงอยู่บนเขียง ได้เพียงยอมให้ฆ่าแกงเสื้อผ้าไหลลงจากหัวไหล่มาที่แขนหัวไหล่และหน้าอกรู้สึกหนาว...ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรนอย่างไรก็ไม่ขยับ ภายใต้ความตื่นตระหนก เงยหน้ากระแทกเข้ากับบ่าของชายหนุ่ม อ้าปากแล้วออกแรงกัดทีหนึ่ง“อือ!”ชายหนุ่มเจ็บปวด การกระทำชะงักไปเล็กน้อยการกัดครั้งนี้ ไม่ออมแรงแม้แต่น้อย ได้ลิ้มรสกลิ่นคาวเลือดโดยตรงชายหนุ่มกวาดสายตาที่เย็นยะเยือกไปยังศีรษะเล็กที่อยู่บริเวณหัวไหล่ ปลายนิ้วที่เย็นเยือกบีบคางของหญิงสาวเอาไว้ ออกแร
ด้านนอกเรือนหานเฟิงฉู่เชียนหลีคว้าเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง วิ่งที่ด้านหลังภูเขาปลอมด้วยท่าทางตื่นตระหนกทำอะไรไม่ถูก วิ่งเข้าไปหลบในสถานที่ลับตาคนถึงจะกล้าหยุดวิ่งกระหืดกระหอบ ฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยือกเป็นน้ำตา...นางลูบใบหน้าที่เปียกชื้นอย่างตกใจกลัว นางไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน ฝีมืออยู่กับตัว กล้าหือกับทุกคน แต่กลับถูกเฟิงเย่เสวียนทำให้ตกใจจนร้องไห้ออกมา?ไม่เอาไหนจริง ๆ !เมื่อนึกย้อนกลับไปเมื่อครู่นี้ สีหน้าของนางก็หม่นหมองลงอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเป็นเซียวจือฮว่าบอกนาง ว่ามีคนมาหานางเฟิงเย่เสวียนก็รู้เรื่องที่นางไปพบกับหานมู่ซีเดาออกได้ไม่ยาก เรื่องนี้จะต้องเป็นฝีมือของเซียวจือฮว่าเซียวจือฮว่า!ฉู่เชียนหลีจัดเสื้อผ้า นำผมที่ยุ่งเหยิงทัดข้างหูเรียบร้อย ปรับลมหายใจเรียบร้อย รอจนกระทั่งตอนที่มองความผิดปกติใดๆไม่ออก ถึงได้เดินออกมาจากด้านหลังภูเขาปลอม เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนหมิงเยว่ด้วยสายตาที่มืดครึ้มระหว่างทาง มีคนจำนวนไม่น้อยจ้องมองนางเดิมทีอยากจะทำความเคารพ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่เคร่งขรึมบึ้งตึงนั้นของพระชายาก็ตกใจจนก้มหน้างุด ไม่กล้าพูดมากจ
เซียว เป็นแซ่ของเซียวกุ้ยเฟยมารดาของอ๋องเฉินนางเป็นหลานสาวของเซียวกุ้ยเฟย!ฉู่เชียนหลีถูกเซียวจือฮว่าผลักอย่างรุนแรง ถอยหลังไปสามสี่ก้าว ความโกรธครอบงำจิตใจ จึงเข้าไปชนผลักนางคืน“อ๊า!”เซียวจือฮว่าถอยหลังไปเจ็ดแปดก้าวอย่างไม่ทันตั้งตัว กระแทกเข้ากับมุมโต๊ะ ศีรษะกระแทกลงบนพื้น หน้าผากแตกเลือดไหลอาบ“นายหญิง!”เป่าอวี้ตกใจจนส่งเสียงกรีดร้องออกมา “เลือด...อ๊า! เลือดไหล...!”ฉู่เชียนหลีแสยะมุมปากอย่างเย็นชา เหลือบตามองลงไปยังคนที่อยู่แทบเท้า เอ่ยเยาะหยัน“กล้าผลักข้า? เจ้าคิดว่าข้ารังแกได้ง่าย ๆ สินะ! ข้าจัดการเฟิงเย่เสวียนไม่ได้ หรือว่าจะจัดการดอกบัวขาวที่กระโดดโลดเต้นมั่วไปทั่วเช่นเจ้าไม่ได้?”เป็นถึงหมอเทวดาแห่งศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด จะยอมถูกนังแพศยาคนนี้รังแกได้อย่างนั้นเหรอ?ถ้าหากมีครั้งหน้า ก็คงไม่ใช่แค่การผลักทีเดียวง่าย ๆ แบบนี้อีกแล้ว!เฮอะ!นางนวดหัวไหล่ที่เจ็บปวด สะบัดแขนเสื้ออย่างเย็นชาแล้วเดินจากไปเซียวจือฮว่าล้มอยู่บนพื้นด้วยท่าทางอ่อนแอ เจ็บปวดจนหายใจหอบเป็นระยะ รู้สึกว่าเลือดนั้นไหลเข้าตา ย้อมสายตาที่มองเห็นเป็นสีแดง แต่นางกลับค่อย ๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มแปลกประหล
“แค่ก ๆ... แค่ก...”บนตั่งนอน เซียวจือฮว่าร่างกายแขนขาอ่อนแรง “แค่ก...เฉิน ไม่ ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่หญิง...แค่ก ๆ”เพียงแค่ประโยคสั้น ๆ เพียงประโยคเดียว นางพูดด้วยความลำบากยิ่ง ไอไม่หยุด หลังจากพูดจบ ก็หายใจติดขัด ใบหน้างามยิ่งซีดเซียวบาดดวงตาเฟิงเย่เสวียนกดบ่านางเอาไว้ “นอนดี ๆ เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรม ข้าย่อมต้องทวงคืนความยุติธรรมให้แก่เจ้า”ทันทีที่เซียวจือฮว่าได้ยินประโยคนี้ก็ร้อนใจ มือเล็กที่เย็นเฉียบรีบคว้ามือของชายหนุ่มเอาไว้“อย่า อย่า...เป็นฮว่าเอ๋อร์...แค่ก ๆ ที่ไม่ระวังล้มเอง...แค่ก...”“อย่าทำให้พี่หญิงลำบากใจ...แค่ก ๆ!”ตัวนางบาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ ยังไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองคิดแทนพระชายา ฉากนี้อยู่ในสายตาของบรรดาคนรับใช้ เบ้าตาแดงก่ำอย่างอดไม่ได้พระชายารองเซียวจิตใจเมตตาเกินไปแล้ว!พระชายารังแกนางถึงขนาดนั้น แล้วยังทำให้อายุขัยของนางลดไปสามสิบปี คิดไม่ถึงว่านางเลือกที่จะให้อภัยเป่าอวี้ร้องไห้จนดวงตาแดงก่ำ น้ำเสียงแหบแห้ง“นายหญิง ท่านอย่าดื้อรั้นเลยเจ้าค่ะ ท่านอ๋องจะคืนความเป็นธรรมให้ท่าน ถ้าหากท่านไม่ยอมพูด เช่นนั้นบ่าวจะพูดเองเจ้าค่ะ!”เซียวจือฮว่าร้อนใจทัน
เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินสองคำนี้ ก็อยากจะหัวเราะทันทีให้นางก้มหัว?นอกเสียจากจะตีนางให้ตาย“นางผลักข้าก่อน ข้าก็แค่เอาคืนเท่านั้น เหตุใดต้องขอโทษ? ถ้าหากจะพูดขอโทษ ไม่ใช่ว่านางต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษข้าหรอกหรือ?”ชายหนุ่มสายตาเย็นชาลงเซียวจือฮว่าผลักนาง?แต่เรื่องจริงที่เขาได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้“จือฮว่าร่างกายอ่อนแอมาตลอด เหตุใดนางจึงต้องผลักเจ้าโดยไม่มีสาเหตุ? เจ้าจงใจไปถึงเรือนหมิงเยว่ ก็คือเป็นฝ่ายไปหาถึงที่ เพื่อให้จือฮว่าผลักเจ้า?”ฉู่เชียนหลีสะอึกทันทีคิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคนี้นางจะไม่มีเหตุผลมาหักล้าง“เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ในจวนมีคนรับใช้สิบกว่าคนเห็นเจ้า บุกเข้าไปที่เรือนหมิงเยว่ด้วยสีหน้าดุร้ายและโกรธเคือง เจ้ายังกล้าพูดว่าจือฮว่ารังแกเจ้า?”เขาก้าวไปด้านหน้า คว้าข้อมือเรียวเล็กของนางเอาไว้ กระชากนางมาข้างหน้าด้วยท่าทางเย็นยะเยือก“ฉู่เชียนหลี ในใจของเจ้ามีความโกรธก็มาระบายกับข้าซิ รังแกเซียวจือฮว่าที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงนับว่าเก่งอะไร?”“ตามข้าไปขอโทษนาง!”ฉู่เชียนหลีรีบหย่อนก้น ออกแรงถอยไปด้านหลังแล้วเกร็งตัว“ข้าไม่ไป!”นางไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องยอมก้มหัวให
ผู้ชายที่ร่างกายสูงใหญ่งอหัวเข่า คุกเข่าอยู่ตรงหน้าอ๋องหลีอย่างตั้งตรง แม้อยู่ต่ำกว่า แต่ความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากกระดูก ไม่ลดน้อยลงเลยสักนิดตลอดหลายปีที่ผ่านมา นอกจากคุกเข่าให้ฮ่องเต้และบรรพชน พวกเขาไม่เคยเห็นอ๋องเฉินคุกเข่าให้ใครเฟิงเจิ้งหลีเห็นดังนี้ แหงนหน้าหัวเราะ“ฮ่าๆๆ!”คิดไม่ถึงจริงๆ เขาจะมีวันนี้ด้วยลูกชายที่ฮ่องเต้โปรดปรานที่สุด แพ้ให้กับลูกชายที่ไม่โปรดปรานที่สุด ไม่สะดุดตาที่สุด และยังถูกทุกคนรังแก ความรู้สึกที่อยู่เหนือกว่าเช่นนี้ ทำให้ในใจเขาสาแก่ใจจริงๆ“ฮ่าๆๆๆ เฟิงเย่เสวียน เจ้าก็มีวันนี้ด้วย!”หัวเราะเสร็จ เขารู้สึกว่าความเย่อหยิ่งของอ๋องเฉินมันขัดตาทั้งๆ ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบจนต้องคุกเข่า เหตุใดยังอวดดีหยิ่งผยองเช่นนี้?เขาออกคำสั่ง “ก้มหัวเจ้าลงไป”เฟิงเย่เสวียนเม้มปาก ก้มศีรษะลงเขาออกคำสั่งอีกครั้ง “โขกศีรษะ!”“อ๋องหลี ท่านอย่ารังแกให้มันมากนัก! ท่านกับท่านอ๋องของเราเป็นคนรุ่นเดียวกัน ท่านรับการโขกหัวจากเขาไม่ได้! ไม่กลัวบรรพชนรู้แล้ว อายุสั้นหรือ!” พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความโกรธเพิ่งกล่าวจบ ก็ถูกผู้บัญชาการจางถีบจนล้มลงพื้นหลังจากล้มลง ก
“ปล่อยคนของเจ้าแล้ว เจ้าเป็นอิสระแล้ว คืนลูกให้ข้า” ฉู่เชียนหลีจ้องเขาเฟิงเจิ้งหลีเหลือบมองเด็กน้อยในอ้อมแขน ท่าทางที่ร้องไห้จนหน้าแดง เห็นแล้วปวดใจนักคิดว่าแค่นี้ก็จบแล้วหรือ?เขายิ้ม“ฉู่เชียนหลี เหมือนเจ้าจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์นะ?”“?”“……”“เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาต่อรองกับข้า? เด็กอยู่ในมือข้า เป็นหรือตายขึ้นอยู่กับข้า ถึงคราวที่เจ้าต้องมาสอนข้าทำงานตั้งแต่เมื่อไร?”สีหน้าฉู่เชียนหลีเคร่งขรึมทันทีเห็นได้ชัด เขาได้คืบจะเอาศอก“เจ้ายังต้องการอะไรอีก?”“ข้าหรือ” เขาเงยหน้าด้วยรอยยิ้ม กวาดมองทุกคน และตำหนักอันหรูหราหลังนี้ วังหลวงที่กว้างใหญ่แห่งนี้ แผ่นดินที่ดีเช่นนี้เขาต้องการอะไร ยังต้องให้พูดอีกหรือ?แต่ว่า มองดูท่าทางที่ร้อนใจของฉู่เชียนหลี เขาเกิดอยากสนุก ต้องการระบายความคับข้องใจที่ได้รับในสองวันนี้ออกมาให้หมดลูบแก้มของเด็กน้อยพลางกล่าว“อยากได้ลูกคืน ไม่มีปัญหา มันก็ต้องดูว่าอ๋องเฉินมีความจริงใจหรือไม่”เงียบไปครู่หนึ่ง“อืม หรือไม่อ๋องเฉินคุกเข่า โขกหัวให้ข้าสามครั้ง ข้าก็คืนลูกให้เจ้า เป็นอย่างไร?”ฉู่เชียนหลีโมโหแล้วด้วยนิสัยที่ยอมหนึ่งก้าว จะเอาสิบก้าวข
“เจ้า!”ฉู่เชียนหลีถูกความเฉยเมยของนางยั่วจนโมโหแล้ว ยิ่งคิดไม่ถึงว่าใต้ฟ้าจะมีแม่ที่ไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้มันก็จริงฉู่เจียวเจียวกับเฟิงเจิ้งหลี ถ้าไม่เหมือนกันก็คงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พวกเขาสองสามีภรรยาทำไม่ลงรอหลังจากลู่ฉินเติบโต รู้ว่าตัวเองมีแม่เช่นนี้ ไม่รู้ว่าจะเศร้าเพียงใด!“ฉู่เชียนหลี เฟิงเย่เสวียน พวกเจ้าเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบปล่อยตัวอ๋องหลี ความอดทนข้ามีขีดจำกัด!” ฉู่เจียวเจียวกล่าวอย่างเย็นชา“จะเอาชีวิตของลูกชาย หรือจะปล่อยคน พวกเจ้าเลือกเอง”อย่างไรนางก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ดิ้นรน ตายสถานเดียวดิ้นรน เดิมพัน ยังมีโอกาสสายตาเฟิงเย่เสวียนเคร่งขรึมมาก หางตาเหลือบมองหานเฟิง หานเฟิงเข้าใจทันที เขาซ่อนมือไว้ที่หลัง และทำท่าสัญญาณมือไปที่ด้านหลังมือธนูเตรียมพร้อมจู่ๆ ฉู่เจียวเจียวก็กล่าวเสริมอีกประโยคอย่างเย็นชา “พวกเจ้าสามารถลองดูได้ ดูสิว่าการเคลื่อนไหวของพวกเจ้าไว หรือมีดที่อยู่ในมือข้าเร็ว”“ต่อให้ข้าตาย การฆ่าเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยก็ใช้เวลาแค่พริบตาเดียว”ฉู่เชียนหลีสั่งให้มือธนูหยุดทันที “ปล่อยคน!”อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามผู้หญิงคนนี้มันเป็นผู
พลันฉู่เชียนหลีแน่นหน้าอก“หยุดนะ…”“อย่าเข้ามา!”ฉู่เจียวเจียวถอยหลังสามก้าว มือซ้ายจับเด็ก มือขวาถือมีดสั้น มีดสั้นที่แวววาวจ่ออยู่บนผิวอันบอบบางของเด็ก กรีดจนรอยเลือดออกแล้วเลือดไหลออกมาแล้ว“จู่ๆ เจ้าก็มาเป็นห่วงข้า และยังพยายามอยากอุ้มลูกทุกวิถีทาง ข้าก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ได้มีเจตนาดี”นางยิ้มอย่างเย็นชา“เหอะ! ดูเหมือนฮ่องเต้ที่แกไม่ตายสักทีนั่นเป็นคนบอกเรื่องนี้กับเจ้าสินะ!”ไอ้แก่ เป็นอัมพาตเฉียบพลันยังไม่ยอมอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอีกต่อให้รู้ความจริงแล้วอย่างไร?ชีวิตของเด็กคนนี้อยู่ในมือนาง“ฉู่เชียนหลีนะฉู่เชียนหลี เจ้าคิดอย่างไรก็คงคิดไม่ถึงกระมังว่า เจ้าเลี้ยงลูกสาวข้า ข้าเลี้ยงลูกชายเจ้า และก็ต้องขอบคุณลูกชายคนดีคนนี้ของเจ้า กลายเป็นตัวช่วยที่สำคัญของอ๋องหลี” นางเผยอมุมปาก รอยยิ้มนั้นน่ากลัวมากฉู่เชียนหลียืนตัวแข็งอยู่ตรงที่เดิม ไม่กล้าขยับ“เจ้าต้องการอะไร?”ฉู่เชียนหลีจ้องมีดสั้นในมือนาง กลัวว่านางจะพลั้งเผลอกรีดโดนคอของเด็กตั้งครรภ์สิบเดือนลูกชายเป็นก้อนเนื้อชิ้นหนึ่งที่ตกลงมาจากร่างกายนางนางไม่กล้าเดิมพัน และเดิมพันไม่ไหวฉู่เจียวเจียวกล่าว “ข้าต้องก
กลางดึกกำลังถึงช่วงที่คนเงียบสงบ คนกลุ่มหนึ่งวิ่งไปที่ตำหนักเจาหยางราวกับคลื่นยักษ์ ตอนที่ใกล้จะถึง ฉู่เชียนหลีตวาดสั่งให้พวกเขาหยุด“พวกเจ้าอยู่ห่างๆ อยากเข้าใกล้!”พ่อบ้านหยางกล่าวด้วยความเป็นห่วง “พระชายา พวกเราต้องไปเอาพระนัดดาองค์โตกลับมา นั่นเป็นเลือดเนื้อของท่านกับท่านอ๋องนะ”“ข้ารู้!”ก็เพราะรู้ จึงไม่ให้พวกเขาเข้าใกล้“ไปทำอะไรคนเยอะแยะ ถ้าหากบีบจนฉู่เจียวเจียวไม่มีทางเลือก นางทำอะไรขึ้นมา…”ฉู่เชียนหลีแทบจะเป็นบ้าแล้ว ร้อนรนเหมือนมดที่อยู่บนกระทะร้อน ทั้งร้อนใจทั้งไม่สบายใจ น้ำเสียงก็ค่อนข้างฉุนเฉียวไม่อยากพูดมาก วิ่งเข้าไปในตำหนักเจาหยางเพียงลำพัง คนอื่นรออยู่ที่ข้างนอก ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามภายในตำหนักฉู่เจียวเจียวกำลังกล่อมจื่อเยี่ย ฉู่เจียวเจียวมาแล้ว นางมองเด็กน้อยที่อ้วนสมบูรณ์ กล่าวโดยไม่เงยหน้า“พระชายาอ๋องเฉิน ลูกของข้าเพิ่งนอนหลับ ”โปรดให้อภัย ข้าอุ้มเขาไว้ ร่างกายหนัก ไม่สะดวกลุกขึ้นยืน สายตาฉู่เชียนหลีมองไปที่ตัวเด็กเด็กน้อยอ้วนสมบูรณ์ ใบหน้าจ้ำม่ำ คิ้วละเอียดอ่อน หน้าตาที่น่ารักน่าเอ็นดู คล้ายเฟิงเจิ้งเว่ยซีแปดส่วนเหตุใดเมื่อก่อนนางไม่สังเกต
อวิ๋นอิงถูกนางทำเอาตกใจจนหน้าซีด รีบถาม“พระชายา มีอะไรหรือ? เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?”“รีบไป!”มือทั้งสองข้างของฉู่เชียนหลีเย็นเฉียบ เสียงนั้นเกือบจะคำรามออกมา แม้แต่คอก็กำลังสั่นสะเทือนคนข้างล่างไม่กล้ารอช้า รีบไปตามหาคนทันทีเฟิงเย่เสวียนประหม่า “เชียนหลี นี่เจ้าเป็นอะไร?”“ข้าอาจจะเข้าใจผิด อาจจะทำผิดพลาด ข้าอาจจะ…ข้า ข้า…” ฉู่เชียนหลีพูดวนไม่ปะติดปะต่อ พูดอยู่ดีๆ เบ้าตาก็แดงแล้วหัวใจเหมือนถูกแมวข่วน กระสับกระส่ายนางกุมเสื้อตรงหน้าอก หายใจอย่างอึดอัดขออย่าให้มันเป็นเรื่องจริง…ขออย่า…นางทรมานจังนางไม่ใช่แม่ที่ดี กลัวรู้ความจริง แต่ก็อยากรู้ความจริงหลังจากนั้นครึ่งชั่วยาม ผู้คนร้อยกว่าคนเข้าวังในคืนนั้น มีคนของจวนอ๋องเฉิน หมอ หมอตำแย ผู้ช่วยหมอ และยังมีองครักษ์ลับ ทหารยาม หมอหญิงเว่ยก็อยู่เมื่อหนึ่งเดือนกว่าก่อน ตอนที่ฉู่เชียนหลีคลอดลูก คนเหล่านี้อยู่ในเหตุการณ์ทุกคนเมื่อฉู่เชียนหลีเห็นพวกเขา รีบถามทันที“วันที่ข้าคลอดลูก เคยมีคนแปลกหน้ามาหรือไม่?”ทุกคนหันมองกันและกัน ล้วนส่ายศีรษะ“พระชายา เรื่องสำคัญอย่างท่านคลอดลูก พวกเราจับตาดูอย่างเข้มงวด ในจวนมีแต่คนข
นางกำนัลรีบนำพู่กันมาฉู่เชียนหลีเอาพู่กันจุ่มน้ำหมึก แล้วใส่ในมือฮ่องเต้ร่างกายของฮ่องเต้เป็นอัมพาต ไม่ควบคุมมือไม่ได้ ไม่สามารถจับพู่กันด้วยซ้ำ ปากของเขาเบี้ยว ใช้แรงทั้งหมดหนีบด้ามพู่กันด้วยนิ้วชี้กับนิ้วกลาง อาศัยแรงกระตุกของร่างกาย ลงพู่กันบนกระดาษอย่างเบี้ยวไปเบี้ยวมาเพียงไม่กี่ขีด เขียนอย่างยากลำบาก บนหน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อแนวเฉียง…แนวตั้ง…สองคำ ทั้งหมดสี่ขีดเขียนเสร็จ พู่กันก็ร่วงตกบนพื้น เขาเหนื่อยจนหอบบนเตียง ขยับไม่ได้อีกแล้ว“ลูกชาย…” อวิ๋นอิงอุทานเบาๆ “คนที่ฝ่าบาทคิดถึงคือลูกชาย?”ฉู่เชียนหลีถือกระดาษ แม้สองคำนี้เขียนได้คดเคี้ยวมาก แต่เนื่องจากลายเส้นเรียบง่าย จึงมองออกในปราดเดียวว่ามันคือคำว่า ‘ลูกชาย’นี่เขาอยากบอกอะไรนาง?“หรือเป็นอ๋องหลี?” อวิ๋นอิงคาดเดาฉู่เชียนหลีส่ายศีรษะโดยไม่ต้องคิด“อ๋องหลีวางยาพิษเขา กบฏวังชิงราชบัลลังก์ มีความทะเยอทะยาน ฝ่าบาทไม่มีทางคิดถึงอ๋องหลี”นางกล่าววิเคราะห์“ส่วนอ๋องหลีหลังจากขึ้นบัลลังก์ ไม่ฆ่าผู้บริสุทธิ์ องค์ชายท่านอื่นอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีอันตราย ฮ่องเต้ก็ไม่มีทางคิดถึงองค์ชายท่านอื่น”อวิ๋
ตอนที่ตื่น ก็เป็นเที่ยงของวันใหม่แล้ว เฟิงเย่เสวียนรู้จักเตียงนานแล้ว หลังจากฉู่เชียนหลีกินอะไรง่ายๆ ก็ไปที่สำนักหมอหลวง หมกมุ่นอยู่กับตำราแพทย์พริบตาเดียวก็กลางคืนแล้วนางกำนัลมารายงาน ฮ่องเต้ฟื้นแล้ว ฉู่เชียนหลีไปตำหนักผานหลง ฮ่องเต้นอนตัวเกร็งอยู่บนเตียง นิ้วมือหยิกงอ ร่างกายครึ่งหนึ่งแข็งเหมือนท่อนไม้ ปากก็เบี้ยวจนมีน้ำลายไหลยืดเขาเบิกตากว้างจนลูกตาแทบทะลักออกมาแล้ว นางกำนัลที่ปรนนิบัติกลัวเล็กน้อย ไม่กล้าเข้าไปปรนนิบัติฉู่เชียนหลีเดินเข้ามา“ฝ่าบาททรงฟื้นเมื่อไร”“เมื่อหนึ่งเค่อก่อนเจ้าค่ะ” นางกำนัลตอบ“ดื่มโอสถหรือยัง?”“หนึ่งวันสามมื้อ ป้อนตรงเวลาเจ้าค่ะ”“อืม”นางเดินไปที่หน้าเตียง จับชีพจรของฮ่องเต้ ลักษณะชีพจรคงที่ ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร เพียงแต่ร่างกายได้รับหญ้าหมาเฟ้ยมากเกินไป ส่งผลให้ร่างกายชาจนไม่ตอบสนอง อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปี จึงจะสามารถสลายหญ้าหมาเฟ้ยเหล่านี้หมดถึงเวลา ก็สามารถกลับมาเป็นปกติ“ดูแลดีๆ ต้องมีคนเฝ้าอยู่ข้างพระวรกายตลอดอย่างน้อยสองคน” นางกำชับนางกำนัลเวลานี้เอง ที่นอกประตู อวิ๋นอิงอุ้มน้องสาวมาแล้ว“พระชายา ท่านเอาแต่ยุ่งทั้งวัน ลู่ฉิ
ฉู่เชียนหลีมองนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าหากไม่ใช่เพราะเจ้า อ๋องหลีก็ไม่สามารถก่อเรื่องมากมายเช่นนี้ เจ้าจะให้ข้าจัดการเจ้าอย่างไรจึงจะดี?”ถ้าไม่มียาอายุวัฒนะ อ๋องหลีจบสิ้นไปนานแล้วและยาชนิดนี้ก็มาจากมือของอูหนูอูหนูยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเย็นชา ยืดอกหลังตรง การแสดงออกบนใบหน้าไม่เย่อหยิ่งแต่ก็ไม่ถ่อมตน นางเป็นคนที่เคยตายมาแล้วหนึ่งครั้ง ย่อมไม่กลัว“จะฆ่าจะแกง เชิญตามสะดวก”นางเงยหน้า หลับตา“เจ้าเป็นผู้ช่วยที่ดีของอ๋องหลี ข้าฆ่าเจ้าทั้งเช่นนี้ จะไม่เสียดายแย่หรือ?” ฉู่เชียนหลีเดินไปที่ตรงหน้านาง “ข้าขอถามเจ้า เจ้าทำอะไรกับฝ่าบาท? เหตุใดจู่ๆ เขาก็เป็นอัมพาตเฉียบพลัน”อูหนูย่อมไม่อยากพูดไม่รอนางเอ่ยปาก ฉู่เชียนหลีเสริมอีกประโยค“ตายเป็นแค่ผลลัพธ์อย่างหนึ่ง แต่ขั้นตอนการตาย ควรตายอย่างไร ขึ้นอยู่กับข้า”“เจ้าสามารถปากแข็ง แต่ปากแข็งไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผลลัพธ์ และยังจะเพิ่มความเจ็บปวด เจ้าเป็นคนฉลาด รู้ว่าควรเลือกอย่างไร”อูหนู “...”ข่มขู่อย่างโจ่งแจ้งถ้าหากนางยอมพูด มอบความตายที่ไม่เจ็บปวดให้นางถ้าหากนางไม่ยอมพูด คิดวิธีทรมานสารพัด เพื่อทำให้นางยอมพูด สุดท้ายก็ตายอยู่