เมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินสองคำนี้ ก็อยากจะหัวเราะทันทีให้นางก้มหัว?นอกเสียจากจะตีนางให้ตาย“นางผลักข้าก่อน ข้าก็แค่เอาคืนเท่านั้น เหตุใดต้องขอโทษ? ถ้าหากจะพูดขอโทษ ไม่ใช่ว่านางต้องเป็นฝ่ายมาขอโทษข้าหรอกหรือ?”ชายหนุ่มสายตาเย็นชาลงเซียวจือฮว่าผลักนาง?แต่เรื่องจริงที่เขาได้ยินมาไม่ใช่แบบนี้“จือฮว่าร่างกายอ่อนแอมาตลอด เหตุใดนางจึงต้องผลักเจ้าโดยไม่มีสาเหตุ? เจ้าจงใจไปถึงเรือนหมิงเยว่ ก็คือเป็นฝ่ายไปหาถึงที่ เพื่อให้จือฮว่าผลักเจ้า?”ฉู่เชียนหลีสะอึกทันทีคิดไม่ถึงว่าคำพูดประโยคนี้นางจะไม่มีเหตุผลมาหักล้าง“เมื่อหนึ่งชั่วยามก่อน ในจวนมีคนรับใช้สิบกว่าคนเห็นเจ้า บุกเข้าไปที่เรือนหมิงเยว่ด้วยสีหน้าดุร้ายและโกรธเคือง เจ้ายังกล้าพูดว่าจือฮว่ารังแกเจ้า?”เขาก้าวไปด้านหน้า คว้าข้อมือเรียวเล็กของนางเอาไว้ กระชากนางมาข้างหน้าด้วยท่าทางเย็นยะเยือก“ฉู่เชียนหลี ในใจของเจ้ามีความโกรธก็มาระบายกับข้าซิ รังแกเซียวจือฮว่าที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงนับว่าเก่งอะไร?”“ตามข้าไปขอโทษนาง!”ฉู่เชียนหลีรีบหย่อนก้น ออกแรงถอยไปด้านหลังแล้วเกร็งตัว“ข้าไม่ไป!”นางไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดจึงต้องยอมก้มหัวให
เฟิงเย่เสวียนกลับมาถึงที่เรือนหมิงเยว่เซียวจือฮว่านอนอยู่บนตั่งนอน เพิ่งดื่มยาไป ใบหน้าซีดเซียว เมื่อเห็นชายหนุ่มก็พยุงร่างกายที่อ่อนแอไร้เรี่ยวแรงขึ้น“ท่านอ๋อง แค่ก ๆ...เรื่องทั้งหมดเป็นฮว่าเอ๋อร์ที่ไม่ดี ท่านอย่าไปได้หาเรื่องพี่หญิงเลย...”พูดไม่กี่คำก็ไอสองสามที ช่างทำให้คนสงสารจับใจชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าดูไม่ดีสักเท่าไหร่ เม้มริมฝีปากแล้วย่อตัวลงนั่ง“บาดแผลยังเจ็บอยู่หรือไม่?”“ทายาก็ไม่เจ็บแล้ว ฮว่าเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ไม่ต้องการให้ท่านเกิดความขัดแย้งกับพี่หญิงเพราะฮว่าเอ๋อร์ ไม่อยากให้เรื่องทะเลาะเบาะแว้งเรือนหลังต้องรบกวนจิตใจของท่านอ๋อง...”นางรู้ความยิ่ง คิดแทนท่านอ๋องกับพระชายาไปเสียทุกเรื่องแต่เมื่อเฟิงเย่เสวียนคิดถึงการเป็นปฏิปักษ์กับต่อต้านของฉู่เชียนหลี หว่างคิ้วก็ขมวดแน่นขึ้นไม่น้อยถ้าหากวันนั้นที่ฉู่เชียนหลีเกิดเชื่อฟังขึ้นมา นั่นก็หมายความว่าเป็นเวลาที่ฟ้าถล่ม“รักษาตัวให้ดี ข้าจะคิดหาหนทางเรื่องสุขภาพของเจ้า แม้ว่าจะต้องใช้สมุนไพรที่ดีที่สุดในใต้หล้า ข้าก็จะให้เจ้ามีชีวิตยืนยาวร้อยปี”น้ำเสียงของชายหนุ่มทุ้มต่ำ ทำให้เบ้าตา
ในเมืองหลวงช่วงตอนต้นของความเจริญรุ่งเรือง ตามถนนใหญ่และตรอกเล็กเต็มไปด้วยผู้คนสัญจรไปมา เสียงตะโกนเรียกลูกค้า เสียงร้องขายของ เสียงต่อราคา ผสมผสานเข้าด้วยกันอย่างครึกครื้น ท่ามกลางเงาผู้คนที่ทับซ้อนกัน มีร่างเพรียวบาง กำลังเดินอย่างไร้จุดหมายใกล้เวลาพลบค่ำ สีท้องฟ้าค่อนข้างมืดมัว ภายใต้แสงพระอาทิตย์ยามอัสดง ก้อนเมฆดำปรากฏขึ้นกลางท้องฟ้าฝนกำลังจะตกแล้ว“ลูกรัก เลิกเล่นได้แล้ว ควรกลับบ้านแล้ว...”“ท่านอาหลี่ ยังทำธุระไม่เสร็จหรือ?”“กลับบ้านเก็บเสื้อผ้าแล้ว...”บรรดาชาวบ้านแต่ละคนเดินกันอย่างรวดเร็ว เดินกันขวักไขว่ แต่ร่างที่เดินอยู่นั้น เห็นได้ชัดว่าอยู่ในอาการงุนงงยิ่ง ไม่มีทิศทาง ไม่มีจุดหมายฉู่เชียนหลีมองไปด้านหน้า จ้องมองใบหน้าของชาวบ้านแต่ละคนพวกเขาบางคนกลับบ้าน บางคนดูแลลูก สองสามีภรรยาช่วยกันทำงาน แต่ละคนมีครอบครัวที่ต่างกันไป ทั้งครึกครื้นทั้งอบอุ่นหัวใจมากขนาดนั้นตัวอาศัยอยู่ในต่างโลก เพียงลำพังท่านพ่อไม่โปรดปราน ท่านแม่ไม่รัก ไม่มีพี่น้อง ไม่มีเพื่อนสนิท ไม่มีแม้กระทั่งคนที่จะพูดด้วยนางเข้ากับโลกใบนี้ไม่ได้ฝนตกแล้วเม็ดฝนละเอียดลอยเข้าปะทะใบหน้าตามกระ
ฉู่เชียนหลีจ้องมองเขาอย่างเลื่อนลอย คนนี้เป็นคนแรกที่ดีต่อนางในต่างโลกนี้...“ท่านเป็นใคร?”ตอนนั้นเจอเขาที่ในวัง บัดนี้เจอเขาที่บนถนนอีกครั้งชายหนุ่มไม่พูดจา แกะลูกกวาด หยิบลูกกวาดสีชมพูเขียวเม็ดหนึ่งออกมา ลูกกวาดรสพุทราเขียวผสมนมวัว ยื่นเข้าไปใกล้ริมฝีปากของนางเล็กน้อย“อู๋หมิงจือเป้ย[footnoteRef:1]” [1: อู๋หมิงจือเป้ย หมายถึง บุคคลนิรนาม] “ใต้หล้ายังมีคนที่มีชื่อแปลกประหลาดขนาดนี้อยู่ด้วยหรือ? แซ่อู๋ ชื่อหมิงจือเป้ย?”“…”ฉู่เชียนหลีเห็นชายหนุ่มสำลัก รู้สึกว่าตลกขบขันรวมทั้งลูกกวาด หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ“ขอบคุณ!”อารมณ์ของนางดีขึ้นเล็กน้อยทันที มือทั้งสองข้างยันขั้นบันไดข้างหลังเอาไว้ แล้วเงยหน้าขึ้น มองชายหนุ่มด้วยท่าทางสบาย ๆ“ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว ตอนที่ข้าเคยเห็นท่าทางจนตรอกของท่าน ท่านก็เคยเห็นท่าทางจนตรอกที่สุดของข้า ท่านต้องเก็บเป็นความลับ ห้ามพูดกับผู้ใดเด็ดขาด”ท่าทางนางร้องไห้จะต้องอัปลักษณ์มากแน่ ๆ “อืม ไม่พูด” ชายหนุ่มอารมณ์ดีมาก น้ำเสียงอ่อนโยน“เกี่ยวก้อยสัญญา”ฉู่เชียนหลียกมือขวาขึ้น ยื่นนิ้วก้อยออกมาแล้วเกี่ยวกันมุมริมฝีปากของชายหนุ่มฉีกยิ้ม ก้าวไปข้างหน
“หานเฟิง!”ภายใต้เสียงคำสั่ง หานเฟิงก็พาคนไปตามหานางทันที เวลาไม่เกินครึ่งชั่วยาม ก็ตามหาร่องรอยของพระชายา——โรงเตี๊ยมไหลฝู“ท่านอ๋อง ท่านออกไปหรือไม่ขอรับ?” หานเฟิงจ้องมองสีหน้าของชายหนุ่ม หางตาเหลือบมองฝนตกหนักที่ด้านนอกหน้าต่าง ค่ำคืนวันฝนตกที่มัวหมอง เอ่ยถามอย่างระมัดระวังเฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปาก ความตื่นเต้นที่พลุ่งพล่านขึ้นมาในหัวใจ ก็เซื่องซึมลงอย่างฉับพลันในเมื่ออยู่ในโรงเตี๊ยม นั่นก็หมายความว่าไม่มีเรื่องอะไรในเมื่อนางไม่เป็นไร เหตุใดจึงต้องไปตามหา?กล่าวเสียงเย็นชา “นางหนีออกจากบ้าน ยังต้องให้ข้าไปตามหา? ให้นางโอหังมากกว่าเดิมหรือ?”“คนที่ตามหานางคือเยว่เอ๋อร์ เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย? ข้าเพียงแค่ยื่นมือให้ความช่วยเหลือนางเท่านั้น” เขาเอ่ยเสียงเย็นก่อนจะกลับไปนั่ง“ขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านอ๋องเจ้าค่ะ!” เยว่เอ๋อร์กล่าวขอบคุณอย่างรีบร้อน วิ่งฝ่าสายฝนที่รินลงมาห่าใหญ่ออกไปหานเฟิงไม่กล้าพูดมาก ก้มหน้ายืนอยู่ด้านข้างเฟิงเย่เสวียนถือฎีกาขึ้นมา แต่กลับอ่านไม่เข้าหัวสักเท่าไหร่ เมื่อพลิกเปิดไปได้สองหน้า ใจกระวนกระวาย เสียงฝนตกซ่า ๆ ทำให้เขายิ่งกลุ้มใจยิ่งขึ้นอ่าน
ฝนห่านี้ตกหนึ่งคืนเต็ม ๆ เพิ่งจะหยุดลงเมื่อตอนรุ่งสาง พระอาทิตย์ขึ้น อากาศหลังฝนตกเย็นสบายและสดชื่นเฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ที่ห้องหนังสือมาตลอดทั้งคืน สายลมยามเช้าพัดปะทะบนใบหน้า ใบหน้าของเขาเย็นชาราวกับมีน้ำค้างเคลือบเอาไว้ หนาวเหน็บจนทำให้คนไม่กล้าเข้าใกล้หานเฟิงยืนอยู่ด้านหลัง แอบนวดขาทันใดนั้น ชายหนุ่มเอ่ย“สาวใช้ของพระชายายังไม่กลับมาหรือ?”หานเฟิงยืนตัวตรงทันที แอบกล่าวในใจ ‘ท่านอยากจะถามถึงพระชายาจะถามมาตรง ๆ ไม่ได้ใช่หรือไม่? เหตุใดจึงต้องอ้อมขนาดนี้?’“ข้าน้อยจะไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ”ถูกบังคับให้ยืนมาทั้งคืน ในที่สุดก็ได้ขยับแล้ว ทันทีที่ขยับเท้า ขาทีชาจนเกือบจะหกล้ม รีบเกร็งร่างกายทันที เริ่มหายใจ และก้าวเดินออกไปด้วยร่างกายที่แข็งทื่อหลังจากผ่านไปสองเค่อหานเฟิงก็กลับมา “แม่นางเยว่เอ๋อร์กล่าวว่า นางอยากจะปรนนิบัติพระชายาอยู่ที่โรงเตี๊ยมไหลฝู ไม่กลับมาแล้วขอรับ”“...”ทันทีที่พูดจบ ลมหายใจของชายหนุ่มก็หนาวเหน็บยิ่งกว่าเดิมหานเฟิงขนหัวลุกติดตามนายท่านมานานหลายปีขนาดนี้ ยังไม่เคยเห็นนายท่านท่าทางบึ้งตึงขนาดนี้มาก่อนเมื่อก่อน ตอนที่นายท่านเกิดโทสะ ซ้อมคน สังหารคน เ
โครม!ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้ามา นำศีรษะของนางกอดไว้ในอ้อมแขนนางนั่งอยู่บนเก้าอีก ศีรษะกลับถูกใครบางคนกอดเอาไว้แน่น ลำคอเกือบจะถูกเด็ดทิ้งกล่าวเสียงอู้อี้ “ปล่อยข้า!”“ฉู่เชียนหลี ไม่เจอกันตั้งนานเจ้าไม่คิดถึงข้าเลยเชียวหรือ” น้ำเสียงของชายหนุ่มรีบร้อนฉู่เชียนหลีหน้าตึง ออกแรงดึงลำคอของตัวเอง “เจ้าปล่อยข้าก่อน”“ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว!”“...”ฉู่เชียนหลียกเท้าขึ้น แล้วเตะเข้าไปที่ข้อพับของชายหนุ่มอย่างรุนแรง จนหัวเข่าข้างหนึ่งของชายหนุ่มคุกลงไปบนพื้น เหลือบดวงตาโตที่ไร้เดียงสาคู่นั้นขึ้น จ้องมองนางอย่างน้อยใจ“ฉู่เชียนหลี ทำไมเจ้าต้องร้ายกับข้าด้วย...”เป็นหลิงเชียนอี้หลิงเชียนอี้เป็นบุตรชายของพี่สาวอ๋องเฉิน เขามีใบหน้าคล้ายกับอ๋องเฉินหลายส่วน เมื่อมองเห็นใบหน้านี้ สายตาของฉู่เชียนหลีก็เย็นชาขึ้นมา สีหน้าก็ดูแย่ลงไปเช่นเดียวกัน“เจ้ามาทำไม?” น้ำเสียงเย็นชา“มาเล่นกับเจ้านะซิ! ข้ารู้จักสถานที่เที่ยวเล่นสนุก ๆ มากมาย พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มตาหยี“ไม่ไป”ฉู่เชียนหลีปฏิเสธอย่างเย็นชา ไม่เหลือพื้นที่ให้หารือเลยแม้แต่น้อย“ไปนะ ๆ วันนี้อากาศดีขนาดนี้ เหมาะแก่การล่าสั
“เจ้าก็ไปจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่เสียตอนนี้ ไปพูดกับอัครมหาเสนาบดีฉู่ให้ชัดเจน นับตั้งแต่ฉู่เชียนหลีออกไป ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ก็อย่ามาหาเรื่องที่จวนอ๋อง” น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง“?”ไร้หัวใจขนาดนี้?กลัวแค่ว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้จริง ๆ หรือ?เหตุใดเขาจึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร ?หลิงเชียนอี้มองสำรวจใบหน้าที่เย็นชายิ่งของชายหนุ่มอย่างสงสัย “ท่านน้า จะให้พูดเช่นนี้จริงหรือ...”“เจ้ามีความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของข้า?” ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปอย่างเย็นชา สายตาคมกริบราวกับใบมีด“!”หลิงเชียนอี้รีบก้มหน้า ไม่กล้าพูดมาก สาวเท้าวิ่งหนีหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่หานเฟิงเดินเข้ามาอย่างเบาฝีเท้า และระมัดระวัง เหลือบมองสีหน้าของชายหนุ่มเล็กน้อย เอ่ยอย่างระวัง“นายท่าน เรียกคนมารวมตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางไปรังโจรได้แล้วขอรับ”ชายหนุ่มเหลือบตามองทันที เอ่ยเสียงเย็นชา“เรื่องของรังโจรรีบขนาดนี้เชียว?”หานเฟิงตะลึงงันไปทันที “!”“เป็นถึงแคว้นใหญ่ ขุนนางบุ๋นบู๊มากมาย มีข้าเพียงคนเดียวที่ไปรังโจรได้หรือไร?”หาน
คืนแรกที่ออกจากเมืองหลวงฉู่เชียนหลีนอนไม่หลับ…เมืองหลวงอันไกลโพ้นที่อยู่อีกฟากของแม่น้ำอูหลาน วังหลวงจุดเทียนสว่างไสวในยามค่ำคืนที่มืดมิด เหล่านางกำนัลถือโคมไฟ ก้มหน้าเดินผ่านยังเงียบๆ ไม่มีใครกล้าพูดมากตำหนักเจาหยางทุกที่มืดมิด ไร้ผู้คน และไม่มีเทียนแม้แต่เล่มเดียว เหมือนกับถูกความมืดกลืนกิน เงียบราวกับดินแดนไร้ผู้คนแต่ท่ามกลางความมืดนั่น กลับมีเสียงหายใจเย็นๆ สายหนึ่งเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิงเจิ้งหลีนั่งอยู่บนบันได ร่างกายของเขากลมกลืนกับความมืดจนมองเห็นแทบไม่ชัด ดวงตาคู่นั้นฉายแสงในความมืด ราวกับจมอยู่ในเหวลึกอันไร้ที่สิ้นสุดในอดีตที่นี่เคยมีเสียงหัวเราะของเด็กๆ เคยมีรอยยิ้มของนาง ท่าทางที่อ่อนโยนของนาง และเสียงอันนุ่มนวลที่พูดคุยกับเขา ภาพเหล่านั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานทั้งหมดยังคงอยู่ในสมองของเขา ปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาชัดเจนมากตราตรึงมากนางเคยพูด อยู่ข้างกายเขา รู้สึกสบายใจมากนางเคยพูด จื่อเยี่ยชอบเขา นางก็จะดีกับเขานางเคยพูด…คำพูดไพเราะนางเป็นคนพูด เรื่องใจร้ายก็นางเป็นคนทำล้วนเป็นนาง!ฉู่เชียนหลี!โกหกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า เขาเชื่อครั้งแล้วครั้
“คุณหนูอย่าคิดมาก แม้องค์หญิงแคว้นหนานยวนท่านนี้น่ารังเกียจไปบ้าง แต่นางทำงานเสร็จ ก็น่าจะกลับแคว้นแล้ว ก็แค่เจอกันชั่วคราว ทำอะไรไม่ได้หรอก” จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมฉู่เชียนหลีไม่ได้คิดมากอย่างไรก็ตามผู้ชายอย่างเฟิงเย่เสวียนที่อายุยังน้อย รูปร่างหน้าตาโดดเด่น มีฐานะมีอิทธิพล สมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง มีผู้หญิงมากมายชอบก็เป็นเรื่องปกติถ้านางจะถือสา คนมากมายเช่นนั้น จะถือสาไหวได้อย่างไร?นางนึกถึงเรื่องของกู่แพทย์ มองจิ่งอี้อย่างจริงจัง เห็นสีหน้าของเขาค่อนข้างซีดเหมือนคนป่วย ก็รู้แล้วว่าเขากำลังใช้ร่างกายตัวเองเลี้ยงกู้แพทย์“เลี้ยงรอดหรือไม่?” นางถามเบาๆมีการบันทึกในตำราโบราณ กู่แพทย์ชนิดนี้อ่อนแอเลี้ยงยาก เผลอไม่ระวังนิดเดียวก็จะตาย สิ่งที่ทำมาก่อนหน้านี้ก็เปล่าประโยชน์จิ่งอี้หลุบตา เสียงเบามาก“เลี้ยงแล้วสามสิบกว่าตัว ในที่สุดก็เลี้ยงรอดสองตัว…”กู่แพทย์สองตัวนี้ ตอนนี้ถูกเขาเก็บไว้ในหน้าอก พกติดตัวไปทุกที่ ต่อให้เป็นเวลานอน ก็จะนำออกมาดูเป็นระยะกลัวว่าพลั้งเผลอนิดเดียว พวกมันก็จะตายฉู่เชียนหลีเหลือบมอง “อวิ๋นอิงรู้หรือไม่?”“นางไม่รู้ขอรับ คุณหนู อย่าพูดถ
เป็นเด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกสิบเจ็ดปีใบหน้างดงาม การแต่งกายดูขี้เล่นแต่ยังคงสูงศักดิ์ มัดมวยผมและถักเปียหางม้า ซึ่งบ่งบอกว่านางยังไม่แต่งงาน กระโดดออกมาปรากฏตัว ท่าทางที่สดใสร่าเริงนั่น ทำให้ดูเข้าถึงได้ง่ายมากฉู่เชียนหลีเหลือบมอง“เจ้าคือ…”“ข้าชื่อจวินลั่วยวน เป็นองค์หญิงแคว้นหนานยวน”นางแนะนำตัวเอง เสียงนั่นเหมือนนกขมิ้นที่บินออกจากหุบเขา สดใสไพเราะ“อ๋องเฉินกับฮ่องเต้ตงหลิงสู้กัน เสด็จพ่อให้ข้ามาช่วยอ๋องเฉินที่เจียงหนาน ก็เพราะข้าแทรกแซง ฮ่องเต้ตงหลิงจึงให้ความสำคัญกับศึกเมืองเทียนสู่เป็นพิเศษ และลงสนามรบด้วยตัวเอง”ไม่เช่นนั้น ยังไม่สามารถล่อฮ่องเต้ตงหลิงออกมาได้ล่อเสือออกจากถ้ำ พระชายาอ๋องเฉินจึงสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยพูดถึงก็ล้วนเป็นผลงานของนางฉู่เชียนหลีเข้าใจแล้วองค์หญิงของแคว้นหนานยวนท่านนี้ ได้ยินมานานแล้วว่าเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของฮ่องเต้หนานยวน เป็นแก้วตาดวงใจที่เหมือนไข่มุกงามบนฝ่ามือ ถูกเอาใจใส่อย่างดีตั้งแต่เด็ก“รบกวนองค์หญิงแล้ว” นางพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ถือเป็นมารยาทจวินลั่วยวนประหลาดใจเล็กน้อย “?”แค่นี้?ไม่มีแล้ว?พูดแค่สี่คำก็แสดงความขอบค
เด็กน้อยที่ดูกลัวๆ ในตอนแรก เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เหมือนกับเจอที่พึ่งพิง เบ้าตาแดงก่ำ มุดเข้าไปในอ้อมแขนของนาง“อุแว้!”ร้องไห้เสียงดังนางกลัวมากแม่ของนางไม่อยู่ นางถูกคนรับใช้โยนไปโยนมา กินไม่อิ่ม นอนไม่หลับ และยังไม่กล้าร้องไห้ เพราะไม่มีใครกล่อมนางอย่างอ่อนโยนและอดทนเหมือนท่านแม่ในที่สุดก็ได้กลิ่นที่คุ้นเคยแล้วไม่สามารถควบคุมความน้อยใจที่กดเอาไว้ได้อีกต่อไป ปล่อยโฮร้องไห้“ฮือๆ…”สองมือจับเสื้อฉู่เชียนหลี มุดเข้าไปในอกของนางก็ร้องไห้อวิ๋นอิงยกมือขวาขึ้น รีบรับรองทันที “พระชายาวางใจได้ ตอนที่ท่านไม่อยู่ พวกเราดูแลลู่ฉินอย่างดี ไม่มีใครรังแกนางแน่นอน นางน่าจะคิดถึงท่านมาก จึงร้องไห้เช่นนี้”“ท่านไม่รู้หรอก แม้ลู่ฉินยังเล็ก แต่นางรู้ว่าใครเป็นใคร นางจะเอาท่านคนเดียว พึ่งพาท่าน คิดถึงท่าน”หัวใจฉู่เชียนหลีละลายตั้งแต่เด็กคนนี้เกิดมา นางเลี้ยงเองกับมือมาโดยตลอด และความเชื่อใจและการพึ่งพาที่เด็กมีต่อนาง ก็คือการตอบแทนที่ดีที่สุด“ไม่ร้องนะ”นางเช็ดน้ำตาเบาๆ “แม่กลับมาแล้ว ต่อไปจะไม่ไปอีกแล้ว”ในเมื่อเฟิงเจิ้งหลีกับฉู่เจียวเจียวไม่เอาเด็กคนนี้ นางเลี้ยงเอง“แม่…”เสียง
ท้ายที่สุดเฟิงเจิ้งหลีก็ไม่ได้ลงมือกองทัพทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันในระยะไกลทั้งเช่นนี้เฟิงเย่เสวียนกอดฉู่เชียนหลีไว้ จับเชือกบังเหียนม้าแน่น ขี่ม้าจากไปเฟิงเจิ้งหลียืนอยู่ที่ข้างแม่น้ำ ร่างกายที่บอบบางถูกลมเย็นพัดจนเสื้อคลุมพลิ้วไหว สีหน้าซีดเผือด แววตาอ่อนล้า มุมปากยังมีคราบเลือด ยืนมองนิ่งๆ ทั้งเช่นนี้…มอง…รอหลังจากขบวนของอ๋องเฉินหายลับตา เขายังคงยืนอยู่ข้างแม่น้ำ เนิ่นนานก็ไม่ขยับสองเท้าหนักเหมือนถูกถ่วงด้วยตะกั่ว สายตามองตรงไปข้างหน้ากลิ่นอายรอบตัวขรึมมาก สีหน้าแยกไม่ออกว่าดีใจหรือโกรธชั่วขณะ ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากหรือเข้าไป…เจียงหนาน เมืองน้ำ[1] อากาศเย็นสบาย สภาพแวดล้อมดีมากขบวนตรงไปที่ทำเนียบ“ท่านอ๋องกลับมาแล้ว!”“พระชายา?!”เมื่อคนที่เข้ามาต้อนรับเห็นฉู่เชียนหลี แต่ละคนเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อน แต่หลังจากนั้นก็ดีใจ“พระชายากลับมาแล้ว!”“พระชายากลับมาแล้ว!”เสียงโห่ร้องด้วยความดีใจดังก้องไปทั่วท้องฟ้า จากหนึ่งเป็นสิบ จากสิบเป็นร้อย ข่าวแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วอวิ๋นอิง จิ่งอี้ เฟิ่งหราน คนมากมายรีบมาไม่เจอครึ่งปี มิตรภาพยังคงอยู่“พระชายา ในที่สุ
แสงแห่งรุ่งอรุณยามเช้าริบหรี่เวลาหนึ่งคืนเดียว เร่งเดินทางจากเมืองหลวงไปยังแม่น้ำอูหลาน ในช่วงที่ฟ้าใกล้สว่าง คนทั้งกลุ่มข้ามแม่น้ำเมื่อเดินไปถึงครึ่งทาง จุดที่ไกลออกไป มีขบวนอีกกลุ่มมุ่งหน้ามาอย่างเร่งรีบราวกับกระแสน้ำ สายลมเย็นยามเช้าพัดผ่าน เหมือนกับทัพใหญ่เข้าใกล้ชายแดน บรรยากาศที่กดดันอบอวลกลางอากาศหานเฟิง “นายท่าน อ๋องหลีมาแล้ว…”ขบวนสองกลุ่ม พบกันที่แม่น้ำอูหลานเฟิงเย่เสวียนอยู่บนสะพานเฟิงเจิ้งหลีอยู่บนฝั่งหยาดน้ำฟ้าตก สายน้ำไหลเชี่ยว สาดซัดเข้าฝั่ง หยดน้ำกระเซ็น ในอากาศเต็มไปด้วยความหนาวเย็น สองพี่น้องยืนสบตากันจากระยะที่ห่างกันหลายเมตรอยู่ไกลเกินไป แทบมองไม่เห็นอะไรเลยแต่ก็เหมือนกับว่าพวกเขามองเห็นอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ใช้สายตาประลองกันเงียบๆ“ฝ่าบาท” รองแม่ทัพเอ่ยปาก “นี่คือโอกาสดีในการกำจัดอ๋องเฉิน ถือโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่บนสะพาน พวกเราระเบิดสะพาน ให้พวกเขาตกลงไปในน้ำที่ไหลเชี่ยว ไม่ตายก็เหลือแค่ครึ่งชีวิตแน่นอน!”เขาคิดว่า นี่เป็นวิธีที่เหมาะสมมากอ๋องเฉินข้ามสะพานไปครึ่งหนึ่งแล้ว ต่อให้วิ่งไปอีกฝั่งของแม่น้ำ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งก้านธูปเวลาครึ่ง
“เป็นไปได้อย่างไร?”นางกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เมื่อห้าวันก่อน ข้าคุยกับเขาแล้ว และจัดการทุกอย่างไว้ให้เขาแล้ว เขาสามารถออกจากวังอย่างราบรื่น นอกเสียจาก…”จู่ๆ นางก็เข้าใจอะไรบางอย่าง เสียงค่อยๆ เบาลงเฟิงเย่เสวียนกล่าวต่อ“เขาไม่อยากไป”ใช่!ไท่ซ่างหวงไม่อยากไปมีความเป็นไปได้เพียงหนึ่งเดียวไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ยังอาลัยอาวรณ์ หรือเพราะสาเหตุอื่น เขาจึงเลือกที่จะอยู่เมืองหลวงแต่ถ้าหากเขาอยู่เมืองหลวง เฟิงเจิ้งหลีต้องหาเรื่องเขาแน่นอนฉู่เชียนหลีเป็นห่วง หลังจากครุ่นคิด ก็เดินออกไปข้างนอกแล้ว“ไม่ได้ ข้าต้องกลับวังหลวง ทิ้งเขาไว้ในเมืองหลวงเพียงลำพังไม่ได้”“ไม่ทันแล้ว”เฟิงเย่เสวียนจับข้อมือของนาง กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “การเคลื่อนไหวเมื่อครู่ทำให้ทุกคนรู้ตัวแล้ว เกรงว่าตอนนี้คนสนิทของเฟิงเย่เสวียนกำลังมา เขาก็อยู่ระหว่างทางกลับเช่นกัน เสียเวลาไม่ได้แล้ว”กำลังหลักของเขาอยู่ที่เจียงหนานไม่เหมาะที่จะอยู่เมืองหลวงนาน ครึ่งปีมานี้ วิธีการของเฟิงเจิ้งหลีเหี้ยมโหด กำจัดพวกต่อต้าน รวบอำนาจเข้าด้วยกัน เมืองหลวงเป็นถิ่นของเขา อยู่ในถิ่นของเขา พวกเขาเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบ
“อ๋อง อ๋องเฉิน…”มองดูเฟิงเย่เสวียนเดินเข้ามาทีละก้าว ร่างกายผู้บัญชาการจางหดเกร็ง เพิ่งอ้าปาก ก็ได้ยินเสียงแหวกอากาศที่เฉียบคมดังขึ้นเพี๊ยะ!“อ่า!”แส้สีดำแหวกอากาศ ฟาดไปที่ใบหน้าผู้บัญชาการจางตั้งแต่หน้าผากถึงจะจมูกและคาง มีรอยสีเลือดปรากฏขึ้นทั้งลึกทั้งน่ากลัวเขากุมใบหน้า ขดตัวด้วยความเจ็บปวด เสียงกรีดร้องราวกับหมูถูกฆ่า ก่อนที่เขาจะตั้งสติได้ ก็โดนฟาดอีกครั้ง“อ่า!”แผ่นหลัง เจ็บอย่างรุนแรงเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังปรี่แตกเพี๊ยะเพี๊ยะๆ!“ช่วยด้วย…อ่า!”“อ๊ะ…โปรด โปรดไว้ชีวิต….อ่า!”ผู้บัญชาการจางอยากโต้ตอบ แต่เขาไม่มีโอกาสนี้ และไม่มีความสามารถนี้ อยู่ต่อหน้าเฟิงเย่เสวียน ก็เหมือนกับลูกไก่ตัวหนึ่ง ทำอะไรไม่ได้เลยเขาเจ็บจนกลิ้งไปกลิ้งมาพื้นไม่มีใครกล้าเข้าไปเหมือนกับที่ผู้บัญชาการจางฟาดเฟิงเย่เสวียนเมื่อครึ่งปีก่อน เฟิงเย่เสวียนฟาดคืนด้วยสีหน้าที่นิ่งสงบและยังเหี้ยมโหดกว่าด้วยหลังจากถูกฟาดไปหลายสีที ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด ใบหน้าเละจนจำไม่ได้ผู้บัญชาการจางทั้งเจ็บทั้งกลัว ประมาณว่ากลัวจนถึงขีดสุด ฟางเส้นสุดท้ายขาด กุมศีรษะกล่าวอย่างเกรี้ยวกราด“เฟิงเย่เ
เฟิงเย่เสวียน!“อ๋องเฉิน?!”“เฟิงเย่เสวียน!”เมื่อร่างเงาสีหมึกสายนั้นร่อนลงบนพื้นอย่างมั่นคง และใบหน้าที่คุ้นเคยแผ่กลิ่นอายอันเย็นเยือก ทุกคนเบิกตากว้างด้วยความตะลึงตกใจประหลาดใจคิดไม่ถึงผ่านไปครึ่งปี อ๋องเฉินกลับถึงเมืองหลวงอีกครั้ง ก้าวสู่บ้านเกิดที่คุ้นเคยแห่งนี้ฉู่เชียนหลีไม่เจอเขามาครึ่งปีเต็มๆ แวบแรก ก็มองเห็นหนวดที่อยู่ใต้คางของเขาแล้วทั้งๆ ที่เพิ่งอายุยี่สิบห้าปี ยังหนุ่ม สุขุม หนักแน่น หนวดสีดำนั่นดูไม่เข้ากับใบหน้าของเขาเลยแปลกๆตลกสบตากันผ่านผู้คนมากมายนางมองเห็นเขาในฝูงชนตั้งแต่แวบแรก แล้วเขาจะมองไม่เห็นนางตั้งแต่แวบแรกหรือ? เขาพุ่งพรวดเข้ามากอดนางไว้ในอ้อมกอด กระชับแขนกอดนางไว้แน่น หมื่นพันคำพูด ทั้งหมดอยู่ในอ้อมกอดที่แน่นหนานี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำพูด กลับสื่อความหมายออกมาทั้งหมดการกอดคือสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยที่สุด“อีอา!”จื่อเยี่ยน้อยยังถูกฉู่เชียนหลีอุ้มไว้ในอ้อมแขนบิดากอดมารดา ประกบเขาไว้ตรงกลาง ทำให้เขาแทบหายใจไม่ออก โดยเฉพาะหนวดที่อยู่ใต้คาง ตามใบหน้าของเขาจนแดงก่ำแล้วผู้ชายบ้าที่ไหนเนี่ย!โมโห!โบกกำปั้นน้อยๆ ตีใส่ใบหน้าของเฟ