โครม!ชายหนุ่มพุ่งตัวเข้ามา นำศีรษะของนางกอดไว้ในอ้อมแขนนางนั่งอยู่บนเก้าอีก ศีรษะกลับถูกใครบางคนกอดเอาไว้แน่น ลำคอเกือบจะถูกเด็ดทิ้งกล่าวเสียงอู้อี้ “ปล่อยข้า!”“ฉู่เชียนหลี ไม่เจอกันตั้งนานเจ้าไม่คิดถึงข้าเลยเชียวหรือ” น้ำเสียงของชายหนุ่มรีบร้อนฉู่เชียนหลีหน้าตึง ออกแรงดึงลำคอของตัวเอง “เจ้าปล่อยข้าก่อน”“ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่แล้ว!”“...”ฉู่เชียนหลียกเท้าขึ้น แล้วเตะเข้าไปที่ข้อพับของชายหนุ่มอย่างรุนแรง จนหัวเข่าข้างหนึ่งของชายหนุ่มคุกลงไปบนพื้น เหลือบดวงตาโตที่ไร้เดียงสาคู่นั้นขึ้น จ้องมองนางอย่างน้อยใจ“ฉู่เชียนหลี ทำไมเจ้าต้องร้ายกับข้าด้วย...”เป็นหลิงเชียนอี้หลิงเชียนอี้เป็นบุตรชายของพี่สาวอ๋องเฉิน เขามีใบหน้าคล้ายกับอ๋องเฉินหลายส่วน เมื่อมองเห็นใบหน้านี้ สายตาของฉู่เชียนหลีก็เย็นชาขึ้นมา สีหน้าก็ดูแย่ลงไปเช่นเดียวกัน“เจ้ามาทำไม?” น้ำเสียงเย็นชา“มาเล่นกับเจ้านะซิ! ข้ารู้จักสถานที่เที่ยวเล่นสนุก ๆ มากมาย พวกเราไปด้วยกันเถอะ” ชายหนุ่มยิ้มตาหยี“ไม่ไป”ฉู่เชียนหลีปฏิเสธอย่างเย็นชา ไม่เหลือพื้นที่ให้หารือเลยแม้แต่น้อย“ไปนะ ๆ วันนี้อากาศดีขนาดนี้ เหมาะแก่การล่าสั
“เจ้าก็ไปจวนอัครมหาเสนาบดีฉู่เสียตอนนี้ ไปพูดกับอัครมหาเสนาบดีฉู่ให้ชัดเจน นับตั้งแต่ฉู่เชียนหลีออกไป ก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับจวนอ๋องเฉิน ถ้าหากเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้น อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ก็อย่ามาหาเรื่องที่จวนอ๋อง” น้ำเสียงเย็นชาเป็นอย่างยิ่ง“?”ไร้หัวใจขนาดนี้?กลัวแค่ว่าจะนำความเดือดร้อนมาให้จริง ๆ หรือ?เหตุใดเขาจึงไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไร ?หลิงเชียนอี้มองสำรวจใบหน้าที่เย็นชายิ่งของชายหนุ่มอย่างสงสัย “ท่านน้า จะให้พูดเช่นนี้จริงหรือ...”“เจ้ามีความคิดเห็นต่อการตัดสินใจของข้า?” ชายหนุ่มกวาดสายตามองไปอย่างเย็นชา สายตาคมกริบราวกับใบมีด“!”หลิงเชียนอี้รีบก้มหน้า ไม่กล้าพูดมาก สาวเท้าวิ่งหนีหลังจากผ่านไปครู่ใหญ่หานเฟิงเดินเข้ามาอย่างเบาฝีเท้า และระมัดระวัง เหลือบมองสีหน้าของชายหนุ่มเล็กน้อย เอ่ยอย่างระวัง“นายท่าน เรียกคนมารวมตัวเรียบร้อยแล้ว สามารถออกเดินทางไปรังโจรได้แล้วขอรับ”ชายหนุ่มเหลือบตามองทันที เอ่ยเสียงเย็นชา“เรื่องของรังโจรรีบขนาดนี้เชียว?”หานเฟิงตะลึงงันไปทันที “!”“เป็นถึงแคว้นใหญ่ ขุนนางบุ๋นบู๊มากมาย มีข้าเพียงคนเดียวที่ไปรังโจรได้หรือไร?”หาน
“ข้า...”ความคิดเวียนวนอยู่ภายในหัวสมองของรองแม่ทัพเจียงเนื่องจากมาอย่างกะทันหัน ตอนนั้นท่านอ๋องหน้าตึงไม่รู้ว่าท่านอ๋องหมายความว่าอย่างไร แต่ว่าพระชายาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยม ก็น่าจะเกิดความขัดแย้งกับท่านอ๋องกระมังดังนั้นเขามีความคิดที่เฉียบไว กล่าว“อันที่จริง ข้าน้อยนำข่าวคราวที่น้อยคนนักจะทราบมาบอกแก่พระชายา”ฉู่เชียนหลีนั่งลงไป ยกถ้วยชาขึ้นอย่างเกียจคร้าน “อย่างนั้นหรือ?”รองแม่ทัพเจียงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว กล่าว“พระชายาไม่ค่อยคลุกคลีกับท่านอ๋อง อาจจะไม่ทราบว่าอันที่จริงท่านอ๋องไม่ได้ชอบพระชายารองเซียว ที่เขารับพระชายารองเซียว เป็นเพียงเพราะนางแซ่เซียวเท่านั้น”จากประสบการณ์ที่โสดมายี่สิบแปดปีของเขา สามีภรรยาทะเลาะกัน จะต้องเป็นเพราะความรักอย่างแน่นอนความรัก ก็จะต้องเกี่ยวข้องกับสตรีฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่เรือนหมิงเยว่ ท่าทีของเซียวจือฮว่าเย่อหยิ่ง มั่นใจในตัวเอง และเคยเอ่ยถึงเรื่องของแซ่ ‘เซียว’ ด้วย“แซ่เซียวนี้มีอะไรอย่างนั้นหรือ?”“เซียว เป็นแซ่ของเซียวกุ้ยเฟย ผู้พระมารดาของท่านอ๋องขอรับ!”พระชายารองเซียวเป็นคนในตระกูลของเซียวกุ้ย
เฟิงเย่เสวียนยืนอยู่ด้านนอกห้อง ฉู่เชียนหลียืนอยู่ด้านในห้อง มีแค่ธรณีประตูเตี้ย ๆ ที่กั้นระหว่างพวกเขาสองคน ระยะห่างเพียงแค่สิบกว่าเซนติเมตร ระยะใกล้มาก ๆ ใกล้ถึงขนาดที่เพียงแค่ก้าวเดียว ก็สามารถเข้าไปในอ้อมอกของอีกฝ่ายได้ดวงตาทั้งสองคู่สบตากันอยู่กลางอากาศ ชั่วพริบตาเดียว อากาศหยุดนิ่ง ทุกอย่างบริเวณรอบ ๆ เงียบสงบ...หนึ่งวินาทีสองวินาทีสามวินาทีชายหนุ่มเม้มริมฝีปากบาง แล้วก็เม้มแน่นขึ้น ลูกกระเดือกเคลื่อนไหวขึ้นลง เตรียมตัวอยู่นาน ในที่สุดของถึงตอนที่เอ่ยปาก ประตูสองบานนั้นเหวี่ยงทันทีปัง...น้ำเสียงทั้งดังชัดเจน ทั้งกังวาน ราวกับประตูได้ปิดใส่ใบหน้าของเขาเขา “...”ตอนนี้ ศักดิ์ศรีของเขาที่เขาได้ลดท่าทีอันสูงส่งลงแล้ว ราวกับถูกฉู่เชียนหลีได้กดลงบนพื้นแล้วบดขยี้ตั้งแต่เด็ก เขาก็เป็นคนเย่อหยิ่ง มีพรสวรรค์พิเศษ ความสามารถโดดเด่น ได้รับความรักความโปรดปราน ในความเข้าใจของเขา มีเพียงคำว่า‘พระราชทาน’ ไม่เคยมีคำว่าขอโทษกับอธิบายเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เขาอยากอธิบาย แต่กลับถูกหยามเช่นนี้สีหน้าของเขาตึงราวจนน่าเกลียดราวกับกินแมลงวันเข้าไป ลมหายใจติดขัดอยู่ในลำคอ เดิ
ยาสลบระเบิดออก ทุกคนสูดเข้าไปในร่างกายไม่มากก็น้อย อย่างไม่ทันได้ระวังตัว ภายในสองวินาที แขนขาก็ไร้เรี่ยวแรงล้มลงบนพื้นนักฆ่าหกคน คนแก่หนึ่งคน ล้มลงทั้งหมด...พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยความประหลาดใจ เห็นสตรีร่างบางในชุดสีขาว สวมผ้าคลุมหน้า“เจ้า...เป็นใคร...เหตุใดจึงต้องยุ่งเรื่องชาวบ้าน...”หัวหน้านักฆ่าจ้องมองสตรีชุดขาวด้วยสายตาดุร้าย แต่ร่างกายที่อ่อนเพลีย ทำให้เขาไม่มีแรงโจมตี ทำได้แค่เพียงถลึงตามอง ไม่มีภัยคุกคามใด ๆฉู่เชียนหลีกวาดสายตามองทุกคนอย่างเมินเฉยแวบหนึ่ง “เดินผ่านมาเท่านั้น”นางไม่ได้มีเจตนาทำร้ายใคร ย่อมไม่อยากทำร้ายใครเช่นกันยาสลบห่อนี้ทุกคนได้ดมแล้ว เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมา ตาแก่คนนี้หนีได้ก็หนี ถ้าหนีไม่ได้ละก็ นั่นก็คือลิขิตสวรรค์นางหันหลังกลับ เตรียมที่จะเดินออกไป“แม่ แม่นางช้าก่อน...”ด้านหลัง มีเสียงที่อ่อนแอจนถึงขีดสุดของชายชราฉู่เชียนหลีหันหน้ากลับไป ก็เห็นชายชราคนนั้นกุมบาดแผลที่บริเวณท้องเอาไว้ เลือดสีแดงอาบมือจนแดงเถือก สีหน้าซีดขาวราวกับกระดาษ พูดเพียงสั้น ๆ สองสามคำ ในปากก็มีเลือดไหลออกมาไม่หยุดแค่มองก็รู้ว่าชายชราคนนี้คงมีชีวิตอยู่ได้ไม่นา
คนชุดดำกลุ่มหนึ่ง พวกเขาวิ่งเข้ามาถึงข้างกายของชายชรา กระแทกฉู่เชียนหลีจนกระเด็น เมื่อเห็นชายชราเสียชีวิตแล้ว บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดยิ่งออกมาเขาได้ล่วงลับไปแล้วในระหว่างที่กำลังเสียใจ คนชุดดำคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงตื่นตกใจ“ป้ายของท่านเจ้าสำนัก...เหตุใดจึงอยู่ในมือเจ้า?!”ทันใดนั้น ดวงตาหลายคู่ก็มองมาที่ฉู่เชียนหลีอย่างพร้อมเพรียงกันคิดว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นคนของสำนักอู๋จี๋แน่นอนฉู่เชียนหลีนำคำพูดของชายชราพูดให้ฟังรอบหนึ่ง ทุกคนเบิกดวงตากว้าง สีหน้ายากจะเชื่อ ยิ่งไม่มีทางยอมรับ“เป็นไปไม่ได้!”“เจ้าสำนักจะเลือกสตรีนางหนึ่งมาเป็นผู้นำทุกคน?”“หากให้ข้าพูด ศิษย์พี่ใหญ่ถึงจะเป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรม...”“เรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน คือการฝังศพเจ้าสำนัก ทะเลาะอะไรกัน?”ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงที่สุขุมเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าปีคนหนึ่ง เขาสวมทะมัดทะแมงชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา เหน็บกระบี่ที่เอว ผมสีดำรวบสูง กลิ่นอายทั่วทั้งตัวยิ่งหนาวเหน็บ ราวกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งเหมือนว่าคำพูดของเขามีอิทธิพลมากทีเดียว ทันทีที่เขาเอ่ยปาก ทุกคนก็เงีย
ฉู่เชียนหลีถูกสั่นสะเทือนจนรู้สึกแย่ จ้องมองนักฆ่าด้านหลังที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลุ่มนั้น แทบจะมองเห็นความโหดเหี้ยม เย็นชาและความอาฆาตแค้นบนใบหน้าของพวกเขาเที่ยวนี้ซี้แหงแก๋แล้วไม่ใช่การมีปากเสียงกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนในจวนอ๋องเฉิน แล้วก็ไม่ใช่การท้าประลองกันในค่ายทหาร แต่เป็นยุทธภพ เป็นการเลียเลือดจากคมมีด เป็นเรื่องที่หากสู้ไม่ชนะก็จะต้องตายตายจริง ๆ นะ!ฉู่เชียนหลีมือเท้าเย็น น้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย“พวกเจ้าไม่ได้เป็นองค์กรยุติธรรมหรือ? เหตุใดจึงถูกไล่ฆ่าเล่า?”ภายใต้บ่า จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่ง“ก็เป็นเพราะยุติธรรมเกินไป เปิดโปงเรื่องราวมากมาย ทำลายผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก ถึงได้ถูกตามไล่ฆ่า”“แต่ว่า เจ้าสำนัก ท่านชินก็พอแล้ว หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน พวกเราต้องวิ่งหนีทั้งหมดสามร้อยวัน”ฉู่เชียนหลีถลึงตา “!”คุณพระช่วย!เดิมทีคิดว่าสำนักอู๋จี๋จะเก่งกาจมาก สุดยอดมากเหมือนกับในโทรทัศน์ อู๋จี๋มีคำสั่ง ทั่วทั้งยุทธภพไล่ฆ่า สมาชิกทั้งหมดเคลื่อนไหว ต่อให้หนีไปสุดขอบโลกก็ไม่มีประโยชน์ผลสุดท้ายก็คือสถานที่ใครเห็นก็ลงมือ...ถูกบังคับให้รับช่วงต่อสำนักอู๋จี๋
เนื่องจากการหนีเอาชีวิตรอดมาเป็นเวลานาน ร่างกายของพวกเขาต่างก็มีบาดแผลไม่มากก็น้อย แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้า เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียฉู่เชียนหลีถอนหายใจช่างเถอะ ในเมื่อเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว จะทิ้งขว้างก็ไม่ได้ ในเมื่อมาแล้ว ก็ให้มาเถอะ“อดีตเจ้าสำนักได้ล่วงลับไปแล้ว ต่อไปพวกเจ้าก็เชื่อฟังคำสั่งของจิ่งอี้” นางมองชายหนุ่มที่ชื่อจิ่งอี้ออกว่ามีความเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ คิดว่าเขาต้องเป็นลูกศิษย์คนโตของอดีตเจ้าสำนักแน่นอน เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของทุกคนจิ่งอี้ประหลาดใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีหยิบป้ายเจ้าสำนักที่เปื้อนเลือดอันนั้นวางไว้ในมือของเขา“ต่อไปเจ้าเป็นคนดูแลสำนักอู๋จี๋”“เจ้าสำนัก?!”ทุกคนต่างตกตะลึงตอนที่ทราบว่าหญิงสาวที่อัปลักษณ์คนนี้จะต้องกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของพวกเขา พวกเขากังวลว่าหญิงสาวคนนี้จะอยากได้สำนักอู๋จี๋ จึงพากันเป็นปรปักษ์แต่หญิงสาวกลับแสดงความใจกว้างสุขุมออกมา ทำให้พวกเขารู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่งเป็นพวกเขาใช้ความคิดที่ต่ำช้ามาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน...จิ่งอี้ไม่รับ นำป้ายเจ้าสำนักคืนใส่ในมือของฉู่เชียนหลี “ข้าเชื่อในการเลือกของอดีตเจ้าสำนัก คนที่เขาเลือกด้ว