คนชุดดำกลุ่มหนึ่ง พวกเขาวิ่งเข้ามาถึงข้างกายของชายชรา กระแทกฉู่เชียนหลีจนกระเด็น เมื่อเห็นชายชราเสียชีวิตแล้ว บนใบหน้าก็แสดงสีหน้าที่เจ็บปวดยิ่งออกมาเขาได้ล่วงลับไปแล้วในระหว่างที่กำลังเสียใจ คนชุดดำคนหนึ่งก็เอ่ยขึ้นด้วยเสียงตื่นตกใจ“ป้ายของท่านเจ้าสำนัก...เหตุใดจึงอยู่ในมือเจ้า?!”ทันใดนั้น ดวงตาหลายคู่ก็มองมาที่ฉู่เชียนหลีอย่างพร้อมเพรียงกันคิดว่าคนเหล่านี้จะต้องเป็นคนของสำนักอู๋จี๋แน่นอนฉู่เชียนหลีนำคำพูดของชายชราพูดให้ฟังรอบหนึ่ง ทุกคนเบิกดวงตากว้าง สีหน้ายากจะเชื่อ ยิ่งไม่มีทางยอมรับ“เป็นไปไม่ได้!”“เจ้าสำนักจะเลือกสตรีนางหนึ่งมาเป็นผู้นำทุกคน?”“หากให้ข้าพูด ศิษย์พี่ใหญ่ถึงจะเป็นผู้สืบทอดโดยชอบธรรม...”“เรื่องที่จำเป็นต้องทำอย่างเร่งด่วน คือการฝังศพเจ้าสำนัก ทะเลาะอะไรกัน?”ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงที่สุขุมเย็นชาเสียงหนึ่งดังขึ้นชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบห้าปีคนหนึ่ง เขาสวมทะมัดทะแมงชุดสีดำ ใบหน้าเย็นชา เหน็บกระบี่ที่เอว ผมสีดำรวบสูง กลิ่นอายทั่วทั้งตัวยิ่งหนาวเหน็บ ราวกับภูเขาน้ำแข็งลูกหนึ่งเหมือนว่าคำพูดของเขามีอิทธิพลมากทีเดียว ทันทีที่เขาเอ่ยปาก ทุกคนก็เงีย
ฉู่เชียนหลีถูกสั่นสะเทือนจนรู้สึกแย่ จ้องมองนักฆ่าด้านหลังที่ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ กลุ่มนั้น แทบจะมองเห็นความโหดเหี้ยม เย็นชาและความอาฆาตแค้นบนใบหน้าของพวกเขาเที่ยวนี้ซี้แหงแก๋แล้วไม่ใช่การมีปากเสียงกันเล็ก ๆ น้อย ๆ เหมือนในจวนอ๋องเฉิน แล้วก็ไม่ใช่การท้าประลองกันในค่ายทหาร แต่เป็นยุทธภพ เป็นการเลียเลือดจากคมมีด เป็นเรื่องที่หากสู้ไม่ชนะก็จะต้องตายตายจริง ๆ นะ!ฉู่เชียนหลีมือเท้าเย็น น้ำเสียงตื่นตระหนกเล็กน้อย“พวกเจ้าไม่ได้เป็นองค์กรยุติธรรมหรือ? เหตุใดจึงถูกไล่ฆ่าเล่า?”ภายใต้บ่า จิ่งอี้กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังยิ่ง“ก็เป็นเพราะยุติธรรมเกินไป เปิดโปงเรื่องราวมากมาย ทำลายผลประโยชน์ของคนจำนวนมาก ถึงได้ถูกตามไล่ฆ่า”“แต่ว่า เจ้าสำนัก ท่านชินก็พอแล้ว หนึ่งปีมีสามร้อยหกสิบห้าวัน พวกเราต้องวิ่งหนีทั้งหมดสามร้อยวัน”ฉู่เชียนหลีถลึงตา “!”คุณพระช่วย!เดิมทีคิดว่าสำนักอู๋จี๋จะเก่งกาจมาก สุดยอดมากเหมือนกับในโทรทัศน์ อู๋จี๋มีคำสั่ง ทั่วทั้งยุทธภพไล่ฆ่า สมาชิกทั้งหมดเคลื่อนไหว ต่อให้หนีไปสุดขอบโลกก็ไม่มีประโยชน์ผลสุดท้ายก็คือสถานที่ใครเห็นก็ลงมือ...ถูกบังคับให้รับช่วงต่อสำนักอู๋จี๋
เนื่องจากการหนีเอาชีวิตรอดมาเป็นเวลานาน ร่างกายของพวกเขาต่างก็มีบาดแผลไม่มากก็น้อย แต่ละคนสีหน้าเหนื่อยล้า เต็มไปด้วยความอ่อนเพลียฉู่เชียนหลีถอนหายใจช่างเถอะ ในเมื่อเข้าไปยุ่งกับเรื่องนี้แล้ว จะทิ้งขว้างก็ไม่ได้ ในเมื่อมาแล้ว ก็ให้มาเถอะ“อดีตเจ้าสำนักได้ล่วงลับไปแล้ว ต่อไปพวกเจ้าก็เชื่อฟังคำสั่งของจิ่งอี้” นางมองชายหนุ่มที่ชื่อจิ่งอี้ออกว่ามีความเป็นผู้นำในกลุ่มนี้ คิดว่าเขาต้องเป็นลูกศิษย์คนโตของอดีตเจ้าสำนักแน่นอน เป็นศิษย์พี่ใหญ่ของทุกคนจิ่งอี้ประหลาดใจเล็กน้อยฉู่เชียนหลีหยิบป้ายเจ้าสำนักที่เปื้อนเลือดอันนั้นวางไว้ในมือของเขา“ต่อไปเจ้าเป็นคนดูแลสำนักอู๋จี๋”“เจ้าสำนัก?!”ทุกคนต่างตกตะลึงตอนที่ทราบว่าหญิงสาวที่อัปลักษณ์คนนี้จะต้องกลายเป็นเจ้าสำนักคนใหม่ของพวกเขา พวกเขากังวลว่าหญิงสาวคนนี้จะอยากได้สำนักอู๋จี๋ จึงพากันเป็นปรปักษ์แต่หญิงสาวกลับแสดงความใจกว้างสุขุมออกมา ทำให้พวกเขารู้สึกละอายเป็นอย่างยิ่งเป็นพวกเขาใช้ความคิดที่ต่ำช้ามาคาดเดาจิตใจของวิญญูชน...จิ่งอี้ไม่รับ นำป้ายเจ้าสำนักคืนใส่ในมือของฉู่เชียนหลี “ข้าเชื่อในการเลือกของอดีตเจ้าสำนัก คนที่เขาเลือกด้ว
ถึงตอนพลบค่ำ ในที่สุดฉู่เชียนหลีก็ทำงานเสร็จ จัดแจงทุกอย่างให้ทุกคนเรียบร้อยแล้ว ลากร่างกายที่เหนื่อยล้ากลับมายังโรงเตี๊ยมไหลฝู แต่กลับจับเรื่องหนึ่งได้แบบความรู้สึกช้า :อดีตเจ้าสำนักถ่ายทอดสุดยอดวรยุทธ์กับเคล็ดวิชาเหมันต์ให้แก่นาง แต่นางใช้ไม่เป็นนี่ ลืมถามจิ่งอี้ไปเลยแต่ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏขึ้นมา กลับถูกหายไปพร้อมกับการหัวเราะของนางโง่จริงคนพวกนั้นทั้งผอม ทั้งขี้โรค ทั้งบาดเจ็บ ทั้งพิการ มีท่าทางเหมือนจะเป็นยอดฝีมือแห่งยุทธภพที่ไหน?ไม่แน่ว่าสำนักอู๋จี๋นี้อาจจะเป็นสถานที่ไร้ชื่อเสียงที่พวกเขาสร้างขึ้นเอง สุดยอดวรยุทธ์ก็ไม่มีอยู่จริง เคล็ดวิชาเหมันต์เป็นของปลอมทั้ง ๆ ที่รู้ดีว่าเป็นเรื่องหลอกลวง ยังทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อดูแลคนกลุ่มนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังรู้สึกว่าตัวเองโง่ฉู่เชียนหลีนวดคลึงตรงตำแหน่งระหว่างคิ้ว ถอนหายใจเบา ๆ อย่างเหนื่อยล้า ยกขาก้าวเข้าไปในโรงเตี๊ยมทันใดนั้น บนถนนด้านหลัง ผู้ชายคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซเข้ามา“พระชายา แย่แล้ว!”สะดุดขั้นบันไดล้มลงไปนั่งบนพื้น เลือดไหลซึมออกมาจากบนแขนฉู่เชียนหลีรีบเข้าไปประคองเขาขึ้นมา มือเพียงแค่ใช้มือคลำทีเดียว ก็รู้ทั
ทันใดนั้น พวกโจรภูเขาวิ่งเข้าไปโอบล้อมอย่างรวดเร็ว แสงไฟส่องสว่างในยามราตรี สาดส่องเงาคนที่ซ่อนตัวอยู่หานเฟิงรีบยกดาบพุ่งออกไป ต่อสู้กับโจรภูเขากลุ่มนั้นแบบไม่พูดพร่ำทำเพลงว่ากันตามวรยุทธ์ หานเฟิงติดตามอ๋องเฉินมานานหลายปี เข้าสนามรบฆ่าฟันศัตรู รอดชีวิตมาหลายครั้ง โจรภูเขากลุ่มนี้ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาแต่...พวกเขาใช้พิษพิษร้ายสาดไปทางหานเฟิงทีละกำมือ หานเฟิงจำต้องแบ่งสมาธิเพื่อหลบหลีก จึงได้รับบาดเจ็บจากกระบี่อย่างไม่ทันระวังฉึก…“อุ๊ก!”เขาเจ็บปวด โซซัดโซเซถอยหลังไปสามก้าว พวกโจรภูเขาจึงฉวยโอกาส วิ่งไปหาเงาดำที่อยู่ด้านหลังก้อนหินนั้น“นายท่าน!”ดาบใหญ่ในมือโจรภูเขายกขึ้นสูง ฟันลงไปอย่างโหดเหี้ยม เมื่อเห็นว่าอ๋องเฉินกำลังมีภัย ก็มีผงสีขาวสาดเข้ามาจากกลางอากาศซ่า!หมอกสีขาวลอยขึ้น เมื่อเจอกับไฟก็ระเบิดออก “โอ๊ย!”เปลวไฟสาดกระเซ็น พวกโจรภูเขาได้รับบาดเจ็บโดยที่ไม่ทันระวังตัว รีบโยนคบเพลิงในมือออกไปด้วยความตกใจ ใช้เท้ากระทืบอย่างรวดเร็วเมื่อเปลวไฟดับลง ตอนที่เงยหน้าขึ้นมองอีกที ที่เดิม ยังมีร่องรอยของอ๋องเฉินอยู่อีกที่ไหนกัน?ผู้ชายที่ท่าทางเป็นหัวหน้าสีหน้าโหด
เขาพยายามถ่างเปลือกตาอันหนักอึ้งขึ้น ในระหว่างความพร่ามัว เห็นเค้าโครงร่างที่คุ้นเคยอย่างพร่าเลือนภายในสายตาที่เลือนราง เค้าโครงของหญิงสาวค่อย ๆ ชัดเจนขึ้นดวงตา จมูก ริมฝีปาก แก้ม...เขามองเห็นนางกอดเขาเอาไว้ โถมตัวมาบนร่างกายของเขาอย่างร้อนใจ ปากที่ขยับกำลังพูดอะไรบางอย่างอย่างรีบด่วน ทั้งหมดนี้ หัวใจของเขาราวกับถูกอะไรบางอย่างมาเติมจนเต็มเปี่ยมริมฝีปากบางเผยอออกอย่างอ่อนแอ ในขณะที่กำลังจะอ้าปากพูด ก็ได้ยินหญิงสาวเอ่ย“เฟิงเย่เสวียน ท่านเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านค่อยยังชั่วแล้วหรือไม่? ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจ!”“ท่านมีแรงยกมือหรือไม่? ถ้าไม่อย่างนั้นท่านเขียนหนังสือหย่าให้ข้าก่อน!”“...”ทันทีที่ชายหนุ่มอ้าปาก ทันใดนั้นก็หายใจไม่ออก ลมหายใจติดขัด คอพับหมดสติไปเลย“นายท่าน!”หานเฟิงร้อนใจขึ้นมาแล้ว“พระชายา ข้าได้ขับพิษร้ายทั้งหมดออกมาให้นายท่านแล้ว ทำไมนายท่านยังหมดสติไปอีก เขาจะไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่? จะมีอันตรายถึงชีวิตหรือไม่!”เขาร้อนใจจนถามออกมารวดเดียวหลายคำถามฉู่เชียนหลีพลิกเปิดเปลือกตาของเฟิงเย่เสวียน เมื่อเห็นสีริมฝีปากของเขากลับมาเป็นปกติ เลือดที่ปลายนิ้วจากสีดำข้น ก
ดวงตาของชายหนุ่มชะงักทันทีหย่า...หย่า...นางเดินทางมาไกลเช่นนี้ ที่แท้ไม่ใช่เพื่อเขา แต่กังวลว่าหากเขาตายแล้วจะเขียนหนังสือหย่าไม่ได้คำพูดที่นางเคยกล้าเพียงแค่เก็บงำเอาไว้ในใจ ตอนนี้กล้าพูดออกมาตรง ๆ แล้ว แต่เขาไม่ได้ดีใจมากเขาที่เคยคิดอยากจะหย่านางทุกขณะ ตอนนี้มีโอกาสแล้ว แต่เขากลับไม่ค่อยยินดีเท่าใดนักเฟิงเย่เสวียนเม้มริมฝีปากอย่างอ่อนแอ ค้ำพื้นหญ้าเอาไว้ นั่งตรงตัวขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่กำจัดพิษแล้ว ก็ไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไร มีเพียงแค่อาการอ่อนแอเล็กน้อยเท่านั้นเขากระแอมสองที “ข้ารู้ว่าเจ้ายังโมโหอยู่...”“ข้าไม่ได้โมโห ข้าใจกว้างมาก ข้ามีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก จนเรือสามารถกลับลำในท้องข้าได้[footnoteRef:1] ท่านอ๋องไม่ต้องคิดมาก แล้วก็ไม่ต้องระแวง ท่านอย่าได้ใช้ความคิดของท่านมาตัดสินข้าตามอำเภอใจ ขอบคุณ ใบหน้าข้าเขียนคำว่าดีใจอยู่เต็มไปหมด” [1: มีน้ำใจ ใจกว้าง] เขาเพิ่งจะพูดเพียงประโยคเดียว และยังพูดไม่จบประโยคด้วยซ้ำ ก็ถูกแย้งด้วยถ้อยคำมากมายจุกอยู่ในลำคอจ้องมองใบหน้าที่ ‘ดีใจ’ เป็นอย่างยิ่งจริง ๆ ของหญิงสาว ราวกับว่าขอเพียงแค่เขาพูดอีกเพียงหนึ่งประโยค นางจะย
ฉู่เชียนหลีเอ่ยปากกล่าว “ท่านอ๋องช่างเป็นคนที่ซื่อสัตย์จริงใจเสียจริง ท่านคำนึงถึงประชาชนเช่นนี้ ถึงยอมเสียสละให้ร่างกายตนเองบาดเจ็บ ชาวบ้านได้รู้จะต้องซาบซึ้งใจยิ่งเป็นแน่”“ข้าเองก็ซาบซึ้งใจมากเช่นกัน ท่านช่างมีน้ำใจยิ่งนัก ผู้ชายที่จิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ล้วนมีเสน่ห์ยิ่ง”นางกะพริบดวงตาสีดำขลับทั้งสองข้าง สีหน้านั้น น้ำเสียงนั้น จริงใจเป็นอย่างยิ่งเฟิงเย่เสวียนไม่เชื่อแม้แต่คำเดียวในเวลาเดียวกัน ก็ได้ยินเสียงเต้นของหัวใจนาง ได้ยินนางด่าเขาเหมือนเช่นก่อนหน้านี้ คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกดีใจ...ที่ไม่ได้มีมานานมากแล้วหานเฟิงพูดแทรกกลั้วหัวเราะ “ถูกต้อง ๆ พระชายา นายท่านดีขนาดนี้ ท่านก็อย่าหย่ากับเขาเลย”พลาดจากนายท่านไป ใต้หล้านี้ จะหาผู้ชายดีขนาดนี้ได้จากที่ไหนอีก?ฉู่เชียนหลีเหลือบตามองเขาอย่างเย็นชาแวบหนึ่ง “หานเฟิง เจ้าฉลาดมากจริง ๆ”——ฉันกำลังด่าเฟิงเย่เสวียนว่าโง่ ฉันชื่นชมเขาเหรอ? เมื่อกี้ฉันกำลังชื่นชมเขาเหรอ?ทันทีที่หานเฟิงได้ยิน ก็ยิ้มอย่างดีใจยิ่งกว่าเดิม“ขอบคุณพระชายาที่ชื่นชม ขอบคุณพระชายา!”“...”เฟิงเย่เสวียนรู้สึกหงุดหงิด ทันใดนั้นก็ยกเท้าเตะเข้าไปที่ก้นของห
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท