ขนของมันดำเช่นนั้น น่าจะชื่อเจ้าดำกระมัง?แต่นางเรียกอยู่หลายครั้ง ในป่าไม่มีการตอบสนองฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ลองเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ “เจ้าล่ำ”ก็ยังไม่มีการตอบสนอง“เจ้าสูง? พี่ใหญ่? เจ้าขายาว? เจ้าขนยาว? เจ้าขนดำ? เจ้าน่าเกรงขาม? เจ้าฉลาด…”ฟู่…ไม่รู้ว่าเป็นชื่อใดที่เรียกถูก มีเสียงการเคลื่อนไหวดังออกมาจากในป่า เห็นเพียงภายในป่าที่มืดสลัว ดวงตาสีเขียวเข้มคู่หนึ่งราวกับดวงไฟผีพุ่งเข้ามาใกล้กะทันหันลมเย็นปะทะหน้าวินาทีต่อมา เงาสีดำร่างใหญ่ที่เลือนลานปรากฏตรงหน้าฉู่เชียนหลีคือมัน!แต่ว่า…ขนของมันยุ่งเหยิง บนตัวยังมีลูกกระชับติดเต็มไปหมด ทำให้ขนที่เงางามของมันติดกันเป็นก้อนๆ ท่าทางที่ตกอับของมันก็เหมือนชนชั้นสูงที่สภาพทางการเงินตกต่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าสะบักสะบอมแค่ไหนพอมันเห็นนางก็เหมือนกับน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย หมอบอยู่บนพื้น ใช้หัวถูขาของนาง ราวกับกำลังออดอ้อนฉู่เชียนหลีถึงกับตะลึงงันแล้ว“เจ้าใช่หมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาจริงหรือ?!”แต่ไม่ใช่สุนัขดำตัวน้อยที่กระดิกหาง?หมาป่ารบเหวี่ยงหางใหญ่ที่ขนฟูทีหนึ่ง หัวพลางถูรองเท้านาง กลิ้งอยู่บนพื้นหนึ่งรอบ บ
“เจ้าดำน้อย พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่เชียนหลีลูบหูที่มีขนปุกปุยของมัน “เจ้าจะเข้าเมืองไม่ได้นะ ถ้าองค์รัชทายาทพบเข้า จะต้องจับตัวเจ้ากลับไปแน่ ข้าจะต้องคิดหาวิธีจัดการเจ้าอย่างรัดกุมก่อน เจ้ารอข้าคิดก่อนนะ”หนึ่งคนหนึ่งหมาป่ากำลังก้าวเดินผู้หญิงเดินนำหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อย กำลังลูบคาง เดินพลางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้หมาป่าดำกำลังสาวอุ้งเท้า เดินตามอยู่ด้านหลังช้า ๆภายใต้แสงจันทร์ที่มืดสลัว บนทางอันเงียบเหงาสองสายที่เดินอยู่แลดูกลมเกลียดเป็นพิเศษ ทำให้ความมืดยามราตรียิ่งสงบมากขึ้นทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น“โอ๊ย ไอ้…!”ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นชายหนุ่มกระโดดสูงสามฉื่อ กอดต้นไม้เอาไว้ด้วยความตกใจ “นี่ไม่ใช่จวี้เฟิงฮ่าวของท่านลุงรัชทายาทหรอกหรือ?!”หลิงเชียนอี้คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่กลับบ้าน ยังต้องเจอสัตว์ป่าดุร้ายอีก ตกใจจนขวัญเสียได้ยินมาว่า ท่านลุงรัชทายาทจะต้องป้อนเนื้อสดให้มันวันละยี่สิบชั่ง มีครั้งหนึ่งที่มันกินไม่อิ่มจึงกัดคนรับใช้ที่เลี้ยงดูจนตาย แล้วกลืนลงท้องไปเลย...หลิงเชียนอี้ตกใจจนปีนต้นไม้ ถึงสังเกตเห็นถึงฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างตัวหมาป่าดำยังไม่ได้ถามนางว
ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ในเมื่อท่านโหวน้อยช่วยเหลือนาง เช่นนั้นการที่นางจะช่วยเขาขอภาพวาดภาพหนึ่งก็เป็นเรื่องสมควรหมาป่าตัวนี้มีสายเลือดที่ค่อนข้างหายาก ต่อไปอาจจะสามารถช่วยชีวิตนางในช่วงเวลาคับขันได้ และนางช่วยรองแม่ทัพเจียง นางขอภาพวาดภาพหนึ่งกับอ๋องเฉินเพื่อเป็นรางวัล คงไม่เกินไปหรอกกระมัง?หลังจากครุ่นคิด บรรลุความร่วมมือ“ถ้าเป็นไปตามคาด ท่านก็มารับได้ในพลบค่ำวันพรุ่งนี้เถอะ”“ดี เด็ดขาดจริง ๆ!”วันรุ่งขึ้นหลังจากฉู่เชียนหลีตื่นนอน ในระหว่างกำลังกินอาหารเช้าก็ครุ่นคิดถึงเรื่องภาพวาดนั้น ในเมื่อแขวนอยู่ที่ห้องหนังสือ เช่นนั้นนางก็จะไปที่ห้องหนังสือรีบร้อนกินข้าว เช็ดปาก ยกขนมที่กินไม่หมดที่อยู่บนโต๊ะจานนั้น เดินมาที่เรือนหานเฟิง“พระชายานี่คือ...”หานเฟิงเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ ตอนที่นายท่านทำงาน หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ชอบให้ผู้ใดมารบกวนฉู่เชียนหลีมองไปยังประตูห้องหนังสือที่ปิดเอาไว้ ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยเสียงอ่อนโยน“ท่านอ๋องกำลังยุ่งหรือ? ข้าทำขนมเองกับมือจำนวนหนึ่ง อยากจะเอามาให้ท่านอ๋องลองชิมน่ะ”หานเฟิงชะงักไปเล็กน้อยนายท่านไม่เคยเบนความสนใจเพราะเรื่องแบบนี้มาก่
ขนมในมือหมดความหอมไปทันทีเฟิงเย่เสวียนวางกลับที่เดิม แล้วหยิบฎีกาขึ้นมาใหม่ “ข้ามีงานยุ่ง มีธุระอะไรค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้”“งั้นขนมนี่...”“วางเอาไว้”เมื่อพูดจบ ก็หลุบตาลงอ่านฎีกาฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ อยากจะพูดถึงเรื่องของหมาป่ากับเขา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเขากับองค์รัชทายาท หากทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันขึ้นมา นางจะปัดความรับผิดชอบได้ยากเมื่อคิดดูแล้ว ไม่พูดดีกว่ากวาดตามองภาพแขวนที่ราคาสูง ความเป็นมายิ่งใหญ่ที่อยู่บนฉากบังลมรูปนั้น ก็เลียริมฝีปากก่อนจะเอ่ย“ท่านอ๋อง อันที่จริงข้ามาเพื่อที่จะสอบถามอาการของรองแม่ทัพเจียงสักหน่อย”“อันที่จริงอาการของรองแม่ทัพเจียงสาหัสมาก จะต้องจับตาดูตลอดเวลา ทันทีที่ใช้ยาไม่ถูกต้องหรือว่าเกิดเรื่องผิดพลาดตรงไหน มือของเขาอาจจะพิการได้ และมีแต่ข้าที่มียา”ว่าแล้วนางก็ล้วงยาปฏิชีวนะออกมาจากในแขนเสื้อนิ้วที่ถูกตัดสามารถต่อกลับไปใหม่ได้ ต้องการเวลาในการเติบโตใหม่ การฉีดยาปฏิชีวนะสามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของนิ้วที่ขาดได้เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองวัตถุที่อยู่ในมือของนางนางมักจะหยิบสิ่งของที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็น
เห็นแก่ภาพวาดบนนั้น หลังจากฉู่เชียนหลีสังเกตแผนที่อย่างจริงจังก็เอ่ยขึ้น“ท่านอ๋อง ยอดเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย สูงเสียเสียดฟ้า เกรงว่าจะเป็นสถานการณ์หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน อยากจะขึ้นยอดเขา ไม่ลองกำจัดสิ่งกีดขวางออกทีละอย่างดูก่อน แล้วค่อยขึ้นยอดเขาก็ยังไม่สาย”“อ้อ?”ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อยเขายังไม่ทันบอกว่าความลึกลับบนภูเขาลูกนี้ นางกลับมองออกเสียแล้วไม่เลวจึงซักถามต่อ “ตามความเห็นของพระชายา จะใช้วิธีใดถึงจะปีนไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ โดยเกิดการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด?”ฉู่เชียนหลีลูบคาง ตกอยู่ในความคิดยอดเขานี้สูงชัน ทั้งสี่ด้านล้วนเป็นหน้าผา น่ากลัวว่าจะมีทางขึ้นเขาเพียงสายเดียว ทั้งยังอันตรายมาก ทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนคอยขัดขวางการขึ้นเขาอีกด้วย ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มพูนถ้าอยากจะให้มีการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด...หลังจากพึมพำเสียงต่ำเล็กน้อย จู่ ๆ ก็เกิดความคิดสวนทาง“ในเมื่อมีคนคอยขัดขวาง เหตุใดขึงไม่ให้เขาเป็นฝ่ายลงมา ยกเลิกการป้องกันก่อนล่ะ?”นางชี้ไปที่ยอดเขา “เพียงแค่ใช้วิธีการบีบบังคับให้พวกเขาลงมา พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ นอกเสียจากว่าภูเขา
ในเวลานี้ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน ด้านหลังกำแพงเรือน มีสองสามร่างกำลัง ชะโงกหัวเยี่ยม ๆ มอง ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ “ระวังหน่อย ๆ อย่าให้ถูกจับได้”บรรดาองครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของจวนอ๋อง “...”คุณชายทุกท่าน เชิญพวกท่านทำต่อไป พวกข้าตาบอด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเป็นหลิงเชียนอี้รวมทั้งสหายที่ไม่เอาการเอางานทั้งสามคนตู้หนิงเป็นบุตรชายตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของเจียงหนาน นิสัยหุนหันพลันแล่นตรงไปตรงมา “ใช้ได้นี่ เหล่าหลิง เจ้าเอาผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหวังอันมาได้จริง ๆ งั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าอ๋องเฉินเก็บรักษาภาพวาดนี้เอาไว้อย่างทะนุถนอม หวงแหนมาก”บิดาของซูมู่เป็นไท่ฟู่[footnoteRef:1] ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เขาจึงเงียบขรึมและอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย [1: อาจารย์ของรัชทายาท] “ท่านโหวน้อย เหตุใดท่านถึงสนใจในตัวของฉู่เชียนหลี ข้าได้ยินมาว่านางไม่ได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน...”เริ่นอันหรานเงียบขรึมที่สุด สุขุมที่สุด แล้วก็ชำนาญในเรื่องการชั่งน้ำหนักและวิเคราะห์มากที่สุด“อย่าได้ดูถูกสตรี”โดยเฉพาะสตรีที่อายุน้อย และมีความคิดสตรีอยากจะเปลี่ยนฐานะตนเองง่ายกว่าบุรุษมากนักบนใบหน้าข
ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเอ่ยถึงอ๋องเฉิน ทุกคนล้วนเคารพยำเกรง เคารพนับถือ ประจบประแจง มีเพียงแค่ฉู่เชียนหลี มีเพียงนางที่กล้าพูดความในใจออกมาหลิงเชียนอี้รู้สึกว่าฉู่เชียนหลีได้กระตุ้นความเป็นหัวอกเดียวกันของเขา รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาทันที ตื้นตันใจจนไม่รู้จะพูดอะไรหลังจากความตื้นตันใจผ่านไป จึงดึงมือของฉู่เชียนหลี “จะต้องให้ท่านน้าเฉินที่รังแกท่านชดใช้!”“ถูกต้อง ข้าไม่ยอมก้มหัวให้หรอก”“ฉู่เชียนหลี ข้าสนับสนุนท่าน!”ทั้งสองคนรู้สึกเช่นเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน เสียดายที่รู้จักกันช้าไปดังนั้น ทั้งสองคนจึงเหมือนกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาสิบกว่าปี เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กลับไปที่เรือนซอมซ่อ ศึกษาค้นคว้าหนทางที่จะนำภาพวาดนั้นมาให้ได้ฉู่เชียนหลีไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านถึงต้องอยากได้ภาพนั้น?”หลิงเชียนอี้ตกใจทันที อะไรบางอย่างแวบผ่านดวงตาด้วยความรวดเร็ว เอ่ยขึ้น“ฉู่เชียนหลีท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ท่านน้าของข้ามีความชอบพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสะสมวัตถุโบราณ อย่างเช่นพวกกระบี่โบราณ ของเล่นโบราณเหล่านั้น สิ่งของที่ขุดขึ้นมาจากสุสาน รวมทั้งภาพวาดที่มีความเป็นมาล้ำค่า ผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหว
กรอบภาพวาดนี้ราวกับถูกยึดอยู่บนฉากบังลม ทั้งยังมีตัวเกี่ยวลับ จะหยิบลงมาเลยไม่ได้ฉู่เชียนหลีมือหนึ่งยกกรอบภาพ อีกมือหนึ่งยื่นเข้าไปในช่องว่างระหว่างกรอบภาพกับฉากบังลม คลำหาตำแหน่งของตัวเกี่ยวลับอย่างละเอียดนางคลำหาอย่างตั้งใจ แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลิงเชียนอี้ได้กระโดดออกทางหน้าต่างไปแล้ว ก็มีเงาดำที่สูงส่งเงาหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านหลังของนาง...คลำถูกดหาทันใดนั้น ปลายนิ้วก็สัมผัสถึงตำแหน่งที่นูนออกมาเล็กน้อยแห่งหนึ่ง ออกแรงกดเล็กน้อย ได้ยินเสียง‘แกรก’ทีหนึ่ง กรอบภาพก็คลายออก“ข้าเอาลงมาได้แล้ว!” ฉู่เชียนหลีกอดกรอบภาพเอาไว้ หันหลังกลับไปด้วยความดีใจ “หลิง...”เสียงพูดหยุดกึกรอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อไปทันทีเห็นเฟิงเย่เสวียนในชุดสีดำยืนอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลัง กำลังสำรวจนางด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ท่าทางที่ดูสงบ ราวกับว่าได้มาถึงตรงนี้นานแล้ว แล้วก็มองไปยังห้องหนังสือ ที่ไม่มีเงาของหลิงเชียนอี้ตั้งนานแล้วทันใดนั้นฉู่เชียนหลีที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็กระทืบเท้าอย่างโมโหไอ้เลว!หลิงเชียนอี้ นายมันไอ้คนไม่มีคุณธรรม ทรยศฉัน!“พระชายากำลังทำ