ขนของมันดำเช่นนั้น น่าจะชื่อเจ้าดำกระมัง?แต่นางเรียกอยู่หลายครั้ง ในป่าไม่มีการตอบสนองฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ลองเปลี่ยนชื่อเรียกใหม่ “เจ้าล่ำ”ก็ยังไม่มีการตอบสนอง“เจ้าสูง? พี่ใหญ่? เจ้าขายาว? เจ้าขนยาว? เจ้าขนดำ? เจ้าน่าเกรงขาม? เจ้าฉลาด…”ฟู่…ไม่รู้ว่าเป็นชื่อใดที่เรียกถูก มีเสียงการเคลื่อนไหวดังออกมาจากในป่า เห็นเพียงภายในป่าที่มืดสลัว ดวงตาสีเขียวเข้มคู่หนึ่งราวกับดวงไฟผีพุ่งเข้ามาใกล้กะทันหันลมเย็นปะทะหน้าวินาทีต่อมา เงาสีดำร่างใหญ่ที่เลือนลานปรากฏตรงหน้าฉู่เชียนหลีคือมัน!แต่ว่า…ขนของมันยุ่งเหยิง บนตัวยังมีลูกกระชับติดเต็มไปหมด ทำให้ขนที่เงางามของมันติดกันเป็นก้อนๆ ท่าทางที่ตกอับของมันก็เหมือนชนชั้นสูงที่สภาพทางการเงินตกต่ำ ไม่ต้องพูดถึงว่าสะบักสะบอมแค่ไหนพอมันเห็นนางก็เหมือนกับน้อยเนื้อต่ำใจเล็กน้อย หมอบอยู่บนพื้น ใช้หัวถูขาของนาง ราวกับกำลังออดอ้อนฉู่เชียนหลีถึงกับตะลึงงันแล้ว“เจ้าใช่หมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุนที่ฆ่าคนไม่กะพริบตาจริงหรือ?!”แต่ไม่ใช่สุนัขดำตัวน้อยที่กระดิกหาง?หมาป่ารบเหวี่ยงหางใหญ่ที่ขนฟูทีหนึ่ง หัวพลางถูรองเท้านาง กลิ้งอยู่บนพื้นหนึ่งรอบ บ
“เจ้าดำน้อย พวกเราไปกันเถอะ”ฉู่เชียนหลีลูบหูที่มีขนปุกปุยของมัน “เจ้าจะเข้าเมืองไม่ได้นะ ถ้าองค์รัชทายาทพบเข้า จะต้องจับตัวเจ้ากลับไปแน่ ข้าจะต้องคิดหาวิธีจัดการเจ้าอย่างรัดกุมก่อน เจ้ารอข้าคิดก่อนนะ”หนึ่งคนหนึ่งหมาป่ากำลังก้าวเดินผู้หญิงเดินนำหน้า ก้มหน้าลงเล็กน้อย กำลังลูบคาง เดินพลางครุ่นคิดถึงเรื่องนี้หมาป่าดำกำลังสาวอุ้งเท้า เดินตามอยู่ด้านหลังช้า ๆภายใต้แสงจันทร์ที่มืดสลัว บนทางอันเงียบเหงาสองสายที่เดินอยู่แลดูกลมเกลียดเป็นพิเศษ ทำให้ความมืดยามราตรียิ่งสงบมากขึ้นทันใดนั้น เสียงกรีดร้องก็ดังขึ้น“โอ๊ย ไอ้…!”ฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้น ก็มองเห็นชายหนุ่มกระโดดสูงสามฉื่อ กอดต้นไม้เอาไว้ด้วยความตกใจ “นี่ไม่ใช่จวี้เฟิงฮ่าวของท่านลุงรัชทายาทหรอกหรือ?!”หลิงเชียนอี้คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่กลับบ้าน ยังต้องเจอสัตว์ป่าดุร้ายอีก ตกใจจนขวัญเสียได้ยินมาว่า ท่านลุงรัชทายาทจะต้องป้อนเนื้อสดให้มันวันละยี่สิบชั่ง มีครั้งหนึ่งที่มันกินไม่อิ่มจึงกัดคนรับใช้ที่เลี้ยงดูจนตาย แล้วกลืนลงท้องไปเลย...หลิงเชียนอี้ตกใจจนปีนต้นไม้ ถึงสังเกตเห็นถึงฉู่เชียนหลีที่อยู่ข้างตัวหมาป่าดำยังไม่ได้ถามนางว
ฉู่เชียนหลีครุ่นคิด ในเมื่อท่านโหวน้อยช่วยเหลือนาง เช่นนั้นการที่นางจะช่วยเขาขอภาพวาดภาพหนึ่งก็เป็นเรื่องสมควรหมาป่าตัวนี้มีสายเลือดที่ค่อนข้างหายาก ต่อไปอาจจะสามารถช่วยชีวิตนางในช่วงเวลาคับขันได้ และนางช่วยรองแม่ทัพเจียง นางขอภาพวาดภาพหนึ่งกับอ๋องเฉินเพื่อเป็นรางวัล คงไม่เกินไปหรอกกระมัง?หลังจากครุ่นคิด บรรลุความร่วมมือ“ถ้าเป็นไปตามคาด ท่านก็มารับได้ในพลบค่ำวันพรุ่งนี้เถอะ”“ดี เด็ดขาดจริง ๆ!”วันรุ่งขึ้นหลังจากฉู่เชียนหลีตื่นนอน ในระหว่างกำลังกินอาหารเช้าก็ครุ่นคิดถึงเรื่องภาพวาดนั้น ในเมื่อแขวนอยู่ที่ห้องหนังสือ เช่นนั้นนางก็จะไปที่ห้องหนังสือรีบร้อนกินข้าว เช็ดปาก ยกขนมที่กินไม่หมดที่อยู่บนโต๊ะจานนั้น เดินมาที่เรือนหานเฟิง“พระชายานี่คือ...”หานเฟิงเฝ้าอยู่หน้าประตูห้องหนังสือ ตอนที่นายท่านทำงาน หากไม่ได้รับอนุญาตจะไม่ชอบให้ผู้ใดมารบกวนฉู่เชียนหลีมองไปยังประตูห้องหนังสือที่ปิดเอาไว้ ยิ้มเล็กน้อย เอ่ยเสียงอ่อนโยน“ท่านอ๋องกำลังยุ่งหรือ? ข้าทำขนมเองกับมือจำนวนหนึ่ง อยากจะเอามาให้ท่านอ๋องลองชิมน่ะ”หานเฟิงชะงักไปเล็กน้อยนายท่านไม่เคยเบนความสนใจเพราะเรื่องแบบนี้มาก่
ขนมในมือหมดความหอมไปทันทีเฟิงเย่เสวียนวางกลับที่เดิม แล้วหยิบฎีกาขึ้นมาใหม่ “ข้ามีงานยุ่ง มีธุระอะไรค่อยคุยกันวันพรุ่งนี้”“งั้นขนมนี่...”“วางเอาไว้”เมื่อพูดจบ ก็หลุบตาลงอ่านฎีกาฉู่เชียนหลีกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ อยากจะพูดถึงเรื่องของหมาป่ากับเขา แต่ก็กลัวว่าจะทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเขากับองค์รัชทายาท หากทั้งสองฝ่ายทะเลาะกันขึ้นมา นางจะปัดความรับผิดชอบได้ยากเมื่อคิดดูแล้ว ไม่พูดดีกว่ากวาดตามองภาพแขวนที่ราคาสูง ความเป็นมายิ่งใหญ่ที่อยู่บนฉากบังลมรูปนั้น ก็เลียริมฝีปากก่อนจะเอ่ย“ท่านอ๋อง อันที่จริงข้ามาเพื่อที่จะสอบถามอาการของรองแม่ทัพเจียงสักหน่อย”“อันที่จริงอาการของรองแม่ทัพเจียงสาหัสมาก จะต้องจับตาดูตลอดเวลา ทันทีที่ใช้ยาไม่ถูกต้องหรือว่าเกิดเรื่องผิดพลาดตรงไหน มือของเขาอาจจะพิการได้ และมีแต่ข้าที่มียา”ว่าแล้วนางก็ล้วงยาปฏิชีวนะออกมาจากในแขนเสื้อนิ้วที่ถูกตัดสามารถต่อกลับไปใหม่ได้ ต้องการเวลาในการเติบโตใหม่ การฉีดยาปฏิชีวนะสามารถเพิ่มอัตราการอยู่รอดของนิ้วที่ขาดได้เฟิงเย่เสวียนกวาดสายตามองวัตถุที่อยู่ในมือของนางนางมักจะหยิบสิ่งของที่เขาไม่เคยได้ยิน ไม่เคยเห็น
เห็นแก่ภาพวาดบนนั้น หลังจากฉู่เชียนหลีสังเกตแผนที่อย่างจริงจังก็เอ่ยขึ้น“ท่านอ๋อง ยอดเขาแห่งนี้เต็มไปด้วยอันตราย สูงเสียเสียดฟ้า เกรงว่าจะเป็นสถานการณ์หนึ่งคนเฝ้าด่าน ทหารหมื่นนายมิอาจกรายผ่าน อยากจะขึ้นยอดเขา ไม่ลองกำจัดสิ่งกีดขวางออกทีละอย่างดูก่อน แล้วค่อยขึ้นยอดเขาก็ยังไม่สาย”“อ้อ?”ชายหนุ่มประหลาดใจเล็กน้อยเขายังไม่ทันบอกว่าความลึกลับบนภูเขาลูกนี้ นางกลับมองออกเสียแล้วไม่เลวจึงซักถามต่อ “ตามความเห็นของพระชายา จะใช้วิธีใดถึงจะปีนไปถึงยอดเขาได้สำเร็จ โดยเกิดการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด?”ฉู่เชียนหลีลูบคาง ตกอยู่ในความคิดยอดเขานี้สูงชัน ทั้งสี่ด้านล้วนเป็นหน้าผา น่ากลัวว่าจะมีทางขึ้นเขาเพียงสายเดียว ทั้งยังอันตรายมาก ทั้งยังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่มีคนคอยขัดขวางการขึ้นเขาอีกด้วย ปัจจัยเสี่ยงเพิ่มพูนถ้าอยากจะให้มีการบาดเจ็บล้มตายน้อยที่สุด...หลังจากพึมพำเสียงต่ำเล็กน้อย จู่ ๆ ก็เกิดความคิดสวนทาง“ในเมื่อมีคนคอยขัดขวาง เหตุใดขึงไม่ให้เขาเป็นฝ่ายลงมา ยกเลิกการป้องกันก่อนล่ะ?”นางชี้ไปที่ยอดเขา “เพียงแค่ใช้วิธีการบีบบังคับให้พวกเขาลงมา พวกเขาก็จะพ่ายแพ้ นอกเสียจากว่าภูเขา
ในเวลานี้ด้านนอกจวนอ๋องเฉิน ด้านหลังกำแพงเรือน มีสองสามร่างกำลัง ชะโงกหัวเยี่ยม ๆ มอง ๆ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ “ระวังหน่อย ๆ อย่าให้ถูกจับได้”บรรดาองครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืดของจวนอ๋อง “...”คุณชายทุกท่าน เชิญพวกท่านทำต่อไป พวกข้าตาบอด มองไม่เห็นอะไรทั้งนั้นเป็นหลิงเชียนอี้รวมทั้งสหายที่ไม่เอาการเอางานทั้งสามคนตู้หนิงเป็นบุตรชายตระกูลร่ำรวยอันดับหนึ่งของเจียงหนาน นิสัยหุนหันพลันแล่นตรงไปตรงมา “ใช้ได้นี่ เหล่าหลิง เจ้าเอาผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหวังอันมาได้จริง ๆ งั้นหรือ? ข้าได้ยินมาว่าอ๋องเฉินเก็บรักษาภาพวาดนี้เอาไว้อย่างทะนุถนอม หวงแหนมาก”บิดาของซูมู่เป็นไท่ฟู่[footnoteRef:1] ลูกศิษย์เต็มบ้านเต็มเมือง เขาจึงเงียบขรึมและอ่อนโยนกว่าเล็กน้อย [1: อาจารย์ของรัชทายาท] “ท่านโหวน้อย เหตุใดท่านถึงสนใจในตัวของฉู่เชียนหลี ข้าได้ยินมาว่านางไม่ได้รับความโปรดปรานของอ๋องเฉิน...”เริ่นอันหรานเงียบขรึมที่สุด สุขุมที่สุด แล้วก็ชำนาญในเรื่องการชั่งน้ำหนักและวิเคราะห์มากที่สุด“อย่าได้ดูถูกสตรี”โดยเฉพาะสตรีที่อายุน้อย และมีความคิดสตรีอยากจะเปลี่ยนฐานะตนเองง่ายกว่าบุรุษมากนักบนใบหน้าข
ตั้งแต่เล็กจนโต เมื่อเอ่ยถึงอ๋องเฉิน ทุกคนล้วนเคารพยำเกรง เคารพนับถือ ประจบประแจง มีเพียงแค่ฉู่เชียนหลี มีเพียงนางที่กล้าพูดความในใจออกมาหลิงเชียนอี้รู้สึกว่าฉู่เชียนหลีได้กระตุ้นความเป็นหัวอกเดียวกันของเขา รู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาทันที ตื้นตันใจจนไม่รู้จะพูดอะไรหลังจากความตื้นตันใจผ่านไป จึงดึงมือของฉู่เชียนหลี “จะต้องให้ท่านน้าเฉินที่รังแกท่านชดใช้!”“ถูกต้อง ข้าไม่ยอมก้มหัวให้หรอก”“ฉู่เชียนหลี ข้าสนับสนุนท่าน!”ทั้งสองคนรู้สึกเช่นเดียวกัน เห็นอกเห็นใจกัน เสียดายที่รู้จักกันช้าไปดังนั้น ทั้งสองคนจึงเหมือนกับเพื่อนสนิทที่รู้จักกันมาสิบกว่าปี เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กลับไปที่เรือนซอมซ่อ ศึกษาค้นคว้าหนทางที่จะนำภาพวาดนั้นมาให้ได้ฉู่เชียนหลีไม่เข้าใจ “เหตุใดท่านถึงต้องอยากได้ภาพนั้น?”หลิงเชียนอี้ตกใจทันที อะไรบางอย่างแวบผ่านดวงตาด้วยความรวดเร็ว เอ่ยขึ้น“ฉู่เชียนหลีท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า ท่านน้าของข้ามีความชอบพิเศษอย่างหนึ่ง นั่นก็คือสะสมวัตถุโบราณ อย่างเช่นพวกกระบี่โบราณ ของเล่นโบราณเหล่านั้น สิ่งของที่ขุดขึ้นมาจากสุสาน รวมทั้งภาพวาดที่มีความเป็นมาล้ำค่า ผลงานภาพวาดชิ้นเอกของหว
กรอบภาพวาดนี้ราวกับถูกยึดอยู่บนฉากบังลม ทั้งยังมีตัวเกี่ยวลับ จะหยิบลงมาเลยไม่ได้ฉู่เชียนหลีมือหนึ่งยกกรอบภาพ อีกมือหนึ่งยื่นเข้าไปในช่องว่างระหว่างกรอบภาพกับฉากบังลม คลำหาตำแหน่งของตัวเกี่ยวลับอย่างละเอียดนางคลำหาอย่างตั้งใจ แต่กลับไม่ทันสังเกตเห็นว่าหลิงเชียนอี้ได้กระโดดออกทางหน้าต่างไปแล้ว ก็มีเงาดำที่สูงส่งเงาหนึ่งค่อย ๆ เดินเข้ามาด้านหลังของนาง...คลำถูกดหาทันใดนั้น ปลายนิ้วก็สัมผัสถึงตำแหน่งที่นูนออกมาเล็กน้อยแห่งหนึ่ง ออกแรงกดเล็กน้อย ได้ยินเสียง‘แกรก’ทีหนึ่ง กรอบภาพก็คลายออก“ข้าเอาลงมาได้แล้ว!” ฉู่เชียนหลีกอดกรอบภาพเอาไว้ หันหลังกลับไปด้วยความดีใจ “หลิง...”เสียงพูดหยุดกึกรอยยิ้มบนใบหน้าแข็งทื่อไปทันทีเห็นเฟิงเย่เสวียนในชุดสีดำยืนอยู่ด้านหลัง ชายหนุ่มยืนเอามือไพล่หลัง กำลังสำรวจนางด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ท่าทางที่ดูสงบ ราวกับว่าได้มาถึงตรงนี้นานแล้ว แล้วก็มองไปยังห้องหนังสือ ที่ไม่มีเงาของหลิงเชียนอี้ตั้งนานแล้วทันใดนั้นฉู่เชียนหลีที่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็กระทืบเท้าอย่างโมโหไอ้เลว!หลิงเชียนอี้ นายมันไอ้คนไม่มีคุณธรรม ทรยศฉัน!“พระชายากำลังทำ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท