คดีโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ?ก็แค่การปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ สามารถชกต่อยกันถึงขั้นนี้?ทันใดนั้นฉู่เชียนหลีเงียบขรึม “...”ตลอดสิบกว่าปีของนาง นางได้กลายเป็นคุณป้าที่อายุเกือบจะสี่สิบแล้ว นางไม่เข้าใจโลกของคนหนุ่มสาว ก็เหมือนกับที่เด็กแว้นไม่เข้าใจชาวร็อก“เรียบร้อย”นางตัดผ้าก๊อซ แล้วเก็บส่วนที่เหลือเข้ากำไลเฉียนคุน ลุกขึ้นตบจีบที่ชายกระโปรงของนาง“บนตัวพวกเจ้ามีบาดแผลไม่มากก็น้อย ช่วงเวลาต่อจากนี้ห้ามกินของเผ็ด พยายามอย่าโดนน้ำ ห้ามดื่มเหล้า…”“เหล้า?!”ดวงตาหลิงเชียนอี้เป็นประกาย พลันลุกพรวดขึ้นมา“เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าก็แล้วกัน”“?”“เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกว่าห้ามดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ…”“ไป!”หลิงเชียนอี้จับข้อมือของฉู่เชียนหลี สับขาก็ไปทันที อายุแค่นี้ ตัวผอมเช่นนี้ กลับลากฉู่เชียนหลีตัวปลิว และวิ่งเร็วมาก“?”เมื่อภาพเปลี่ยนไป ก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีการบริการกินดื่มเที่ยวครบครันที่นี่มีหญิงงามนับไม่ถ้วน เต้นระบำบรรเลงเพลง เอวเพรียวไหว และมีสุราชั้นยอดกับอาหารรสเลิศเช่น กระตุ้นความอยากของผู้คน ยิ่งกว่านั้นมีการแบ่งพื้นที่อย่างชัด
มองดูชายสองคนที่อ้อนแอ้นอรชร เวลานี้ฉู่เชียนหลีแค่อยากกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และแอบหลั่งน้ำตาสวรรค์!เหตุใดสวรรค์จึงต้องแย่งชิงความงามของนางไป?อยากปลดปล่อยความเป็นตัวเอง แต่ก็กังวลว่าเมื่อถอดผ้าคลุมหน้า จะทำให้คนตกใจหนีกระเจิง ทั้งๆ ที่ควรจะไปแล้ว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ผู้ชายสองคนที่เหมือนดอกไม้คล้ายหยก สองจิตสองใจจนเกิดสงครามชักเย่อครั้งใหญ่ในใจฮือๆ…ไม่สนใจแล้ว!มนุษย์ยืนอยู่บนโลกใบนี้ ก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แสวงหาความสุขให้เต็มที่ อ๋องเฉินนั่นไม่ชอบนาง นางก็ไม่ได้รักอ๋องเฉิน จะมาแขวนคอตายบนต้นไม้ใหญ่ไร้ค่าที่ชื่ออ๋องเฉินไม่ได้เด็ดขาดอ่า…ภายใต้ความหุนหันพลันแล่น นางรับแก้วเหล้า ยกแขนเสื้อปิดปังใบหน้า หันกายไปด้านข้าง ดื่มหมดแก้วในคราวเดียว“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าชอบ” หลิงเชียนอี้ตบโต๊ะหัวเราะเสียงดัง “แม่นาง ขอแค่เจ้าเอ่ยปาก ไม่ว่าเจ้าต้องการผู้ชายกี่คน ก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา”บางคนก็อ้วนบางคนก็ผอม ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตนเอง“ข้าอยากได้สามสิบคน!”หลิงเชียนอี้ “เอ่อ? เจ้าก็โลภเกินไปแล้วกระมัง…”ตู้หนิงตบโต๊ะ “โอ้โฮ แม่นางเป็นคนใจถึง ข้าชอบ มา พวกเราชนหนึ่งแก้ว”ซูม
“ทั่วไป อันดับสามของโลก…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ความเมาที่เข้มข้นสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง สะอึกเหล้าหนึ่งทีอย่างไม่สามารถควบคุม สองเท้าอ่อนแรงราวกับเหยียบอยู่บนสำลีคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์หลังดื่มของนารีแดงจะแรงเช่นนั้นนางคอแข็งกว่าคนทั่วไป ปกติดื่มสองชั่งก็ไม่เมา วันนี้กลับล้มเพราะนารีแดงเล็กๆ ขวดเดียวฉู่เชียนหลีจับแขนหลิงเชียนอี้ไว้แน่น พยุงร่างกายไว้อย่างทุลักทุเล ยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น สายตาที่พร่ามัวพยายามมองข้างหน้าจวนอ๋องเฉินราวกลับกลายเป็นเงาซ้อนสิบกว่าสาย หมุนแล้วหมุนอีกนางสะบัดศีรษะ พยายามมองดู“ข้า…ข้าถึงแล้ว…”หลิงเชียนอี้ไม่ได้เมาหนักมากนัก สามารถมองเห็นป้ายของจวนอย่างชัดเจน “จวน…อ๋อง…เฉิน?”เอ๋?นี่เป็นบ้านของน้าชายเขาไม่ใช่หรือ?“แม่นาง เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า…เอ่อ…หรือเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องเฉิน?”“นางเป็นผู้หญิงของข้า!”ในอากาศ มีเสียงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสองดังขึ้น เหมือนลูกดอกที่แหลมคมนับไม่ถ้วนยิงใส่ร่างกายหลิงเชียนอี้ ทำให้เขาหนาวจนสั่นสะท้านเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง เห็นผู้ชายสวมชุดผาวสีหมึกเดินมือไพล่หลังเข้ามา สมองกำลังงงงวย“ท่าน…ท่านน้า?
สีหน้าเฟิงเย่เสวียนบึ้งตึง เดินเข้าไปข้างใน ไม่อยากฟังแม้แต่คำเดียวฉู่เชียนหลีอึดอัด สองมือปัดกระชากเขา“กด…กดปอดเจ้าสิ…ข้า ข้าเวียนหัว…อ๊า!”ร่างกายลอยออกไปกะทันหัน ลอยเคว้งกลางอากาศเป็นเส้นโค้ง ตกลงบนเตียงอย่างแรง เด้งขึ้นแล้วตกลงมาอีกครั้ง เวียนศีรษะจนแทบลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยอายเย็นปกคลุมทั่วร่างเฟิงเย่เสวียน สีหน้าเย็นชาจนสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”เขาเป็นถึงอ๋องแห่งแคว้น!ผู้หญิงของเขา จะไปสถานที่อย่างหมิงเฮ่าเซวียนได้อย่างไร? แล้วจะถือสถานะอันสูงศักดิ์โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไปทำให้เขาเสียหน้าข้างนอกได้อย่างไร? เขาจ้องมองอย่างโมโหฉู่เชียนหลี : สะลึมสะลือเขา “...”พุ่งไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของนาง แต่ร่างกายของนางลื่นไหลลงไปอย่างอ่อนระทวย เสื้อผ้าอยู่ในมือของเขา ถูกกระชากหลุดสามส่วน เผยให้เห็นไหล่งามอันเรียบเนียนหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเรียบเนียนเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเหมือนไข่ไก่ที่ปอกเปลือก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย สะบักหลังอันประณีตนั้นยิ่งลึก สายตาเลื่อนลงไปข้างล่าง ในส่วนลึกของคอเสื้อมีร่อง…สายตาเฟิงเย่เสวียนขรึมฉับพลั
ในคืนนี้ ฉู่เชียนหลีหลับใหลอยู่ในความฝันที่ยาวนานมาก…ในฝัน นางใช้จ่ายอย่างอู้ฟู่เพื่อซื้อคฤหาสน์หนูที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยตารางเมตร จ้างคนรับใช้หนึ่งร้อยคน และเลี้ยงผู้ชายสิบแปดคนในคราวเดียวบรรดาผู้ชายเป็นเด็กดี หยิ่งผยอง เผด็จการ เชื่อฟัง อ่อนโยน ออดอ้อน…พวกเขารุมล้อมนาง โอ๋นาง เอาใจนาง ทำตามใจนางทุกอย่าง เอาอกเอาใจนางเหมือนเป็นบรรพบุรุษ ทำให้นางมีความสุขถึงจุดสูงสุดของชีวิตทันใดนั้น นอกประตู ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามที่สุดในปฐพีเข้ามาแย่งความโปรดปราน“นายหญิง เหตุใดท่านจึงโปรดปรานแต่พวกเขา กลับไม่ลองมองข้า? ใบหน้าของข้า รูปร่างของข้า ยี่สิบเซนนี่ มีตรงไหนที่สู้พวกเขาไม่ได้บ้าง?”ฉู่เชียนหลีจับใบหน้าของบรรพบุรุษน้อย ‘เป็นเด็กดีนะ อย่าเสียงดัง รักทุกคน นายหญิงรักเจ้าที่สุด’ชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น คิ้วดาบนั่น ตาดำนั่น ริมฝีปากบาง โครงหน้าเรียวที่เห็นเส้นชัด…เฟิงเย่เสวียน!“อ๊า!” ฉู่เชียนหลีตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ความรู้สึกวิงเวียนสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในศีรษะ บีบให้นางล้มลงไปอีกครั้งฝัน…ฝันเหรอ?“ตื่นแล้ว”ข้างหู น้ำเสียงสุขุมและเย็นชา
เสียงของฉู่เชียนหลีเปี่ยมไปด้วยร้อยอารมณ์พันความรู้สึก แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อนุญาตให้สงสัย ความรู้สึกจากใจจริงนั้นยิ่งทำให้ผู้ฟังซาบซึ้งน้ำตาไหลเฟิงเย่เสวียนฟังจนเกือบเชื่อแล้วเหลือบมองใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยปานของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เรื่องของเมื่อคืนปรากฏขึ้นในศีรษะ…เมื่อคืน…สายตาของเขาเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“ปากเก่งดีนัก”“ในเมื่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมไม่สามารถทำผิดต่อพระชายา ที่นี่มีภารกิจหนึ่งอย่าง มอบให้พระชายาไปทำ”ฉู่เชียนหลี “?”เห็นนางเป็นแรงงานฟรี?ไม่มีทางในโลกปัจจุบัน มีคนมากน้อยเพียงใดเข้าแถวขอให้นางรักษา ขอให้นางจ่ายยา ขอให้นางทำงาน ของขวัญที่ส่งมากองเป็นภูเขา นางไม่เคยแม้แต่จะยกเปลือกตามองนางเป็นคนมีอีโก้——นายคิดว่านายเป็นใคร นายคิดว่าทุกคนบนโลกต้องเดินหมุนรอบตัวนายเหรอ? นายบอกให้ทำงานก็ทำงาน?เฟิงเย่เสวียนพูดเสริมอีกประโยคด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หลังทำงานเสร็จ ข้าตอบรับคำขอของพระชายาหนึ่งข้อโดยไม่มีเงื่อนไข”“ข้ายินดีทำงานเพื่อท่านอ๋องอย่างยิ่ง!”บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏกะทันหัน ยิ้มหวานยิ่งกว่าดอกไม้ สดใสยิ่งกว่าแสงแดด
เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
เวลานี้เอง ในที่สุดหมาป่าศึกก็เงยหน้าขึ้น มองฉู่เชียนหลีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหัวแล้วหันหัวอีก เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีมองอย่างตั้งใจนี่มันกำลัง…เชือก!ที่คอมันมีเชือกเส้นหนาที่ทำจากหนังวัวผูกอยู่ และความหมายของมันคือกำลังบอกนางว่า มันถูกพันธนาการ…สวรรค์!ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที เหมือนว่าสุนัขตัวนี้เข้าใจสิ่งที่นางพูด และยัง ‘ตอบ’ นางด้วย ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!นางมองซ้ายมองขวาแวบหนึ่ง ภายในลานไร้คนลังเลครู่หนึ่ง นางกล่าวเสียงเบา“ข้าเข้าไปช่วยเจ้าแก้เชือก แต่เจ้าห้ามกัดข้า ห้ามเห่า ยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ เข้าใจหรือไม่?”หมาป่าศึกมองนางแวบหนึ่ง เหมือนกำลังตอบ มันวางอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง หมอบอยู่เบาะนุ่มในท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทางจะโจมตีใดๆฉู่เชียนหลีเห็นสถานการณ์ ปีนขึ้นขอบกำแพงแล้วกระโดดลงมาก้าวเท้ายาวไปที่เสาเหล็ก กลับพบว่าเชือกถูกลงกลอนไว้กับเสาเหล็ก และยังลงกลอนด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่กระตุกสองที แม่กุญแจตัวนี้มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เปิดไม่ออกอีกด้านหนึ่ง…นางมองไปทางหมาป่าศึกท่าทางดุร้าย และขนาดตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ พลันค่อยๆ เดินเข้าใกล้ “ข้าช่