คดีโศกนาฏกรรมที่เกิดจากการปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ?ก็แค่การปาหินให้กระดอนบนผิวน้ำ สามารถชกต่อยกันถึงขั้นนี้?ทันใดนั้นฉู่เชียนหลีเงียบขรึม “...”ตลอดสิบกว่าปีของนาง นางได้กลายเป็นคุณป้าที่อายุเกือบจะสี่สิบแล้ว นางไม่เข้าใจโลกของคนหนุ่มสาว ก็เหมือนกับที่เด็กแว้นไม่เข้าใจชาวร็อก“เรียบร้อย”นางตัดผ้าก๊อซ แล้วเก็บส่วนที่เหลือเข้ากำไลเฉียนคุน ลุกขึ้นตบจีบที่ชายกระโปรงของนาง“บนตัวพวกเจ้ามีบาดแผลไม่มากก็น้อย ช่วงเวลาต่อจากนี้ห้ามกินของเผ็ด พยายามอย่าโดนน้ำ ห้ามดื่มเหล้า…”“เหล้า?!”ดวงตาหลิงเชียนอี้เป็นประกาย พลันลุกพรวดขึ้นมา“เจ้าช่วยข้าไว้ ข้าเลี้ยงเหล้าเจ้าก็แล้วกัน”“?”“เมื่อครู่ข้าเพิ่งบอกว่าห้ามดื่มเหล้าไม่ใช่หรือ…”“ไป!”หลิงเชียนอี้จับข้อมือของฉู่เชียนหลี สับขาก็ไปทันที อายุแค่นี้ ตัวผอมเช่นนี้ กลับลากฉู่เชียนหลีตัวปลิว และวิ่งเร็วมาก“?”เมื่อภาพเปลี่ยนไป ก็มาถึงโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่มีการบริการกินดื่มเที่ยวครบครันที่นี่มีหญิงงามนับไม่ถ้วน เต้นระบำบรรเลงเพลง เอวเพรียวไหว และมีสุราชั้นยอดกับอาหารรสเลิศเช่น กระตุ้นความอยากของผู้คน ยิ่งกว่านั้นมีการแบ่งพื้นที่อย่างชัด
มองดูชายสองคนที่อ้อนแอ้นอรชร เวลานี้ฉู่เชียนหลีแค่อยากกัดผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆ และแอบหลั่งน้ำตาสวรรค์!เหตุใดสวรรค์จึงต้องแย่งชิงความงามของนางไป?อยากปลดปล่อยความเป็นตัวเอง แต่ก็กังวลว่าเมื่อถอดผ้าคลุมหน้า จะทำให้คนตกใจหนีกระเจิง ทั้งๆ ที่ควรจะไปแล้ว แต่ก็อาลัยอาวรณ์ผู้ชายสองคนที่เหมือนดอกไม้คล้ายหยก สองจิตสองใจจนเกิดสงครามชักเย่อครั้งใหญ่ในใจฮือๆ…ไม่สนใจแล้ว!มนุษย์ยืนอยู่บนโลกใบนี้ ก็ควรจะใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน แสวงหาความสุขให้เต็มที่ อ๋องเฉินนั่นไม่ชอบนาง นางก็ไม่ได้รักอ๋องเฉิน จะมาแขวนคอตายบนต้นไม้ใหญ่ไร้ค่าที่ชื่ออ๋องเฉินไม่ได้เด็ดขาดอ่า…ภายใต้ความหุนหันพลันแล่น นางรับแก้วเหล้า ยกแขนเสื้อปิดปังใบหน้า หันกายไปด้านข้าง ดื่มหมดแก้วในคราวเดียว“ฮ่าๆๆ ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้าชอบ” หลิงเชียนอี้ตบโต๊ะหัวเราะเสียงดัง “แม่นาง ขอแค่เจ้าเอ่ยปาก ไม่ว่าเจ้าต้องการผู้ชายกี่คน ก็ล้วนไม่ใช่ปัญหา”บางคนก็อ้วนบางคนก็ผอม ทุกคนมีเอกลักษณ์ของตนเอง“ข้าอยากได้สามสิบคน!”หลิงเชียนอี้ “เอ่อ? เจ้าก็โลภเกินไปแล้วกระมัง…”ตู้หนิงตบโต๊ะ “โอ้โฮ แม่นางเป็นคนใจถึง ข้าชอบ มา พวกเราชนหนึ่งแก้ว”ซูม
“ทั่วไป อันดับสามของโลก…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ความเมาที่เข้มข้นสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง สะอึกเหล้าหนึ่งทีอย่างไม่สามารถควบคุม สองเท้าอ่อนแรงราวกับเหยียบอยู่บนสำลีคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์หลังดื่มของนารีแดงจะแรงเช่นนั้นนางคอแข็งกว่าคนทั่วไป ปกติดื่มสองชั่งก็ไม่เมา วันนี้กลับล้มเพราะนารีแดงเล็กๆ ขวดเดียวฉู่เชียนหลีจับแขนหลิงเชียนอี้ไว้แน่น พยุงร่างกายไว้อย่างทุลักทุเล ยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น สายตาที่พร่ามัวพยายามมองข้างหน้าจวนอ๋องเฉินราวกลับกลายเป็นเงาซ้อนสิบกว่าสาย หมุนแล้วหมุนอีกนางสะบัดศีรษะ พยายามมองดู“ข้า…ข้าถึงแล้ว…”หลิงเชียนอี้ไม่ได้เมาหนักมากนัก สามารถมองเห็นป้ายของจวนอย่างชัดเจน “จวน…อ๋อง…เฉิน?”เอ๋?นี่เป็นบ้านของน้าชายเขาไม่ใช่หรือ?“แม่นาง เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า…เอ่อ…หรือเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องเฉิน?”“นางเป็นผู้หญิงของข้า!”ในอากาศ มีเสียงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสองดังขึ้น เหมือนลูกดอกที่แหลมคมนับไม่ถ้วนยิงใส่ร่างกายหลิงเชียนอี้ ทำให้เขาหนาวจนสั่นสะท้านเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง เห็นผู้ชายสวมชุดผาวสีหมึกเดินมือไพล่หลังเข้ามา สมองกำลังงงงวย“ท่าน…ท่านน้า?
สีหน้าเฟิงเย่เสวียนบึ้งตึง เดินเข้าไปข้างใน ไม่อยากฟังแม้แต่คำเดียวฉู่เชียนหลีอึดอัด สองมือปัดกระชากเขา“กด…กดปอดเจ้าสิ…ข้า ข้าเวียนหัว…อ๊า!”ร่างกายลอยออกไปกะทันหัน ลอยเคว้งกลางอากาศเป็นเส้นโค้ง ตกลงบนเตียงอย่างแรง เด้งขึ้นแล้วตกลงมาอีกครั้ง เวียนศีรษะจนแทบลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยอายเย็นปกคลุมทั่วร่างเฟิงเย่เสวียน สีหน้าเย็นชาจนสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”เขาเป็นถึงอ๋องแห่งแคว้น!ผู้หญิงของเขา จะไปสถานที่อย่างหมิงเฮ่าเซวียนได้อย่างไร? แล้วจะถือสถานะอันสูงศักดิ์โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไปทำให้เขาเสียหน้าข้างนอกได้อย่างไร? เขาจ้องมองอย่างโมโหฉู่เชียนหลี : สะลึมสะลือเขา “...”พุ่งไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของนาง แต่ร่างกายของนางลื่นไหลลงไปอย่างอ่อนระทวย เสื้อผ้าอยู่ในมือของเขา ถูกกระชากหลุดสามส่วน เผยให้เห็นไหล่งามอันเรียบเนียนหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเรียบเนียนเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเหมือนไข่ไก่ที่ปอกเปลือก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย สะบักหลังอันประณีตนั้นยิ่งลึก สายตาเลื่อนลงไปข้างล่าง ในส่วนลึกของคอเสื้อมีร่อง…สายตาเฟิงเย่เสวียนขรึมฉับพลั
ในคืนนี้ ฉู่เชียนหลีหลับใหลอยู่ในความฝันที่ยาวนานมาก…ในฝัน นางใช้จ่ายอย่างอู้ฟู่เพื่อซื้อคฤหาสน์หนูที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยตารางเมตร จ้างคนรับใช้หนึ่งร้อยคน และเลี้ยงผู้ชายสิบแปดคนในคราวเดียวบรรดาผู้ชายเป็นเด็กดี หยิ่งผยอง เผด็จการ เชื่อฟัง อ่อนโยน ออดอ้อน…พวกเขารุมล้อมนาง โอ๋นาง เอาใจนาง ทำตามใจนางทุกอย่าง เอาอกเอาใจนางเหมือนเป็นบรรพบุรุษ ทำให้นางมีความสุขถึงจุดสูงสุดของชีวิตทันใดนั้น นอกประตู ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามที่สุดในปฐพีเข้ามาแย่งความโปรดปราน“นายหญิง เหตุใดท่านจึงโปรดปรานแต่พวกเขา กลับไม่ลองมองข้า? ใบหน้าของข้า รูปร่างของข้า ยี่สิบเซนนี่ มีตรงไหนที่สู้พวกเขาไม่ได้บ้าง?”ฉู่เชียนหลีจับใบหน้าของบรรพบุรุษน้อย ‘เป็นเด็กดีนะ อย่าเสียงดัง รักทุกคน นายหญิงรักเจ้าที่สุด’ชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น คิ้วดาบนั่น ตาดำนั่น ริมฝีปากบาง โครงหน้าเรียวที่เห็นเส้นชัด…เฟิงเย่เสวียน!“อ๊า!” ฉู่เชียนหลีตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ความรู้สึกวิงเวียนสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในศีรษะ บีบให้นางล้มลงไปอีกครั้งฝัน…ฝันเหรอ?“ตื่นแล้ว”ข้างหู น้ำเสียงสุขุมและเย็นชา
เสียงของฉู่เชียนหลีเปี่ยมไปด้วยร้อยอารมณ์พันความรู้สึก แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อนุญาตให้สงสัย ความรู้สึกจากใจจริงนั้นยิ่งทำให้ผู้ฟังซาบซึ้งน้ำตาไหลเฟิงเย่เสวียนฟังจนเกือบเชื่อแล้วเหลือบมองใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยปานของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เรื่องของเมื่อคืนปรากฏขึ้นในศีรษะ…เมื่อคืน…สายตาของเขาเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“ปากเก่งดีนัก”“ในเมื่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมไม่สามารถทำผิดต่อพระชายา ที่นี่มีภารกิจหนึ่งอย่าง มอบให้พระชายาไปทำ”ฉู่เชียนหลี “?”เห็นนางเป็นแรงงานฟรี?ไม่มีทางในโลกปัจจุบัน มีคนมากน้อยเพียงใดเข้าแถวขอให้นางรักษา ขอให้นางจ่ายยา ขอให้นางทำงาน ของขวัญที่ส่งมากองเป็นภูเขา นางไม่เคยแม้แต่จะยกเปลือกตามองนางเป็นคนมีอีโก้——นายคิดว่านายเป็นใคร นายคิดว่าทุกคนบนโลกต้องเดินหมุนรอบตัวนายเหรอ? นายบอกให้ทำงานก็ทำงาน?เฟิงเย่เสวียนพูดเสริมอีกประโยคด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หลังทำงานเสร็จ ข้าตอบรับคำขอของพระชายาหนึ่งข้อโดยไม่มีเงื่อนไข”“ข้ายินดีทำงานเพื่อท่านอ๋องอย่างยิ่ง!”บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏกะทันหัน ยิ้มหวานยิ่งกว่าดอกไม้ สดใสยิ่งกว่าแสงแดด
เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
เวลานี้เอง ในที่สุดหมาป่าศึกก็เงยหน้าขึ้น มองฉู่เชียนหลีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหัวแล้วหันหัวอีก เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีมองอย่างตั้งใจนี่มันกำลัง…เชือก!ที่คอมันมีเชือกเส้นหนาที่ทำจากหนังวัวผูกอยู่ และความหมายของมันคือกำลังบอกนางว่า มันถูกพันธนาการ…สวรรค์!ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที เหมือนว่าสุนัขตัวนี้เข้าใจสิ่งที่นางพูด และยัง ‘ตอบ’ นางด้วย ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!นางมองซ้ายมองขวาแวบหนึ่ง ภายในลานไร้คนลังเลครู่หนึ่ง นางกล่าวเสียงเบา“ข้าเข้าไปช่วยเจ้าแก้เชือก แต่เจ้าห้ามกัดข้า ห้ามเห่า ยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ เข้าใจหรือไม่?”หมาป่าศึกมองนางแวบหนึ่ง เหมือนกำลังตอบ มันวางอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง หมอบอยู่เบาะนุ่มในท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทางจะโจมตีใดๆฉู่เชียนหลีเห็นสถานการณ์ ปีนขึ้นขอบกำแพงแล้วกระโดดลงมาก้าวเท้ายาวไปที่เสาเหล็ก กลับพบว่าเชือกถูกลงกลอนไว้กับเสาเหล็ก และยังลงกลอนด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่กระตุกสองที แม่กุญแจตัวนี้มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เปิดไม่ออกอีกด้านหนึ่ง…นางมองไปทางหมาป่าศึกท่าทางดุร้าย และขนาดตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ พลันค่อยๆ เดินเข้าใกล้ “ข้าช่
สองวันต่อจากนั้น ค่อนข้างสงบเพียงแต่สงครามกำลังจะปะทุขึ้นแล้ว เมื่อครึ่งเดือนก่อน อ๋องเฉินยึดเมืองเจียหนานได้ในคราวเดียว เพื่อโต้ตอบ ฮ่องเต้หลีเลือกที่จะร่วมมือกับแคว้นซีอวี้ ได้รับม้าศึก อาวุธ และยอดทหารที่หนึ่งคนสามารถสู้สิบคน เตรียมพร้อมลงสนามรบทุกเมื่อ สงครามดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ“กลับมาอย่างปลอดภัยนะ”ฉู่เชียนหลีผูกสายรัดเอวของเสื้อเกราะอ่อน สวมเสื้อเพ้าชั้นนอก และจัดแจงให้เฟิงเย่เสวียน ก่อนออกเดินทาง โอบเอวของเขาไม่ยอมปล่อยเป็นเวลานานเฟิงเย่เสวียนลูบศีรษะน้อยๆ ของนาง“อยู่บ้านดูแลเว่ยซีกับจื่อเยี่ยให้ดี อย่างมากข้าไปสองวันก็กลับ”“ระวังตัวด้วย”“อืม”จูบกลางหว่างคิ้วของนาง ถือกระบี่เดินจากไปฉู่เชียนหลีไปส่งถึงประตูใหญ่ กระทั่งมองไม่เห็นแผ่นหลังของเขา จึงจะกลับจวนร่างกายของอวิ๋นอิงฟื้นตัวได้ดี สีหน้าก็ดูดีขึ้นมาก มีกู่แพทย์คอยบำรุงรักษา สุขภาพของนางค่อยๆ ดีขึ้น และไม่กระอักเลือดแล้ว“พระชายา งานเลี้ยงอายุครบหนึ่งปีของเว่ยซีกับจื่อเยี่ย จะเชิญใครบ้างเจ้าค่ะ?” อวิ๋นอิงกำลังวางแผนพริบตาเดียว ยังเหลืออีกเจ็ดวัน เจ้าเด็กน้อยทั้งสองก็จะอายุหนึ่งปีแล้วเวลาผ่านไปเร็วมาก
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าจวินลั่วยวนเปลี่ยนฉับพลัน กลิ่นอายรอบกายขรึมลง มีความตื่นตระหนกสายหนึ่งแลบผ่านแววตาอย่างรวดเร็วพริบตาเดียวไม่นานก็สงบลง บนใบหน้าเต็มไปด้วยความโกรธ“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”“นี่ท่านพูดอะไรของท่าน!”นางสะบัดมือของจวินชิงอวี่หลุด ลุกขึ้นยืน ทั่วร่างเต็มไปด้วยความโกรธที่ถูกปรักปรำ“ข้าเป็นน้องสาวแท้ๆ ของท่าน ท่านกลับคิดว่าข้าทำเรื่องที่ไร้มโนธรรมเช่นนี้? เสด็จพี่สาม ก่อนที่ท่านจะพูด เคยถามใจตัวเองดูหรือไม่!”นางคำรามออกมาอย่างแค้นเคืองต่อความไม่เป็นธรรม ดวงตาก็กลายเป็นสีแดงไปแล้วจวินชิงอวี่รักนางมาก ตั้งแต่เล็กจนโต ไม่เคยตำหนินางแม้แต่คำเดียวแต่…“ยวนเอ๋อร์ เดิมทีคนที่วางยา เป็นคนตัดฟืนของทำเนียบเจียงหนาน รับคำสั่งจากฮองเฮาตงหลิง วางยาพิษทำร้ายพี่น้องฝาแฝด ถูกพระชายาอ๋องเฉินจับได้”“แต่เมื่อวานเจ้าส่งคนไปทำเนียบ คนตัดฟืนคนนี้ก็มาอยู่ที่ศาลาพักม้าแล้ว”“กลางคืน เสด็จแม่ก็ถูกพิษแล้ว”นำทั้งหมดนี้มาเชื่อมโยงกัน จะไม่ให้เขาสงสัยได้อย่างไร?จวินลั่วยวนเบิกตากว้าง“ข้าเป็นห่วงความร่วมมือของแคว้นหนานยวนกับอ๋องเฉิน ส่งคนไปลองถามดู ท่านกลับคิดว่าข้าติดสิ
ความจริงเป็นไปตามที่ฉู่เชียนหลีคาดการณ์หลังจากจวินชิงอวี่ตามจวินลั่วยวนทัน ปลอบใจนางอยู่นาน เขารับประกันและใช้คำพูดดีๆ สารพัด จึงจะสามารถทำให้น้องสาวหายโกรธกลับถึงศาลาพักมา ก็พลบค่ำแล้วฮองเฮาหนานยวนฟื้นแล้ว“เสด็จแม่ ท่านฟื้นแล้ว!”“เสด็จแม่ ท่านรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่? เจ็บคอหรือไม่?”จวินชิงอวี่ถามอย่างประหม่า จวินลั่วยวนรินน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ทั้งสองเฝ้าอยู่ที่หน้าเตียง มองมารดาด้วยความห่วงใยฮองเฮาหนานยวนรู้สึกเจ็บแบบแสบร้อนในลำคอ แค่ขยับเล็กน้อยก็เจ็บแสบมาก แม้กลืนน้ำก็เจ็บจนหน้าซีดนางเม้มปาก ไม่พูดสักคำจวินชิงอวี่จับมือของนาง กล่าวอย่างปวดใจ“เสด็จแม่ ท่านไม่ต้องกังวล พวกเราใช้ยาที่ดีที่สุดแล้ว ต้องดีขึ้นแน่นอน ทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ มีนางอยู่ ท่านจะต้องหายดีแน่นอน”จวินลั่วยวนพยักหน้า“ใช่แล้ว เสด็จแม่ ท่านก็อย่าเสียใจไปเลย อีกสามถึงห้าปีก็หายแล้ว”“...”คำพูดนี้ ฟังดูก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรแต่หากตั้งใจฟัง สำหรับฮองเฮาหนานยวนที่ชอบร้องเพลง ไม่ใช่จงใจพูดเสียดสีหรอกหรือ?ฮองเฮาหนานยวนถือแก้วน้ำ พิงอยู่ตรงหัวเตียง ค่อยๆ หลุบตา พูดไม่ออก และไม่อยา
จวินลั่วยวนตื่นตระหนกแล้วนางคิดไม่ถึงว่าตัวเองจะตกหลุมพรางของฉู่เชียนหลี ตอนนี้ไม่สามารถทำให้นางตาย และยังทำให้เสด็จพี่สามสงสัย ไม่เพียงไม่ได้อะไรเลย แถมยังเสียอีกต่างหาก“เสด็จ เสด็จพี่สาม…”จบแล้ว!นางจะสูญเสียความรักของเสด็จพี่สามไม่ได้!จะปล่อยให้นางแพศยาฉู่เชียนหลีทำสำเร็จไม่ได้เด็ดขาด!สมองของจวินลั่วยวนแล่นอย่างรวดเร็ว ในเวลาสั้นๆ สองวินาที คิดแผนรับมือได้แล้ว เบ้าตาแดงก่ำโดยตรง มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาที่กลมโต นางกล่าว“เสด็จพี่สาม ดีจังที่ท่านไม่เป็นอะไร!”“ข้าได้ยินซวงซวงบอกว่าท่านกับพระชายาอ๋องเฉินออกมาด้วยกัน และยังมาสถานที่ลับเช่นนี้อีก ข้าคิดว่าพวกท่านทำ…เรื่องอะไรที่ให้คนอื่นรู้ไม่ได้เสียอีก”“ข้าเป็นห่วงท่านจึงตามมา เสด็จพี่สาม ท่านไม่โทษข้ากระมัง?”น้ำตาแห่งความกังวลและไร้เดียงสาไหลออกมาจากหางตาของนางจวินชิงอวี่ชะงักเล็กน้อย“เป็นห่วง?”“ใช่แล้ว ท่านเป็นพี่ชายของข้า พระชายาอ๋องเฉินก็เป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว พวกท่านสองคนอยู่ในห้องเดียวกัน และยังอยู่ด้วยกันนานเช่นนี้ จะไม่ให้คิดมากได้อย่างไร?”ทุกคำพูดของจวินลั่วยวนฟังดูมีเหตุผลมาก“ข้าคิดว่าพวกท่านกำลัง…
หลังจากหัวเราะอย่างเย้ยหยัน นางไม่พูดอะไรอีก โคจรกำลังภายใน ประสานฝ่ามือกับจวินชิงอวี่จวินชิงอวี่รู้สึกเพียงมีกำลังภายในที่เย็นเฉียบสายหนึ่งไหลเข้าสู่ร่างกาย ความเย็นและความร้อนประสานกัน ปรับสมดุลให้กันและกัน เขารีบหลับตา โคจรเคล็ดวิชาเหมันต์ภายในห้อง เข้าสู่ความเงียบ…นอกประตูองครักษ์ลับเฝ้าไว้นอกประตูใหญ่ รถม้าคันหนึ่งค่อยๆ แล่นเข้ามาหยุดอยู่ที่ตรงข้ามกับบ้าน มือเล็กๆ ที่ขาวนวลข้างหนึ่งเลิกม่านขึ้น แล้วกระโดดลงมา“ที่นี่หรือ?”จวินลั่วยวนยืนอย่างมั่นคง เงยหน้ามองไปเป็นสถานที่ที่เงียบสงบซวงซวงกล่าวเสียงเบา “เจ้าค่ะองค์หญิง องค์ชายสามกับพระชายาอ๋องเฉินเข้าไปข้างในสามเค่อแล้ว”จวินลั่วยวนหรี่ตา“แม้แต่โรคร้อนก็สามารถรักษา ฉู่เชียนหลีคนนี้พอจะมีความสามารถอยู่บ้าง”ทักษะการแพทย์ดี มีประโยชน์อะไร?สุดท้ายก็ต้องตายอยู่ดีไม่ใช่หรือ?เมื่อวานตอนอยู่หอน้ำชา ได้ยินบทสนทนาของพวกเขาสองคน เมื่อไรที่เริ่มรักษา ห้ามถูกขัดจังหวะเด็ดขาด จะส่งผลให้กำลังภายในย้อนกลับ ทั้งสองจะกระอักเลือดจนตายขอแค่นางบุกเข้าไป ก็สามารถเอาชีวิตของฉู่เชียนหลีเพียงแต่…น่าเสียดายน่าเสียดายที่เสด็จ
“ดื่มเยอะๆ”“...เสด็จแม่ยังไม่ฟื้นหรือ?”“หมอบอกว่าอาจจะต้องพรุ่งนี้ เสด็จพี่สาม ฉู่เชียนหลีโกหก ไม่ว่าเวลาไหน ท่านก็ห้ามเชื่อคำพูดของนางเด็ดขาด และไม่ว่ายวนเอ๋อร์ทำอะไร ก็ล้วนทำเพราะหวังดีต่อท่านพี่ ยวนเอ๋อร์ให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง”จวินลั่วยวนเงยหน้า กล่าวอย่างจริงจังมากจวินชิงอวี่เชื่อคำพูดของนางอย่างไม่มีเงื่อนไขเขามีแค่น้องสาวคนเดียว เขาไม่ตามใจแล้วใครจะตามใจ? เขาไม่รักแล้วใครจะรัก?“เป็นเด็กดีนะ”วันรุ่งขึ้นตามที่นัดหมายกับฉู่เชียนหลี เดิมทีจวินชิงอวี่ไม่อยากไป ยี่สิบกว่าปีมานี้ มีหมอนับไม่ถ้วนเคยรักษาเขา ไม่มีใครสามารถรักษาโรคร้อนของเขาได้เลยกล่าวอีกนัยคือ เขาไม่เชื่อฉู่เชียนหลี แต่การเดิมพันนั่น…เขาไม่เคยสงสัยยวนเอ๋อร์การเดิมพันนี้ ก็ย่อมไม่จำเป็นต้องมีองครักษ์ลับกล่าว “องค์ชาย ท่านไปดีกว่า ในแคว้นตงหลิง ไม่มีใครไม่รู้ว่าทักษะการแพทย์ของพระชายาอ๋องเฉินเลิศล้ำ ถ้าหากนางสามารถรักษาได้จริงๆ ต่อไปท่านก็ไม่ต้องเจ็บปวดเพราะโรคกำเริบแล้ว”หลังจากจวินชิงอวี่ครุ่นคิด สุดท้ายก็ตัดสินใจไปชานเมืองบ้านหลังหนึ่งที่เงียบสงบเอี๊ยด…“ท่านมา
“เช่นนั้นพวกเราเหมือนเดิมพันกัน”“เดิมพันก็เดิมพัน!”นอกหอน้ำชาจวินลั่วยวนมาถึง หลังจากสอบถามข้อมูลคร่าวๆ จากเด็กในร้าน ก็ย่องขึ้นไปบนชั้นสอง เข้าใกล้ห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เพิ่งแนบหูเข้าไป ก็ได้ยินเสียงสนทนาข้างในเสียงของฉู่เชียนหลี“โรคร้อนอันตรายมาก แค่ไม่ระวังเล็กน้อยก็จะกำเริบ ตอนที่ข้ารักษาเจ้า ต้องเปิดจุดชีพจร กรีดเปิดแผลบนมือและเท้าสี่จุด ใช้เลือดของข้าแลกกับเจ้าครึ่งหนึ่ง ในระหว่างนี้ห้ามถูกรบกวนเด็ดขาด”ลดเสียงกล่าวอย่างจริงจัง“ไม่เช่นนั้น กำลังภายในจะย้อนกลับ ห้ามเลือดไม่ได้ ถึงเวลา ข้าจะตาย เจ้าก็เจ้าตาย”จวินลั่วยวนประหลาดใจฉู่เชียนหลีสามารถรักษาโรคร้อน?ยิ่งกว่านั้น!ประเด็นสำคัญคือ!ห้ามถูกขัดจังหวะกลางคันเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นฉู่เชียนหลีกับองค์ชายสามล้วนจะตาย!ฉู่เชียนหลีตายแล้ว ตำแหน่งพระชายาอ๋องเฉินก็ว่าง อยากได้อ๋องเฉิน ก็ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือแล้วไม่ใช่หรือ?ทันใดนั้น แววตาเร่าร้อนทันทีตื่นเต้นคาดหวังแทบรอไม่ไหวนางกำลังจะเป็นพระชายาอ๋องเฉินแล้ว!การสนทนาภายในห้องกินเวลานานหนึ่งเค่อ ก่อนจะจบลง จวินลั่วยวนรีบวิ่งไปซ่อนตัวที่หัวมุม ประตูห้องเปิดออ
จวินลั่วยวนยกมือทั้งสองข้างขึ้น วางลงไปที่คอของฮองเฮาทันใดนั้น ร่างกายของฮองเฮาหนานยวนขยับเล็กน้อย นางรีบดึงมือกลับ ลุกขึ้นยืน และกลับมาดูเป็นเด็กดีอีกครั้ง“ซวงซวง ทางเสด็จพี่สามของข้าเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”ซวงซวงวิ่งเข้ามา“เมื่อครู่ทางองครักษ์มารายงาน หลังจากเสด็จพี่สามออกไป เจอสามีภรรยาอ๋องเฉิน ตอนนี้พวกเขาเข้าไปในหอน้ำชาแล้ว ไม่รู้ว่าคุยอะไรกันลับๆ เจ้าค่ะ”“?”พวกเขายังมีเรื่องให้คุยกันอีกหรือ?เสด็จพี่สามไม่ได้ไปสืบเรื่องของคนร้าย?เหตุใดยังสามารถคุยกับสามีภรรยาอ๋องเฉินดีๆ อีก?คุยอะไรกัน?หรือเป็นความลับที่นางไม่รู้?จวินลั่วยวนไม่อนุญาตให้มีเรื่องที่อยู่เหนือกันควบคุมของนาง กล่าวทันที “ซวงซวง เจ้าเฝ้าเสด็จแม่ไว้ ข้าลองไปดูหน่อย!”“เจ้าค่ะ องค์หญิง!”หอน้ำชาห้องส่วนตัวจวินชิงอวี่นั่งอยู่ที่ข้างโต๊ะ สีหน้าดูไม่ดีนัก และยังบึ้งตึงเหมือนจะกินคน กัดฟันจนดังก๊อกๆ“ท่านกล้าบอกว่ายวนเอ๋อร์เป็นคนวางยา!”จ้องฉู่เชียนหลีด้วยความโกรธโมโหมากถ้าหากไม่ใช่เพราะอ๋องเฉินนั่งอยู่ที่ข้างๆ เกรงว่าเขาลงมือโดยตรงแล้วฉู่เชียนหลีกล่าว“ตอนที่พวกเราออกจากศาลาพักม้า องครักษ์ลับ
ฉู่เชียนหลี “องค์หญิงมั่นใจในตัวเองจริงๆ เหมือนจะลืมไปแล้วว่าผู้หญิงที่ถูกอ๋องเฉินโยนออกไปเป็นใคร?”“...”รออ๋องเฉินถีบฉู่เชียนหลีทิ้ง นางจะจับฉู่เชียนหลีมาขังไว้ ทรมานทุกวัน ทำให้นางทรมานยิ่งกว่าตายจวินลั่วยวนเถียงไม่ไหว พลันเบ้าตาแดงก็กระโจนเข้าไปในอ้อมแขนของจวินชิงอวี่ หาที่ปลอบใจตัวเองจวินชิงอวี่ย่อมเข้าข้างน้องสาว“ฉู่เชียนหลี ดูจากพฤติกรรมที่ชอบบีบคั้นคนของเจ้า มันก็ไม่แปลกอะไรที่เจ้าจะสามารถวางยาพิษ”อาศัยเพียงแค่การคาดเดา ก็ตัดสินโทษของนางแล้ว?น่าขำ!พี่น้องคู่นี้ คนหนึ่งหน้าไหว้หลังหลอก อีกคนความรักบังตา ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริงๆ“มันน่าอัศจรรย์จริงๆ ที่แคว้นหนานยวนของพวกท่านสามารถพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน”จวินชิงอวี่หน้าบึ้งทันที “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ปัญหาส่วนตัว ตอนนี้จะลามปามไปถึงบ้านเมืองแล้ว?“ตามที่พูด”“เจ้า!”เขาโมโหจนจะเดินเข้าไปหานางพลันเฟิงเย่เสวียนยกฝ่ามือใหญ่ ดึงนางมาที่ข้างกาย “ข้าตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกอะไร”ทุกคนรีบหันไปมอง รอคอยคำพูดต่อจากนี้เฟิงเย่เสวียนกล่าวอย่างใจเย็น“แคว้นหนานยวนต่ำช้าเช่นนี้ ต่อให้ข้าแพ้ศึกครั้งนี้ ก็ไม่ร่วม