“ทั่วไป อันดับสามของโลก…”ฉู่เชียนหลีเพิ่งอ้าปาก ความเมาที่เข้มข้นสายหนึ่งพุ่งขึ้นสมอง สะอึกเหล้าหนึ่งทีอย่างไม่สามารถควบคุม สองเท้าอ่อนแรงราวกับเหยียบอยู่บนสำลีคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์หลังดื่มของนารีแดงจะแรงเช่นนั้นนางคอแข็งกว่าคนทั่วไป ปกติดื่มสองชั่งก็ไม่เมา วันนี้กลับล้มเพราะนารีแดงเล็กๆ ขวดเดียวฉู่เชียนหลีจับแขนหลิงเชียนอี้ไว้แน่น พยุงร่างกายไว้อย่างทุลักทุเล ยกศีรษะที่หนักอึ้งขึ้น สายตาที่พร่ามัวพยายามมองข้างหน้าจวนอ๋องเฉินราวกลับกลายเป็นเงาซ้อนสิบกว่าสาย หมุนแล้วหมุนอีกนางสะบัดศีรษะ พยายามมองดู“ข้า…ข้าถึงแล้ว…”หลิงเชียนอี้ไม่ได้เมาหนักมากนัก สามารถมองเห็นป้ายของจวนอย่างชัดเจน “จวน…อ๋อง…เฉิน?”เอ๋?นี่เป็นบ้านของน้าชายเขาไม่ใช่หรือ?“แม่นาง เจ้ามาผิดที่หรือเปล่า…เอ่อ…หรือเจ้าเป็นสาวใช้ของจวนอ๋องเฉิน?”“นางเป็นผู้หญิงของข้า!”ในอากาศ มีเสียงที่หนาวเหน็บราวกับน้ำค้างแข็งในเดือนสิบสองดังขึ้น เหมือนลูกดอกที่แหลมคมนับไม่ถ้วนยิงใส่ร่างกายหลิงเชียนอี้ ทำให้เขาหนาวจนสั่นสะท้านเงยหน้าขึ้นจ้องเขม็ง เห็นผู้ชายสวมชุดผาวสีหมึกเดินมือไพล่หลังเข้ามา สมองกำลังงงงวย“ท่าน…ท่านน้า?
สีหน้าเฟิงเย่เสวียนบึ้งตึง เดินเข้าไปข้างใน ไม่อยากฟังแม้แต่คำเดียวฉู่เชียนหลีอึดอัด สองมือปัดกระชากเขา“กด…กดปอดเจ้าสิ…ข้า ข้าเวียนหัว…อ๊า!”ร่างกายลอยออกไปกะทันหัน ลอยเคว้งกลางอากาศเป็นเส้นโค้ง ตกลงบนเตียงอย่างแรง เด้งขึ้นแล้วตกลงมาอีกครั้ง เวียนศีรษะจนแทบลอยขึ้นสวรรค์ไปเลยอายเย็นปกคลุมทั่วร่างเฟิงเย่เสวียน สีหน้าเย็นชาจนสามารถแช่แข็งคนให้ตายได้“ฉู่เชียนหลี เจ้าเห็นข้าอยู่ในสายตาหรือไม่?”เขาเป็นถึงอ๋องแห่งแคว้น!ผู้หญิงของเขา จะไปสถานที่อย่างหมิงเฮ่าเซวียนได้อย่างไร? แล้วจะถือสถานะอันสูงศักดิ์โดยไม่รู้จักยับยั้งชั่งใจ ไปทำให้เขาเสียหน้าข้างนอกได้อย่างไร? เขาจ้องมองอย่างโมโหฉู่เชียนหลี : สะลึมสะลือเขา “...”พุ่งไปข้างหน้า คว้าคอเสื้อของนาง แต่ร่างกายของนางลื่นไหลลงไปอย่างอ่อนระทวย เสื้อผ้าอยู่ในมือของเขา ถูกกระชากหลุดสามส่วน เผยให้เห็นไหล่งามอันเรียบเนียนหัวไหล่ของฉู่เชียนหลีเรียบเนียนเป็นพิเศษ ผิวพรรณขาวเหมือนไข่ไก่ที่ปอกเปลือก ไม่มีจุดด่างพร้อยแม้แต่น้อย สะบักหลังอันประณีตนั้นยิ่งลึก สายตาเลื่อนลงไปข้างล่าง ในส่วนลึกของคอเสื้อมีร่อง…สายตาเฟิงเย่เสวียนขรึมฉับพลั
ในคืนนี้ ฉู่เชียนหลีหลับใหลอยู่ในความฝันที่ยาวนานมาก…ในฝัน นางใช้จ่ายอย่างอู้ฟู่เพื่อซื้อคฤหาสน์หนูที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงหนึ่งพันห้าร้อยตารางเมตร จ้างคนรับใช้หนึ่งร้อยคน และเลี้ยงผู้ชายสิบแปดคนในคราวเดียวบรรดาผู้ชายเป็นเด็กดี หยิ่งผยอง เผด็จการ เชื่อฟัง อ่อนโยน ออดอ้อน…พวกเขารุมล้อมนาง โอ๋นาง เอาใจนาง ทำตามใจนางทุกอย่าง เอาอกเอาใจนางเหมือนเป็นบรรพบุรุษ ทำให้นางมีความสุขถึงจุดสูงสุดของชีวิตทันใดนั้น นอกประตู ผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่ารูปงามที่สุดในปฐพีเข้ามาแย่งความโปรดปราน“นายหญิง เหตุใดท่านจึงโปรดปรานแต่พวกเขา กลับไม่ลองมองข้า? ใบหน้าของข้า รูปร่างของข้า ยี่สิบเซนนี่ มีตรงไหนที่สู้พวกเขาไม่ได้บ้าง?”ฉู่เชียนหลีจับใบหน้าของบรรพบุรุษน้อย ‘เป็นเด็กดีนะ อย่าเสียงดัง รักทุกคน นายหญิงรักเจ้าที่สุด’ชายคนนั้นค่อยๆ เงยหน้าขึ้น คิ้วดาบนั่น ตาดำนั่น ริมฝีปากบาง โครงหน้าเรียวที่เห็นเส้นชัด…เฟิงเย่เสวียน!“อ๊า!” ฉู่เชียนหลีตกใจจนร้องเสียงหลง ลุกพรวดขึ้นมานั่ง ความรู้สึกวิงเวียนสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาในศีรษะ บีบให้นางล้มลงไปอีกครั้งฝัน…ฝันเหรอ?“ตื่นแล้ว”ข้างหู น้ำเสียงสุขุมและเย็นชา
เสียงของฉู่เชียนหลีเปี่ยมไปด้วยร้อยอารมณ์พันความรู้สึก แววตาเต็มไปด้วยความจริงใจที่ไม่อนุญาตให้สงสัย ความรู้สึกจากใจจริงนั้นยิ่งทำให้ผู้ฟังซาบซึ้งน้ำตาไหลเฟิงเย่เสวียนฟังจนเกือบเชื่อแล้วเหลือบมองใบหน้าที่ถูกปกคลุมด้วยปานของนาง ไม่รู้เพราะเหตุใด เรื่องของเมื่อคืนปรากฏขึ้นในศีรษะ…เมื่อคืน…สายตาของเขาเคร่งขรึม เอ่ยปากอย่างเฉยเมย“ปากเก่งดีนัก”“ในเมื่อเจ้าซื่อสัตย์ต่อข้าถึงเพียงนี้ ข้าย่อมไม่สามารถทำผิดต่อพระชายา ที่นี่มีภารกิจหนึ่งอย่าง มอบให้พระชายาไปทำ”ฉู่เชียนหลี “?”เห็นนางเป็นแรงงานฟรี?ไม่มีทางในโลกปัจจุบัน มีคนมากน้อยเพียงใดเข้าแถวขอให้นางรักษา ขอให้นางจ่ายยา ขอให้นางทำงาน ของขวัญที่ส่งมากองเป็นภูเขา นางไม่เคยแม้แต่จะยกเปลือกตามองนางเป็นคนมีอีโก้——นายคิดว่านายเป็นใคร นายคิดว่าทุกคนบนโลกต้องเดินหมุนรอบตัวนายเหรอ? นายบอกให้ทำงานก็ทำงาน?เฟิงเย่เสวียนพูดเสริมอีกประโยคด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “หลังทำงานเสร็จ ข้าตอบรับคำขอของพระชายาหนึ่งข้อโดยไม่มีเงื่อนไข”“ข้ายินดีทำงานเพื่อท่านอ๋องอย่างยิ่ง!”บนใบหน้ามีรอยยิ้มปรากฏกะทันหัน ยิ้มหวานยิ่งกว่าดอกไม้ สดใสยิ่งกว่าแสงแดด
เมืองหลวง รุ่งเรืองคึกคักเมืองหลวงของแคว้นเป็นสถานที่ที่ใหญ่ที่สุด ประชากรเยอะที่สุด สภาพทางเศรษฐกิจดีที่สุด บนถนนเล็กใหญ่ผู้คนพลุกพล่าน พ่อค้าเร่ตะโกนขายของ ผู้หญิงต่อราคา เด็กน้อยวิ่งเล่น ก่อเกิดเป็นภาพที่เจริญรุ่งเรือง“ขายผักจ้า!”“ขายซาลาเปาจ้า!”“ขายซาลาเปาไส้ผักจ้า!”ระหว่างเงาคนทับซ้อนกัน ทันใดนั้น บรรดาชาวบ้านพากันหลบอย่างเร็วราวกับพบเจอสัตว์ประหลาด แหวกออกเป็นทางเดินกว้างเส้นหนึ่ง เห็นเพียงบนทางเดินเส้นนั้น มีหมาป่าศึกขนสีดำเงางามตัวหนึ่งเดินเชิดหน้ามาหมาป่าตัวนั้นสูงหนึ่งเมตรกว่า ขาทั้งสี่ข้างเรียวยาว กล้ามเนื้อตึงมีกำลัง ขนทั้งตัวเงาดำ สะอาดสะอ้าน หูที่ตั้งชี้ไปข้างหลังนั้นองอาจน่าเกรงขาม ดวงตาสีเขียวเข้มคู่นั้นดูดุร้ายเป็นพิเศษ ปากที่อ้าไว้มีฟันที่แหลมคม สามารถฉีกทุกสิ่งให้แหลกดุดัน น่ากลัว ทรงพลัง!เด็กหนุ่มสี่คนจูงมันไว้ ท่าทางที่ปฏิบัติต่ออย่างระมัดระวัง ราวกับหมาป่าศึกตัวนี้เป็น ‘นาย’ ของพวกเขาเหล่าชาวบ้านพากันหลบอยู่ห่างๆ วิจารณ์เสียงเบาด้วยความกลัว“นี่ก็คือหมาป่าเทพแห่งเขาคุนหลุน ระดับความดุร้ายของมัน สามารถฆ่ากระทั่งสิงโตหรือเสือ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมนุษ
เวลานี้เอง ในที่สุดหมาป่าศึกก็เงยหน้าขึ้น มองฉู่เชียนหลีครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหัวแล้วหันหัวอีก เหมือนกำลังบอกใบ้อะไรบางอย่างฉู่เชียนหลีมองอย่างตั้งใจนี่มันกำลัง…เชือก!ที่คอมันมีเชือกเส้นหนาที่ทำจากหนังวัวผูกอยู่ และความหมายของมันคือกำลังบอกนางว่า มันถูกพันธนาการ…สวรรค์!ฉู่เชียนหลีตะลึงงันทันที เหมือนว่าสุนัขตัวนี้เข้าใจสิ่งที่นางพูด และยัง ‘ตอบ’ นางด้วย ฉลาดเกินไปแล้วกระมัง!นางมองซ้ายมองขวาแวบหนึ่ง ภายในลานไร้คนลังเลครู่หนึ่ง นางกล่าวเสียงเบา“ข้าเข้าไปช่วยเจ้าแก้เชือก แต่เจ้าห้ามกัดข้า ห้ามเห่า ยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ เข้าใจหรือไม่?”หมาป่าศึกมองนางแวบหนึ่ง เหมือนกำลังตอบ มันวางอุ้งเท้าลงอย่างเชื่อฟัง หมอบอยู่เบาะนุ่มในท่าทางที่ผ่อนคลาย ไม่มีท่าทางจะโจมตีใดๆฉู่เชียนหลีเห็นสถานการณ์ ปีนขึ้นขอบกำแพงแล้วกระโดดลงมาก้าวเท้ายาวไปที่เสาเหล็ก กลับพบว่าเชือกถูกลงกลอนไว้กับเสาเหล็ก และยังลงกลอนด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่กระตุกสองที แม่กุญแจตัวนี้มีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ เปิดไม่ออกอีกด้านหนึ่ง…นางมองไปทางหมาป่าศึกท่าทางดุร้าย และขนาดตัวใหญ่กำยำเป็นพิเศษ พลันค่อยๆ เดินเข้าใกล้ “ข้าช่
เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่งหมาป่าหายไปกะทันหัน คนในร้านตกใจจนขวัญหนีกระเจิง ข่าวนี้ยิ่งถูกส่งไปถึงจวนที่โอ่อ่าแห่งหนึ่ง“เจ้าว่าอะไรนะ?!”บนที่นั่ง องค์รัชทายาทเฟิงเจิ้งอวี้ตบโต๊ะลุกขึ้นยืน มีไฟโทสะแฝงอยู่ในเสียงที่เคร่งขรึมนั่นเป็นหมาป่าศึกสายเลือดบริสุทธิ์ที่เขาใช้ทรัพยากรและกำลังคนจำนวนมากจับมาจากเขาคุนหลุน หลายปีมานี้ เพื่อเลี้ยงสัตว์ร้ายตัวนี้ให้ดี เขาทุ่มเทแรงกายแรงใจและทรัพยากรเยอะมากนี่เป็นสัตว์เลี้ยงของเขา ยิ่งเป็นตัวแทนสัญลักษณ์อำนาจ สถานะ ราชาผู้สยบสรรพสิ่งของเขาคนรับใช้คุกเข่าอยู่บนพื้น ร่างกายสั่นเทา “รัช รัช รัชทายาทโปรดไว้ชีวิต…บ่าว บ่าว…”“รายงาน…”เวลานี้เอง มีทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามาจากนอกประตูอย่างเร่งรีบ“เรียนองค์รัชทายาท เมื่อสองเค่อก่อน ผู้น้อยเหมือนเห็นหมาป่าศึกของท่านคาบผู้หญิงคนหนึ่งออกจากเมือง หน้าตาของผู้หญิงคนนั้นอัปลักษณ์ เหมือนจะเป็น…พระชายาอ๋องเฉินขอรับ”สายตาของเฟิงเจิ้งอวี้ขรึมลงพระชายาอ๋องเฉินเฟิงเย่เสวียน!เขากำลังจะเอ่ยปาก ใต้ที่นั่ง ชายวัยกลางคนสวมชุดผาวสีน้ำตาลคนหนึ่งเอ่ยปากอย่างไม่เร่งไม่รีบ“หมาป่าตัวนั้นมีนิสัยดุร้าย ไม่แน่อาจจะก
ฉู่เชียนหลีจับมือนางอย่างกระตือรือร้น “เหตุใดมือเจ้าจึงเย็นเช่นนี้? เหตุใดอาการไอนี้ยังไม่หายดี? ต้องสวมเสื้อผ้าให้เยอะๆ ดูแลร่างกายให้ดีๆ วันข้างหน้าจึงจะสามารถมีลูกที่แข็งแรงให้ท่านอ๋องนะ”เซียวจือฮว่าได้ยินเช่นนี้ แก้มแดงทันทีนางก้มศีรษะ กล่าวอย่างเขินอายเล็กน้อย“พี่หญิงล้อเล่นแล้ว…”“นี่เป็นเรื่องไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้วไม่ใช่หรือ? จวนอ๋องเฉินต้องอาศัยเจ้าแตกกิ่งก้านสาขาแล้ว” ฉู่เชียนหลียิ้มแย้ม ท่าทางที่สนิทสนมนั่น ก็เหมือนกับปฏิบัติต่อน้องสาวแท้ๆ ก็มิปานเซียวจือฮว่าเกิดความสงสัยในใจ จู่ๆ ผู้หญิงอัปลักษณ์คนนี้เอาใจใส่ถึงเพียงนี้ กำลังคิดจะทำอะไรกันแน่?บนใบหน้า แสร้งทำเป็นเขินอาย “พี่หญิงก็ควรพยายามถึงจะถูก อย่างไรเสียพี่หญิงจึงจะเป็นพระชายาที่ท่านอ๋องแต่งภรรยาต่อหน้าสาธารณะ ข้าไม่ควรครอบครองท่านอ๋องไว้คนเดียว…”การพูดเช่นนี้ มันคือการโอ้อวดอย่างไร้รูป :ท่านอ๋องโปรดปรานข้าเพียงคนเดียว เจ้าเข้าจวนสามเดือนกว่าแล้ว ไม่เคยจับกระทั่งมือท่านอ๋อง เจ้ารีบสละตำแหน่งตั้งแต่เนิ่นๆ เถอะ! ——ฉันพยายามผีบ้าอะไร ฉันไม่มีทางทิ้งป่าทั้งผืนเพื่อต้นไม้เอียงแค่ต้นเดียวหรอก!ฉู่เชียนหลียิ้มแ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท