ฉู่เชียนหลี “?”‘งงเป็นไก่ตาแตก’ เข้าใจคำนี้หรือยัง?คนบ้านนี้กินยาผิด?นางอันรีบลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป จับแขนฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม พาคนไปนั่ง ยิ้มจนแทบมองไม่เห็นดวงตาแล้วครั้งนี้นางกับอ๋องเฉินไปเมืองตงหนิง ควบคุมโรคระบาด ทั่วทั้งแคว้นตงหลิงไม่มีใครไม่รู้ในฐานะที่เป็นผู้หญิง กลับสร้างผลงานใหญ่เช่นนี้นางที่เป็นแม่คนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วว่าภูมิใจมากเพียงใด!นี่เป็นลูกสาวที่นางเลี้ยงจนโต!แม้ไม่ได้คลอดเองแต่นางเลี้ยงจนโตกับมือ!หากไม่มีนาง ฉู่เชียนหลีจะโตได้หรือ? ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่มุมใดก็ไม่รู้ตั้งนานแล้ว บุญคุณเลี้ยงดูส่วนนี้ของนาง ไม่มีผลงาน ก็มีความตรากตรำ ฉู่เชียนหลีจำเป็นต้องตอบแทนนาง“เสียวฉู่ วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว พวกเราทั้งครอบครัวนั่งด้วยกัน พูดคุยกัน สนทนากัน อย่าถ่อมตน” นางอันหัวเราะเหอะๆฮูหยินฉู่ยกตะเกียบเงินขึ้น คีบเนื้อปั้นก้อนตุ๋นหนึ่งชิ้น ใส่ลงไปในชามนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม“เสียวฉู่ มา เจ้าชอบกินที่สุด”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วขอโทษ นางชอบกินปลาที่สุดการเอาใจใส่อย่างเสแสร้งของครอบครัวนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดนางไม่ได้หยิบตะเกียบ แต่ก
ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว นางใช้หลังมือเช็ดหางตาแหมๆๆ ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาพูดตรงไปตรงมาหน่อยไม่ได้หรือ?ก็เพราะเห็นคุณค่าการใช้ประโยชน์ของนาง ก็เลยอยากใช้นางไม่ใช่หรือ? มาพูดอะไรหวังดีไม่หวังดี เห็นนางเป็นคนโง่หรือ? คิดว่านางจะเชื่อหรือ?น่าขำสิ้นดี!“ใต้เท้าฉู่กล่าวหนักแล้ว สถานะของข้าเป็นแค่ลูกอนุภรรยา จะกล้ากล่าวโทษท่านได้อย่างไรกัน? ข้าเป็นคุณหนูอัปลักษณ์ที่สู้หน้าคนไม่ได้ หลายปีมานี้ ต้องขอบคุณที่ท่านทิ้งข้าไว้ในเรือนเย็น ไม่ถามไม่สนใจ จึงไม่ให้ข้าออกไปทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้า”“พูดไปพูดมา ท่านนี่แหละที่คิดรอบคอบ!”นางเอ่ยปากอย่างยิ้มแย้ม ใช้เรื่องนี้ถ่วงเวลา ในใจนางไม่มีความรู้สึกใดๆนางไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’และนี่ไม่ใช่บ้านของนางผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่บิดาของนางนางก็แค่แขวนนามคุณหนูตระกูลฉู่เท่านั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เม้มปาก มีหรือที่เขาจะฟังความจริตจะก้านและจงใจพูดเสียดสีของฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ก็จริง หลายปีมานี้ นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี กล่าวโทษเขาในใจ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแต่นางเป็นคนของตระกูลฉู่ตลอดไปจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ปรบมือ
ฮูหยินฉู่ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ฉู่หงหลวน คุณหนูรองฉู่ซวง นางอันให้กำเนิดคุณหนูสามฉู่เจียวเจียว คุณหนูสี่ฉู่เชียนหลีในบรรดาลูกสาวสี่คน ฉู่หงหลวนสวยที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นที่รักของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ตั้งแต่เด็ก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ยิ่งอบรมสั่งสอนด้วยตนเอง ตั้งความหวังไว้สูงมากเขาให้ฉู่หงหลวนแต่งกับรัชทายาท ในอนาคต ต้องสนับสนุนนางเป็นฮองเฮาแน่นอน!แต่ตอนนี้อ๋องเฉินกับรัชทายาทปะทะกันแล้ว รัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อยากช่วยฉู่หงหลวน จึงลงมือจากตัวฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีถือตั๋วเงินหนาๆ ปึกนี้ไว้อย่างไม่ใส่ใจ เสียงพลิกกระดาษดัง ‘ซ่าๆๆ’กลิ่นเหม็นของทองแดงอบอวล… เหอะ!“ความหมายของใต้เท้าฉู่คือให้ข้ากลับไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเฉิน หยุดสู้กับรัชทายาท?” นางเงยหน้าอย่างยิ้มแย้ม มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ รอยยิ้มกลับไม่มีความจริงใจคำพูดของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่สวยหรูมาก“รัชทายาทกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับหงหลวนก็เป็นพี่น้องกัน และยังเป็นสะใภ้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะร่วมมือกันเพื่อชัยชนะ ตระกูลฉู่จึงจะเจริญรุ่งเรือง”ความหมายน
ฉู่เชียนหลีก้มเอว หยิบไม้ตีสุนัขที่ฮ่องเต้พระราชทานขึ้น ใช้แขนเสื้อเช็ดแล้วเช็ดอีก กำแน่น พลันสะบัดแขน ซ่า…เหล็กชั้นดีสามท่อนที่ฝังอยู่ข้างในถูกสะบัดออกมา กลายเป็นกระบองที่ทั้งเล็กและเรียว ลวดลายดอกไม้ที่แกะสลักอยู่ข้างบนสวยงามราวกับเป็นของจริง ทั้งเยือกเย็น ทั้งสวยงาม ทำให้ผิวหนังของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หดเกร็ง “ใช่แล้ว” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อย่างยิ้มแย้ม “เมื่อครู่ท่านพูดอะไรกับข้านะ? สองวันนี้หลับไม่ค่อยสนิท หูก็ไม่ค่อยดีนัก ได้ยินไม่ชัด”นางเอียงศีรษะ เอียงหูเข้าไปใกล้“ท่านพูดอีกรอบ?”นางกล่าวถามอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยนมากทว่า การกระทำนี้ ในสายตาของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย!นางถือ ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ในมือ เขากล้าเอ่ยปากหรือ? กล้าเถียงหรือ? กล้าพูดมากหรือ? กล้าพูดอีกหรือ?ไม้ตีสุนัข ตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เหมือนฮ่องเต้มาเยือนด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากฉู่เชียนหลีไม่พอใจขึ้นมา ลงมือกับเขา เขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีแต่โดยดี…อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เงียบไปหลายวินาที ตอนที่เอ่ยปากอีกครั
รับเงิน จากไป ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่โมโหมาก แต่ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม หน้าบูดบึ้งเหมือนไปกินสิ่งปฏิกูลมา ฮูหยินฉู่กับฉู่ซวงไม่กล้าเอ่ยปาก เหล่าคนรับใช้ยิ่งยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ส่วนนางอันกับฉู่เจียวเจียวรีบวิ่งตามออกไป“เสียวฉู่!”“น้องหญิง…”ทั้งสองเรียกได้หวานมากฉู่เชียนหลีเอานิ้วแตะน้ำลาย กำลังนับตั๋วเงิน เมื่อเห็นทั้งสองตามมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็นับต่อแล้วหนึ่ง สอง สาม สี่…สิบแปด สิบเก้า…นางอันกับฉู่เจียวเจียวสบตากันแวบหนึ่ง สองแม่ลูกเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มและอ่อนโยน“เสียวฉู่ เจ้าอยากรู้เรื่องของแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าบอกเจ้าก็สิ้นเรื่อง”นางยิ้มอย่างเป็นมิตร จูงมือฉู่เชียนหลี ไปนั่งคุยกันในศาลาของสวนดอกไม้ฉู่เชียนหลีนับเงินต่อนางอันเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของนาง แม้ไม่ชอบท่าทีที่กวนประสาทของนาง แต่ก็ต้องประจบสอพลอนางอย่างหน้าด้านๆฉู่เชียนหลีควบคุมโรคระบาด ได้รับความสำคัญและการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ อนาคตไกลไม่มีสิ้นสุดนางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิบห้าปีก่อน ข้าคลอดลูกในบ้านของชาวบ้านครอบครัวหนึ่ง แต่ลูกสาวที่ข้าคลอดออกมาก
ฉู่เชียนหลีลดเสียงเบา กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย“ฉู่เชียนหลี ข้าคลอดเจ้า เลี้ยงเจ้า! เจ้าจำเป็นต้องตอบแทนข้า! ให้อ๋องหลีเป็นขุนนาง ช่วยให้พี่สาวเจ้าได้รับความโปรดปราน! ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะปล่อยข่าว เจ้าจิตใจคับแคบ เป็นศัตรูกับแม่แท้ๆ กีดกันพี่สาว ทำลายชื่อเสียงของเจ้า!”นางอัน “...”คำพูดที่นางเคยพูดในตอนนั้น ออกมาจากปากฉู่เชียนหลี ก็เหมือนโดนฝ่ามือเหวี่ยงใส่หน้าดังเพียะๆ แม้แต่หน้านางก็แดงไปถึงรากหู ทั้งอับอายทั้งทำอะไรไม่ได้ แทบอยากหารูมุดเข้าไปในดินเสียเดี๋ยวนี้บ้าจริง!ตอนนั้นนางไม่ควรพูดเช่นนี้!ประเด็นคือตอนนั้น นางก็ไม่รู้ว่าฉู่เชียนหลีจะร้ายกาจเช่นนี้ ไม่เพียงได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเฉิน เอาชนะพระชายารองเซียว ยังมีทักษะการแพทย์ที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่ง และยังได้รับความสำคัญและการปกป้องจากฮ่องเต้หากรู้แต่แรก นางจะต้องกอดต้นขาฉู่เชียนหลีให้แน่นแน่นอนตอนนี้ เสียดายมาก!โรงหมอเป้าฟู่ในโรคระบาดของเมืองตงหนิงครั้งนี้ โรงหมอเป้าฟู่บริจาคสมุนไพรนับไม่ถ้วนโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ช่วยเหลือราษฎร สร้างผลงานครั้งใหญ่ และยิ่งได้รับการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ เป็นที่เลื่องลือทั่วท
เรือนส่วนหลังอาคารขนาดสามชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น ได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างสงบอวิ๋นอิงเดินเข้ามา มองดูห้องมากมายเหล่านี้ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมถามตำแหน่งของเถ้าแก่จิ่งเดินกลับไปถาม เห็นทุกคนต่างกำลังยุ่ง ผู้ป่วยเยอะมาก ไม่มีใครสนใจนางจึงเดินกลับเรือนส่วนหลังอีกครั้ง เมื่อสังเกตอย่างละเอียด มีประตูบานหนึ่งปิดไม่สนิทเปิดไว้?อวิ๋นอิงเอียงศีรษะ ยกเท้าเดินเข้าไปบางทีอาจจะมีคนอยู่ข้างใน พอดีเลยจะได้ลองถามดูเดินเข้าไปใกล้ ตอนที่กำลังจะยกมือเคาะประตู จากช่องว่างระหว่างประตูสองบานกลับมองเห็น…ภายในห้องถังอาบน้ำหมอกไอร้อนพวยพุ่ง ร่างเงาไหล่กว้างสายหนึ่งกำลังพิงขอบถังอาบน้ำ มือทั้งสองข้างของคนคนนั้นพาดอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน ผมสีดำที่เหมือนกับผ้าชั้นดีห้อยตกลงมา เงางามเป็นประกาย ระหว่างความคลุมเครือ สามารถมองเห็นสัญลักษณ์สีดำบนไหล่หลังของเขาหมาป่า!เป็นรูปสัญลักษณ์หมาป่า!หมาป่าสีดำฝังอยู่บนผิวหนัง ดวงตาสีแดงเข้มเหมือนร้องไห้เป็นเลือด ยิ่งเหมือนมีชีวิต ราวกับกำลังจ้องคนที่อยู่นอกประตู“ซี้ด…”อวิ๋นอิงสะดุ้งตกใจ“ใคร!”
จวนอ๋องเฉินอวิ๋นอิงวิ่งกลับมาตลอดทาง ฝีเท้าลนลาน ในสมองมีภาพดวงตาสีแดงที่ร้องไห้เป็นเลือด จ้องนางราวกับมีชีวิตฉายซ้ำๆ ไม่หยุด รวมถึงผู้ชายที่มีเจตนาฆ่าเปี่ยมล้นในสายตา…หากตอนนั้นนางไม่ได้ทำการช่วยตัวเอง ชีวิตต้องจบลงที่นั่นแน่นอนเขาจะฆ่านางจริงๆ!ผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก…เหมือนนางมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมอง ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จิตใจนางตื่นตระหนก กระสับกระส่าย ก็เหมือนกับไปยุ่งกับของอะไรบางอย่าง ไม่สามารถสะบัดหลุดทั้งชีวิตนางที่เป็นคนโผงผางและไม่กลัวฟ้ากลัวดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ตื่นตระหนกวิ่งก้าวยาวเข้าไปในเรือนหานเฟิง กลับไม่ระวังชนใส่เยว่เอ๋อร์ที่เดินออกมา“ว้าย!”เยว่เอ๋อร์โดนชนจนเกือบล้มหน้าคว่ำ นางกุมแขนไว้ เจ็บจนหน้าเบี้ยว “อวิ๋นอิง…ซี้ด…เจ้าเจอผีมาหรือไง…”อวิ๋นอิงหวนคืนสติ รีบประคองเยว่เอ๋อร์“เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ขอโทษ ขอโทษ เมื่อ…เมื่อครู่ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง ก่อนคุณหนูออกจากจวน สั่งให้ข้าไปหาเถ้าแก่จิ่งที่โรงหมอเป้าฟู่ แต่ข้าทำเรื่องพังแล้ว…”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ‘เถ้าแก่จิ่ง’ สามคำ ลืมความเจ็บปวดทันที นางรีบเงยหน้าขึ้น“ไ
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก