ฉู่เชียนหลี “?”‘งงเป็นไก่ตาแตก’ เข้าใจคำนี้หรือยัง?คนบ้านนี้กินยาผิด?นางอันรีบลุกขึ้นยืน ก้าวเท้ายาวเดินเข้าไป จับแขนฉู่เชียนหลีอย่างสนิทสนม พาคนไปนั่ง ยิ้มจนแทบมองไม่เห็นดวงตาแล้วครั้งนี้นางกับอ๋องเฉินไปเมืองตงหนิง ควบคุมโรคระบาด ทั่วทั้งแคว้นตงหลิงไม่มีใครไม่รู้ในฐานะที่เป็นผู้หญิง กลับสร้างผลงานใหญ่เช่นนี้นางที่เป็นแม่คนนี้ยิ่งไม่ต้องพูดถึงแล้วว่าภูมิใจมากเพียงใด!นี่เป็นลูกสาวที่นางเลี้ยงจนโต!แม้ไม่ได้คลอดเองแต่นางเลี้ยงจนโตกับมือ!หากไม่มีนาง ฉู่เชียนหลีจะโตได้หรือ? ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่มุมใดก็ไม่รู้ตั้งนานแล้ว บุญคุณเลี้ยงดูส่วนนี้ของนาง ไม่มีผลงาน ก็มีความตรากตรำ ฉู่เชียนหลีจำเป็นต้องตอบแทนนาง“เสียวฉู่ วันนี้เป็นงานเลี้ยงครอบครัว พวกเราทั้งครอบครัวนั่งด้วยกัน พูดคุยกัน สนทนากัน อย่าถ่อมตน” นางอันหัวเราะเหอะๆฮูหยินฉู่ยกตะเกียบเงินขึ้น คีบเนื้อปั้นก้อนตุ๋นหนึ่งชิ้น ใส่ลงไปในชามนาง กล่าวด้วยรอยยิ้ม“เสียวฉู่ มา เจ้าชอบกินที่สุด”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วขอโทษ นางชอบกินปลาที่สุดการเอาใจใส่อย่างเสแสร้งของครอบครัวนี้ทำให้นางรู้สึกอึดอัดนางไม่ได้หยิบตะเกียบ แต่ก
ฉู่เชียนหลีหัวเราะจนน้ำตาเกือบไหลออกมาแล้ว นางใช้หลังมือเช็ดหางตาแหมๆๆ ทุกคนล้วนเป็นผู้ใหญ่แล้ว เวลาพูดตรงไปตรงมาหน่อยไม่ได้หรือ?ก็เพราะเห็นคุณค่าการใช้ประโยชน์ของนาง ก็เลยอยากใช้นางไม่ใช่หรือ? มาพูดอะไรหวังดีไม่หวังดี เห็นนางเป็นคนโง่หรือ? คิดว่านางจะเชื่อหรือ?น่าขำสิ้นดี!“ใต้เท้าฉู่กล่าวหนักแล้ว สถานะของข้าเป็นแค่ลูกอนุภรรยา จะกล้ากล่าวโทษท่านได้อย่างไรกัน? ข้าเป็นคุณหนูอัปลักษณ์ที่สู้หน้าคนไม่ได้ หลายปีมานี้ ต้องขอบคุณที่ท่านทิ้งข้าไว้ในเรือนเย็น ไม่ถามไม่สนใจ จึงไม่ให้ข้าออกไปทำให้ตระกูลฉู่เสียหน้า”“พูดไปพูดมา ท่านนี่แหละที่คิดรอบคอบ!”นางเอ่ยปากอย่างยิ้มแย้ม ใช้เรื่องนี้ถ่วงเวลา ในใจนางไม่มีความรู้สึกใดๆนางไม่ใช่ ‘ฉู่เชียนหลี’และนี่ไม่ใช่บ้านของนางผู้ชายคนนี้ก็ไม่ใช่บิดาของนางนางก็แค่แขวนนามคุณหนูตระกูลฉู่เท่านั้นอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เม้มปาก มีหรือที่เขาจะฟังความจริตจะก้านและจงใจพูดเสียดสีของฉู่เชียนหลีได้อย่างไร?ก็จริง หลายปีมานี้ นางไม่ได้มีชีวิตที่ดี กล่าวโทษเขาในใจ เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้วแต่นางเป็นคนของตระกูลฉู่ตลอดไปจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ปรบมือ
ฮูหยินฉู่ให้กำเนิดคุณหนูใหญ่ฉู่หงหลวน คุณหนูรองฉู่ซวง นางอันให้กำเนิดคุณหนูสามฉู่เจียวเจียว คุณหนูสี่ฉู่เชียนหลีในบรรดาลูกสาวสี่คน ฉู่หงหลวนสวยที่สุด ฉลาดที่สุด เป็นที่รักของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ตั้งแต่เด็ก อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ยิ่งอบรมสั่งสอนด้วยตนเอง ตั้งความหวังไว้สูงมากเขาให้ฉู่หงหลวนแต่งกับรัชทายาท ในอนาคต ต้องสนับสนุนนางเป็นฮองเฮาแน่นอน!แต่ตอนนี้อ๋องเฉินกับรัชทายาทปะทะกันแล้ว รัชทายาทสู้อ๋องเฉินไม่ได้ อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อยากช่วยฉู่หงหลวน จึงลงมือจากตัวฉู่เชียนหลีฉู่เชียนหลีถือตั๋วเงินหนาๆ ปึกนี้ไว้อย่างไม่ใส่ใจ เสียงพลิกกระดาษดัง ‘ซ่าๆๆ’กลิ่นเหม็นของทองแดงอบอวล… เหอะ!“ความหมายของใต้เท้าฉู่คือให้ข้ากลับไปเกลี้ยกล่อมอ๋องเฉิน หยุดสู้กับรัชทายาท?” นางเงยหน้าอย่างยิ้มแย้ม มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ รอยยิ้มกลับไม่มีความจริงใจคำพูดของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่สวยหรูมาก“รัชทายาทกับอ๋องเฉินเป็นพี่น้องกัน เจ้ากับหงหลวนก็เป็นพี่น้องกัน และยังเป็นสะใภ้เหมือนกัน ความสัมพันธ์ใกล้ชิดเช่นนี้ น่าจะร่วมมือกันเพื่อชัยชนะ ตระกูลฉู่จึงจะเจริญรุ่งเรือง”ความหมายน
ฉู่เชียนหลีก้มเอว หยิบไม้ตีสุนัขที่ฮ่องเต้พระราชทานขึ้น ใช้แขนเสื้อเช็ดแล้วเช็ดอีก กำแน่น พลันสะบัดแขน ซ่า…เหล็กชั้นดีสามท่อนที่ฝังอยู่ข้างในถูกสะบัดออกมา กลายเป็นกระบองที่ทั้งเล็กและเรียว ลวดลายดอกไม้ที่แกะสลักอยู่ข้างบนสวยงามราวกับเป็นของจริง ทั้งเยือกเย็น ทั้งสวยงาม ทำให้ผิวหนังของทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หดเกร็ง “ใช่แล้ว” ฉู่เชียนหลีเงยหน้า มองไปทางอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่อย่างยิ้มแย้ม “เมื่อครู่ท่านพูดอะไรกับข้านะ? สองวันนี้หลับไม่ค่อยสนิท หูก็ไม่ค่อยดีนัก ได้ยินไม่ชัด”นางเอียงศีรษะ เอียงหูเข้าไปใกล้“ท่านพูดอีกรอบ?”นางกล่าวถามอย่างเป็นมิตรและอ่อนโยนมากทว่า การกระทำนี้ ในสายตาของอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่ กลับเป็นการข่มขู่อย่างเปิดเผย!นางถือ ‘กระบี่อาญาสิทธิ์’ ที่ฮ่องเต้พระราชทานไว้ในมือ เขากล้าเอ่ยปากหรือ? กล้าเถียงหรือ? กล้าพูดมากหรือ? กล้าพูดอีกหรือ?ไม้ตีสุนัข ตัดหัวก่อนค่อยรายงาน เหมือนฮ่องเต้มาเยือนด้วยตนเอง ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากฉู่เชียนหลีไม่พอใจขึ้นมา ลงมือกับเขา เขาก็ทำได้แค่ยอมถูกตีแต่โดยดี…อัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่เงียบไปหลายวินาที ตอนที่เอ่ยปากอีกครั
รับเงิน จากไป ได้กำไรเป็นกอบเป็นกำอัครมหาเสนาบดีฝ่ายซ้ายฉู่โมโหมาก แต่ไม่กล้าแม้แต่จะผายลม หน้าบูดบึ้งเหมือนไปกินสิ่งปฏิกูลมา ฮูหยินฉู่กับฉู่ซวงไม่กล้าเอ่ยปาก เหล่าคนรับใช้ยิ่งยืนอยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าใกล้ส่วนนางอันกับฉู่เจียวเจียวรีบวิ่งตามออกไป“เสียวฉู่!”“น้องหญิง…”ทั้งสองเรียกได้หวานมากฉู่เชียนหลีเอานิ้วแตะน้ำลาย กำลังนับตั๋วเงิน เมื่อเห็นทั้งสองตามมา เพียงแค่เหลือบมองแวบหนึ่ง ก็นับต่อแล้วหนึ่ง สอง สาม สี่…สิบแปด สิบเก้า…นางอันกับฉู่เจียวเจียวสบตากันแวบหนึ่ง สองแม่ลูกเดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้มและอ่อนโยน“เสียวฉู่ เจ้าอยากรู้เรื่องของแม่ผู้ให้กำเนิดเจ้าไม่ใช่หรือ ข้าบอกเจ้าก็สิ้นเรื่อง”นางยิ้มอย่างเป็นมิตร จูงมือฉู่เชียนหลี ไปนั่งคุยกันในศาลาของสวนดอกไม้ฉู่เชียนหลีนับเงินต่อนางอันเห็นท่าทางที่ไม่ใส่ใจของนาง แม้ไม่ชอบท่าทีที่กวนประสาทของนาง แต่ก็ต้องประจบสอพลอนางอย่างหน้าด้านๆฉู่เชียนหลีควบคุมโรคระบาด ได้รับความสำคัญและการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ อนาคตไกลไม่มีสิ้นสุดนางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สิบห้าปีก่อน ข้าคลอดลูกในบ้านของชาวบ้านครอบครัวหนึ่ง แต่ลูกสาวที่ข้าคลอดออกมาก
ฉู่เชียนหลีลดเสียงเบา กล่าวต่อด้วยรอยยิ้มที่ชั่วร้าย“ฉู่เชียนหลี ข้าคลอดเจ้า เลี้ยงเจ้า! เจ้าจำเป็นต้องตอบแทนข้า! ให้อ๋องหลีเป็นขุนนาง ช่วยให้พี่สาวเจ้าได้รับความโปรดปราน! ไม่เช่นนั้น ข้าก็จะปล่อยข่าว เจ้าจิตใจคับแคบ เป็นศัตรูกับแม่แท้ๆ กีดกันพี่สาว ทำลายชื่อเสียงของเจ้า!”นางอัน “...”คำพูดที่นางเคยพูดในตอนนั้น ออกมาจากปากฉู่เชียนหลี ก็เหมือนโดนฝ่ามือเหวี่ยงใส่หน้าดังเพียะๆ แม้แต่หน้านางก็แดงไปถึงรากหู ทั้งอับอายทั้งทำอะไรไม่ได้ แทบอยากหารูมุดเข้าไปในดินเสียเดี๋ยวนี้บ้าจริง!ตอนนั้นนางไม่ควรพูดเช่นนี้!ประเด็นคือตอนนั้น นางก็ไม่รู้ว่าฉู่เชียนหลีจะร้ายกาจเช่นนี้ ไม่เพียงได้รับความโปรดปรานจากอ๋องเฉิน เอาชนะพระชายารองเซียว ยังมีทักษะการแพทย์ที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่ง และยังได้รับความสำคัญและการปกป้องจากฮ่องเต้หากรู้แต่แรก นางจะต้องกอดต้นขาฉู่เชียนหลีให้แน่นแน่นอนตอนนี้ เสียดายมาก!โรงหมอเป้าฟู่ในโรคระบาดของเมืองตงหนิงครั้งนี้ โรงหมอเป้าฟู่บริจาคสมุนไพรนับไม่ถ้วนโดยไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ ช่วยเหลือราษฎร สร้างผลงานครั้งใหญ่ และยิ่งได้รับการประทานรางวัลจากฮ่องเต้ เป็นที่เลื่องลือทั่วท
เรือนส่วนหลังอาคารขนาดสามชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น ได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างสงบอวิ๋นอิงเดินเข้ามา มองดูห้องมากมายเหล่านี้ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมถามตำแหน่งของเถ้าแก่จิ่งเดินกลับไปถาม เห็นทุกคนต่างกำลังยุ่ง ผู้ป่วยเยอะมาก ไม่มีใครสนใจนางจึงเดินกลับเรือนส่วนหลังอีกครั้ง เมื่อสังเกตอย่างละเอียด มีประตูบานหนึ่งปิดไม่สนิทเปิดไว้?อวิ๋นอิงเอียงศีรษะ ยกเท้าเดินเข้าไปบางทีอาจจะมีคนอยู่ข้างใน พอดีเลยจะได้ลองถามดูเดินเข้าไปใกล้ ตอนที่กำลังจะยกมือเคาะประตู จากช่องว่างระหว่างประตูสองบานกลับมองเห็น…ภายในห้องถังอาบน้ำหมอกไอร้อนพวยพุ่ง ร่างเงาไหล่กว้างสายหนึ่งกำลังพิงขอบถังอาบน้ำ มือทั้งสองข้างของคนคนนั้นพาดอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน ผมสีดำที่เหมือนกับผ้าชั้นดีห้อยตกลงมา เงางามเป็นประกาย ระหว่างความคลุมเครือ สามารถมองเห็นสัญลักษณ์สีดำบนไหล่หลังของเขาหมาป่า!เป็นรูปสัญลักษณ์หมาป่า!หมาป่าสีดำฝังอยู่บนผิวหนัง ดวงตาสีแดงเข้มเหมือนร้องไห้เป็นเลือด ยิ่งเหมือนมีชีวิต ราวกับกำลังจ้องคนที่อยู่นอกประตู“ซี้ด…”อวิ๋นอิงสะดุ้งตกใจ“ใคร!”
จวนอ๋องเฉินอวิ๋นอิงวิ่งกลับมาตลอดทาง ฝีเท้าลนลาน ในสมองมีภาพดวงตาสีแดงที่ร้องไห้เป็นเลือด จ้องนางราวกับมีชีวิตฉายซ้ำๆ ไม่หยุด รวมถึงผู้ชายที่มีเจตนาฆ่าเปี่ยมล้นในสายตา…หากตอนนั้นนางไม่ได้ทำการช่วยตัวเอง ชีวิตต้องจบลงที่นั่นแน่นอนเขาจะฆ่านางจริงๆ!ผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก…เหมือนนางมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมอง ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จิตใจนางตื่นตระหนก กระสับกระส่าย ก็เหมือนกับไปยุ่งกับของอะไรบางอย่าง ไม่สามารถสะบัดหลุดทั้งชีวิตนางที่เป็นคนโผงผางและไม่กลัวฟ้ากลัวดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ตื่นตระหนกวิ่งก้าวยาวเข้าไปในเรือนหานเฟิง กลับไม่ระวังชนใส่เยว่เอ๋อร์ที่เดินออกมา“ว้าย!”เยว่เอ๋อร์โดนชนจนเกือบล้มหน้าคว่ำ นางกุมแขนไว้ เจ็บจนหน้าเบี้ยว “อวิ๋นอิง…ซี้ด…เจ้าเจอผีมาหรือไง…”อวิ๋นอิงหวนคืนสติ รีบประคองเยว่เอ๋อร์“เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ขอโทษ ขอโทษ เมื่อ…เมื่อครู่ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง ก่อนคุณหนูออกจากจวน สั่งให้ข้าไปหาเถ้าแก่จิ่งที่โรงหมอเป้าฟู่ แต่ข้าทำเรื่องพังแล้ว…”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ‘เถ้าแก่จิ่ง’ สามคำ ลืมความเจ็บปวดทันที นางรีบเงยหน้าขึ้น“ไ
อันธพาลเจ็บจนกรีดร้องเหมือนหมูโดนเชือด “อ๊ะๆ!”ยังไม่ทันได้พักหายใจ ก็โดนถีบจนไปกลิ้งอยู่บนพื้น รองเท้าปักลายดอกไม้เหยียบลงบนหน้าอก หนักจนทำให้เขาหายใจไม่ออก กระอักเลือดออกมา“พู่!”เขากอดต้นขาของอวิ๋นอิง อยากดิ้นให้หลุด แต่หาของอวิ๋นอิงกดทับอยู่บนร่างกายของเขาเหมือนเหล็กกล้า และเขาก็เหมือนกับปลาตัวหนึ่งที่ถูกตอกตะปูอยู่บนเขียง พยายามดิ้นรนอย่างสุดชีวิต แต่ก็ดิ้นไม่หลุดเจอผีแล้ว!ทั้งที่นางผอมเช่นนี้ เหตุใดจึงมีแรงมากเช่นนี้?ผู้หญิงคนนี้ยังเป็นมนุษย์อยู่หรือ?ชาวบ้านก็ตะลึงเช่นกันอวิ๋นอิงอุ้มลูกสาวไว้ด้วยมือข้างเดียว ค่อยๆ ก้มลง ยกฝ่ามืออีกข้าง เหวี่ยงไปที่ใบหน้าของอันธพาลโดยตรง“ข้าสั่งให้เจ้าเก็บ”เพียะ!“ไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”เพียะ!“หูหนวกหรือ?”เพียะ!หนึ่งประโยค หนึ่งฝ่ามือ ตบจนอันธพาลหันซ้ายหันขวา มุมปากแตกมีเลือดไหล หูอื้อ สะบักสะบอมเหมือนสุนัขจรจัดตัวหนึ่ง ไม่หลงเหลือความฮึกเหิมของก่อนหน้านี้เลย“ลูกพี่!”ลิ่วล้อสามคนคว้าโต๊ะเก้าอี้และท่อนไม้ที่อยู่ข้างๆ ฟาดไปทางอวิ๋นอิงอย่างแรงอวิ๋นอิงกระโดนหมุนตัวเตะพวกเขาสามคนจนลอยกระเด็นออกไปไกลเจ็ดแปดเมตร โดยไม่หั
ตงหลิงเจียงหนาน ทำเนียบสามเดือนที่พระชายาจากไป อ๋องเฉินเอาแต่เก็บตัว ไม่ยุ่งเกี่ยวกับทางโลก หานเฟิงต้องรับผิดชอบงานแทนทุกอย่าง เมื่อนานวันเข้า โลกภายนอกต่างกำลังคาดเดา จิตใจของอ๋องเฉินได้รับกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ล้มแล้วลุกไม่ขึ้น เกรงว่าเหลือเวลาอีกไม่นานแล้วช่วงนี้ ในที่สุดอาการบาดเจ็บของจิ่งอี้ก็ดีขึ้นแล้วอาการบาดเจ็บทางกระดูกหรือเส้นเอ็น ต้องรักษาอย่างน้อยหนึ่งร้อยวันในที่สุดกระดูกซี่โครงที่หักสองซี่ก็หายดีแล้ว สามารถขี่ม้าได้แล้ว ตอนนั้นเขาบอกว่าจะนำทัพกลับแคว้นซีอวี้ทันทีแต่ก่อนไป เขาถามเหมือนไม่ใส่ใจ“เหตุใดไม่เจอแม่นางอวิ๋นอิงเลย?”จ้านหูจริงจังขึ้นมาทันที เขาตอบ“องค์ชายใหญ่ ข้าจะส่งคนไปสืบเดี๋ยวนี้!”“ไม่ต้อง”หลังจากปฏิเสธอย่างเฉยเมย ปีนขึ้นหลังม้า ขี่ออกไปคนเดียวแล้วจ้านหู “?”หมายความว่าอย่างไร?ตอนที่องค์ชายใหญ่หมดสติ แม้อวิ๋นอิงบอกว่าไม่สนใจ แต่แอบมาเยี่ยมองค์ชายใหญ่ตอนดึกดื่นเวลาที่ไม่มีคนองค์ชายใหญ่ก็อีกคน ทั้งที่คิดถึงอวิ๋นอิง แต่ไม่ยอมรับในใจของพวกเขาสองคนล้วนมีอีกฝ่าย ลูกสาวก็อายุเกือบครึ่งขวบแล้ว เหตุใดไม่ลองเปิดใจสักนิดแล้วอยู่ด้วยกันเลย
คืนแรกที่มาถึงต่างโลก ฉู่เชียนหลีฝันในความฝัน นางอยู่บนสนามรบ สู้จนตัวตาย เลือดไหลเป็นแม่น้ำ น่าสลดใจนัก…ในความฝัน นางได้ต่อสู้ร่วมกับชายคนหนึ่งที่มองไม่เห็นใบหน้า ร่วมเป็นร่วมตาย และยังมีเสียงที่นุ่มนิ่มของเด็ก เรียก ‘ท่านแม่’ ครั้งแล้วครั้งเล่าในความฝัน ราวกับนางได้รับความอยุติธรรมครั้งใหญ่ หัวใจเจ็บปวด และพยายามอธิบายสุดชีวิต แต่พวกคนที่เรียกตัวเองว่า ‘ครอบครัว’ ไม่เชื่อนาง และยังบีบคั้นนางสู่เส้นทางที่สิ้นหวังในความฝัน…มีคนกำลังเรียกนาง‘เชียนหลี…เชียนหลี…’ฉึก!ฉู่เชียนหลีลืมตาฉับพลัน ท้องฟ้าข้างนอกสว่างแล้ว แสงแดดอุ่นๆ ยามเช้าสาดส่องเข้ามา สามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวของอากาศ สงบมากนางรู้สึกเวียนศีรษะ และแน่นหน้าอกราวกับนางอยู่ในความฝันอันยาวนานจริงๆนางได้รับความอยุติธรรมนางถูกคนในครอบครัวฆ่าตายแต่เหตุใดนางจำผู้ชายที่เรียกนาง และภาพที่เรียกนางว่า ‘ท่านแม่’ ไม่ได้เลย“องค์หญิง ท่านตื่นแล้ว”เมื่ออ้ายอ้ายได้ยินเสียง ถือกะละมังน้ำอุ่นกับเครื่องใช้เข้ามาปรนนิบัติฉู่เชียนหลีนวดขมับ อยู่ในอาการเหม่อลอย แขนขาอ่อนแรง ไม่มีแรงขยับ ดึงผ้าห่มออก ลงจากเตียง สวมรองเท้
สาวใช้ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็รีบฝนหมึกอย่างเชื่อฟังมองดูองค์หญิงรีบหยิบพู่กัน เขียนอะไรบางอย่าง ท่าทางที่รีบร้อนนั่น เมื่อก่อนเวลาที่นังเป็นห่วงคุณชายเซิ่น ยังไม่รีบร้อนเช่นนี้เลยองค์หญิงกระโดดสระน้ำ หมดสติไปสามวัน หลังจากฟื้น ก็เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย?นิสัยเปลี่ยนไปน้ำเสียงเปลี่ยนไปแต่เมื่อลองตั้งใจมอง องค์หญิงยังคงเป็นองค์หญิง ยังคงเป็นใบหน้าที่คุ้นเคยฉู่เชียนหลีเขียนอย่างรวดเร็ว…อ๋องเฉินเป็นอย่างไรบ้าง ข้าอยู่แคว้นหนานยวน…พลางเขียน พลางกล่าวอย่างรีบร้อน “รีบไปหาคน ช่วยข้าส่งจดหมายฉบับนี้ไปให้อ๋องเฉินที่ตงหลิงเจียงหนาน”นางอยากบอกความจริงกับเฟิงเย่เสวียน ต่อให้ตนลืมแล้ว แต่เฟิงเย่เสวียนจำนางได้เขาจะต้องมาหานางแน่นอนไม่ช้าก็เร็วสักวัน พวกเขาครอบครัวสี่คนจะอยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา“อ๋องเฉินแห่งตงหลิงเจียงหนาน?”สาวใช้เกาศีรษะด้วยความสงสัย “องค์หญิง ท่านส่งจดหมายให้อ๋องเฉินทำไม? ท่านรู้จักอ๋องเฉินตั้งแต่เมื่อไร?”ฉู่เชียนหลีรีบกล่าว“อธิบายกับเจ้าไม่ได้ แต่ความสัมพันธ์ของข้ากับอ๋องเฉินไม่ธรรมดา…อ๋องเฉิน? อ๋องเฉินตงหลิง?”เงยหน้าฉับพลัน“ข้ารู้จักอ๋องเฉ
ทุกคน “...”สีหน้าฮ่องเต้หนานยวนดูไม่ดีนัก เซิ่ยซือเฉินเป็นแค่บัณฑิตคนหนึ่ง เพื่อบัณฑิตคนหนึ่ง ต้องทุ่มสุดตัวเช่นนี้เลย ต้องตื่นเต้นเช่นนี้เลย?ในฐานะองค์หญิง ไม่ควรมองให้ไกลกว่านี้หน่อยหรือ?เพื่อป้องกันจวินลั่วยวนทำร้ายตัวเอง เขาออกคำสั่ง มัดมือและเท้าของนางโดยตรงจวินลั่วยวนขยับไม่ได้แล้วเห็นท่าทางที่จะยิ้มไม่ยิ้มของฉู่เชียนหลี และยังเลิกคิ้วอย่างยั่วยุ นางโมโหจนแทบกัดลิ้นฆ่าตัวตายหลังจากเหตุการณ์ที่วุ่นวาย ไปจากตำหนักองค์หญิงฉู่เชียนหลีกับหลิงอี้ซิงเดินเคียงข้างกันจากไป เมื่ออารมณ์ดี จังหวะการเดินก็ผ่อนคลายเป็นพิเศษ อดไม่ได้ที่จะฮัมเพลงเบาๆฮัมไปฮัมมา จู่ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าหลิงอี้ซิงเป็นผู้มีจิตใจเมตตา อุทิศตนให้กับความดีและคุณธรรมหยุดฝีเท้าหันไปถาม “ท่านพี่ ท่านน่าจะเห็นกระมัง ว่าข้าจงใจรังแกจวินลั่วยวน?”หลิงอี้ซิงเดินตามปกติ สายตามองไปข้างหน้า พยักหน้าอย่างเกียจคร้าน ตอบสั้นๆ เพียงคำเดียว“อืม”“ท่านไม่รู้สึกว่าข้านิสัยไม่ดีหรือ?”เขาหยุดเดินหันมามองนาง กล่าวอย่างจริงจัง “ที่เจ้ารังแกนาง นั่นก็ต้องเป็นเพราะนางล่วงเกินเจ้าก่อนแน่นอน ล้วนเป็นความผิดของนาง”เขาไ
“ยวนเอ๋อร์! ยวนเอ๋อร์!” ฮ่องเต้หนานยวนร้อนใจจนหน้าถอดสี “ใครก็ได้ ใครก็ได้รีบมาเร็ว ยวนเอ๋อร์เสียเลือดมากเกินไป หมดสติไปแล้ว!”จวินลั่วยวนที่ ‘เสียเลือดมากเกินไปจนหมดสติ’ “...”เจ้าน่ะสิที่เสียเลือดมากเกินไปเจ้าเสียเลือดมากเกินไปทั้งครอบครัว!หมอหลวงมาอย่างรวดเร็ว หลังจากทำแผลให้จวินลั่วยวนเสร็จ ถอนหายใจด้วยความกังวล “สามเดือนแล้ว ในที่สุดเอ็นขององค์หญิงก็เชื่อมต่อกัน คิดไม่ถึงว่าขาดอีกแล้ว ความพยายามในช่วงสามเดือนที่ผ่านมาล้วนสูญเปล่า” ต่อจากนี้ก็ต้องใช้เวลาอีกสามเดือน เปิดบาดแผล บำรุงเอ็นทุกวันเมื่อฉู่เชียนหลีได้ยินคำนี้ เบ้าตาแดงฉับพลัน“ล้วนเป็นความผิดของข้า…”นางดึงชายเสื้อของหลิงอี้ซิง กล่าวเสียงสะอึก“ท่านพี่ ข้ามันไม่ดี ต้องเป็นเพราะเรื่องของคุณชายเซิ่นแน่ องค์โกรธข้า ไม่ชอบข้า จึงฟาดมือของตัวเองใส่เสา เพื่อเป็นการแสดงความรังเกียจต่อข้า”“ข้าทำร้ายนาง ฮือๆ…”หลิงอี้ซิงรักน้องสาว ทุกคนในแคว้นหนานยวนรู้เรื่องนี้แล้วฮ่องเต้หนานยวนกล่าวโทษนางได้อย่างไร?กลับกัน เขายังต้องขอร้องหลิงอี้ซิงทักษะการทำนายของหลิงอี้ซิงมีเพียงหนึ่งเดียวในใต้ฟ้า ตลอดหลายปีที่เขานั่งตำแหน
ระหว่างที่ทั้งสองคุยกัน นางค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้เตียง จวินลั่วยวนนอนหลับแล้ว ไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน หน้าซีดซูบผอม เหลือแต่หนังหุ้มกระดูกฉู่เชียนหลีเหลือบมองแวบหนึ่ง“เหตุใดข้อมือของนางยังมีเลือด?”สามเดือนแล้ว แผลยังไม่หาย?นางกำนัลที่อยู่ข้างๆ ตอบ“หมอหลวงบอกว่า จะใช้ยาพิเศษรักษาเอ็นมือและเท้าที่ขาดขององค์หญิง จำเป็นต้องเปิดแผล ขยับเอ็นที่ขาดไปรวมกันทุกวัน จนกระทั่งเชื่อมต่อกัน”“ฮืม?”ฉู่เชียนหลีเลิกคิ้วด้วยความสนใจเช่นนี้ก็เท่ากับว่า จวินลั่วยวนต้องทนกับความเจ็บปวดที่ใช้มีดเปิดปากแผลทุกวันติดต่อกันสามเดือนเต็มๆ น่าสังเวชน่าจะเจ็บมากกระมัง?นางค่อยๆ นั่งลง จับข้อมือของจวินลั่วยวนเบาๆ มองผ้าพันแผลที่ถูกพันห้าหกรอบอย่างครุ่นคิดทันใดนั้นออกแรงกดที่นิ้ว“ซี้ด…!”จวินลั่วยวนเจ็บจนตื่น ลืมตาทันทีฉู่เชียนหลีรีบปล่อยมือ “โอ๊ย…ขอโทษ ข้าไม่ได้ตั้งใจแตะตัวท่าน ดูท่านเจ็บมากเลยนะ ขอโทษจริงๆ”“!”หลินเหยี่ยมาอยู่ในตำหนักของนางได้อย่างไร?นางรังเกียจผู้หญิงคนนี้ที่สุด!อาศัยที่พี่ชายของตัวเองเป็นราชครู แสร้งทำเป็นช่วยเหลือชาวบ้าน ทำแต่ความดีทุกวัน มีแต่คนบอกว่าองค์หญ
เซิ่นสือเฉิน “?”เหตุใดวันนี้รู้สึกว่าหลิงเหยี่ยแปลกๆ?เมื่อก่อนนางชอบเขามากเลยไม่ใช่หรือ? เวลาที่เขาอ่านหนังสือ นางชอบมาอยู่ข้างๆ ฝนหมึกพัดลมให้เขา เวลาที่เขาเขียนหนังสือ นางชอบแอบที่นอกหน้าต่าง จับจิ้งหรีดเล่น เวลาที่เขางีบหลับ นางมักจะชงชาหิมะชั้นดีมาให้เขานางยังบอกว่าจะแต่งงานกับเขาคนเดียวเหตุใดแค่วันเดียว ก็ปล่อยวางได้แล้ว?“องค์หญิงหลิง ข้าขอโทษ” เขากล่าวอย่างรู้สึกผิดที่จริงเขาก็ชอบหลิงเหยี่ยเช่นกัน แต่องค์หญิงยวนบอกเขาว่าหลิงเหยี่ยนิสัยไม่ดี ชอบรังแกคนรับใช้ หาเรื่องชาวบ้าน ใส่ร้ายโยนความผิดให้ผู้อื่นด้วยวิธีที่น่ารังเกียจ และทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายเขาเป็นคนเรียนหนังสือ นิสัยซื่อตรง ไม่สามารถยอมรับคนที่จิตใจอำมหิตอย่างหลิงเหยี่ยเมื่อเปรียบเทียบกัน เขาชอบจวินลั่วยวนที่ไร้เดียงสา จิตใจดี และร่าเริงมากกว่า“เมื่อก่อนท่านส่งข้าเรียนหนังสือ ช่วยข้าหาอาจารย์ ใช้เส้นสาย ทำให้ข้าสอบติดขุนนาง…บุญคุณส่วนนี้ ข้า ข้าทำได้เพียงตอบแทนท่านชาติหน้าแล้ว…”ฉู่เชียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยน“ไม่เป็นไร แค่เรื่องเล็กน้อย”“ได้ยินมาว่าองค์หญิงยวนได้รับบาดเจ็บ พวกเราเข้าวังไปดูนางกันเ
องค์หญิง?คุณชายเซิ่น?ฉู่เชียนหลีไม่ได้รับความทรงจำใดๆ เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรก สับสนและงงงวยเล็กน้อยยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มีเสียงฝีเท้าที่ยุ่งเหยิงและเสียงต่อต้านดังมาจากนอกประตู “ใต้เท้าหลิง! ใต้เท้าหลิง ต่อให้ท่านบีบคั้นข้าจนตาย ข้าก็ไม่แต่งงานกับนาง!”“ตั้งแต่ต้นจนจบ ในใจข้ามีเพียงองค์หญิงยวนเอ๋อร์เท่านั้น!”ยวนเอ๋อร์?องค์หญิง?ฉู่เชียนหลีเงยหน้ามองไป เห็นชายหนุ่มสวมชุดเพ้าสีขาวและที่ครอบผมหยก กำลังลากผู้ชายที่ท่าทางสุภาพเหมือนคนเรียนหนังสือเข้ามานางตระหนักถึงบางอย่าง รีบดึงสาวใช้ที่อยู่ข้างกายมาถามเบาๆ“ที่นี่คือแคว้นหนานยวน?”สาวใช้ “?”องค์หญิงเป็นอะไรไป?เหตุใดถามคำถามเช่นนี้?“องค์หญิง ท่าน…”“อย่าพูดไร้สาระ ตอบข้า!”สาวใช้ตกใจ รีบกล่าว “ท่านคือหลิงเหยี่ย องค์หญิงต่างแซ่ของแคว้นหนานยวน ใต้เท้าคือมหาราชครูของแคว้นหนวนยวน เป็นพี่ชายแท้ๆ ของท่าน เพราะใต้เท้าชำนาญการทำนาย เคยช่วยแคว้นสามครั้ง สร้างคุณประโยชน์มากมาย ท่านจึงได้รับการแต่งตั้งเป็นองค์หญิงต่างแซ่…”คำพูดที่เหลือ ฉู่เชียนหลีมองข้ามโดยตรงสิ่งเดียวที่นางคิดคือ นางถูกส่งมาเป็นองค์หญิงต่างแซ่ อีกท