เรือนส่วนหลังอาคารขนาดสามชั้นเล็กๆ ตั้งอยู่ตรงนั้น ได้รับการทำความสะอาดอย่างสะอาดสะอ้าน ไม่มีบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้อง ค่อนข้างสงบอวิ๋นอิงเดินเข้ามา มองดูห้องมากมายเหล่านี้ เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าลืมถามตำแหน่งของเถ้าแก่จิ่งเดินกลับไปถาม เห็นทุกคนต่างกำลังยุ่ง ผู้ป่วยเยอะมาก ไม่มีใครสนใจนางจึงเดินกลับเรือนส่วนหลังอีกครั้ง เมื่อสังเกตอย่างละเอียด มีประตูบานหนึ่งปิดไม่สนิทเปิดไว้?อวิ๋นอิงเอียงศีรษะ ยกเท้าเดินเข้าไปบางทีอาจจะมีคนอยู่ข้างใน พอดีเลยจะได้ลองถามดูเดินเข้าไปใกล้ ตอนที่กำลังจะยกมือเคาะประตู จากช่องว่างระหว่างประตูสองบานกลับมองเห็น…ภายในห้องถังอาบน้ำหมอกไอร้อนพวยพุ่ง ร่างเงาไหล่กว้างสายหนึ่งกำลังพิงขอบถังอาบน้ำ มือทั้งสองข้างของคนคนนั้นพาดอยู่ข้างๆ อย่างเกียจคร้าน ผมสีดำที่เหมือนกับผ้าชั้นดีห้อยตกลงมา เงางามเป็นประกาย ระหว่างความคลุมเครือ สามารถมองเห็นสัญลักษณ์สีดำบนไหล่หลังของเขาหมาป่า!เป็นรูปสัญลักษณ์หมาป่า!หมาป่าสีดำฝังอยู่บนผิวหนัง ดวงตาสีแดงเข้มเหมือนร้องไห้เป็นเลือด ยิ่งเหมือนมีชีวิต ราวกับกำลังจ้องคนที่อยู่นอกประตู“ซี้ด…”อวิ๋นอิงสะดุ้งตกใจ“ใคร!”
จวนอ๋องเฉินอวิ๋นอิงวิ่งกลับมาตลอดทาง ฝีเท้าลนลาน ในสมองมีภาพดวงตาสีแดงที่ร้องไห้เป็นเลือด จ้องนางราวกับมีชีวิตฉายซ้ำๆ ไม่หยุด รวมถึงผู้ชายที่มีเจตนาฆ่าเปี่ยมล้นในสายตา…หากตอนนั้นนางไม่ได้ทำการช่วยตัวเอง ชีวิตต้องจบลงที่นั่นแน่นอนเขาจะฆ่านางจริงๆ!ผู้ชายคนนั้นอันตรายมาก…เหมือนนางมองเห็นสิ่งที่ไม่ควรมอง ล่วงเกินคนที่ไม่ควรล่วงเกิน ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้จิตใจนางตื่นตระหนก กระสับกระส่าย ก็เหมือนกับไปยุ่งกับของอะไรบางอย่าง ไม่สามารถสะบัดหลุดทั้งชีวิตนางที่เป็นคนโผงผางและไม่กลัวฟ้ากลัวดิน นี่เป็นครั้งแรกที่ตื่นตระหนกวิ่งก้าวยาวเข้าไปในเรือนหานเฟิง กลับไม่ระวังชนใส่เยว่เอ๋อร์ที่เดินออกมา“ว้าย!”เยว่เอ๋อร์โดนชนจนเกือบล้มหน้าคว่ำ นางกุมแขนไว้ เจ็บจนหน้าเบี้ยว “อวิ๋นอิง…ซี้ด…เจ้าเจอผีมาหรือไง…”อวิ๋นอิงหวนคืนสติ รีบประคองเยว่เอ๋อร์“เจ้าไม่เป็นอะไรกระมัง?”“ขอโทษ ขอโทษ เมื่อ…เมื่อครู่ข้ากำลังคิดเรื่องบางอย่าง ก่อนคุณหนูออกจากจวน สั่งให้ข้าไปหาเถ้าแก่จิ่งที่โรงหมอเป้าฟู่ แต่ข้าทำเรื่องพังแล้ว…”เมื่อเยว่เอ๋อร์ได้ยิน ‘เถ้าแก่จิ่ง’ สามคำ ลืมความเจ็บปวดทันที นางรีบเงยหน้าขึ้น“ไ
ในความสลัว มองเห็นใบหน้านางไม่ชัด แต่ฟังแค่เสียงแอบหัวเราะคิกๆ ของนาง ก็รู้ว่าตอนนี้นางได้ใจเพียงใด วอนโดนกระทืบเพียงใดตีไม่ได้ ด่าไม่ได้ ได้แต่ใช้วิธีของเขามาระบายแค้นนี้แล้วฉู่เชียนหลีเหนื่อยจนหอบหายใจ เปลือกตาทั้งสองข้างหนักเหมือนห้อยตะกั่ว“ข้าง่วงแล้ว…”“เฟิงเย่เสวียน ข้าง่วงแล้วจริงๆ เหนื่อยมาก ข้าไม่ไหวแล้ว…”“ไม่ต้องรีบร้อน กลางคืนเพิ่งเริ่มต้น คืนนี้ข้าพาเจ้าสำรวจดินแดนใหม่ๆ เรียนความสามารถใหม่ๆ คนโบราณพูดได้ดี มีความสามารถเยอะไม่หนักตัว เชียนหลีเรียนเยอะๆ”“...”ความสามารถเยอะไม่หนักตัวเขาใช้กันเช่นนี้หรือ?ไสหัวไป!พลันถีบเท้าออกไปเขาคว้าไว้อย่างแม่นยำ พลันยิ้มอย่างชั่วร้าย “เท้าก็ใช่ว่าจะไม่ได้”“?”กลางคืน ทั้งลึกล้ำและยาวนาน เงียบเหมือนน้ำ และเย็นเล็กน้อยบ่าวไพร่ในจวนนอนกันหมดแล้ว เหลือเพียงทหารยามที่เฝ้ายาม ยังคงยืนยามอย่างตื่นตัว เสียงอิๆ อ๊าๆ ของเรือนหานเฟิง ประเดี๋ยวดังประเดี๋ยวเบา ยังคงดังต่อเนื่องนอกเรือนตรงจุดที่สะท้อนแสง บนบันได มีร่างเงาที่ผอมบางและเล็กสายหนึ่งนั่งอยู่ตรงนั้นคืออวิ๋นอิงนางนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่มีท่าทีง่วงนอน เข่าสองข้างพับ
พร้อมกับเสียงร้องที่น่าเวทนาดังขึ้น ร่างกายของชายคนนั้นลอยกระเด็นออกไปหลายเมตร ชนใส่กำแพงอย่างแรง แล้วตกลงมากระแทกพื้น กระอักเลือดโดยตรง“นายท่าน!”หานเฟิงพาองครักษ์ลับวิ่งมาอย่างรวดเร็ว ชักกระบี่กระโจนเข้าหาชายคนนั้นโดยตรงพลันสายตาชายคนนั้นเหี้ยมเกรียม รีบกัดยาพิษที่ซ่อนอยู่ในปากแตก“อ๊า!”ร่างกายกระตุกอย่างหนักหลังจากนั้นสองวินาที...ตายหานเฟิงก้าวเท้ายาวเดินเข้าไปค้นตัว แต่ไม่พบสิ่งของใดๆ ที่เป็นประโยชน์ เห็นได้ชัดว่าคนคนนี้มีการเตรียมตัวมาเขาเก็บกระบี่ยาว ก้าวเท้ายาวเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าชายชุดผาวสีหมึก คุกเข่ากล่าวขอโทษ“นายท่าน ข้าน้อยละเลยหน้าที ไม่ได้เฝ้าระวังอย่างเข้มงวด นายท่านโปรดลงโทษ!”บนบันไดสามขั้นเฟิงเย่เสวียนยืนมือไพล่หลัง บนใบหน้าหล่อเย็นชามีอารมณ์เฉยเมย เหลือบมองคนตายแวบหนึ่งสวมชุดเด็กรับใช้แฝงตัวเข้าจวนอ๋องประมาทเลินเล่อจริงๆ!และบ่าวไพร่ทั้งหมดของจวนอ๋องอยู่ภายใต้การดูแลของพ่อบ้าน“บอกให้พ่อบ้านหยางทำงานรัดกุมหน่อย หากเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สอง เรียกเขาหิ้วหัวมาหาข้า” น้ำเสียงเฟิงเย่เสวียนเย็นชาจนถึงขีดสุด หนาวเย็นยิ่งกว่ายามราตรีในฤดู
ไม่นาน หานอิ๋งก็มาหลังจากคำนับ ก็ตรวจชีพจรให้ฉู่เชียนหลี นางจับชีพจรไปพลาง กวาดมองไปทางเฟิงเย่เสวียนเหมือนขอคำแนะนำไปพลางนางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย มือจับชีพจร นิ่งเงียบเป็นเวลานานฉู่เชียนหลีเงยหน้าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เหมือนพบเบาะแสบางอย่างสองคนนี้แอบส่งสัญญาณกันต่อหน้านาง?สื่อสารทางสายตา? คิ้วบางขมวดเล็กน้อย เอ่ยปากกะทันหัน “ทักษะการแพทย์แม่นางหานอิ๋งเหนือคน ตรวจชีพจรกลับต้องใช้เวลานานเช่นนี้เลยหรือ?”หานอิ๋งชะงักเล็กน้อย รีบชักมือกลับ ยิ้มจางๆ“พระชายาสถานะพิเศษ นายท่านก็ยืนดูอยู่ตรงนี้ เพื่อความปลอดภัย ข้าน้อยต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ”อธิบายเช่นนี้นับว่าสมเหตุสมผลฉู่เชียนหลีลดข้อมือ ปัดแขนเสื้อลงไป “เป็นอย่างไร?”“อาการของท่าน…” หานอิ๋งเหลือบมองเฟิงเย่เสวียนแวบหนึ่ง จึงจะกล่าว “เกิดจากเหนื่อยล้ามากเกินไป แค่พักผ่อนให้เพียงพอสองสามวัน ก็สามารถฟื้นฟูกำลังวังชาเจ้าค่ะ”ฉู่เชียนหลีขมวดคิ้วเมื่อก่อนใช้พละกำลังเกินตัว ก็ไม่เห็นจะเหนื่อยเช่นนี้มาก่อนแม้หลังกลับจากเมืองตงหนิง นางกับเฟิงเย่เสวียนเล่นไพ่ บรรเลงเพลงกันทุกคืน แต่ทุกวันก็นอนหลับเต็มอิ่มเห็นใดเฟิงเย่เสวียนกระปรี
เก็บเด็กคนนี้ไว้ไม่ได้…เฟิงเย่เสวียนมองดูประกายแห่งความคาดหวังในแววตานาง ลำคอเหมือนถูกบีบ หายใจไม่ออก แววตาเจ็บปวด เม้มริมฝีปากบางแน่นผ่านไปครู่หนึ่ง จึงจะเอ่ยปากอย่างลำบาก“เชียนหลี ข้า…ไม่ชอบเด็ก”เมื่อสิ้นเสียง รอยยิ้มบนใบหน้าฉู่เชียนหลีแข็งทื่ออย่างเห็นได้ชัด เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงก็ตะลึงงันเช่นกันความรักระหว่างพระชายากับท่านอ๋อง ทุกคนเห็นกันหมด คนสองคนอยู่ด้วยกันเพราะรัก ให้กำเนิดลูกที่ตกผลึกจากความรัก ไม่มีอะไรมีความสุขมากไปกว่านี้แล้วแต่ท่านอ๋องกลับ…พริบตานั้น ฉู่เชียนหลีราวกับหูฝาด รอยยิ้มค้างอยู่ที่มุมปาก เอ่ยปากอย่างเหม่อๆ“เจ้า…เมื่อครู่พูดอะไรนะ…”เหมือนนางจะฟังผิด?เฟิงเย่เสวียนปวดใจมาก มือที่ห้อยอยู่ในแขนเสื้อกำหมัดแน่น พยายามข่มความเจ็บปวดในแววตา จับมือสองข้างของนางแล้วกล่าว“เชียนหลี ข้ารู้สึกว่าตอนนี้ก็ดีอยู่แล้ว รูปแบบการใช้ชีวิตของพวกเราดีมาก สบาย อิสระ สงบ ข้าไม่อยากเปลี่ยนแปลง”ฟังคำพูดของเขา ฉู่เชียนหลีรู้สึกเพียงเลือดในร่างกายเย็นลงทีละนิด ไม่ชอบเด็ก? แต่มาวุ่นวายกับนางทั้งวันทั้งคืน?ไม่ชอบเด็ก แต่จะนอนกับนาง?ไม่อยากเปลี่ยนแปลงสภาพที่เป็นอยู
เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงสบตากันแวบหนึ่ง ย่อมรู้สึกถึงความผิดปกติ ก้าวออกมาข้างหน้า“พระชายา ท่าน…ไม่เป็นอะไรกระมัง?” สาวใช้สองคนอยากพูดแต่ก็ลังเลนี่คือเรื่องของท่านอ๋องกับพระชายา ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพวกนางสองคนจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ อยากเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน แต่จะมองดูพระชายาทรมานต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้เช่นกันฉู่เชียนหลีหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที กลืนเสียงสะอื้นในลำคอลงไปนางปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หันกายกลับมา ลุกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ พลิกตัวลงจากเตียง“ข้าจะเป็นอะไร?”นางรู้สึกดีมากเฟิงเย่เสวียนพูดถึง ไม่จำเป็นต้องผูกมัด รักษาสภาพที่เป็นอยู่ ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ และยังได้รับความสุขทางกาย อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญใช่พวกเขาคือคู่นอนเป็นนางที่ไม่รู้จักสถานะของตนเอง อยากได้ของที่นอกเหนือจากเรื่องเพศ ที่จริงขอแค่ปลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจ“ข้าจะออกไปเดินเล่น”“พระชายา…”“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”ฝีเท้าเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงชะงักยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปของฉู่เชียนหลี ผอมบาง บอบบาง น่าปวดใจนัก ในดวงตาของทั้งคู่เต็มไป
ฉู่เชียนหลีอึ้งไปพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้น ตอนที่เห็นผู้มา นางอึ้งอีกครั้งทำไมเป็นเขาอีกแล้ว?เหตุใดทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี เขาจะปรากฏตัวเสมอ?“ท่านมาได้อย่างไร?” เอวของนางค่อยๆ ยืดขึ้น นั่งตัวตรงขึ้นสามส่วน ให้ตนเองแลดูค่อนข้างมีชีวิตชีวาเฟิงเจิ้งหลีก้าวเท้าเดินไปข้างๆ นาง ยกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย นั่งลงบนบันไดที่อยู่ข้างๆ“เดิมทีออกมาเดินเล่น เห็นเจ้านั่งเหม่ออยู่ตรงนี้คนเดียว และยังสวมใส่บางเช่นนี้ มีอะไรไม่พอใจหรือ?”เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอดทนฉู่เชียนหลีเม้มปาก สายตาหันไปที่ทะเลสาบอีกครั้งบนทะเลสาบ มีใบไม้แห้งสีเหลืองกลุ่มหนึ่ง กำลังลอยไปตามสายลมที่พัดเบาๆ ประเดี๋ยวนิ่ง ประเดี๋ยวขยับ ประเดี๋ยวลอยไปทางซ้าย ประเดี๋ยวลอยไปทางขวา ไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง เหมือนนางมากนางก็สับสนมากเช่นกันนางเม้มปาก เสียงเบามาก “จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ยิ่งไม่รู้ความหมายที่ตัวเองมาที่นี่คืออะไร?”ไม่มีบ้านและไม่มีอะไรต้องห่วงเหมือนว่าสิ่งที่พยายามทั้งหมดไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสมควรให้นางทำเช่นนี้ตอนที่รู้ว่าตนเองอาจตั้งครรภ์ พริบตานั้น หัวใจของนางนุ่มนวลมาก เซลล์ทั่วร่างพลุ่งพล่
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก