เยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงสบตากันแวบหนึ่ง ย่อมรู้สึกถึงความผิดปกติ ก้าวออกมาข้างหน้า“พระชายา ท่าน…ไม่เป็นอะไรกระมัง?” สาวใช้สองคนอยากพูดแต่ก็ลังเลนี่คือเรื่องของท่านอ๋องกับพระชายา ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกอย่างพวกนางสองคนจะยื่นมือเข้าไปยุ่งได้ อยากเป็นห่วง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดจากตรงไหน แต่จะมองดูพระชายาทรมานต่อหน้าต่อตาก็ไม่ได้เช่นกันฉู่เชียนหลีหลับตา สูดหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งที กลืนเสียงสะอื้นในลำคอลงไปนางปรับอารมณ์อย่างรวดเร็ว หันกายกลับมา ลุกขึ้นด้วยสีหน้าปกติ พลิกตัวลงจากเตียง“ข้าจะเป็นอะไร?”นางรู้สึกดีมากเฟิงเย่เสวียนพูดถึง ไม่จำเป็นต้องผูกมัด รักษาสภาพที่เป็นอยู่ ต่างฝ่ายต่างได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ และยังได้รับความสุขทางกาย อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญใช่พวกเขาคือคู่นอนเป็นนางที่ไม่รู้จักสถานะของตนเอง อยากได้ของที่นอกเหนือจากเรื่องเพศ ที่จริงขอแค่ปลงแล้ว ก็ไม่มีอะไรที่ต้องใส่ใจ“ข้าจะออกไปเดินเล่น”“พระชายา…”“พวกเจ้าไม่ต้องตามมา”ฝีเท้าเยว่เอ๋อร์กับอวิ๋นอิงชะงักยืนอยู่ที่เดิม มองดูแผ่นหลังที่ค่อยๆ เดินจากไปของฉู่เชียนหลี ผอมบาง บอบบาง น่าปวดใจนัก ในดวงตาของทั้งคู่เต็มไป
ฉู่เชียนหลีอึ้งไปพักหนึ่ง เงยหน้าขึ้น ตอนที่เห็นผู้มา นางอึ้งอีกครั้งทำไมเป็นเขาอีกแล้ว?เหตุใดทุกครั้งที่อารมณ์ไม่ดี เขาจะปรากฏตัวเสมอ?“ท่านมาได้อย่างไร?” เอวของนางค่อยๆ ยืดขึ้น นั่งตัวตรงขึ้นสามส่วน ให้ตนเองแลดูค่อนข้างมีชีวิตชีวาเฟิงเจิ้งหลีก้าวเท้าเดินไปข้างๆ นาง ยกชายเสื้อขึ้นเล็กน้อย นั่งลงบนบันไดที่อยู่ข้างๆ“เดิมทีออกมาเดินเล่น เห็นเจ้านั่งเหม่ออยู่ตรงนี้คนเดียว และยังสวมใส่บางเช่นนี้ มีอะไรไม่พอใจหรือ?”เขาถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนและอดทนฉู่เชียนหลีเม้มปาก สายตาหันไปที่ทะเลสาบอีกครั้งบนทะเลสาบ มีใบไม้แห้งสีเหลืองกลุ่มหนึ่ง กำลังลอยไปตามสายลมที่พัดเบาๆ ประเดี๋ยวนิ่ง ประเดี๋ยวขยับ ประเดี๋ยวลอยไปทางซ้าย ประเดี๋ยวลอยไปทางขวา ไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง เหมือนนางมากนางก็สับสนมากเช่นกันนางเม้มปาก เสียงเบามาก “จู่ๆ ข้าก็ไม่รู้ว่าควรทำอะไร ยิ่งไม่รู้ความหมายที่ตัวเองมาที่นี่คืออะไร?”ไม่มีบ้านและไม่มีอะไรต้องห่วงเหมือนว่าสิ่งที่พยายามทั้งหมดไร้ความหมาย เพราะไม่มีใครสมควรให้นางทำเช่นนี้ตอนที่รู้ว่าตนเองอาจตั้งครรภ์ พริบตานั้น หัวใจของนางนุ่มนวลมาก เซลล์ทั่วร่างพลุ่งพล่
“แต่ว่า อยู่กับคนที่เหมาะสมกับตนเอง ก็สำคัญเช่นกัน...”เขาจ้องมองสีหน้าของนาง คำพูดที่พูดออกมาแฝงไปด้วยการหยั่งเชิงนางกับอ๋องเฉินไม่ใช่คนโลกเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นสามีภรรยากัน ก็มีเรื่องขัดแย้งกันมากมาย ทั้งสองคนสังคมต่างกัน ทัศนคติและความเห็นต่างกันฉู่เชียนหลีเม้มริมฝีปาก จู่ ๆ ก็ลุกขึ้น“ดึกแล้ว ท่านทำงานเถอะ ขอบคุณที่อยู่เป็นเพื่อนข้า”พูดจบ ก็เดินจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ก้มหน้า เงียบขรึม ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดูอึมครึมเป็นอย่างยิ่งเฟิงเจิ้งหลีจ้องมองแผ่นหลังที่เดินจากไปของนาง หยุดชะงักคำพูดที่กำลังจะพูดออกมาอันที่จริง เมื่อครู่นี้เขาอยากจะพูด...บางที พวกเขาถึงจะเป็นคนประเภทเดียวกัน...ประสบการณ์แบบเดียวกัน ตัวตนแบบเดียวกัน ชีวิตลำบากแบบเดียวกัน หลบอยู่ในมุมมืดเพื่อเลียแผลแบบเดียวกัน เหมือนเห็นเงาสะท้อนของตนเอง...ตอนที่เผชิญหน้ากับนาง หัวใจของเขาราวกับเชือกที่ดึงเอาไว้ไม่อยู่ เพียงแค่นิดเดียวก็จะเคลื่อนไหว แต่...กลับขยับไม่ได้...ฤดูหนาวของเมืองหลวงเย็นยะเยือกและเงียบเหงากว่าฤดูอื่น ๆ ผู้คนที่สัญจรบนท้องถนนน้อยลงมาก หรืออาจเป็นเพราะอากาศที่หนาวเหน็บ นอกเสียจากช
“!”ไม่คิดเลยว่าตั้งฉายาให้นางมั่ว ๆ!เจ้าสิหูตึง!อวิ๋นอิงอดทนต่อความเจ็บปวดบริเวณหน้าอก จับมือของเขาเอาไว้ “ไปพบพระชายากับข้า!”“เจ้าบาดเจ็บ!”หลิงเชียนอี้แรงเยอะกว่านาง กดไหล่ทั้งสองข้างของนางเอาไว้ กดนางให้นั่งลงบนขั้นบันได ฉีกเสื้อผ้าของตนเองออกมาหลายชิ้น พันรอบเอวของนางหนึ่งสองสามสี่ห้ารอบผูกปม!ขี้เหร่มาก...อวิ๋นอิงทำหน้าไม่พอใจ มีใครห้ามเลือดแบบนี้บ้าง?“ผ้าไม่ได้ฆ่าเชื้อสัมผัสถูกบาดแผล จะเกิดการติดเชื้อ อาจจะสาหัสกว่าเดิม ข้าเรียนมาจากเสียวฉู่ แผลแค่นี้ไม่ถึงตายหรอก” นางแกะผ้าที่อยู่บนเอวออก ทีละรอบ ๆ อย่างรังเกียจ แล้วโยนลงไปบนพื้นหลิงเชียนอี้เม้มปาก จ้องมองผ้าเปื้อนเลือดที่อยู่บนพื้น รู้สึกว่าตัวเองโง่เขลาสิ้นดีเรื่องอะไรก็จัดการได้ไม่ดี อีกทั้งยิ่งช่วยก็ยิ่งยุ่ง“เจ้าก็คิดว่าข้าไม่มีประโยชน์มากเช่นกันใช่หรือไม่?”ทันใดนั้น น้ำเสียงของเขาเบาลง หดหู่ราวกับตกลงมาที่จุดต่ำสุดอวิ๋นอิงชะงักไปเล็กน้อยเหลือบตาขึ้น เห็นหนุ่มน้อยก้มหน้า บรรยากาศรอบตัวอึมครึมมาก เนื่องจากเพิ่งร้องไห้ไป ใบหน้าของเขาแดงก่ำ ดวงตาบวมแดง มีน้ำตาเม็ดเล็ก ๆ เกาะอยู่บนขนตา รู้สึกกดดันมาก
น้ำเสียงยิ่งหนักแน่นขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อพูดถึงตอนหลัง แทบจะตะโกนออกมา ตาแดงไปหมดแล้ว“เป็นเพราะตั้งแต่เด็กจนโตข้ากิน ดื่ม เที่ยวเล่น ไม่เคยทำอะไรสำเร็จสักอย่าง เพราะว่าข้าเป็นภาระ เป็นสวะ ท่านพ่อกับท่านแม้ไม่ชอบข้าแล้ว ถึงอยากได้น้องชาย!”“ข้ารู้ความคิดของพวกเขา ข้าไปก็ถูกต้องแล้ว! ข้าไม่กลับไปแล้ว!”“ท่านคิดไกลเกินไปแล้ว!”อวิ๋นอิงลุกพรวดขึ้นมา ก้มหน้ามองเขาที่อารมณ์ปั่นป่วน กล่าวเสียงเย็นชา“ลูกคือเนื้อก้อนหนึ่งที่ออกมาจากร่างกายของมารดา ใต้หล้านี้ ไม่มีพ่อแม่คนไหนไม่รักลูก พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดลูกก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือ?”“เหตุใดเจ้าไม่ลองคิดดูบ้าง มีน้องชายหรือน้องสาว เพื่อเป็นเพื่อนกับเจ้า?”“ข้าไม่ต้องการเพื่อน!” หลิงเชียนอี้น้ำเสียงเย็นชากว่าเดิมเขาไม่ยอมรับการมีลูกคนที่สองของท่านแม่เมื่อวันก่อน ตอนที่กลับบ้าน ตอนที่ได้ทราบข่าวว่าท่านแม่ตั้งท้อง เขารู้สึกเหมือนกับฟ้าถล่ม...สิ่งของที่เดิมเคยเป็นของเขา กำลังจะถูกน้องชายที่ยังไม่ได้ลืมตาออกมาดูโลกแย่งไป!ความรัก ความเอาใจใส่ การปกป้อง สถานะ ตำแหน่ง ทรัพย์สิน...ทุกอย่าง!“พ่อแม่รักกัน ให้กำเนิดพยานแห่งความรัก เป็น
ตอนที่ทุกคนกำลังตามหาไปทั่วทุกที่ คนก็ถูกอวิ๋นอิงลากออกมาจากด้านในตรอกมืด“เจ้าไปไหนมา?”ฉู่เชียนหลีรีบก้าวมาข้าหน้า ถึงได้สังเกตเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเขา เหมือนกับเคยร้องไห้หลิงเชียนอี้รู้สึกไม่สบอารมณ์ จึงหันหน้าไปอีกทาง อวิ๋นอิงเล่าเหตุการณ์ให้ฟังหลังจากฉู่เชียนหลีฟังจบ ก็สะอึกจนพูดไม่ออกมีลูกคนที่สอง?หวง?หนีออกจากบ้าน?มีพี่น้องเพิ่มมาอีกคนไม่ดีอย่างนั้นหรือ?ความสุขอยู่รอบกาย แต่กลับไม่รู้ว่านั่นคือความสุขฉู่เชียนหลีหงุดหงิดกับหลิงเชียนอี้มาก พยายามอดกลั้นที่จะพุ่งตัวเข้าไปกระหน่ำซ้อมเขาสักยก จึงหิ้วเขากลับไปส่งที่จวนโหวติ้งกว๋อ สั่งสอนเขามาตลอดทาง“เจ้าโตขนาดไหนแล้วยังทำตัวเหมือนกับเด็กไม่มีผิด? พูดจาไม่เข้าหูหน่อยก็โมโห?”“เจ้าเป็นลูกผู้ชายหรือไม่ มีความรับผิดชอบบ้างหรือไม่ เจออุปสรรคไม่รู้จักคิดหาหนทางแก้ไข?”“ในเมื่อไม่พอใจ ก็นั่งลงเปิดใจคุยกับท่านพ่อท่านแม่ให้รู้เรื่อง ขอเพียงแค่พูดกันรู้เรื่อง และคิดตก จะกังวลใจถึงขนาดนั้นเสียที่ไหน? ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องนี้ไม่ควรค่าแก่การให้กังวลใจเลยสักนิด”“มีครอบครัวไม่รู้จักทะนุถนอม เจ้ารู้หรือไม่ว่าใต้หล้านี้คนที่ไม่
จ้องมองร่างเล็กที่แลดูเศร้าซึมนั่น หัวใจของชายหนุ่มแน่นขึ้น ราวกับถูกมีดปัก เจ็บมาก เจ็บมาก ๆ แม้กระทั่งหายใจก็รู้สึกแน่นเขาเม้มริมฝีปากบาง ค่อย ๆ สาวเท้าเดินไปข้างหน้า อย่างเบา ๆ ทันทีที่มือแตะบนบ่าของนาง มือของนางก็ห้อยตกลงมา ถึงได้พบว่านางหลับไปแล้ว เนื่องจากตากลม ร่างกายจึงเย็นเฉียบเขาขมวดคิ้ว ถอดเสื้อคลุมด้านนอกออก คลุมบนตัวนาง อุ้มนางขึ้นอย่างเบามือ กลับไปถึงจวนอ๋องเฉิน เปิดประตูเข้าห้องทันทีที่วางนางลงบนเตียง นางส่งเสียงเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว กลิ้งตัวไปด้านในครึ่งที คิ้วงามขมวดเข้าหากันตลอดเวลา ท่าทางไม่พอใจแม้กระทั่งตอนนอนยังยัยโง่...เขาจะไม่รู้ว่าลูกของพวกเขา...บางทีเขาควรจะบอกความจริงแก่นาง ขอเพียงแค่พูด ทั้งสองคนเผชิญหน้าด้วยหัน ก็ดีกว่าให้นางคิดฟุ้งซ่านไปคนเดียว“นายท่าน...”ด้านนอก หานเฟิงเดินเข้ามา จงใจลดเสียงเพื่อขอคำแนะนำลง กล่าวรายงานเสียงเบา“ข่าวใหม่ล่าสุดที่น่าเชื่อถือ เจ้ากรมคลังเขา...”ค่ำคืนนี้ เต็มไปด้วยความสงบเงียบเช้าวันรุ่งขึ้นฉู่เชียนหลีตื่นขึ้นมา เห็นว่าตนเองกลับมาที่เรือนหานเฟิง รู้สึกว่าตนเองหลับลึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่
พ่อบ้านหยางร้อนใจจนเหงื่อแตกหอบหายใจ “เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก เลือดเต็มตัว ทั้งยังถูกหามกลับมาอีก!”ฉู่เชียนหลีหน้าถอดสี ทันทีที่จะลุกขึ้นยืน ก็นึกถึงคำพูดของชายหนุ่มเขาไม่อยากมีลูก แต่กลับโหยหาร่างกายของนาง ระหว่างพวกเขามีเพียงความสัมพันธ์แค่การร่วมเตียงเท่านั้น เขาได้รับบาดเจ็บ นางจะร้อนใจทำไม?เกี่ยวอะไรกับนาง?เมื่อคิดจบ ใบหน้าก็เย็นชาลง แล้วนั่งกลับลงไปตามเดิม“ได้รับบาดเจ็บก็ไปหาหมอ มาหาข้าทำไม?”พ่อบ้านหยาง “?”ท่านอ๋องกับพระชายาทะเลาะกันอีกแล้ว?อีกแล้ว?อีกแล้ว?ระยะห่างจากครั้งก่อน เพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่กี่วัน?ไม่ถูกต้อง เหตุใดครั้งนี้ถึงไม่ได้ขว้างปาข้าวของ?“พระชายา...”“เยว่เอ๋อร์ ส่งพ่อบ้านออกไป!” ไม่รอให้พ่อบ้านหยางพูดมาก ฉู่เชียนหลีได้ออกปากไล่แล้วใบหน้าของนางเย็นชา เหมือนกับถุงยาที่ใกล้ระเบิด ทุกคนไม่กล้ายั่วโมโห เยว่เอ๋อร์จำต้องไล่พ่อบ้านหยางออกไปอย่างกระอึกกระอักอวิ๋นอิงเม้มปาก มองท่าทางที่เย็นชาของพระชายาแวบหนึ่ง หลังจากลังเลครู่หนึ่ง แล้วสาวเท้าตามไปเรือนอีกหลังหนึ่งบรรดาคนรับใช้ องครักษ์ ทุกคนห้อมล้อมอยู่ที่เรือนตรงกลาง บนใบหน้าแต่ละคนเต็มไป
นางเม้มมุมปาก อิจฉาเล็กน้อย นั่งเงียบๆ อยู่ที่ข้างๆ ละสายตาไปทางอื่นเขากล่อมน้องสาวครู่หนึ่ง รู้สึกถึงความเงียบของนาง จึงเงยหน้ามอง“ทำไม ไม่พอใจแล้ว?”“หึงแล้ว?”“...”เขาจี้จุดในประโยคเดียว“โตเป็นผู้ใหญ่เช่นนี้แล้ว ยังจะหึงกับลูกสาวของตัวเองอีก หรือข้าจะถูกปีศาจน้อยสองคนนี้แย่งไปได้?”“...”นี่ทำเหมือนนางดูปัญญาอ่อนมาก และจริงจังมาก?ฉู่เชียนหลีเบะปาก“เจ้าเห็นข้าเป็นใคร โลกทัศน์ของข้าแคบเช่นนั้นเลยหรือ?”“ใช่”“?”“ใครก็ได้!”เขาลุกขึ้นทันที ส่งน้องสาวที่เพิ่งกล่อมจนสงบให้แม่นม หมุนกายก็ไปอุ้มฉู่เชียนหลี อีกทั้งยังอุ้มในท่าแนวราบ เหมือนอุ้มเด็กคนหนึ่ง แต่คนที่เขาอุ้มคือทารกที่มีอายุมากแล้ว“ไม่หึงนะ ข้ารักเจ้าคนเดียว”“?”ฉู่เชียนหลีตั้งสติได้ก็เขินอายจนหน้าแดง จะขอลงทันที แม่นมยังดูอยู่ข้างๆ นะ คำพูดที่เขาพูดมัน…ก็ไม่อายเลย!“ปล่อยข้าลงไป”“ไม่ ทั้งๆ ที่เจ้าชอบให้ข้าทำเช่นนี้กับเจ้า ไม่ใช่ข้าวใหม่ปลามันอะไรเสียหน่อย ยังจะเขินอะไรอีก?”“!”ฉู่เชียนหลีหน้าแดง จ้องเขาอย่างอายจนโกรธ“รีบปล่อยข้าลงได้แล้ว ข้าจะหึงน้องสาวได้อย่างไร ข้าเปล่านะ! ข้าเห็นน้องสาวติดเ
ดังคำกล่าวที่ว่า จากกันนานชนะคู่ใหม่ปลามัน ไม่เจอกันสามเดือน คนสองคนที่คุ้นเคยแต่ก็ไม่คุ้นเคยกอดกันแน่น เปลวไฟนิรนามถูกจุดขึ้นในใจ เมื่อลุกท่วม ก็ร้อนแรงจนสะเทือนฟ้าสะเทือนบกอย่างไม่สามารถควบคุมหนึ่งจูบที่ลึกซึ้งแน่นแฟ้นลึกล้ำคิดถึงความรักเขากระหายจนอยากกลืนนางลงท้อง อยากแทะกระดูก กัดนาง กินนาง แม้แต่ลมหายใจของนางก็กลืนลงท้องนางเริ่มต้านทานไม่ไหว สมองที่ขาดอากาศว่างเปล่า สองมือยันอยู่บนหน้าอกเขา พยายามผลักออกเขาไม่ถอย กลับกันยิ่งทับแน่นขึ้นผ่านไปเนิ่นนานกลีบริมฝีปากแยกจากกันนางหอบหายใจอย่างหนัก แทบเป็นลมแล้ว แก้มทั้งสองข้างแดงฉาน แดงจนสะดุดตา แดงจนแสบตา แดงจนทำให้เขากระวนกระวายใจ ต้องการมากกว่านี้แต่เขากลับต้องอดกลั้นนางยังอยู่ในช่วงเพิ่งคลอด ภายในหนึ่งเดือนห้ามแตะต้องมีความต้องการแต่ไม่มีที่ลง ภายใต้สถานการณ์ที่หมดหนทาง เขากัดคอนาง สูดดมแรงๆ เหมือนดับความกระหาย“อาเฉิน เจ้าทำข้าเจ็บแล้ว…”เสียงตะโกนเบาๆ ดังเข้าไปในหูเฟิงเย่เสวียน มันคือการเสแสร้งเสียงที่อ่อนโยน มันคือการอ้อนก็เหมือนกับประกายไฟถูกลมพัด พริบตานั้นลุกท่วมร่างกายเฟิงเย่เสวียน เลือดในร่าง
อ๋องเฉินกลับมาแล้ว!เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทั้งจวนอ๋องเฉินครึกครื้น ผ่านไปสามเดือนเต็มๆ ในที่สุดท่านอ๋องก็กลับมาแล้ว คนทั้งจวนวิ่งไปต้อนรับที่หน้าประตู“ท่านอ๋อง!”กลับมาแล้ว!ในที่สุด!ท่านอ๋องกลับมาแล้ว ทุกคนก็เหมือนได้เสาหลักกลับคืนมา มีที่พึ่งพิง มีความมั่นใจ แม้แต่เสียงพูดก็เปี่ยมไปด้วยพลังแล้ว“เฉินเอ๋อร์ เจ้ากลับมาแล้ว ปล่อยให้แม่คิดถึงตั้งนาน!” ถงเฟยดีใจจนร้องไห้คนอื่นก็เช่นกันเฟิงเย่เสวียนโอบเอวเล็กของฉู่เชียนหลีไว้ มองดูจวนที่คุ้นเคย ใบหน้าที่คุ้นเคย สิ่งเดียวที่คิดถึงในเวลานี้คือลูก!เมื่อเดินเข้าจวน ก็ตรงไปที่เรือนหานเฟิง เข้าไปในห้อง ก็มองเห็นเด็กสองคนที่นอนอยู่ในเปลโยกสองคน!พวกนางนอนด้วยกัน เพิ่งดื่มนมอิ่ม กำลังนอนหลับสนิทกำปั้นเล็กๆ ของพี่สาวตัวอ้วนวางอยู่ที่ข้างศีรษะทั้งสองข้าง ปากน้อยๆ ที่อวบอิ่มห่อยื่นออกมาเล็กน้อย และดูดปากเป็นระยะ เหมือนกำลังนึกถึงรสชาติของนม น่ารักมากน้องสาวตัวผอมเหมือนรู้สึกไม่ปลอดภัย มือน้อยกำผ้าห่อทารกแน่น ร่างกายเล็กๆ นอนขดตัว ราวกับต้องการซ่อนตัวเองไว้ใบหน้าของเด็กที่อ่อนเยาว์สะกิดหัวใจเฟิงเย่เสวียนในพริบตา ทำให้เขา
“สวรรค์!”มีชาวบ้านเห็น ตกใจจนกรีดร้องรอตอนที่ฉู่เชียนหลีไปดู เห็นเพียงผ้าห่อทารกตกลงไปในทะเลสาบอย่างรวดเร็ว นางอยู่ห่างออกมาสิบกว่าเมตร อย่างไรก็ช่วยไม่ทันพริบตานั้น หัวใจนางเหมือนถูกมีดกรีดขณะที่ทุกคนกำลังประหม่า ในช่วงเหตุการณ์คับขัน มีร่างเงาสีหมึกสายหนึ่งพุ่งพรวดเข้ามาราวกับวิญญาณผี พลันกระโดดข้ามทะเลสาบอย่างฉับไว รับเด็กไว้แล้วร่อนลงพื้นอย่างมั่นคงปลอดภัยหายห่วง!สมองของฉู่เชียนหลีว่างเปล่าไปชั่วพริบตาหนึ่ง ขาอ่อนจนเกือบล้มลงพื้น โชคดีที่เยว่เอ๋อร์รีบประคองไว้ เมื่อยืนมั่นคงและเงยหน้ามอง ก็ต้องตะลึงอีกครั้งเขา!เขากลับมาแล้ว!เฟิงเย่เสวียน!เขายังคงสวมชุดเพ้าหมึกสีเข้ม เกล้าผมตั้งสูง ไม่เจอกันสามเดือน ผิวของเขาเข้มขึ้นเล็กน้อย มีแผลเป็นตรงแก้มหนึ่งสาย ช่วยเพิ่มความเฉียบคมให้เขาสามส่วน ระหว่างคิ้วเต็มไปด้วยแววของความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกล ทำให้แลดูหนักแน่นและเป็นผู้ใหญ่กว่าเมื่อก่อนฉู่เจียวเจียวตกใจมาก“อ๋องเฉิน…”เขากลับมาได้อย่างไร?เหตุใดจู่ๆ ก็โผล่ออกมาโดยไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียงเหมือนกับผี?เฟิงเย่เสวียนอุ้มเด็กไว้ในข้อพับแขน มืออีกข้างยกขึ้น มองนางด้วยร
รอนางกลายเป็นพระชายารัชทายาท เวลาที่ฉู่เชียนหลีพบนาง จำเป็นต้องคุกเข่าคำนับฉู่เจียวเจียวเชิดคางขึ้นเล็กน้อย เหลือบมองนางแวบหนึ่ง กล่าวราวกับประทานความเมตตา“ถ้าหากเจ้ารู้จักประมาณตน ทางที่ดีตอนนี้ออกไปจากนอกสายตาของข้า ถ้าหากข้าอารมณ์ดีแล้ว วันข้างหน้า ข้าก็จะละเว้นพิธีของการคำนับเมื่อเจ้าพบข้า”ราชโองการยังประกาศไม่ถึงจวนอ๋องหลี นางก็วางมาดของพระชายารัชทายาทแล้วกิริยานั่น น้ำเสียงนั่น ท่าทางนั่น เหมือนนกยูงรำแพนหางตัวหนึ่ง เหลือบมองฉู่เชียนหลีจากเบื้องสูงฉู่เชียนหลีหัวเราะ“พระชายารัชทายาทแล้วอย่างไร? พระชายาอ๋องหลีแล้วอย่างไร? หรือทำผิดแล้ว ไม่ต้องยอมรับผิดก็ได้?”“หรือในความเข้าใจของเจ้า เมื่อเจ้าเป็นพระชายารัชทายาท ก็สามารถใช้อำนาจบาตรใหญ่ อยากทำอะไรก็ได้?”เมื่อชาวบ้านได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าเปลี่ยนทันทีถ้าหากแม้แต่พระชายารัชทายาทก็ไร้เหตุผลเช่นนี้ เมื่อรัชทายาทขึ้นครองบัลลังก์ จะปฏิบัติต่อราษฎรอย่างดีหรือ?พระชายารัชทายาทใช้อำนาจรังแกคน อวดอ้างบารมีเช่นนี้ มีนางอยู่ ราษฎรสามารถมีชีวิตที่ดีหรือ?ฉู่เจียวเจียวรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติของชาวบ้าน นางรีบกล่าว“ฉู่เ
ฉู่เจียวเจียว “?”เมื่อหันไปมอง เห็นเพียงเต๋อฝูพาหมอหลวงสูงวัยท่านหนึ่งมารออยู่ที่ด้านข้าง และไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไรฉู่เชียนหลีประหลาดใจเล็กน้อย“กงกงเต๋อฝู ท่านอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เต๋อฝูสะบัดแส้มาไว้ในข้อพับ โน้มตัวเล็กน้อย คำนับทีหนึ่ง กล่าวตอบอย่างนอบน้อม“ข้าน้อยรับบัญชาจากฝ่าบาท เดิมทีควรไปประกาศราชโองการที่จวนอ๋องหลี ตอนที่เดินผ่านตรงนี้ เห็นพระชายาทั้งสองท่านโต้เถียงไม่ลงตัว จึงสั่งให้คนเข้าวังเชิญหมอหลวงมา สุขภาพของพระนัดดาองค์โตเกี่ยวข้องกับอนาคตของราชวงศ์ ข้าน้อยไม่กล้ารอช้า”ประกาศราชโองการ?ฉู่เชียนหลีเข้าใจอะไรบางอย่างในพริบตาดูเหมือนฉู่เจียวเจียวให้กำเนิดพระนัดดาองค์โต ฝ่าบาทจึงมีราชโองการแต่งตั้งอ๋องหลีเป็นรัชทายาท…แต่ตอนนี้นางไม่มีเวลาให้คิดมาก ความสนใจทั้งหมดล้วนจดจ่ออยู่บนตัวของเด็กที่ร้องไห้ไม่หยุด“รบกวนหมอหลวงลองตรวจสุขภาพของพระนัดดาองค์โตหน่อย ว่าปลอดภัยหรือไม่?”หมอหลวงพยักหน้า เดินเข้าไปฉู่เจียวเจียวตื่นตระหนกทันที…มือที่อุ้มลูกกระชับเล็กน้อย พลางจับผ้าห่อทารกไว้แน่น แววตาสั่นไหว ลนลานเล็กน้อยแต่มาถึงขั้นนี้ นางไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธแล
เยว่เอ๋อร์สะดุ้งตกใจชาวบ้านเบิกตากว้างขณะที่เด็กกำลังจะร่วงลงบนพื้น ฉู่เชียนหลีกระโจนเข้าไป ก่อนหนึ่งวินาทีที่เขาจะตกลงบนพื้น นางรับเขาเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิดพูดถึงก็แปลก เมื่อครู่ตอนอยู่ในอ้อมแขนพระชายา เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด พอมาอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เชียนหลี เสียงร้องไห้ก็ค่อยๆ เบาลง และสงบไปในที่สุดทันใดนั้น มีเสียงตะคอกดังขึ้น“ฉู่เชียนหลี!”“เจ้าทำอะไร!”ฉู่เจียวเจียวรีบเดินเข้าไป แย่งลูกกลับคืนมาทันที“ต่อให้เจ้าไม่พอใจข้า ก็ไม่ควรโยนลูกของข้า! เจ้ารู้หรือไม่ว่าด้วยความสูงเมื่อครู่ หัวของจื่อเยี่ยชี้ลงข้างล่าง มีโอกาสที่จะคอหักตายทันที!”“เจ้าก็เป็นแม่คนเช่นกัน จิตใจอำมหิตเช่นนี้ได้อย่างไร!”นางชี้หน้าฉู่เชียนหลี ตำหนิด้วยความโกรธและเสียงดัง พูดบลาๆ ราวกับปืนกล ไม่ปล่อยให้ฉู่เชียนหลีได้พูดแทรกคนชั่วชิงร้องเรียนก่อน ก็คงประมาณนี้“อุแว้…”เด็กที่เพิ่งเงียบไปสองวินาที เริ่มร้องไห้อีกครั้งฉู่เจียวเจียวรีบกล่อม “จื่อเยี่ยเป็นเด็กดี จื่อเยี่ยไม่ร้องนะ แม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นเพราะแม่ไม่ดีเอง ล้วนเป็นความผิดของแม่ แม่ไม่ควรให้กำเนิดเจ้า ถ้าหากเจ้าเป็นเด็กผู้หญิง เกรงว่าคงไม่
มัวแต่ห่วงยืนกรานว่าเป็นฝีมือฉู่เชียนหลี จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท…ก็จริง หลังจากคลอดลูก สมรรถภาพด้านต่างๆ ของร่างกายลดลง แม้แต่ความจำก็ไม่ดีเป็นครั้งคราวอย่างที่เรียกว่าคลอดลูกหนึ่งครั้ง โง่ไปอีกสามปีจริงๆ ฉู่เชียนหลีเดินออกมาหนึ่งก้าว ยื่นมือแล้วกล่าว“ส่งเด็กมาให้ข้า”ฉู่เจียวเจียวกอดลูกแน่น ถอยหลังหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว“เหตุใดต้องให้เจ้าตรวจ? ข้าเชื่อใจเจ้าได้หรือ? เจ้าเป็นทักษะการแพทย์ จื่อเยี่ยมีปัญหาหรือไม่ มันก็ขึ้นอยู่กับปากของเจ้าไม่ใช่หรือ?”ในความเป็นจริง ร้อนตัวเล็กน้อยเฟิงเจิ้งจื่อเยี่ยถูกพิษหรือไม่ ในใจนางรู้ดีที่สุดถ้าหากถูกเปิดโปงต่อหน้าทุกคน นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน และยังจะถูกชาวบ้านวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เชียนหลีกล่าวอย่างเย็นชา“ต่อหน้าชาวบ้านมากมายเช่นนี้ ภายใต้การจ้องมองของทุกคน ถ้าหากข้าคิดจะทำอะไร สามารถหลบพ้นสายตาของทุกคนหรือ?”แม้นางโง่เพียงใด ก็ไม่ทำเรื่องที่โง่เขลาเช่นนี้เดินเข้าไปอีกครั้ง จับมุมหนึ่งของผ้าห่อทารก“ส่งเด็กให้ข้า บนร่างกายเขามีพิษหรือไม่ ข้าพิสูจน์ก็รู้เอง”ฉู่เจียวเจียวยิ่งกอดลูกแน่นแล้ว “เจตนาเจ้าไม่ดี ข้าไม่มีทางส่งจื่อเยี่ยให
“เจ้ากล้าวางยาพิษพระนัดดาองค์โต!”เสียงตะคอกของฉู่เจียวเจียวดังมาก ทำให้ชาวบ้านโดยรอบได้ยินกันทุกคน และยิ่งทำให้ชาวบ้านตกใจมากพิษ!เพราะความริษยา พระชายาอ๋องเฉินจึงวางยาพิษกับเด็กทารกที่เพิ่งคลอดได้สามวัน!สวรรค์!ทันใดนั้น สายตาของทุกคนที่มองฉู่เชียนหลีกลายเป็นแปลกประหลาด…เยว่เอ๋อร์โกรธแล้ว “พระชายาอ๋องหลี ท่านพูดเหลวไหลอะไร! พระชายาแค่อุ้มเขาครู่เดียว ยังไม่ถึงห้าอึดใจก็ถูกท่านแย่งกลับไปแล้ว จะมีพิษได้อย่างไร! นี่ท่านเป็นโรคหลงผิดหรือ?”“อุแว้…”เสียงที่ร้องไห้ไม่หยุดของเด็ก ก็เหมือนกับเป็นหลักฐานที่หนักแน่น โต้กลับคำพูดของเยว่เอ๋อร์คำพูดของเยว่เอ๋อร์ดูไม่มีน้ำหนักทันทีชาวบ้านทุกคนไม่เชื่อ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ราวกับระลอกคลื่น“เมื่อครู่ข้าเห็นกับตา ตอนแรกพระนัดดาองค์โตไม่ได้ร้องไห้ หลังจากที่กลับถึงอ้อมแขนของแม่ ก็ร้องไห้ไม่หยุด นี่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่ามีปัญหาหรอกหรือ?”“ใช่ พระนัดดาองค์โตต่อต้านเช่นนี้ แค่ดูก็รู้ว่าไม่สบาย”“หรือว่าถูกพิษจริงๆ?”“ถ้าหากนางฆ่าพระนัดดาองค์โตตาย ลูกสาวฝาแฝดที่นางคลอด ก็จะกลายเป็นที่โปรดปรานที่สุดในราชวงศ์แล้วไม่ใช่หรือ?”“ใช่…”เสียงก